เมื่อมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ซูหรงหรงแทบจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
จ้านอี้หยางรู้หมดแล้ว แต่เขาแค่ยังไม่พูดออกมาเขาทำเพียงฉุดเธอลุกขึ้นมาในตอนเช้า จากนั้นก็พาเธอไปวิ่ง วิ่ง...จนเธออ้วก แล้วก็ให้เธอออกไปวิ่งทุกวันตอนเช้า...เพื่อจะให้เธออ้วก
ฮือ มีใครในโลกนี้จะที่โหดร้ายและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเขาอีกไหม? การเอาคืนเขาเมื่อวานมันก็สมน้ำสมเนื้อกับการที่เขาแกล้งเธอนับครั้งไม่ถ้วนแล้วไม่ใช่เหรอ?
ขณะนี้ ซูหรงหรงนึกถึงตอนที่จ้านอี้หยางลูบหัวของเธอ ถามเธอว่ายังจำวิธีการจัดการคนของเขาได้ไหม
ในตอนนั้นเธอเองก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆเขาก็ถามแบบนั้น
ฮือ ทักษะในการแสดงละครของเธอแย่ขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เธอสู้เขาไม่ได้เลยสักนิด
ตอนนี้เขารู้แล้วด้วยว่าเธอทำกับข้าวเป็แต่กลับเข้าไปถามเธอว่า้าพี่เลี้ยงหรือไม่ เขาหลอกให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจ
แถมยังอนุญาตให้เธอนอนห้องรองแต่พอเธอมานอนห้องรองเขาก็เข้ามานอนด้วย
แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือการพาเธอออกมาวิ่งตอนเช้าแล้วยังบังคับให้เธอออกมาวิ่งตอนเช้าทุกวัน
ฮือ นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!
เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อเช้าเหมือนเขาจะยังพูดอะไรอีก
ในตอนที่เธอล้มลงนั่งอย่างหมดแรงบนม้านั่งตอนนั้นเขายังพูดอะไรออกมาอีกอย่างหนึ่ง
“นี่สิที่เรียกว่าหอบหายใจ”
ในตอนนั้นเธอถูกจ้านอี้หยางจัดการจนแทบอ้วกแต่เธอเองกลับไม่รู้เื่รู้ราวอะไรเลย
ในตอนที่เขาจัดการเธอ เธอไม่รู้เื่อะไรเลยด้วยซ้ำในโลกนี้ยังมีใครโหดร้ายได้กว่าจ้านอี้หยางอีกไหม?
ซูหรงหรงนั่งลงบนโซฟาด้วยความหดหู่ใจ
เมื่อจ้านอี้หยางอาบน้ำเสร็จเขาใช้ผ้าเช็ดผมแล้วเดินออกจากห้องน้ำพอได้มองเห็นซูหรงหรงนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีราวกันหมาหงอย เขากระตุกยิ้มขึ้นที่ปาก
ดีมาก เหมือนตอนนี้ยัยกระต่ายน้อยจะรู้เื่แล้วสินะ
เขาเดินตรงไปหาเธอ ยัยกระต่ายน้อยเงยหน้ามองเขาแววตาของเธอฉายชัดออกมาอย่างไม่พอใจ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความน่ารักน่าสงสารความรู้สึกต่างๆ ผสมปนเปกันไปหมด เขากระตุกริมฝีปาก
“อยากพูดอะไร?”
“ต่อไปนี้ฉันจะไม่มีวันออกไปวิ่งตอนเช้า”
ซูหรงหรงส่งเสียงแข็งสอดแทรกอารมณ์โมโหท่าทีของเธอแสดงออกถึงความดื้อรั้น
“หืม?”
จ้านอี้หยางขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แล้วยังไงอีก?”
ยัยกระต่ายน้อยช่างอาจหาญนัก
“แล้วก็...”
