เจิ้งหยวนได้รับจดหมายฉบับที่สองจากเฝิงเจี้ยนเหวิน แถมยังมีพัสดุขนาดใหญ่ส่งมากับจดหมายด้วย
บุรุษไปรษณีย์ เสี่ยวเหอฝากพัสดุไว้ที่กอง เจิ้งเฉวียนกังจึงช่วยหยิบของกลับมาจากกองตอนกลับบ้าน เจิ้งหยวนกำลังกินข้าวอยู่ เพียงเหลือบมองก็เห็นห่อของใบใหญ่ทันที
“อ๊ะ ใครส่งมาเหรอคะ?” เจิ้งหยวนสะบัดน้ำออกจากมือ
ก่อนรีบเช็ดมือสองข้างบนกางเกงอย่างลวกๆ แล้ววิ่งออกมารับพัสดุ
“เจี้ยนเหวินส่งมาน่ะ” เจิ้งเฉวียนกังบอก
เจิ้งหยวนเห็นชื่อผู้ส่งที่ติดบนพัสดุแล้ว พบว่าเป็เฝิงเจี้ยนเหวินจริงๆ เจิ้งหยวนอดตื่นเต้นไม่ได้ อยากรู้ว่าคนผู้นี้ส่งอะไรมาให้เธอกันแน่ พอลองชั่งน้ำหนักดู ของในนั้นค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
เธอถือห่อพัสดุเข้ามาในห้องแล้ววางลงบนโต๊ะ ครั้นเปิดออกก็เผยให้เห็นผ้าสีเขียวทหารแลบออกมา เยี่ยมจริงๆ เป็ของใช้กองทัพหมดเลย มีเสื้อโคตทหาร แถมยังมีเครื่องแบบทหารสีเขียวทั้งชุด! ยุคสมัยนี้เครื่องแบบทหารเป็ที่นิยมที่สุด ไม่ว่าชายหญิง
ลูกเล็กเด็กแดง หรือคนแก่ล้วนชอบใส่
กระทั่งนักเรียนชั้นประถมยังหมกมุ่นกับเครื่องแบบทหารสุดๆ
หากใครสามารถใส่ชุดเครื่องแบบไปเรียนได้ถือเป็เื่น่าโอ้อวดอย่างยิ่ง
ปกติประชาชนคนธรรมดายากจะได้เสื้อผ้าจากในกองทัพจริงๆ มา
จึงตัดผ้าสีเขียวทำเลียนแบบด้วยตัวเอง
แม้เจิ้งหยวนจะประชดประชันในใจ แต่ปากกลับหยักยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ั์ตาเจือรอยยิ้ม เธอหยิบโคตทหารที่ทั้งหนาและหนักออกมายื่นให้เจิ้งเฉวียนกัง “คุณพ่อ อันนี้ให้พ่อใส่ คลุมไว้บนตัว่ฤดูหนาว อุ่นดีค่ะ”
เจิ้งเฉวียนกังโบกมือปฏิเสธ “นี่เฝิงเจี้ยนเหวินให้แก ฉันใช้ไม่ได้หรอก”
เจิ้งหยวนยกเสื้อโคตขึ้นมากางออก “พ่อดูสิ เสื้อใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะใส่ยังไง เขาต้องให้พ่อใส่แน่”
เจิ้งหยวนยัดเสื้อโคตทหารใส่มือเจิ้งเฉวียนกัง นิ้วมือหยาบกร้านของเจิ้งเฉวียนกังลูบไล้บนเสื้อโคต เห็นได้ชัดว่าชอบมันมาก ส่วนเครื่องแบบทหารในห่อพัสดุชุดนั้นเฝิงเจี้ยนเหวินน่าจะเตรียมให้เธอ เธอหยิบออกมาลองทาบตัวเอง โชคดีที่รูปร่างเธอสมส่วน ไม่สูงหรือเตี้ยเกินไป เสื้อผ้าที่เฝิงเจี้ยนเหวินหามาโดยไม่รู้สัดส่วนของเธอเลยค่อนข้างพอดีตัว
“โอ้โฮ!” อยู่ดีๆ เจิ้งเฉวียนกังก็อุทานใ
เรียกให้เจิ้งหยวนหันไปมองเจิ้งเฉวียนกังสวมเสื้อโคตทหารตัวนั้น
แม้เสื้อผ้าจะตัวใหญ่มาก แต่กลับเข้ากับตัวเขาพอดี
พอลองล้วงจับกระเป๋าเสื้อสองข้าง พบว่าเป็คูปองที่ใส่ไว้
เขาหยิบคูปองจำนวนหนึ่งขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว และมีอีกหลายใบที่ยังไม่หยิบแลบออกมาจากกระเป๋าข้างขวา
เป็พวกคูปองผ้ากับคูปองอุตสาหกรรมนั่นเอง พอลองนับดูแล้ว พบว่ามีอยู่หลายสิบใบเลยทีเดียว! มิหนำซ้ำ
ในกองคูปองยังสอดธนบัตรใบใหญ่ไว้ถึงห้าใบ
ขณะที่เธอนับคูปองก็ได้ยินเจิ้งเฉวียนกังพึมพำว่า “เ้าเด็กคนนี้
เจี้ยนเหวินเด็กคนนี้ ช่าง…”
ที่แท้เจิ้งเฉวียนกังเพิ่งควานเจอบุหรี่จงหัว [1] หลายกล่องในกระเป๋าอีกข้าง!
