แสงเรืองรองห่อหุ้มร่างเย่เฟิง ปลายนิ้วยังคงวาดลวดลายบนพื้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งลวดลายบนพื้นเปล่งแสงประหลาด และถักทอเป็ลวดลายเทวะที่มีความสลับซับซ้อน
เย่เฟิงจมปลักอยู่กับการวาดลวดลายเทวะ แม้กงซุนหลิงเอ๋อร์จะมองดูอยู่ข้าง ๆ เขาก็ไม่รู้สึกใด ๆ ไม่นานลวดลายเทวะที่ปรากฏบนพื้นในถ้ำก็เริ่มสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่มีเสียงตอบรับ ดูท่าหมอนี่กำลังถ่วงเวลาเพื่อเตรียมตัวหลบหนี” อู๋เจ๋อกล่าว
จากนั้นเขาหันไปมองผู้าุโหลี่ที่อยู่ด้านหลัง “ผู้าุโหลี่ มิสู้เข้าไปในถ้ำแล้วฆ่าสองคนนี้เสีย!”
“ได้เลย!” ผู้าุโหลี่ตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธ ในความคิดเขา เย่เฟิงเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แม้มีพลังต่อสู้แกร่งกล้า แต่จะใช่คู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
“รออยู่ที่นี่ ข้ากับอู๋เจ๋อจะเข้าไปฆ่าสองคนนั้นในถ้ำ!” ผู้าุโหลี่กล่าวกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ด้านหลัง คนเ่าั้พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ในความคิดพวกเขา เพียงแค่ผู้าุโหลี่ลงมือ พวกเย่เฟิงต้องตายอย่างแน่นอน
อู๋เจ๋อเองก็คิดเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นเขาจะเสนอผู้าุโหลี่ไปเช่นนั้นทำไม ผู้าุโหลี่นั้นคือผู้าุโที่ค่อนข้างมีฝีมือของตระกูลอู๋ พลังแกร่งกล้า อย่าว่าแต่เย่เฟิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แม้แต่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 หรือ 7 ก็ต้องมีจุดจบเช่นเดียวกัน เมื่อผู้าุโหลี่ลงมือ
จากนั้นอู๋เจ๋อก็ตามผู้าุโหลี่เข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำ หลังจากเย่เฟิงวาดเส้นสุดท้าย ในที่สุดค่ายกลลวดลายเทวะก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ลายทุกเส้นทอแสง พวกมันถักทอเป็ลวดลายเทวะขนาดใหญ่ ทั้งยังแผ่พลังประหลาดออกมา จากนั้นลวดลายเทวะจางหายไปกับพื้นดิน คนธรรมดามิอาจรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้
“ตาบ้า เมื่อครู่เ้าทำอะไรน่ะ?” กงซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเย่เฟิงด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวเ้าก็รู้” เย่เฟิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนกล่าวพลางยิ้มให้กงซุนหลิงเอ๋อร์เช่นนั้น
“ไอ้หนู เ้าหนีมาซ่อนตัวในถ้ำตามคาด หรือว่าเตรียมตัวที่จะตายแล้ว?” ขณะนั้นมีเสียงเ็าดังมาจากปากถ้ำ
จากนั้นเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์หันไปมอง ก่อนจะเห็นสองเงาร่างปรากฏในสายตาของพวกเขา ซึ่งก็คืออู๋เจ๋อและผู้าุโหลี่
เมื่อเย่เฟิงเห็นอีกฝ่ายมีเพียงสองคนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย เขารู้ว่าคนที่ไล่ล่าเขามีประมาณ 20 คน ในนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด 4 คน ซึ่งผู้าุโหลี่ก็เป็หนึ่งในนั้น
แต่เช่นนี้จะลำบากต่อเย่เฟิง หากตอนนี้เขาเปิดใช้ค่ายกลลวดลายเทวะก็จัดการได้เพียงอู๋เจ๋อและผู้าุโหลี่สองคน ส่วนผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ก็หนีรอดไปได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะเปิดใช้งานค่ายกลตอนนี้
“เหตุใดมีพวกเ้าสองคน? หรือคนอื่น ๆ ไม่กล้าเข้ามา?” เย่เฟิงเย้ยหยันสองคนนั้น พร้อมแสยะยิ้ม
“ฮ่า ๆ ๆ!” อู๋เจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า “จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว? ฆ่าเ้าสองคนแค่ลำพังข้ากับผู้าุโหลี่ก็เกินพอแล้ว”
