ไม่ว่าอย่างไร ฮวาชีเยว่ก็หลบเลี่ยงจังหวะอันตรายได้ทั้งหมด
หากไร้คำแนะนำของยอดยุทธ์ ฮวาชีเยว่ย่อมไม่มีทางมีท่าร่างเท้าลึกลับ ดังนั้นฉางหลงฮ่องเต้จึง้าดึงดูดใจฮวาชีเยว่ด้วยมั่นใจว่านางมิใช่สตรีธรรมดา
“ชีเยว่ มิคาดว่าฮ่องเต้จะทรงแต่งตั้งเ้าเป็ถึงท่านหญิงจิ่งฮวา บิดาเ้าได้ยินย่อมต้องยินดีเป็แน่แท้” ฮูหยินผู้เฒ่าพร่ำเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มบาง ในความทรงจำของนาง ฮวาหลี่ถิงเป็ผู้ที่รักภรรยาของตนอย่างลึกซึ้ง และไม่ทิ้งนางแม้นางจะไร้ประโยชน์เพียงไหน
ทว่า เสด็จแม่ทัพเป็คนไม่ละเอียดลออจึงไม่สังเกตว่าบุตรีถูกสตรีในเรือนตนกลั่นแกล้ง ซ้ำยังออกไปปกป้องชายแดนอยู่หลายปีโดยไม่ทราบเลยว่าฮวาชีเยว่ถูกรังแกอยู่ในครอบครัว
ทว่า เขายังนับว่าเป็บิดาที่ดี
“เสด็จย่า การถูกแต่งตั้งเป็ท่านหญิง...อาจมิใช่เื่ดีนัก การแต่งตั้งในคราวนี้ทำให้ทุกคนได้รู้แล้วว่าเรามีหลงแดงอยู่ในมือ” ฮวาชีเยว่ยิ้ม “อย่างไรก็คงมิอาจซ่อนโอสถปาฏิหาริย์ได้นานอยู่แล้ว...เหล่าผู้มีวรยุทธ์ต่างก็มีแหล่งข้อมูลอันยอดเยี่ยมทั้งสิ้น”
ฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่คิดมาก นางเชื่อว่าฮ่องเต้ย่อมต้องทราบเื่อยู่แล้วในยามที่ทรงแต่งตั้งหลานสาวนางขึ้นเป็ท่านหญิง
เหนือสิ่งอื่นใด ฮวาชีเยว่มียอดยุทธ์คอยชี้นำ แปลว่าคนยังมีบุรุษผู้มากฝีมือคอยปกป้อง
มื้อเย็นได้เริ่มต้น อาหารเลิศรสมากมายถูกยกขึ้นโต๊ะ ผู้คนดื่มกินอย่างสบายใจ มีสตรีกลุ่มเล็กมาทักทายฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่ทักทายพวกนางด้วยมารยาทอันดี ในระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง องค์หญิงฮุ่ยหลิงพลันะโขึ้นมา “เสด็จพ่อ! เสด็จแม่! เสด็จย่า! ขออภัยในความอกตัญญูของหม่อมฉันด้วย!”
ระหว่างที่กำลังกล่าว นางก็คุกเข่าลง
ฮวาชีเยว่หรี่ตาลง คืนนี้เป็โอกาสอันดีที่จะเหยียบฮุ่ยเจินให้จมดิน
คำพูดขององค์หญิงฮุ่ยหลิงสร้างความหวาดกลัวให้คนโดยรอบ เสียงหัวเราะและพูดคุยพลันเงียบลงทันทีที่พวกเขาเริ่มจ้องมององค์หญิงฮุ่ยหลิงผู้กำลังคุกเข่าอยู่
ฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาต่างก็ใ สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยเจินเองก็เปลี่ยนไปเมื่อนางเหลือบมองซุ่ยเหลียนโดยไม่รู้ตัว
เบ้าตาของซุ่ยเหลียนบวมเป่งเนื่องจากเมื่อวานองค์หญิงฮุ่ยเจินได้ลงโทษเซามามาผู้เป็ป้าของซุ่ยเหลียนจนถึงตาย เพราะคนทำแจกันล้ำค่าของฮุ่ยเจินแตก จึงได้สั่งบ่าวไพร่ตีนางด้วยกระบองหนึ่งร้อยครั้ง ทำให้คนทนไม่ไหวสิ้นชีวิตไป
ข่าวการจากไปของผู้เป็ป้าย่อมทำให้อารมณ์ของซุ่ยเหลียนย่ำแย่
“หมายความว่ายังไงหรือ นางหนู? ลุกขึ้นเถอะ!” คืนนี้ไทเฮากำลังอารมณ์ดีถึงขีดสุด เพราะฮวาชีเยว่ได้นำหลงแดงสองต้นอันเป็สมุนไพรมายาหายากมามอบให้
“นั่นสิ หลิงเอ๋อร์เป็อะไรไป? ลุกขึ้นเถอะ พ่อย่อมไม่ตำหนิเ้าเื่ความผิดเก่าก่อนแล้ว” ฮ่องเต้ยิ้มกว้าง ยามนี้กำลังทรงอารมณ์ดีมากเช่นกัน
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกัดปากและเริ่มอธิบาย “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จย่า...ที่จริงหลิงเอ๋อร์ไม่ควรเอ่ยถึงเื่นี้ในคืนนี้ ด้วยจะทำให้เสียบรรยากาศวันเกิดเสด็จย่า ทว่าเื่นี้สำคัญไม่ควรปล่อยให้ล่าช้า ดังนั้น ลูกขอร้องเสด็จพ่อ เสด็จแม่และเสด็จย่า โปรดสงบพระทัยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกกำลังจะกล่าวด้วยเถอะเพคะ!”