ยุคสมัยนี้มีวลีติดปาก ‘ผู้ว่าการมณฑลสูบบุหรี่จงหัว เ้าเมืองสูบบุหรี่หมู่ตาน เ้าหน้าที่รัฐทั่วไปสูบต้าเหมินเฉียน’ หมายความว่าบุหรี่จงหัวมีไว้สำหรับเ้าหน้าที่รัฐระดับมณฑลสูบเท่านั้น คนปกติอยากสูบล้วนหาคูปองซื้อไม่ได้! แถมบุหรี่จงหัวยังแพงหูฉี่
ชาวนาทั่วไปเมื่อจัดพิธีแต่งงานก็ซื้อแค่บุหรี่จินอวี๋กล่องละ 0.15 หยวนประดับหน้าตา บุหรี่จงหัวตั้งกล่องละหยวนกว่า แต่เฝิงเจี้ยน
เหวินกลับใส่บุหรี่จงหัวตั้งสี่กล่องไว้ในกระเป๋าเสื้อโคตทหาร
แม้เจิ้งเฉวียนกังจะเป็หัวหน้ากองและไปประชุมในคอมมูนประจำ แต่เขาไม่เคยเห็นบุหรี่จงหัวเลยสักครั้ง!
เจิ้งหยวนก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเหมือนกัน เฝิงเจี้ยนเหวินคนนี้เก่งเอาเื่เลย สามารถหาบุหรี่ดีขนาดนี้จากกองทัพได้ ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเขาเป็ทหารเล็กๆ ธรรมดา หรืออย่างมากก็แค่นายหมวดเท่านั้น ดันดูเบาเขาไปเสียแล้ว
ในพัสดุยังมีจดหมายแนบมาอีกฉบับ เจิ้งหยวนเก็บคูปองเรียบร้อยแล้วพับเสื้อผ้าเก็บไว้ด้านข้าง จากนั้นค่อยหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน
ตัวอักษรค่อนข้างน่าเกลียด แต่ลายเส้นมีกรอบมุมชัดเจน แฝงกลิ่นอายที่มีกันเฉพาะในทหาร สำนวนไม่แข็งกระด้างเหมือนจดหมายฉบับก่อน ค่อยคล้ายจดหมายส่งถึงครอบครัวขึ้นมาบ้าง
ถึง สหายเจิ้งหยวน
สวัสดี
เห็นตัวอักษรเหมือนพบหน้ากัน ดีใจมากที่ได้รับการตอบกลับจากคุณ คุณยินดีแต่งงานกับผม ผมรู้สึกเป็เกียรติอย่างสุดซึ้ง ผมไม่เคยมีประสบการณ์การแต่งงานมาก่อน ดังนั้น หากมีสิ่งใดที่ทำผิดพลาดไป โปรดพูดกันตรงๆ ผมจะพยายามแก้ไขมัน และมุ่งมั่นเพื่อเป็ทหารที่ดี ในขณะที่เป็สามีที่ดีด้วย
โปรดใช้คูปองผ้ากับคูปองอุตสาหกรรมให้เต็มที่ ผมไม่รู้ความชอบของแม่ยายรวมถึงน้องสาว น้องชายหลายๆ คน จึงทำได้เพียงส่งของพวกนี้มาแสดงน้ำใจ หยวนหยวนช่วยจัดซื้อให้ตามสมควรด้วย หากไม่พอใช้กรุณาเขียนจดหมายมา ผมจะส่งไปอีกรอบ ส่วนพ่อตา ผมเตรียมบุหรี่หลายกล่องให้โดยเฉพาะ ได้ยินคนบอกว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้ดีทีเดียว หากพ่อตาไม่ชอบ เอาไปมอบให้คนอื่นได้ครับ
ลงนามท้ายจดหมาย เฝิงเจี้ยนเหวิน
เจิ้งหยวนสะบัดจดหมาย เม้มริมฝีปาก ความรู้สึกที่มีต่อเฝิงเจี้ยนเหวินดีขึ้นหลายส่วน คนผู้นี้รู้จักเอาใจใส่คนในครอบครัวเธอ หมายความว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอ กับการแต่งงานคราวนี้มาก แถมยังเป็คนใจกว้าง ให้เงินทีตั้งห้าสิบหยวน แปลว่าเขาไม่ขาดแคลนเงิน สามารถใช้จ่ายได้โดยไม่เสียดาย
เดิมทีเธอไม่เคยคิดจะคาดหวังกับการแต่งงานของตนเองในชาตินี้ ไม่ว่านิสัยเฝิงเจี้ยนเหวินจะดีหรือไม่ เธอตั้งใจจะใช้ชีวิตตามวิถีทางของตนอย่างเดียว แน่นอน หากเฝิงเจี้ยนเหวินใจคอไม่เลวจริงๆ เธอก็ไม่รังเกียจที่จะเอาใจเข้าใกล้เขา และค่อยๆ ดูใจกันไปทีละนิด