ที่จริงซูหรงหรงไม่มีความกล้าแม้แต่จะเอ่ยออกมาแต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้านอี้หยางที่ทำราวกับว่าสามารถควบคุมทุกอย่างได้แบบนั้น เธอกลับรู้สึกไม่อยากยอมแพ้ไม่รู้ว่าอารมณ์คุกรุ่นเหล่านี้มาจากไหน เธอจึงเอ่ยต่อ
“แล้วก็...ต่อจากนี้ไปฉันจะนอนที่ห้องรอง! ส่วนนาย...ห้ามเข้าห้องนั้นอีก!”
จ้านอี้หยางหรี่ตาเล็กลง
“เธอคิดว่าฉันยังจะอนุญาตให้เธอนอนห้องรองอย่างนั้นเหรอ? ฉันที่เพิ่งจะแต่งงานแต่กลับต้องแยกห้องนอนคิดว่าฉันจะดีใจหรือไง”
ซูหรงหรงที่ได้ยินวาจาที่เขาเอ่ยออกมายิ่งรู้สึกไม่พอใจเธอเชิดหน้าขึ้น
“แต่ฉันดีใจ”
“ฉันไม่ตกลง”
จ้านอี้หยางทำท่าทีไม่สนใจราวกับซูหรงหรงไม่ได้เอ่ยคำพูดเ่าั้ออกมา
“นาย..”
ซูหรงหรงโกรธจนเด้งตัวลุกขึ้นดวงตาเบิกโพลงจ้องไปที่จ้านอี้หยาง จ้านอี้หยางปล่อยผ่านอย่างไม่แยแสคำพูดของเธอแม้ว่าตอนนี้จะเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ทว่าเขากลับไม่แม้แต่จะใส่ใจเธอเอ่ยประโยคต่อไปไม่ออก
“ฉันทำไม?”
ยัยกระต่ายน้อยเริ่มลุกลี้ลุกลน นายหมาป่าปรากฎรอยยิ้มขึ้นที่ใบหน้า
“ฉัน...”
ซูหรงหรงถูกทำให้สับสนแต่เธอก็พยายามเค้นสมองของเธอจนโพล่งออกมาหนึ่งประโยค
“ฉันกับนายเราจะต้องมีกฎสามข้อ”
“อะไร?”
จ้านอี้หยางหัวเราะ เขาทำท่าทางราวกับกำลังสนใจ
“เธอยังกล้าใช้คำว่ากฎสามข้อออกมาพูด ไหนลองพูดมาให้ฉันฟังสิ”
“นายอย่าดูถูกคนนักเลย”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ แก้มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ดูเหมือนตอนนี้เธอจะไม่ใช่กระต่ายน้อยขี้โมโหธรรมดาแต่กลับเป็กระต่ายน้อยที่ทั้งโกรธทั้งแค้น
“อย่างแรกคือ...คือ....”
ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอสับสน
“....คือ....นายห้ามเข้าใกล้ฉัน”
จ้านอี้หยางอยากจะหยิกยัยกระต่ายน้อยให้ตายไปเลยเขาเป็สามีของเธอ ถ้าเธอไม่ให้เขาเข้าใกล้เธอแล้วจะใครจะสามารถเข้าใกล้เธอได้กัน
ภายใต้ความโกรธนั้น เขายังคงนิ่งเฉยเก็บอาการโกรธเอาไว้ภายในและแสดงท่าทีตรงกันข้ามโดยการหัวเราะออกมา
“ถ้าจะให้ฉันตอบตกลงเธอ ก็ได้”
“นายจะตอบตกลงฉันง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ?”
