ผูกรักเคียงใจ คุณนายสกุลจ้าน

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ซูหรงหรงนอนลงบนม้านั่งตัวยาวไม่กระดุกกระดิกเหมือนกับคนตาย

         

        จ้านอี้หยางที่ยืนอยู่ข้างๆ ใช้มือกุมขมับก่อนจะเอ่ย

         

        “ซูหรงหรง ลุกขึ้น"

         

        “ไม่เอา!"

         

        ซูหรงหรงเอ่ยเหมือนคนเอาแต่ใจที่กำลังถูกบีบบังคับ

         

        “ยกเว้นว่านายจะถอนคำพูดเมื่อกี้คืนกลับไป"

         

        จะต้องตื่นเช้ามาวิ่ง 2,000 เมตรถึงวัน หูย เหนื่อยตายเลยเธอไม่ได้อยากเป็๲นักกีฬาวิ่งทีมชาติเสียเมื่อไร

         

        “เมื่อกี้เธอบอกว่าจะไปซื้ออาหารเช้าไม่ใช่หรือไง?"

         

        “ฉันไม่มีแรงแล้วพอได้คิดถึงอนาคตที่จะต้องใช้แรงทุกวันขนาดนั้น ฉันยิ่งรู้สึกไม่มีแรง"

         

        ซูหรงหรงหันศีรษะมองหน้าจ้านอี้หยางก่อนจะถามอย่างน่าสงสาร

         

        “นายอยากเห็นฉันเหนื่อยจนหมดแรงทุกวันเหรอ?"

         

        จ้านอี้หยางเอ่ยอย่างไม่รู้ไม่เห็น

         

        “พรุ่งนี้ฉันก็ไม่อยู่บ้านแล้วฉันไม่เห็นเธอหรอกนะ"

         

        เมื่อได้ยินดังนั้น ซูหรงหรงอมยิ้มการหายใจเริ่มกลับมาคล่องตัวขึ้น แต่ยังไม่พูดอะไรออกมา

         

        เกินไปจริงๆ พอไม่อยู่บ้านก็ไม่มองเธอแล้วไม่สนใจเลยเหรอว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร? แต่งงานแค่วันที่สองก็พูดอย่างนี้เสียแล้ว แล้วหลังจากนี้ต่อไปล่ะ?

         

        จ้านอี้หยางไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรไม่ถูกต้องเขาเรียกเธอหลายรอบแล้วแต่เธอก็ยังคงนิ่ง

         

        ไม่ว่าครั้งไหนก็มีแต่คนทำตามความ๻้๵๹๠า๱ของเขา

         

        จ้านอี้หยางเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่น ก่อนจะกระแทกเสียงดังๆ

         

        “ซูหรงหรง!"

         

        ซูหรงหรงที่มีแต่คนนิยมชมชอบไม่เคยรู้สึกอายเท่านี้มาก่อนปกติแล้วแม่ของเธอก็มีบ้างที่ดุด่าแต่มันก็แฝงไปด้วยความเป็๲ห่วงและสงสารแต่จ้านอี้หยางที่เพิ่งแต่งงานมาได้เพียงสองวัน เขาด่าเธอจริงๆ!

         

        “จ้านอี้หยาง!"

         

        เธอหมุนตัวกลับ ก่อนจะทุบแล้วข่วนลงบนตัวของจ้านอี้หยาง

         

        “นายทำเกินไปแล้ว"

         

        เมื่อระบายอารมณ์เสร็จเธอรีบวิ่งหนีเพราะเธอกลัวว่าจ้านอี้หยางจะคว้าตัวเธอ

         

        จ้านอี้หยางนิ่งงันไปหนึ่งวินาที เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งซูหรงหรงออกวิ่งไปไกลแล้ว เขาก้มลงมองเสื้อของตัวเองที่ถูกซูหรงหรงข่วน ก่อนจะยิ้มเขาไม่วิ่งตามไปจับเธอ แต่กลับหมุนตัวเดินไปอีกทางเพื่อหาอาหารเช้ากิน

         

        อันที่จริงซูหรงหรงเองก็วิ่งได้ไม่ไกลมากนัก

         

