ผู้ฝึกตนจนมีระดับพลังบ่มเพาะยี่สิบปี พูดได้ว่าอีกฝ่ายเป็ความท้าทายใหม่ของเย่เฟิงหากเขามีวรยุทธ์ถึงระดับยี่สิบปีก็เอาชนะไอ้หมอนี่ได้ไม่ยาก แต่ความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย เพราะผู้ใช้ความตายอย่างชายชราตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เย่เฟิงจะประมาทได้เลย
“เอ้า เ้าเด็กน้อย อย่ามัวส่งสายตาให้กันสิ” เมื่อชายชราเห็นเย่เฟิงและชายหน้ากากหัวกะโหลกมองหน้ากันก็ส่งเสียงฮึดฮัด “ระดับวรยุทธ์ของแกกับข้ายังห่างชั้นกันไกล จำไว้ให้ดีวันนี้ในปีหน้าจะเป็วันครบรอบวันตายของพวกแก!”
ทันทีที่เสียงนั้นสิ้นสุด เหล่าศพเดินได้ที่เหลือรวมทั้งศพจ้าวอี้เป่ยและไห่ถางก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน มุ่งจู่โจมชายสวมหน้ากากทันที และตัวชายชราเองก็จัดการเย่เฟิงโดยใช้กรงเล็บพิฆาติญญา!
ครั้งนี้ชายชราเตรียมตัวดี เย่เฟิงจึงจัดการคนตรงหน้าด้วยวิชากรงเล็บัไม่ง่ายเหมือนเมื่อครู
ชายหนุ่มวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็น ตอนนี้ตนเสียเปรียบอีกฝ่ายอยู่มาก ไม่ใช่แค่ชายชราคนนี้มีวรยุทธ์ระดับยี่สิบปี แต่กับชายหน้ากากหัวกะโหลก เขาก็ยังไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเย่เฟิงจึงต้องคอยระวังชายหน้ากากหัวกะโหลกด้วย
วิชาสะกดจิตและวิชาอำพรางตาเป็สองวิชาที่ได้เปรียบเมื่อใช้ต่อสู้กับผู้ฝึกวรยุทธ์ หากเย่เฟิงใช้ใน่เวลาที่เหมาะสม ถึงจะเผชิญหน้ากับชายชราที่มีวรยุทธ์ระดับยี่สิบปีก็สามารถเอาชนะได้
แม้เย่เฟิงใช้ย่างก้าวไร้เงา แต่ความเร็วของอีกฝ่ายไม่ต่างกับเขามาก จึงไม่ง่ายที่จะชนะชายชราหากอาศัยเพียงความเร็วอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเหลือเพียงหนทางเดียวแล้ว...
เย่เฟิงตัดสินใจแล้ว เขาจ้องไหกักิญญาในมือของชายชรา จากนั้นเริ่มเคลื่อนไหวโดยใช้ย่างก้าวไร้เงาเพื่อสร้างภาพติดตาทั่วทั้งป่าไผ่
“หึ คิดจะหนีงั้นหรือ?” ชายชราส่งเสียงในลำคอ ฉับพลันมือเหี่ยวย่นก็ใช้กรงเล็บพิฆาติญญาปล่อยพลังภายในโจมตีใส่ภาพติดตาที่เย่เฟิงสร้างขึ้น และโจมตีร่างจริงของเขา!
อาศัยแค่ความเร็วของย่างก้าวไร้เงาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะหลุดพ้นการไล่ล่าของชายชรา เพราะอีกฝ่ายจ้องตำแหน่งการเคลื่อนไหวของเย่เฟิงไว้ตลอด
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของเย่เฟิงพลันเปลี่ยนไป เขายกยิ้มมุมปาก ชายหนุ่มไม่ได้คิดหนีแน่นอน เขาเพียงใช้วิชาอำพรางตาเพื่อวิ่งไปทั่วป่าไผ่ แม้วิชาอำพรางตาจะปิดซ่อนลมหายใจจากศัตรูไม่ได้ แต่หากใช้วิชานี้สักพักใหญ่ ชายชราต้องสับสนจนพลาดพลั้งแน่นอน
ปัง!