สีหน้าของฮ่องเต้พลันหมองลง “พูดออกมาเถอะหลิงเอ๋อร์!”
สีหน้าของฮองเฮาก็เริ่มไม่สบายใจเช่นกัน นางบีบมือแน่นเพื่อสงบใจ
องค์หญิงฮุ่ยเจินดูจะยังไม่สังเกตว่ามีอะไรแปลกประหลาดจึงเพียงแสยะยิ้มจิบชาในจอกตน
องค์หญิงฮุ่ยหลิงลุกขึ้นยืน “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จย่า...ลูกได้ออกจากวังไปพร้อมกับพี่สาวอยู่เป็นิจเนื่องเพราะงานประลองสกุลจี้ จากนั้นลูกจึงเห็นว่าพี่หญิงมักพบปะกับโจวจื่อเฉิงที่ภัตตาคารต้งไห่อยู่เสมอ ลูกได้ยินบทสนทนาของพวกนางเข้า!”
เมื่อได้ยินชื่อโจวจื่อเฉิง สีหน้าของฮ่องเต้ก็ครึ้มลง
เหล่าเชื้อพระวงศ์ควรได้แต่งคู่ครองที่ดี โจวจื่อเฉิงผู้นั้นมิใช่คนที่เหมาะสมในพระทัย
จี้เฟิงและจี้จิงไม่สนใจเื่ซุบซิบของเชื้อพระวงศ์ จี้จิงลุกจากที่ไปสนทนากับฮวาชีเยว่แล้ว ขณะที่จี้เฟิงยังคงนั่งกับที่ มองไปเป็ระยะ
“หม่อมฉันได้ยิน...พี่หญิงคุยกับโจวจื่อเฉิงเื่โจวฮูหยิน พี่หญิงกล่าวว่า บุตรของสตรีสำส่อนผู้นั้นยามนี้ตัวขาวอวบอ้วนยิ่งนัก ทรงอยากฆ่าเขาเสีย!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงเลียนแบบองค์หญิงฮุ่ยเจินได้ดีเสียจนหากไม่หันไปมองคงไม่ทราบว่าไม่ใช่ตัวจริง
สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยเจินพลางชืดลง นางมององค์หญิงฮุ่ยหลิงด้วยสายตาไร้ความรู้สึก คิดไม่ถึงว่าฮุ่ยหลิงจะแอบฟังการสนทนาระหว่างนางและโจวจื่อเฉิง
คำของนางสร้างความใให้ทุกคน
ฮ่องเต้ทุบโต๊ะพลันะโก้อง “สารเลว! หากเ้าโป้ปด ข้าย่อมลงทัณฑ์เ้าได้!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงคุกเข่าอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ยามที่ได้ยินคำของพี่หญิง หม่อมฉันใหวาดกลัวเป็อันมาก จึงได้ส่งคนไปสืบเื่การตายปริศนาของโจวฮูหยินและได้ค้นพบว่า...ที่แท้พี่หญิงสั่งให้เซามามาและหลิวมามาสังหารโจวฮูหยินจริงๆ!”
คำพูดของฮุ่ยหลิงสร้างความใให้ทุกคน สีพระพักตร์ไทเฮาซีดลง ทราบว่าการกระทำโเี้นี้ขององค์หญิงย่อมเป็การสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ราชนิกุลทั้งหมดแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ เ้าไม่มีหลักฐาน หยุดพูดไร้สาระเสียที! องค์หญิงเมาแล้ว กดตัวนางไว้!”