ซูหรงหรงเอ่ยถามเสียงเบา เอียงคอถามจ้านอี้หยางด้วยความสงสัย
เธอจะไม่เชื่ออะไรเขาง่ายๆอีกแล้ว เพราะไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยตกหลุมพรางเขาเธอนั้นรู้ดีที่สุดว่าถ้าเขาตอบตกลงอะไรมามันมักจะต้องมีค่าตอบแทนที่คุ้มค่าพอกันคืนไปให้เขา
“คุณหญิงจ้านช่างเข้าอกเข้าใจฉัน”
จ้านอี้หยางลูบผมเธอ
“ถ้าเพียงเธอตกลงกับฉันข้อหนึ่งไม่ว่าเงื่อนไขอะไรฉันก็จะยอมเธอหมดเลย”
พอได้ฟังก็รู้สึกมีแต่กำไร แต่ซูหรงหรงเองก็ยังไม่สบายใจนักเธอถามจ้านอี้หยางอย่างกล้าๆกลัวๆ
“นายมีเงื่อนไขอะไร?”
“ขอเพียงแค่เธอทำหน้าที่ภรรยาเท่านั้น”
จ้านอี้หยางหัวเราะอย่างมีเลศนัย
“หน้าที่ของภรรยา?”
ซูหรงหรงเบิกตากว้างเธอเงยหน้าจ้องจ้านอี้หยางนิ่งก่อนจะเอ่ยถาม
“หน้าที่หลักๆ ของมันคืออะไร”
“หน้าที่หลัก?”
จ้านอี้หยางจ้องหน้าของซูหรงหรงอยู่ๆเขาก็ค้อมตัวลงมาอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนจะจูบเข้าที่ริมฝีปากของเธอราวกับเขาจะรู้ว่าซูหรงหรงจะหนี เขารีบใช้มือโอบเอวของเธอเอาไว้แล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ๆ
“อุ๊บ...”
ซูหรงหรงยังไม่ทันได้ป้องกันตัวเอง เมื่อมีปฏิกิริยาตอบกลับเธอเม้มริมฝีปากปิดจนสนิทไม่มีให้ช่องว่าง จ้านอี้หยางเห็นดังนั้นจึงกอดเธอแน่นขึ้นไปอีก
จ้านอี้หยางนึกในใจว่าคงจะต้องสอนบทเรียนให้เธออีกหน่อยเขาฝังจูบลึกยิ่งขึ้นผิดปกติ เขาไม่ได้ทำเพียงลิ้มลองแต่กลับรุกล้ำเธอหนักขึ้น
ซูหรงหรงมีรูปร่างค่อนข้างเล็กมากสำหรับเขาเมื่อเข้ามาอยู่ในวงแขนของเขาแล้วลมหายใจของเขาก็รดรินไปถ้วนทั่วบนร่างกายของเธอเอวบางนุ่มนิ่มของเธอถูกเขาโอบรัด เขาอยาก...กลืนกินเธอเสียเหลือเกิน
ยัยกระต่ายน้อยเริ่มรู้สึกกลัว
มือของจ้านอี้หยางนั้นแฝงไปด้วยความอบอุ่นเมื่อมันมาพาดผ่านที่เอวของเธอ ใจของเธอก็เต้นแรงเสียจนตัวเธอได้ยินเสียงหัวใจของตนเองหัวใจของเธอตอนนี้เต้นระส่ำไม่เป็จังหวะ
ตื่นเต้น กังวลแต่ก็มีความหวัง...
ความรู้สึกแปลกๆเหล่านี้มันคืออะไรกัน? ไม่ใช่ว่าเธอควรจะปฏิเสธหรอกเหรอ?
