ราวกับเบื้องหน้ามีภาพอันน่าเย้ายวนของหลิงมู่เอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าคอยปรนนิบัติคนทั้งหลายอยู่ในห้องโถง คนทั้งหลายพากันหัวเราะเสียงดัง
สิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ชอบที่สุดในชีวิต ก็คือการหยอกล้อเช่นนี้ของพวกคุณชายเสเพล ทว่า ไม่รอให้นางแสดงความโมโห สายตาแหลมคมสายหนึ่งก็ทิ่มแทงไป “ได้ยินว่า ตำหนักฝูโซ่ว[1]ที่กรมพิธีการสร้างให้ฝ่าาใน่นี้เกิดความผิดพลาดบางส่วน ฝ่าาทรงพิโรธอย่างมาก มีรับสั่งให้เปิ่นหวาง[2]ช่วยฝ่ายตุลาการทั้งสามตรวจสอบเื่นี้ ไม่ทราบว่าคุณชายรองตระกูลเซียวมีความคิดเช่นใดเกี่ยวกับเื่นี้?”
เซียวอันสะดุ้งทีหนึ่ง ใบหน้าที่เมื่อหัวเราะขบขันเปลี่ยนเป็ประหม่าเพราะความผิด สายตาขอความช่วยเหลือถูกส่งไปยังองค์ชายหกทันที เห็นฝ่ายหลังไม่แม้จะเหลือบมองตน ก็รีบงัดนิสัยประจบประแจงออกมามองไปยังซูเช่อ “จวิ้นอ๋องน้อยได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าา ช่างเป็วาสนาของพวกเราจริงๆ กรมพิธีการของพวกเราจะต้องให้ความร่วมมือกับจวิ้นอ๋องน้อยอย่างเต็มที่ รีบถวายงานให้ฝ่าาโดยเร็ว”
ซูเช่อเลิกคิ้ว ดูคล้ายไม่ใส่ใจ แต่คำพูดที่เผยออกมากลับแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ “เหอะ เช่นนั้น่นี้เ้าก็ต้องยุ่งสักหน่อยแล้ว” ช้อนตามองหลิงมู่เอ๋อร์ ซูเช่อกะพริบตาให้นาง น้ำเสียงไม่จริงจัง “แม่นางหลิง เหตุใดยังเหม่อลอยอยู่อีก คุณชายรองเซียวมีธุระมากถึงเพียงนี้ ยังให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงที่ร้านอาหาร เขาชื่นชมเหล้าองุ่นของเ้าถึงเพียงนี้ เ้ายังไม่มารินเหล้าแสดงขอบคุณอีก?”
เซียวอันมองซูเช่อ จากนั้นมองหลิงมู่เอ๋อร์ที่ไม่อาจอดกลั้นการหัวเราะไว้ได้ คนโง่ก็ยังรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา จึงได้รู้สึกตัวว่า เมื่อครู่เขาพึ่งกล่าววาจาลวนลามสตรีที่จวิ้นอ๋องน้อยให้ความสำคัญ
ท่านพ่อให้เขามาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ก็เพราะรู้มาว่าจวิ้นอ๋องน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย เขายังวางแผนว่ารองานเลี้ยงจบจะไปประจบเอาใจจวิ้นอ๋องน้อยให้ดี ให้เขาลืมตาข้างหลับตาข้างในเื่ของตำหนักฝูโซ่ว เขาไม่อาจทำเสียเื่ในยามนี้เด็ดขาด
“มิกล้ามิกล้า แม่นางหลิงเป็แม่นางเซียนแพทย์ที่ได้รับความรักจากเหล่าราษฎร ทั้งยังเป็สหายที่ดีของจวิ้นอ๋องน้อย ข้าจะกล้าใช้งานได้อย่างไร” รู้ว่าทำให้ซูเช่อไม่พอใจแล้ว เซียวอันยกจอกสุราขึ้นมาลงโทษตนเองสามแก้ว ภายใต้สายตากระดากของผู้อื่น เื่นี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