ฮองเฮาทรงพระพักตร์แดงก่ำอย่างเกรี้ยวกราด นางตวาดใส่องค์หญิง แม้องค์หญิงฮุ่ยเจินจะตัวสั่นด้วยความโมโหเช่นกัน ทว่านางยังคงนิ่งเงียบเนื่องด้วยผู้มีวรยุทธ์ข้างกายคอยปลอบประโลม
“องค์หญิง นางไม่มีหลักฐาน ทรงพระทัยเย็นไว้เพคะ”
อย่างไรองค์หญิงฮุ่ยเจินก็ทราบว่านางไม่ควรแตะเกล็ดย้อนของฮองเฮาอีกนับแต่ทรงกริ้วนางครั้งก่อน บทลงโทษนั้นโหดร้ายจนแทบทนไม่ไหว
เมื่อไร้ซึ่งหลักฐาน ฮุ่ยหลิงมีเพียงจะถูกฮองเฮาลงโทษเท่านั้น ขณะที่ฮุ่ยเจินผู้นิ่งเงียบและ ‘ถูกใส่ความ’ จะยิ่งเป็ที่รักของบิดามารดา
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมีพยาน! นำตัวหลิวมามาเข้ามา!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงะโกังวาน หลิวมามาถูกพาตัวเข้ามาในห้องโถง นางคุกเข่าลงทั้งสภาพสั่นกลัว กล่าวรายงานถึงเื่ที่เกิดเมื่อวันก่อน สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยเจินดำมืดลงราวกับค่ำคืนที่พายุโหม
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จย่า ลูกถูกใส่ร้ายเพคะ! หลิวมามาทำเื่ผิดพลาดและถูกลูกหักเงินสองเดือน นางจึงพยายามล้างแค้นข้า!” เมื่อความจริงถูกเปิดเผย องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ทนต่อไปไม่ได้อีก นางลุกขึ้นแล้วแก้ต่างให้ตัวเองเสียงดัง
องค์หญิงฮุ่ยหลิงแค่นเสียง “พี่หญิง ข้ายังลังเลที่จะเปิดโปงท่านก็จริง แต่เกรงว่าจากนี้ไปท่านจะยังทำเื่ผิดพลาดเพิ่มอีกมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นข้าจึงหาพยานมาเพิ่มเพื่อหยุดท่าน! ข้าย่อมพาเสี่ยวเตี๋ยอดีตสาวใช้ของโจวฮูหยินมาด้วย คนถูกท่านบังคับให้เป็สาย!”
ฮุ่ยหลิงปรบมือ ขันทีจึงพาสาวใช้วัยสิบห้าเสี่ยวเตี๋ยเข้ามา
หัวใจของฮวาชีเยว่เต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะเมื่อนางเห็นใบหน้าซีกซ้ายของเสี่ยวเตี๋ยนั้นถูกทำลายไปจนสิ้น มีเพียงอีกซีกหนึ่งที่ยังคงสมบูรณ์ดี ดูแล้ว ในวันที่นางตายคนคงทิ้งนางไปหาองค์หญิงจริงๆ
“เสี่ยวเตี๋ยคารวะฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาเพคะ...นี่คือจดหมายและข้อความที่หม่อมฉันได้รับยามยังคงเป็สาย ล้วนแต่เป็ซุ่ยเหลียนเขียนส่งมาให้หม่อมฉันเพคะ”
พูดจบ เสี่ยวเตี๋ยก็ส่งบันทึกให้องครักษ์อย่างสั่นกลัว จากนั้นองครักษ์จึงนำไปถวายต่อให้ฮ่องเต้
สีหน้าฮ่องเต้เขียวคล้ำขึ้นมาทันทีที่เห็นเนื้อหาในจดหมายเ่าั้ ล้วนแต่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าคน้าทำร้ายโจวฮูหยิน หรงชีเยว่
“เสด็จแม่ เสด็จพ่อ เชื่อหม่อมฉันนะเพคะ! พวกมันร่วมมือกันใส่ร้ายหม่อมฉัน!” องค์หญิงฮุ่ยเจินยังคงโกหกอยู่
บรรยากาศในห้องโถงดำมืดคล้ายท้องฟ้ายามค่ำภายนอกไปชั่วขณะ
แผ่นกระเบื้องสีทองสะท้อนแสงอันงดงามแต่เ็า ราวกับความเย็นชืดในใจของผู้คนในโถง
จิตสังหารในสายตาขององค์หญิงฮุ่ยหลิง โทสะในสายตาขององค์หญิงฮุ่ยเจิน ทั้งยังมีฮ่องเต้ผู้เดือดดาล ส่งผลให้ทุกผู้ต่างก้มหน้าลงเพื่อเลี่ยงการสบตากับองค์หญิงทั้งสอง
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วด้วยคาดไม่ถึงว่าจะมีเื่ราวเช่นนี้เกิดขึ้นระหว่างองค์หญิงทั้งสอง
“มีหลักฐานอีกหรือไม่” ฮ่องเต้ถามเสียงเย็น
“มีเพคะ! ทรงสามารถถามหาหลักฐานจากเหล่าองครักษ์ขันทีได้ ว่าในยามดึกของเดือนมิถุนาพี่หญิงกับแม่นมเคยออกจากวังไปสังหารโจวฮูหยินหรือไม่ นอกจากนี้...ซุ่ยเหลียน นำจดหมายเืของเซามามาออกมา”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงะโอย่างมั่นใจ ขณะที่องค์หญิงฮุ่ยเจินมองซุ่ยเหลียนอย่างตกตะลึง มิคาดว่าคนอ่อนแอผู้นี้จะทรยศนาง
ซุ่ยเหลียนเดินออกมา คุกเข่าร้องไห้ออกมา “กราบทูลฝ่าา หม่อมฉัน...หม่อมฉันก็อยู่เคียงข้างองค์หญิงเช่นกันในวันที่นางทรมานโจวฮูหยินและแม่นมจนถึงตาย! เซามามาเพียงทำแจกันขององค์หญิงแตกเท่านั้น กลับถูกทุบตีจนตาย โชคดีนักที่เซามามามองการณ์ไกล เขียนจดหมายเืเพื่อร้องทุกข์เื่องค์หญิงเอาไว้ก่อน!”