จบเห่แล้วซูหรงหรง เธอกำลังหลงเสน่ห์ของจ้านอี้หยางอยู่แน่ๆ
ฮือ เธอเองก็กำลังติดเชื้อจากจ้านอี้หยางอยู่อย่างนั้นเหรอ
พอถึงตอนนี้โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะชาของจ้านอี้หยางก็ดังขึ้น จนหยุดการกระทำของทั้งคู่ไว้
ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้วแต่กลับกันอีกฝ่ายกลับคิดว่าไม่มีเื่อะไรน่ารำคาญมากไปกว่านี้อีกแล้วจ้านอี้หยางหรี่ตาเล็กลง เขาส่งสายตาเย็นะเืไปที่โทรศัพท์สายที่โทรเข้ามาคือลูกน้องทหารของเขา
เขาปล่อยตัวซูหรงหรงก่อนจะรับโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยเสียงที่เอ่ยออกไปเต็มไปด้วยความนิ่งเฉยเ็า
“ถือว่าเป็โชคดีของเธอแล้วกันที่มีคนโทรมา”
ซูหรงหรงกอดตัวเอง รู้สึกหนาวไปถึงกาย
สายตาของเธอจ้องไปที่จ้านอี้หยางใบหน้าของเขาตอนนี้ยิ่งเรียบเฉยมากขึ้นเธอรีบจัดเสื้อผ้าตัวเองที่ดูยุ่งเหยิงไปหมดให้เข้าที่เข้าทาง
แย่ชะมัด เมื่อครู่ทำอะไรลงไปกัน...
เมื่อครู่เธอเพิ่งจะบอกเขาไม่ให้เข้าใกล้เธอไม่ใช่หรืออย่างไร แต่เขา...เขากลับ...บ้าจริง!
แต่เื่ที่บ้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือ... เธอกลับไม่ผลักไสเขา
เฮ้อ...
ซูหรงหรงใช้มือปิดหน้านั่งลงบนโซฟา เธอกัดฟันแน่นใจหนึ่งก็นั่งนึกด่าอีกใจก็สารภาพบาปในสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป
จ้านอี้หยางวางสายโทรศัพท์ เมื่อเห็นซูหรงหรงปิดหน้าปิดตา เขาขมวดคิ้ว
“ซูหรงหรง”
เมื่อได้ยินเสียงของจ้านอี้หยางความละอายก็เกิดขึ้นในหัวใจทันที เธอพุ่งตัวเข้าไปในห้องรอง
“ปัง”
เธอปิดประตูเสียงดัง
จ้านอี้หยางกุมขมับ ยัยกระต่ายน้อยกำลังอายเขาควรที่จะเข้าไปหาเธอ
“ซูหรงหรง”
จ้านอี้หยางยืนอยู่หน้าประตูห้องรอง เขาเคาะประตูโดยไม่รีบร้อนเดินเข้าไป เขารออย่างอดทนอีกครึ่งชั่วโมงเขาจะต้องกลับไปที่กองทัพแล้ว
หากยังทำตัวเร่งรีบกับเธอ มันคงไม่ง่ายที่จะเข้าถึงเธอ
“ฉันเกลียดนาย! ไปให้พ้น!”
ยัยกระต่ายน้อยส่งเสียงตอบกลับอย่างโมโห
จ้านอี้หยางมองดูเวลา ยังพอเหลือเวลาอีก 20 นาที
“เกลียดฉันตรงไหน หืม?”
“นาย...”
ซูหรงหรงพูดคำว่านายแล้วหยุดกลางอากาศไปครู่หนึ่งสุดท้ายก็พูดต่อประโยคของเธอ
“นายรังแกฉัน!”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเธอเปิดประตูสิ ฉันจะให้เธอแกล้งคืนสองเท่าเลย”
จ้านอี้หยางเอ่ยอย่างใจกว้าง
“…”
ซูหรงหรงหน้างอ เอาคืนสองเท่าอย่างนั้นเหรอ...อืมเธอควรจะได้รับสิทธิ์นั้น
แต่ว่าจะแกล้งเขาคืนอย่างไร? แกล้งเขากลับเหมือนที่เขาแกล้งเธออย่างนั้นเหรอ?
พอคิดถึงตอนที่เขาแกล้งเธอแล้ว พอคิดถึงว่าต้องแกล้งคืนสองเท่า...
เอ่อ สองเท่าอย่างนั้นเหรอ...