เสียงปืนดังลั่นอีกครั้ง ชายหน้ากากหัวกะโหลกเผชิญหน้ากับศพเดินได้อย่างไห่ถางและจ้าวอี้เปยอย่างไม่รีบร้อน เขายิงปืนสกัดร่างไห่ถางที่กำลังเข้ามาใกล้ แล้วะโถอยหลังลงไปใต้ทะเลสาบจำลองจนน้ำกระเซ็นเป็วงกว้าง
ศพเดินได้ทั้งสองวิ่งไล่ไปจนถึงริมทะเลสาบแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของชายหน้ากากหัวกะโหลกทำให้พวกมันหัวเสียไม่น้อย เพราะชายชราสั่งให้พวกมันจับชายสวมหน้ากากแต่อีกฝ่ายกลับะโลงทะเลสาบแล้วจะให้พวกมันทำเช่นไรล่ะ? เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ศพเดินได้ทั้งสองก็หันกลับไปช่วยชายชราจัดการเย่เฟิง ทันใดนั้นเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นอีกครั้งชายหน้ากากหัวกะโหลกโผล่ขึ้นจากทะเลสาบจำลองแล้วยิงศีรษะของศพไห่ถาง
“กรร—!” เสียงปืนดึงดูดร่างศพทั้งสองตนอีกครั้ง พวกมันเดินวนไปมารอบทะเลสาบ เลิกสนใจเื่เย่เฟิง
เย่เฟิงสนใจสถานการณ์ริมทะเลสาบจำลอง เขาคิดว่าชายหน้ากากหัวกะโหลกค่อนข้างฉลาดและรู้วิธีหลอกล่อพวกมัน ตอนนี้ชายหนุ่มค้นพบแล้วว่าไหกักิญญาของชายชราสามารถปลดปล่อยิญญาให้กลายเป็ศพเดินได้ นอกจากนี้พละกำลังยังเทียบเท่ากับเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ตัวอย่างเช่นความสามารถของศพจ้าวอี้เปยตอนนี้อ่อนแอมากเมื่อเทียบกับไห่ถางที่มีความเร็วและพละกำลังมากกว่า หากศพของไห่ถางจู่โจมเขา มีโอกาสมากที่เขาจะพลาดท่า แต่เพราะการดึงความสนใจของชายหน้ากากหัวกะโหลก เย่เฟิงจึงมีโอกาสจัดการกับชายชรา
ชายชราจู่โจมเย่เฟิงไม่หยุด จนเย่เฟิงวิ่งวนรอบป่าไผ่ได้สองรอบแล้ว ทันใดนั้นแผนการเรียบง่ายก็ผุดขึ้นในหัวของเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยพลังชี่ตามแผนที่วางไว้
ภาพป่าไผ่ที่ชายชราเห็นพลันกลายเป็เมฆหมอกราวอยู่ในแดน์ ทำให้ชายชราอกสั่นขวัญแขวน
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมยามค่ำคืนเช่นนี้ถึงมีแสงอาทิตย์ส่องเหนือป่าไผ่ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? หรือเป็ฝีมือของโม่จิ่วเกอ?
ชายชราตื่นตัวทันทีเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ปกติ เขาวิ่งไปรอบๆ พลางใช้กรงเล็บพิฆาติญญากางสองมือเหี่ยวย่นแล้วปล่อยพลังปราณออกมา เกิดเป็ป่าโครงกระดูก!
การสังหารเป้าหมายโดยใช้วิชากรงเล็บพิฆาติญญาถูกปล่อยออกมาในที่สุด ชายชราไม่รู้มาก่อนเลยว่าวรยุทธ์ของโม่จิ่วเกอก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หากเขาไม่สู้แบบเต็มกำลังล่ะก็ต้องแพ้แน่!