พอกวาดสายตาอ่านจดหมายจนจบทุกตัวอักษร ถือว่าราบรื่นเลยทีเดียว
แต่เจิ้งหยวนหวนคิด เหตุใดเธอจำได้ว่าจดหมายฉบับก่อนเฝิงเจี้ยนเหวินยังทำเป็คุณอยากแต่งหรือไม่ ในใจผมก็มีเพียงประเทศชาติ ครอบครัวไม่สำคัญอยู่เลยนี่? จดหมายฉบับนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
ตั้งใจเป็สามีที่ดีแล้วเล่า? เขาคิดตกเอง
หรือว่าทางสกุลเฝิงส่งจดหมายบอกอะไรบางอย่าง? เื่ของเธอกับเจิ้งสยาก่อนหน้านี้โวยวายเสียใหญ่โตจนดูไม่ดี
ชื่อเสียงก็เสียหาย มิหนำซ้ำ ว่าที่แม่สามีเธอยังมาสอบถามเธอด้วยตัวเอง
ตามหลักแล้วสกุลเฝิงน่าจะส่งจดหมายบอกเื่นี้กับเฝิงเจี้ยนเหวินไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขาแค่ได้ยินแล้วแต่เลือกที่จะเชื่อเธอกันแน่?
เจิ้งหยวนเลิกคิ้วขึ้น แม้คิดไม่ตก แต่ก็เป็เพียงความสงสัยอันเล็กน้อย เธอจึงเลือกที่จะปล่อยมันไปดีกว่า
“บนจดหมายเขียนอะไร? เจี้ยนเหวินว่ายังไงบ้าง ทำไมเขาส่งของพวกนี้มา?” เจิ้งเฉวียนกังถาม
เจิ้งหยวนยื่นจดหมายให้ผู้เป็พ่อ “ไม่มีอะไร ก็แค่เตรียมของให้พวกพ่อนิดหน่อย มีคูปองผ้า คูปองอุตสาหกรรมแล้วก็เงิน เขาไม่มั่นใจว่าควรซื้ออะไรให้พวกพ่อ เลยให้ฉันช่วยซื้อน่ะ”
เจิ้งเฉวียนกังรับจดหมายไปกวาดตามองอย่างรวดเร็ว จดหมายสั้นมาก สองสามวินาทีก็อ่านเสร็จแล้ว “เด็กคนนี้… ช่างเป็เด็กดีนัก”
ว่าจบก็เงยหน้าขึ้นมองบุตรสาวตัวเองสักพัก แล้วส่ายหัวถอนหายใจ ก่อนวางจดหมายลง
เจิ้งหยวนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นึกสงสัยในใจว่าสีหน้าของคุณพ่อที่คล้ายกำลังจะบอกว่าเธอกับเฝิงเจี้ยนเหวินเหมือนกะหล่ำปลีดีที่ถูกหมูฉกไป [1]นั่นมันหมายความว่าอะไร? ใครเป็กะหล่ำปลี แล้วใครเป็หมูที่ขโมยไปเล่า? คงไม่พ้นเธออยู่แล้วกระมัง
“เจิ้งหยวน ต่อไปแกต้องปฏิบัติกับเจี้ยนเหวินเขาดีๆ นะ อย่านอกลู่นอกทางเด็ดขาด เจี้ยนเหวินเป็ทหาร อยู่ไม่ค่อยติดบ้าน หลังเขาไปแกห้ามทำผิดต่อเขา ส่วนเ้าคนแซ่หลิน... เ้าหลินเสี่ยวหยางนั่น แกคืนเงินเขาไปหรือยัง! วันหลังตัดกันให้ขาดเสีย ไม่ต้องติดต่อกับเขาอีก! ไม่พบหน้ากันเลยยิ่งดี เข้าใจไหม!”
เจิ้งหยวนพลันเงียบกริบ
สมเป็พ่อจริงๆ ดูคำพูดไพเราะเสนาะหูนั่นสิ หากไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้า เขาคงใช้คำอย่าง ‘สาวใจง่าย’ ไม่ก็ ‘ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ’ ด่าเธอออกมาโต้งๆ แล้ว
เชิงอรรถ
[1] บุหรี่จงหัว หมายถึงยี่ห้อบุหรี่ที่ผลิตโดยโรงงาน The Shanghai Tobacco (Group) Corp และมีประวัติยาวนานมาั้แ่ ปี ค.ศ. 1947 ก่อนการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949
[2] กะหล่ำปลีดีที่ถูกหมูฉกไป หมายถึง วลีสแลงยอดนิยมของจีน แปลว่าดอกฟ้ากับหมาวัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้