วันนี้องค์ชายเจ็ดจัดงานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายหก กล่าวว่าเป็งานเลี้ยงต้อนรับ ที่จริงก็เป็เพียงแค่การพบปะของขุมพลังสองฝ่าย มาเปรียบเทียบพละกำลังของอีกฝ่ายเท่านั้น ทุกคนต่างรู้ว่า รัชทายาทองค์ปัจจุบัน เป็เพียงตำแหน่งที่ว่างเปล่าเท่านั้น ในอนาคต ผู้ที่จะได้รับการสืบทอดบัลลังก์ที่แท้จริง ย่อมถูกเลือกระหว่างพวกเขาสองคน บัดนี้ หากเลือกข้างผิด ในอนาคต จะนำมาซึ่งเภทภัยที่ถึงแก่ชีวิต
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจนี้ ภายใต้การประจบสอพลอของทุกคน ก็ถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ขอเพียงพวกเขาไม่ต่อยตีกันขึ้นมา จนนำความยุ่งยากมาสู่เหลาอาหารสกุลหลิงก็พอแล้ว ยังคงเป็โรงหมอของนางที่เื่น้อยกว่าจริงๆ
เหล้าองุ่นหนึ่งไหครึ่งสุดท้ายถูกเหล่าองค์ชายกวาดแบ่งกันไปหมดแล้ว แขกที่อยู่ชั้นล่างพากันส่งเสียงว่ายังดื่มไม่พอ หลิงมู่เอ๋อร์รีบเขียนวิธีการหมักออกมา คิดว่าอีกครู่ก็มอบให้ท่านพ่อ ในเมื่อได้รับความนิยมเช่นนี้ ใน่ท้ายปีรับรายได้สักรอบหนึ่ง เพิ่มผลประโยชน์สักเล็กน้อยก็เป็เื่ที่ดี
บนกระหม่อม เสียงใสกระจ่างเสียงหนึ่งดังมา ใกล้จนราวกับจะสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
“ลายอักษรอ่อนช้อยงดงามแต่แข็งแกร่งทรงพลัง ผู้รู้อักษรมากเท่าใดก็ไม่มีความสามารถระดับเ้า แม่นางหลิงยังมีความประหลาดใจอีกมากเท่าใดที่รอข้าอยู่”
ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์หมุนกาย ซูเช่อก็อ้อมจากอีกด้านไปยังเบื้องหน้าของนาง มือข้างหนึ่งเท้าอยู่บนโต๊ะ พัดคลี่ออกพัดโบกเบาๆ ใบหน้าดุจดอกท้อแย้มยิ้มมองมาที่นาง
ชุดขาวตลอดร่างบุคลิกงามสง่า ในยามที่ยิ้มบางอย่างจนใจ ยังส่งสายตาโปรยเสน่ห์ออกมาอีก พลันเป็เหตุให้เหล่าแขกสตรีที่อยู่ด้านหลังกรีดร้องออกมา
“จวิ้นอ๋องน้อยชมชอบการโปรยเสน่ห์ของตนถึงเพียงนี้ ไม่สู้ออกประตูเลี้ยวซ้ายไปอีกสักสามสิบลี้ ได้ยินว่ามีเรือนหอมสุคนธ์เปิดใหม่อยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นยิ่งเหมาะกับท่าน” หลิงมู่เอ๋อร์ค้อนเขาทีหนึ่ง ก้มหน้าลงทำรายการสูตรของนางต่อให้เสร็จ เหล้าองุ่นนี้ไม่เหมือนนารีแดงทั่วไป เกินไปส่วนหนึ่ง น้อยไปส่วนหนึ่ง ล้วนทำให้รสชาติไม่ได้ที่ แต่ไรมา นางก็ไม่เคยทำเื่ที่ทำลายชื่อเสียงของตนมาก่อน
หัวคิ้วของซูเช่อกระตุก ราวกับไม่สนใจการเยาะหยันของหลิงมู่เอ๋อร์แม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างยิ่งเข้าใกล้ขึ้นอีกสามส่วน ก้มหน้าลงก็สามารถเห็นขนตาที่งอนงามของนาง และริมฝีปากแดงชาด “ดูท่า แม่นางหลิงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเปิ่นหวางรักนวลสงวนตัวมากเพียงใด มิสู้หาเวลา ข้าให้เ้าทำลองดู?”
“เพ้ย!”