ใบหน้าของซูหรงหรงแดงเถือก
“จ้านอี้หยาง ฉันเกลียดนาย! ไม่ต้องมายืนหน้าประตูห้องฉันเลยนะ ไปให้พ้น”
แม้แต่คำขอโทษก็คือการแกล้งเธอ ฮือแล้วแบบนี้ต่อๆไปจะเป็อย่างไร
“ฉันไม่ได้ยืนหน้าห้องเธอนานแล้ว”
อยู่ๆ เสียงของจ้านอี้หยางก็ดังชัดเจนยิ่งขึ้น
นั่นแหละสิ่งที่เธอ้า ซูหรงหรงเบะปาก
“ถ้าอย่างนั้น นาย...”
ขณะที่พูดก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ถูกต้องทำไมเสียงจ้านอี้หยางเมื่อสักครู่นี้เหมือนดังอยู่ข้างๆ หูของเธอ
เธอเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
เธอหันศีรษะกลับไปมองเธอตะลึงงันเมื่อเห็นจ้านอี้หยางที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเข้ามาในห้องเธอั้แ่เมื่อไรในมือของเขามีพวงกุญแจอยู่
อ่า นี่มันบ้านเขานี่นาเธอคิดได้อย่างไรว่าเขาจะเข้ามาในนี้ไม่ได้
เธอหันศีรษะกลับมาราวกับว่าไม่เห็นถึงความมีตัวตนของเขา
จ้านอี้หยางขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเธอ
“ซูหรงหรง ลุกขึ้นมา”
ซูหรงหรงกำลังนอนอยู่บนเตียง
ซูหรงหรงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน
เขาหรี่ตาลง
“เธอนอนแบบนี้ เพราะ้าจะให้ฉันขึ้นไปนอนด้วยใช่มั้ย?”
“อะไร...”
ซูหรงหรงเพิ่งเข้าใจความหมายของจ้านอี้หยางเธอเบิกตาตาก่อนจะหันไปมองหน้าเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“จ้านอี้หยาง...นาย...มันอันธพาล”
ให้ตายเถอะ เขาเป็ทหารจริงๆหรือนี่
จ้านอี้หยางหลุดยิ้ม ทว่ามันกลับเป็ยิ้มที่เย็นะเื
“ถ้าไม่อยากเห็นสิ่งที่อันธพาลกว่านี้ ก็จงรีบลุกขึ้นมา”
เขาย้ำทีละคำ ก่อนจะเสริมประโยคเข้าไปอีก
“ฉันจะต้องกลับกองทัพแล้ว”
ซูหรงหรงหมุนตัวหลับมา จ้านอี้หยางเป็ทหารอีกทั้งยังเป็ถึงผู้บังคับบัญชา แม้เธอจะไม่รู้ว่าของหน่วยไหน แต่สำหรับทหารแล้วพวกเขาจะต้องรู้จักรักษาเื่เวลา และเธอก็ไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา
อีกอย่าง เขาไปแล้ว เธอก็โล่งใจ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบไปสิ”
ซูหรงหรงนั่งอยู่ขอบเตียง ก้มหน้าลง เธอสั่นเท้าไปมา
“ถ้าฉันไปเธอจะดีใจมากใช่มั้ย?”
จ้านอี้หยางเดินไปที่ประตูเขาเอ่ยถามเสียงเรียบไม่ได้แฝงอารมณ์โกรธ
ซูหรงหรงซื่อสัตย์กับใจตนเอง เธอหันหน้าไปอีกทางก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ใครบอกให้นายมารังแกฉันกันล่ะ”
“ฉันไปล่ะ...”
“ถ้านายไป ฉันก็จะกลับบ้านของฉัน”
ซูหรงหรงหยุดการกระทำของจ้านอี้หยางเธอะโลงจากเตียงก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าเก็บข้าวของ
นายซื่อบื้อจ้านอี้หยาง เขาแกล้งเธอมาทั้งวันเื่ที่สัญญากับเธอก็ไม่สามารถทำตามสัญญาได้พอตอบตกลงอะไรมาก็ต้องตอบแทนเขายิ่งกว่า
คนเลว!