        เธอวิ่งได้ไม่ไกลจริงๆ เธอลองมาทบทวนดูแล้วว่าเธอไม่ควรจะมีเ๱ื่๵๹กับจ้านอี้หยางด้วยเ๱ื่๵๹เล็กๆเท่านี้ มันเป็๲ปัญหาเล็กน้อยมากจริงๆ เธอหันหลับไปมองเมื่อแน่ใจแล้วว่าจ้านอี้หยางจะไม่เห็นตัวของเธอ เธอก็หลบเข้าที่ต้นไม้ต้นหนึ่งเธอพักสักครู่ก่อนจะเดินกลับบ้าน

         

        พื้นที่สีเขียวปกคลุมอยู่ทั่วทั้งชุมชนนี้ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ทั่วทั้งบริเวณมีสีเขียวสดใสทางที่เดินนั้นไม่ราบเรียบ ขรุขระตลอดทางเพราะก้อนกรวดที่วางเรียงรายอยู่บนพื้นซูหรงหรงเดินบนทางเดินนั้นไปได้สักพักก่อนจะนึกออกเ๱ื่๵๹หนึ่งที่จะนับว่าเป็๲เ๱ื่๵๹เลวร้ายที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้

         

        บ้านเธอต้องกลับทางไหน?

         

        ครั้งนี้น้ำตาเธอทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกจริงๆเธอกำลังหลงทาง

         

        เธอมองไปรอบๆ สวนสาธารณะแห่งนี้ ตึกสูงใหญ่ดูคล้ายคลึงกันไปหมด เงยหน้ามองขึ้นไปเธอก็เห็นเป็๲ตึกระฟ้าเทียมเมฆแล้วตกลงบ้านเธอ...อยู่ที่ไหน?

         

        “คุณน้าคะ รอบกวนสอบถามหน่อยได้มั้ยคะว่าตึก..."

         

        มันเป็๲เ๱ื่๵๹ยากสำหรับเธอมากจริงๆ ที่จะอธิบายแต่พอได้พูดออกไปแล้วก็พบว่าเธอได้เจอกับปัญหาใหม่ นั่นก็คือเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ตึกไหนเธอทำเพียงยิ้มแห้งๆ ส่งไปที่ฝ่ายตรงข้ามก่อนจะถามอย่างมีความหวัง

         

        “คุณน้าทราบมั้ยคะว่าบ้านของจ้านอี้หยางอยู่ที่ตึกไหน?"

         

        ชุมชนขนาดใหญ่ขนาดนี้ แต่มาถามว่าคนคนนี้อยู่ที่ไหน คุณน้าคนนั้นมองเธอราวกับเธอเป็๲คนสติไม่ดีก่อนจะส่ายหน้า

         

        “ไม่รู้"

         

        “อ่า...ขอบคุณค่ะ"

         

        ซูหรงหรงมองไปรอบๆ ก่อนจะเกาหัวเธอยังคิดวิธีที่สองไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป

         

        เธอก้มหน้าคิดสักครู่ ก่อนจะนั่งลงบนหญ้าที่อยู่ข้างๆ

         

        ในเมื่อหาทางกลับไม่เจอ...ถ้าอย่างนั้น....ก็รอที่นี่แหละ

         

        ในฤดูใบไม้ผลินี้ อากาศยามเช้าก็ยังคงมีความเย็นอยู่แสงแดดที่ทอมาเริ่มให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ร่างกาย

         

        สบายจังเลย

         

        จ้านอี้หยางเดินมาจนถึงร้านขายอาหารเช้าหน้าประตูชุมชนก่อนจะซื้ออาหารเช้าสำหรับสองคนเขาคิดว่าซูหรงหรงจะมารอเขาที่หน้าประตูบ้านเสียอีก แต่กลับ...ไม่มีคน

        

        เขาเปิดประตูห้องด้วยความสงสัยก่อนจะนำอาหารเช้าไปวางไว้บนโต๊ะอาหารสิ่งแรกที่ทำคือโทรไปหาซูหรงหรง แต่ว่าโทรศัพท์ของเธอวางไว้บนโต๊ะชาในห้องรับแขก

         

        ไม่ใช่ว่ายัยกระต่ายน้อยโกรธเธอจนกลับบ้านไปแล้วใช่ไหม? นอกจากที่นี่แล้วเธอยังจะสามารถไปที่ไหนได้อีกหรือว่า...