หากมิใช่กลัวว่าเหล่าสตรีที่อยู่เื้ัพวกนั้นจะลุกฮือมาโจมตี นางแทบอยากจะถุยน้ำลายใส่หน้าเขาแล้ว
“งานเลี้ยงเช่นนี้ ที่จริงท่านไม่ควรมาร่วมจึงจะถูก หรือว่า ท่านได้ทำการเลือกแล้ว?” สายตาของหลิงมู่เอ๋อร์ชี้ไปที่ชั้นบน
ซูเช่อย่อมรู้ว่าที่นางถามคืออะไร พับเก็บพัด แขนทั้งสองของเขาเท้าอยู่ข้างกายของนาง เอี้ยวใบหน้าหล่อเหลา เป่าลมร้อนลงบนใบหน้าที่บอบบางงดงามของนาง สายตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง “เพราะว่ามาที่นี่สามารถเห็นเ้าได้”
มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์กระตุกอย่างรุนแรง วางพู่กันในมือลงจนเกิดเสียงดังเพี๊ยะอย่างแรง มองซูเช่ออีกครั้ง นางกัดฟัน ความไวเปลี่ยนจากเร็วเป็ช้ากล่าวว่า “ท่านเชื่อหรือไม่ หากท่านพูดมากกว่านี้อีกเพียงครึ่งคำ ข้าจะให้ท่านได้เป็ผู้แรกที่ลิ้มลองยาพิษที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ รับรองว่าท่านมิอาจลงจากเตียงได้สามวันสามคืน”
รู้ว่าหากยังเหลวไหลต่อไป จะต้องทำให้หลิงมู่เอ๋อร์โมโหแน่ ซูเช่อยักไหล่กลับไปพูดเื่เป็งานเป็การ “คำพูดเมื่อครู่ข้าพูดจากใจ เ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่มีหนทาง แต่ว่า ที่ข้ามาหาเ้ามีธุระจริง”
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้กล่าววาจา ใช้สายตาส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ
“เื่หลันเชี่ยนหยิ่งข้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว เหตุใดเ้าจึงไม่ชมข้าหน่อยเล่า?”
รู้สึกเหมือนว่า จวิ้นอ๋องน้อยผู้มีความคิดหลากหลายผู้นี้มาขอคำชื่นชมน่ะ
หลิงมู่เอ๋อร์ยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว ท้ายที่สุดก็ถอนใจออกมา “ท่านไม่พูดถึงเื่นี้ก็ช่างแล้ว ท่านพูดถึงขึ้นมา ข้าแทบอยากจะฆ่าท่านให้ตาย ท่านรู้หรือไม่ การกระทำของท่านนำความยุ่งยากมาสู่ข้ามากเพียงใด บัดนี้ ข้ากลายเป็ศัตรูอันดับหนึ่งของจวนอัครมหาเสนาบดี ท่านพอใจแล้วหรือไม่?”
ซูเช่อราวกับเดาออกได้ั้แ่แรกแล้วว่านางจะมีการแสดงออกเช่นนี้ พลันจับมือทั้งคู่ของนางไว้ กล่าวด้วยความรักลึกซึ้งว่า “เ้าจงวางใจ ทุกเื่ล้วนมีข้าอยู่”
ข้าเชื่อเ้ากับผีนะสิ
“จวิ้นอ๋องน้อยอยากแสดงความรักถึงเพียงนี้ ด้านหลังมีคนรออยู่เป็กลุ่มน่ะ อย่าได้มาเพิ่มความวุ่นวายให้ข้าที่นี่” หลิงมู่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความรังเกียจ ดึงมือทั้งคู่ของตนออกมา แล้วมองผู้หญิงทั้งกลุ่มที่จ้องมาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ นางก็ตัวสั่นขึ้นมา “มีจวนอัครเสนาบดีจวนเดียวก็พอแล้ว ข้าไม่อยากกลายเป็ศัตรูร่วมของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน ถึงเวลานั้นข้าตายอย่างไรก็ยังไม่รู้”
ซูเช่อคร้านจะสนใจว่าพวกเครื่องประทินโฉมดาษดื่นที่เื้ันั้นมีสายตาอย่างไร เขามองหลิงมู่เอ๋อร์ยังมองไม่พอเลย
สตรีนางนี้หลังจากมาที่เมืองหลวงแล้ว ก็ราวกับจะวิจิตรงดงามขึ้นอีก แม้การที่จวิ้นอ๋องแต่งกับสาวชาวนาจะไม่เคยมีตัวอย่างมาก่อน เช่นนั้นก็ให้เขาเป็ผู้บุกเบิกขึ้นมา
“เสน่ห์ของเปิ่นหวาง มีสตรีมากมายร้องขอแต่ไม่อาจได้ไป มีเพียงเ้าที่ไม่เห็นค่า” หมุนกายเตรียมจากไป สายตากลับเหลือบไปเห็นไหเหล้าไหหนึ่งที่ด้านหลังของนางอย่างมิตั้งใจ ซูเช่อยกคางขึ้นมา “นั่นคือสิ่งใด ดมแล้วกลิ่นไม่เลว ไม่สู้มอบให้เปิ่นหวาง”
“เ้าฝันหวานไปแล้ว นี่เหลือไว้ให้ผู้ที่กล่าวไปแล้ว มีความสำคัญต่อข้าอย่างมาก” อีกความหมายหนึ่ง เ้าหลบไปด้านข้างซะ
สายตาที่เดิมสว่างไสวของซูเช่อเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หม่นหมองลง
ผู้ที่สำคัญที่สุดของหลิงมู่เอ๋อร์ นอกจากบิดามารดากับพี่น้องชายทั้งสองแล้ว ยังจะเป็ผู้ใดได้อีก?