ซุ่ยเหลียนหยิบเอาจดหมายโชกเืออกมาเผยให้ทุกคนเห็น ทุกผู้มองแล้วก็ได้เห็นเพียงร่องรอยน่าหวาดกลัวของเืที่แห้งกรังเท่านั้น
องครักษ์นำจดหมายเืไปส่ง
ไทเฮาเลี่ยงไม่มองจดหมาย นางชราเกินและเปราะบางเกินกว่าจะทนความใยิ่งกว่านี้แล้ว
อีกทั้ง ไทเฮาเองก็ทรงกริ้วเป็อย่างยิ่ง มิคาดว่าหลานของนางจะกล้าทำเื่โหดร้ายเพียงนี้ ถึงกับทรงอุทานออกมา “เจินเอ๋อร์...เจินเอ๋อร์...เ้า!”
เป็ตอนนั้นเองที่องค์หญิงฮุ่ยเจินรู้สึกตัวว่านางอ่อนหัดเกินไป นางคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะลงกับพื้น “หม่อมฉันขออภัยที่ทำให้ไทเฮาตกพระทัย! เสด็จแม่ ท่านพ่อ ลูกไม่เกี่ยวข้องกับการตายของโจวฮูหยินนะเพคะ! โปรดสอบสวนด้วยเถอะ!”
“หุบปาก!”
ฮ่องเต้ตะคอกใส่นาง แล้วจึงสั่งให้นางกำนัลพาไทเฮาไปพักก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นฉากที่เหลือ เมื่อไทเฮาจากไปแล้ว จึงโบกจดหมายเื ตรัสออกมา “เซามามาดูแลข้ามาั้แ่นางยังเล็ก ข้าจำลายมือของนางได้! เ้ากล้าทุบตีนางจนตายเพียงเพราะทำแจกันแตกได้อย่างไร? ฮุ่ยเจิน ในใจเ้าไม่มีความอ่อนโยนเลยหรือ? ซ้ำเซามามายังไม่เคยมีปัญหากับเ้า ย่อมไม่จำเป็ต้องให้ร้ายเ้า!”
ฮุ่ยเจินสั่นกลัว หันไปขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา
ฮองเฮาขมวดคิ้ว เบื้องหน้าธารกำนัลย่อมมิอาจช่วยเหลือนางได้
“ฝ่าา ยามนี้เรายังได้ยินความเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ลองถามเื่จากมุมมองของโจวจื่อเฉิงก่อนเป็อย่างไรเพคะ?”
ฮองเฮาเข้าใจว่าหากโจวจื่อเฉิงถูกนำตัวมาย่อมต้องปกป้ององค์หญิง ทว่าองค์หญิงฮุ่ยหลิงกลับแสยะยิ้ม
“เสด็จพ่อ ลูกยังมีหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ทว่าสิ่งนี้ต้องให้องครักษ์ไปนำมาให้ ในยามที่พวกเราอายุได้เจ็ดขวบปี ทั้งพี่หญิงและหม่อมฉันต่างก็ได้รับหยกโลหิตจากพระองค์ ลูกยังคงสวมใส่เอาไว้จนทุกวันนี้” ฮุ่ยหลิงมองฮุ่ยเจินอย่างเ็า “ทว่าพี่หญิงกลับทำหยกโลหิตหล่นหายไปในคืนที่ออกไปสังหารโจวฮูหยิน เซามามาเห็นจึงได้ปดต่อพี่หญิงว่าหาไม่พบ ทว่าที่แท้นางแอบนำมันไปใส่ไว้ในปากของโจวฮูหยิน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้