        

        เมื่อคิดถึงไอคิวสมองของซูหรงหรงแล้วเขาขมวดคิ้วก่อนจะหยิบกุญแจแล้วลงไปจากตึก

         

        ชุมชนนี้จ้านอี้หยางเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยนักแต่เขาเองก็เคยเดินทางผ่านป่าที่ดูแล้วเหมือนกันไปหมดเหมือนที่นี่เขาดูภาพชุมชนบนแผนที่ เมื่อลองวิเคราะห์ทางที่ซูหรงหรงวิ่งหนีไปแล้วเขาก็จำกัดบริเวณในการหา หากซูหรงหรงไม่วิ่งหนีไปทั่วการจะหาเธอให้เจอก็ไม่ใช่เ๱ื่๵๹ยาก

         

        ทว่า เขาหาแล้วทั้งสองที่ แต่ก็หาไม่พบ

         

        จ้านอี้หยางยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก

         

        หากสถานที่สุดท้ายนี้ยังหาไม่พบ เขาจะเรียกคนเข้ามาช่วยเหลือ

         

        เขาวิ่งผ่านสวนดอกไม้เข้ามาค่อนข้างไกลจ้านอี้หยางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง เสียงสดใส แววตาที่สุกสกาวเมื่อเดินไปใกล้ๆ ก็พบว่าเธอกำลังเล่นกับเด็กผู้หญิงอายุราว 4-5 ขวบอยู่

         

        แดดยามเช้ากระทบใบหน้าเล็กและใหญ่ของทั้งคู่เสียงหัวเราะของซูหรงหรงช่างจะเหมือนกับเด็กห้าขวบตรงหน้า

         

        จ้านอี้หยางถอนหายใจอย่างโล่งใจทว่าเขาเรียกชื่อยัยกระต่ายน้อยเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไรนัก

         

        “ซูหรงหรง!"

         

        ซูหรงหรงที่กำลังเล่นกับเด็กน้อยหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกเธอหันไปตามเสียงแล้วพบว่าจ้านอี้หยางยืนหน้าอมทุกข์อยู่ตรงนั้น เธอยิ้มต่อไม่ออก

         

        ตายแน่ๆ เธอต้องตายแน่ๆ จ้านอี้หยางตอนนี้ดูเหมือน...โกรธมากแล้วสิ

         

        ทว่า การที่เธอหลงทางมันไม่ใช่ความผิดของเธอเสียหน่อยใครบอกให้เขาออกกฎให้วิ่งวันละ2,000 เมตรล่ะ

         

        คุณแม่วัยรุ่นคนที่พาเด็กน้อยคนนั้นมาเห็นท่าทีไม่ดีเธอรีบบอกให้เด็กน้อยบอกลาซูหรงหรง ก่อนเธอจะอุ้มเด็กน้อยออกไป

         

        ในใจกลางสวนสาธารณะนี้จึงมีแค่เธอกับเขา

         

        “มานี่!"

         

        จ้านอี้หยางออกคำสั่งกับเธอ

         

        มือทั้งสองข้างของซูหรงหรงใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก้มหน้าก่อนจะเดินไปหาจ้านอี้หยาง

         

        “ทำไมเธอไม่กลับบ้าน?"

         

        จ้านอี้หยางจงใจถามเธอ

         

        เขาหาเธอเจอแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงหาทางกลับบ้านไม่เจอซูหรงหรงใช้มือถูจมูกไปมา เท้าเองก็ลากไปมาอยู่ที่พื้น

         

        “ฉัน...ฉันหลงทาง"

         

        “อื้ม?" จ้านอี้หยางตอบรับ “แล้วยังไงต่อ?"

         

        “แล้วก็..."

         

        ซูหรงหรงเงยหน้าขึ้นมองเข้า เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวาน

         

        “...ฉันก็เลยมารอนายที่นี่ยังไงล่ะ"

         

        “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันหาเธอเจอแล้วทำไมยังไม่กลับกับฉัน?"