“ใบหน้าหล่อเหลางดงามที่ไร้ผู้ใดเทียมในดินแดนนี้ สำหรับเ้าแล้วไม่มีผลเลยใช่หรือไม่?” ซูเช่อไม่เคยรู้สึกเสียใจถึงเพียงนี้มาก่อน ดุนลิ้นไปที่แก้มขวา ถอนใจออกมาทีหนึ่ง “เอาเถอะ เ้าไม่ต้อนรับ ข้าไปก็ได้ เ้าจำไว้ ความอ่อนโยนของข้าเคยมอบให้เพียงเ้าเท่านั้น”
ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ตอบ ซูเช่อก็หมุนกายขึ้นชั้นบนไปแล้ว ก่อนจากไปเขาก็เสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง “ทางด้านจวนอัครเสนาบดีข้าจะจัดการเอง เ้าไม่ต้องกังวล เป็เซียนแพทย์ของเ้าให้ดีก็พอ ทุกเื่มีข้าอยู่ ไม่จำเป็ต้องกังวล”
มองดูเงาหลังของเขาค่อยๆ ไกลออกไป หลิงมู่เอ๋อร์หรี่ตา เฮ้อ คิดถึงซั่งกวนเซ่าเฉินขึ้นมาบ้างแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อยู่ทางนั้นปลอดภัยหรือไม่ นับไปแล้ว เหมือนว่าจะเป็ซูเช่อเ้าคนนี้ออกความเห็นกับฝ่าา ทำให้พี่ใหญ่ต้องออกจากเมืองหลวงไป
เมื่อคิดถึงจุดนี้ แววตาของหลิงมู่เอ๋อร์ยิ่งลึกลงแล้ว นางพลันเกินความหุนหันที่จะขึ้นชั้นบนไปวางยาในจอกเหล้าของซูเช่อขึ้นมา
“แม่นางมู่เอ๋อร์ ท่านรีบไปดูที่ข้างทะเลสาบเถิด เจาหยางจวิ้นจู่น้อยลากพี่หลิงจะะโทะเลสาบ” จูฉีวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน พูดจาไม่ปะติดปะต่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเป็กังวล
นี่เป็ครั้งแรกที่หลิงมู่เอ๋อร์เห็นจูฉีที่ลนลานถึงเพียงนี้ ภาพลักษณ์ของเขาควรบุรุษผู้อ่อนโยนสง่างาม บุคลิกอิสระเรียบง่าย รักการศึกษาเล่าเรียนประเภทนั้น ความเร่งร้อนเช่นนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยจริงๆ
“เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมิใช่เปลี่ยนแปลงนิสัยแล้วหรือ รอบนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอีกเล่า? ไม่มีเวลาไปเรียกซูเช่อที่้า เพราะอย่างไร ้าก็ยังมีเหล่าองค์ชายกับเหล่าทายาทของท่านโหวและสกุลใหญ่อยู่อีกเป็กลุ่ม ครั้งนี้เกี่ยวพันไปถึงหลิงจือเซวียน หากถูกจับข้อผิดพลาดใดขึ้นมา สำหรับการสอบเคอจวี่หลังปีใหม่ของเขาแล้วก็ไม่เป็ผลดีอย่างมาก”
ตามจูฉีขึ้นรถม้าสกุลหลิงไป ตลอดทางราบรื่นไม่ติดขัด ใช้เวลาที่สั้นที่สุดมาถึงข้างทะเลสาบ อย่างที่คิด จากที่ไกลก็มองเห็นคนสองคนกำลังดึงๆ ลากๆ ส่วนหลิงจือเซวียนและเจาหยางจวิ้นจู่น้อยนั้น คนทั้งสองกำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบ บริเวณใต้เข่าลงไปได้เปียกปอนไปหมดแล้ว