ชายชรากระทืบเท้าอย่างรุนแรง ไม่ช้าโครงกระดูกที่สร้างขึ้นจากพลังปราณก็ปกคลุมทั่วป่าไผ่อย่างรวดเร็ว กระทั่งป่าไผ่ถูกทำลายจนราบเป็หน้ากลอง
“สายไปแล้วล่ะ” เย่เฟิงหัวเราะเยาะ เขาอยู่บนต้นไผ่แข็งแรงด้วยท่าทีผ่อนคลาย มองดูชายชราที่ใช้เคล็ดสังหารอยู่ด้านล่าง
ความจริงป่าไผ่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่เกิดจากเย่เฟิงใช้พลังชี่สร้างภาพลวงตา ฝ่ายตรงข้ามจึงมองเห็นเป็แดน์ เมื่อชายชราใช้เคล็ดสังหารโดยปล่อยพลังปราณให้กลายเป็โครงกระดูกผุดจากพื้นในป่าไผ่จนกลายเป็ป่าโครงกระดูก คนที่อยู่ในป่าไผ่คงถูกแทงตายด้วยโครงกระดูกเ่าั้แน่นอน โชคดีที่เย่เฟิงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนจึงะโขึ้นต้นไผ่ได้ทัน
เพียงครู่เดียวป่าโครงกระดูกที่อยู่ใต้แสงจันทร์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เย่เฟิงไม่คิดให้เสียเวลา เขาะโลงจากต้นไผ่ก่อนพุ่งใส่ชายชราพร้อมวาดกระบี่เล่มยาวในมือแทงทะลุหัวใจอีกฝ่ยทันที!
……......
หลังจากจัดการชายชราแล้ว เย่เฟิงและชายหน้ากากหัวกะโหลกไม่ได้กลับอะพาร์ตเมนต์เพื่อดูเซียวฉี่ สำหรับพวกเขาในตอนนี้ การสังหารไช่เฉ่าหงเป็เื่ที่ควรทำมากที่สุด
หลังผ่านไปยี่สิบนาที หลินซือฉิงก็มาถึงที่พักของเซียวฉี่ เธอจอดรถแลมโบกินีสีแดงนอกอาคารแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสาม
“เซียวฉี่เกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม?” หลินซือฉิงเปิดประตูพร้ะโกนถามด้วยความร้อนใจ
ไม่นานเธอก็พบว่าเซียวฉี่ไม่ได้อยู่ในห้อง มีเพียงน้องชายของเธอ หลินซิวเหวินนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น เธอรีบวิ่งไปหาน้องชายแล้วเขย่าไหล่ของเขา ไม่ช้าหลินซิวเหวินก็ลืมตาด้วยอาการงุนงง
“ซิวเหวิน รีบบอกมาว่าเซียวฉี่ไปไหน?” หลินซือฉิงถามอย่างร้อนรน หลังเธอได้รับสายจากเซียวฉี่ก็รีบบึ่งรถมาที่นี่ แต่กลับไม่พบเ้าของห้องแม้แต่เงา แล้วจะให้เธอใจเย็นได้อย่างไร?
แต่แล้วปฏิกิริยาของหลินซิวเหวินทำให้เธอใจนอ้าปากค้าง
“อา อะ อ๊ะ?” หลินซิวเหวินลุกขึ้นนั่งช้าๆ มองหน้าหลินซือฉิงด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก น้ำลายไหลออกจากมุมปากเหมือนคนปัญญาอ่อน
“ซิวเหวิน เป็อะไร ซิวเหวิน?” หลินซือฉิงใกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทำไมน้องชายของเธอ คุณชายสามตระกูลหลิน กลายเป็คนปัญญาอ่อนแบบนี้ได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้