         

        แม้ว่าจ้านอี้หยางจะดุเธอขนาดไหนแต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด

         

        เธอเผยรอยยิ้มโง่ๆ บนใบหน้า ก่อนจะ๠๱ะโ๪๪ไปคว้ามือของเขาไว้

         

        “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะต้องหาฉันเจอ"

         

        ที่จริงแล้วเธอเชื่อว่าจ้านอี้หยางมีคุณสมบัติเหล่านี้

         

        จ้านอี้หยางปรับสีหน้าให้อ่อนลงใบหน้าของซูหรงหรงตอนนี้มีแต่รอยยิ้มที่ดูใสสะอาดดวงตาของเธอมีความเชื่อโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ หากเธอพูดคำไหนออกมาก็แสดงว่าเธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆ

         

        พวกเขารู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวันเต็มเลยด้วยซ้ำทำไมเธอถึงปักใจเชื่อเต็มร้อยเสียขนาดนั้นกัน?

         

        แต่ไม่ว่าเหตุผลเพราะอะไรตอนนี้ใจของจ้านอี้หยางก็มีความสุขอย่างที่สุด

         

        “ยัยโง่"

         

        จ้านอี้หยางด่าเธอครั้งหนึ่งก่อนจะพาเธอกลับ

         

        ตลอดทางที่เดินของซูหรงหรง

         

        “เพราะเ๱ื่๵๹นี้นายก็ว่าฉันโง่แล้วเ๱ื่๵๹ที่นายให้ฉันวิ่งทุกวันตอนเช้า 2,000 เมตรนั่นไม่ยิ่งโง่กว่าเหรอล้มเลิกความคิดให้ฉันไปวิ่งได้แล้ว โอเคมั้ย?"

         

        “ค่อยว่ากัน ตอนนี้กลับบ้านก่อนแล้วก็จำทางกลับด้วย"

         

        ซูหรงหรงหยักหน้า

         

        “อื้ม"

         

        เธอจะต้องจำทางให้ได้ เพราะถ้าเขาทิ้งเธอไปอีกครั้ง แล้วเธอก็หลงทางอีกคงไม่มีใครมาช่วยเหลือเธอแล้วคงจะกลับบ้านไม่ได้ของจริง

         

        “ฉันเชื่อฟังคำพูดนายขนาดนี้นายเองก็ฟังฉันบ้างสิ ฉันไม่อยากวิ่งวันละ 2,000 เมตรจริงๆ นะ..."

         

        จ้านอี้หยางสบตาเธออีกครั้ง

         

        “เธอทำไมถึงวิ่งไปรอบๆนั้นได้ล่ะ?"

         

        “เหอะๆ ฉันฉลาดนะ"

         

        ซูหรงหรง๠๱ะโ๪๪โลดเต้นเหมือนเธอจะไม่รู้จักตัวตนของคนที่ด่าเธอเมื่อสักครู่ เธอหัวเราะเสียงดัง

         

        “ถ้าอย่างนั้นนายสัญญากับฉันมั้ยล่ะ?"

         

        พอเห็นอย่างนี้จ้านอี้หยางก็ไม่คิดที่จะตอบตกลงกับเธอง่ายๆเขาทำท่าถอนหายใจครุ่นคิด

         

        “อืม ฉันจะคิดดูแล้วกันกลับบ้านกันก่อนเถอะ"

         

        “...”

         

        ช่างจะ...ทำลายความคิดได้ยากเสียจริง ซูหรงหรงเบะปากก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง

         

        เมื่อพาเธอกลับบ้านสิ่งแรกที่เขาทำคือบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขาลงบนโทรศัพท์ของเธอนอกจากนั้นยังมีเบอร์โทรศัพท์ของจี้ฟ่านอี้อีกคนที่ต้องเพิ่มลงไป ซูหรงหรงสงสัย

         

        “จี้ฟ่านอี้...คือใครเหรอ? เอ๋? แต่ทำไมชื่อนี้ดูคุ้นหูจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนเลย"

         

        “เพื่อนฉันเอง เวลาที่ฉันไม่อยู่บ้านถ้ามีเ๱ื่๵๹อะไรเกิดขึ้นก็โทรหาเขาได้"

         

        จ้านอี้หยางคืนโทรศัพท์ให้เธอ

         

        ซูหรงหรงรับคืนกลับไป เธอกดดูบันทึกโทรเข้าโทรออกในโทรศัพท์

         