“เพราะเหตุใดจึงไม่อาจยอมรับข้าเล่า ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าในใจเ้ามีข้า เหตุใดจึงไม่ยอมรับ?” เจาหยางร้อนใจจนจะร้องไห้แล้ว มองชายเบื้องหน้าที่มีใบหน้าประดุจหยก มือของนางจับมือทั้งคู่ของเขาไว้แน่น เห็นเขาไม่ยอมสบตานาง นางเอียงหัวหมุนไปตามเขา สรุปก็คือ นางไม่ยอมให้ในดวงตาของเขาไม่มีนาง
“จวิ้นจู่น้อย ฐานะของท่านกับข้ามีความแตกต่าง ไม่เหมาะสม” น้ำเสียงของหลิงจือเซวียนเ็า แต่หากตั้งใจฟังแล้วละก็ ด้านในนั้นเผยความจนใจและพยายามอดกลั้นอยู่
“ข้าไม่สน ั้แ่เล็กจนโต ขอเพียงเป็สิ่งที่ข้าเจาหยาง้า ก็ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ได้มา อีกอย่าง เห็นชัดๆ ว่าในใจของเ้ามีข้า เหตุใดจึงไม่อาจใจกล้าเสียหน่อย เ้ากำลังกลัวสิ่งใดกัน?” เจาหยางไม่ยอมรับ “ข้ารับปากเ้าว่า วันหลังจะไม่เกเรเอาแต่ใจ ข้าเปลี่ยนเป็แบบที่เ้าชอบยังไม่ได้อีกหรือ?” นี่น่ากลัวว่าจะเป็ครั้งแรกในชีวิตของนางที่ก้มหัวให้กับผู้อื่น
แม้ยามที่พี่ชายสั่งสอนนาง นางก็มิได้โอนอ่อนเช่นนี้มาก่อน
นางชมชอบบุรุษที่ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ลูบไล้ผ่านใบหน้าผู้นี้ นับจากแวบแรกที่มองเห็น ก็ชอบเข้าแล้ว การปฏิเสธของเขายิ่งทำให้นางเกิดความปรารถนาในการเอาชนะ นางพบว่า หลิงจือเซวียนมักจะมองนางอย่างตั้งใจและมิได้ตั้งใจ แม้ทุกครั้งในยามที่นางค้นหาสายตานั้น เขามักจะหลบไปอย่างรวดเร็ว
“จวิ้นจู่น้อยจะสละตนเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใด? ท่านเป็เจาหยางจวิ้นจู่น้อย ฐานะเกริกไกร ข้าเป็เพียงชาวนาคนหนึ่ง อาศัยวาสนาของน้องสาว อย่างมากก็เป็เพียงเถ้าแก่ของเหลาอาหารแห่งหนึ่งเท่านั้น แม้จะเป็การสอบเคอจวี่ในฤดูร้อนปีหน้าก็มิแน่ว่าจะสอบติด ท่านกับข้าถูกกำหนดมาให้ไร้วาสนา”
วางมือของนางที่จับมือไว้ลงเบาๆ หลิงจือเซวียนหันหลังกลับอย่างเด็ดขาด ก้นบึ้งของดวงตาฉายประกายความผิดหวังวาบผ่านไป
น้ำเสียงของเขายังคนน่าฟังถึงเพียงนั้น แต่แผยการปฏิเสธออกมา ทำให้คนรู้สึกหนาวขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
“เ้าหยุดอยู่ตรงนั้นให้ข้า!” เจาหยางะโใส่เงาหลังของเขาเสียงดัง
เห็นเขาไม่มีท่าทีจะหยุดลง นางดึงแส้ยาวที่ข้างเอวขึ้นมา เสียงเพี๊ยะดังขึ้นครั้งหนึ่ง ฟาดลงบนผิวน้ำในทะเลสาบข้างกายของหลิงจือเซวียน ก่อให้เกิดประกายคลื่นขึ้นมา “หากเ้าก้าวออกไปอีกก้าว ข้าจะะโทะเลสาบฆ่าตัวตาย ถึงเวลานั้น เ้ากับน้องสาวที่เ้า้าปกป้องอยู่ตลอด ล้วนไม่อาจลบล้างความสงสัยไปได้ หากไม่เชื่อ เ้าสามารถทดลองดูได้”
[1] ตำหนักฝูโซ่ว มีความหมายว่า ตำหนักวาสนาอายุวัฒนะ
[2] เปิ่นหวาง เป็สรรพนามที่ผู้เป็อ๋องใช้เรียกตัวเอง มีความหมายว่า ตัวข้าผู้เป็อ๋องนี้