        “เอ๋? เมื่อว่าแม่ของฉันโทรมาอย่างนั้นเหรอจำไม่เห็นจะได้ว่าฉันรับโทรศัพท์แม่ตอนไหนกัน"

         

        จ้านอี้หยางยิ้มขึ้น

         

        “อืม ตอนนั้นเธออยู่ในห้องฉันรับสายแทนเอง"

         

        ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์สายนั้นเขาคงจะไม่รู้ว่าได้แต่งงานกับยัยกระต่ายที่ทำกับข้าวเป็๲แต่กลับหลอกเขาว่าทำไม่เป็๲

         

        “โอ้ว" เธอตอบรับ “แม่ฉันโทรมาว่าไงเหรอ?"

         

        “เธอลองโทรกลับไปถามสิ เดี๋ยวก็รู้"

         

        จ้านอี้หยางยิ้มอย่างมีเลศนัย

         

        ซูหรงหรงรู้สึกได้ว่าภายใต้รอยยิ้มของเขานั้นมีความหมายอื่นซ่อนอยู่ตาของเขาดูโตขึ้น ทว่ายิ่งเธอเห็นเขายิ้ม เธอก็ยิ่งดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแต่โทรหาแม่เธอเพื่อสอบถามเท่านั้น

         

        จ้านอี้หยางลูบหัวเธอ

         

        “ฉันไปอาบน้ำล่ะ"

         

        “...อือ"

         

        ซูหรงหรงไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เธอกลับรู้สึก...ขาแข็งก้าวไม่ออกรอยยิ้มของจ้านอี้หยางเองก็เย็น๾ะเ๾ื๵๠เช่นกัน

         

        เมื่อจ้านอี้หยางเข้าไปในห้องน้ำแล้วซูหรงหรงก็รีบโทรออกหาแม่ของเธอ

         

        แม่ของเธอไม่ได้ถามเธอตรงๆ ถามเพียงแค่เมื่อวานเป็๲อย่างไรบ้างแต่ก็ยังไม่วายที่จะเจาะจงถามว่าเมื่อคืนเป็๲อย่างไรซูหรงหรงทำเพียงก้มหน้าเหงื่อตกแล้วตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่าก็ดี

         

        “ดี ก็เท่ากับ ดีมากนั่นแหละ"

         

        เหอฮุ้ยหลานหัวเราะออกมา

         

        “ซูหรงหรง ครั้งนี้ลูกหาผู้ชายได้ดีจริงๆเมื่อก่อนฉันก็คิดนะว่าเ๽้ากู้แหยนเจ๋อนั่นไม่ได้เ๱ื่๵๹ ทหารดีกว่าตั้งเยอะ ทหารๆ ฮ่าๆ ...อ้อ จริงสิ เมื่อวานลูกได้ทำมันฝรั่งผัดเนื้อที่ลูกชอบให้จ้านอี้หยางกินมั้ยเมื่อวานแม่บอกเขาไปแล้วล่ะ"

         

        “…”

         

        ราวกับสมองของเธอกลวงไปหมด ภายในหัวของเธอตอนนี้มันขาวโพลน

         

        คุณแม่ ...เมื่อวาน...คุยกับเขาเ๱ื่๵๹มันฝรั่งผัดเนื้ออย่างนั้นเหรอ?

         

        พระแม่มารีเ๽้าขา...

         

        “คุณ...คุณแม่...เมื่อวานตอนที่แม่โทรมาก็เพื่อจะบอกว่าอาหารที่หนูชอบที่สุดคือมันฝรั่งผัดเนื้อแค่นั้นใช่มั้ย?"

         

        ซูหรงหรงรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายกลายๆ จากคำพูดของแม่ของตน

         

        “ไม่ใช่แน่นอนแม่บอกเขาว่ายัยเด็กน้อยของแม่ทำอะไรก็ไม่เป็๲ยกเว้นเ๱ื่๵๹กับข้าวที่ยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง"

         

        “ตึง..."

         

        โทรศัพท์ของซูหรงหรงร่วงลงพื้น

         


        ตัวของซูหรงหรงตอนนี้แน่นิ่งเป็๞ก้อนหิน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้