“วูบ!” ในมื่อเปิดใช้งานค่ายกลลวดลายเทวะไม่ได้ เย่เฟิงก็แทงหอกัเงินประกายออกไปโดยไม่รอให้พวกอู๋เจ๋อพล่ามไร้สาระไปมากกว่านี้ ซึ่งหอกนี้แทงไปที่อู๋เจ๋อ พลันรังสีหอกกลายเป็ลำแสงทำลายล้างก่อนจะไปถึงในพริบตา
อู๋เจ๋อต้องหน้าถอดสี เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะลงมือเฉียบขาดเช่นนี้ ทำให้เขาหลบหนีไม่ทัน แต่ตอนที่รังสีหอกจะแทงมาที่อกเขา จู่ ๆ ผู้าุโหลี่ดึงร่างเขาหลบไปข้าง ๆ ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตีซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังที่สามารถขยี้ร่างเย่เฟิงได้
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีฝ่ามือของผู้าุโหลี่ แต่ขณะเดียวกันเขาแทงหอกอีกครั้ง หอกนี้ผสานด้วยอำนาจหอกขั้นกายา่ต้นที่สามารถแทงทะลุทุกสิ่ง อีกอย่างหอกนี้เย่เฟิงก็ตั้งใจกดอำนาจหอกให้อยู่ขั้นกายา่ต้น เพื่อที่จะให้ผู้าุโหลี่ดูถูกเขา
เมื่อผู้าุโหลี่ััได้ถึงพลังของหอกนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ รังสีหอกจึงผ่านร่างเขาไป แต่คลื่นพลังกลับทำเสื้อผ้าฉีกขาด
“อำนาจขั้นกายา่ต้น ไม่นึกว่าเ้าจะตระหนักรู้อำนาจขั้นกายา่ต้นได้!”
ผู้าุโหลี่สมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เพียงพริบตาก็มองระดับพลังแห่งอำนาจของเย่เฟิงออก
“มีอะไรให้น่าแปลกใจหรือ?” เย่เฟิงกล่าว เขาแทงหอกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็ทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนที่หนึ่งหอกมรณะ รังสีหอกจึงเปี่ยมไปด้วยพลังมรณะที่น่าหวาดกลัว ก่อนจะไปเยือนเบื้องหน้าผู้าุโหลี่ด้วยความเร็วสูง นี่ทำให้ผู้าุโหลี่ใและไม่กล้าประมาทเย่เฟิงอีก พลันดาบโค้งเล่มหนึ่งปรากฏในมือ ก่อนจะกวัดแกว่งดาบที่ผสานด้วยพลังแห่งอำนาจขั้นผันแปรเข้าปะทะกับรังสีหอกมรณะของเย่เฟิง
“ปัง!” เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ก่อนอาวุธทั้งสองจะแยกออกจากกัน แม้พลังแห่งอำนาจของผู้าุโหลี่จะห่างชั้นกับเย่เฟิง แต่ได้เปรียบในด้านตบะที่สูงกว่า จึงสามารถซัดเย่เฟิงถอยหลังไปสองก้าวได้
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดทรงพลังตามคาด แม้ข้าจะสำแดงพลังออกมาทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี” เย่เฟิงคิดในใจ เวลานี้เขาจะต้องใช้กลยุทธ์ในการรับมือกับอีกฝ่าย
อีกด้านหนึ่ง กงซุนหลิงเอ๋อร์ก็รับมือกับอู๋เจ๋อ นางใช้แถบผ้าสีม่วงที่ประหนึ่งัสีม่วงเข้าจู่โจมอู๋เจ๋อ ทำอู๋เจ๋อถอยหลังไปหลายก้าวและเหงื่อแตกพลั่ก
“หญิงผู้นี้แกร่งมาก มิน่าฉู่มู่ถึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
อู๋เจ๋อคิดในใจ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขารู้สึกว่ากงซุนหลิงเอ๋อร์เป็บุคคลที่จัดการได้ยาก แต่กลับไม่ได้กังวลใจถึงเพียงนั้น เพราะเขารู้ว่าผู้าุโหลี่อาจสังหารเย่เฟิงได้ในอีกไม่นาน เวลานั้นก็จะจัดการหญิงผู้นี้ได้ง่าย ๆ แล้ว
ทว่าสิ่งที่อู๋เจ๋อคิดกลับไม่เป็ไปตามคาด ศึกของเย่เฟิงกับผู้าุโหลี่ ผู้าุโหลี่ดูเหมือนจะเสียเปรียบ ทำให้อู๋เจ๋อรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“หอกดุจั!”
เย่เฟิงสำแดงหอกดุจั ซึ่งรังสีหอกผสานด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ก่อนจะพุ่งไปหาผู้าุโหลี่ด้วยความรวดเร็ว ทำให้ผู้าุโหลี่เผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาเผชิญหน้ากับผู้เยาว์ที่อยู่เพียงขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่เขากลับเป็ฝ่ายเสียเปรียบ มันช่างน่าอัปยศสิ้นดี
“ไปให้พ้น!” ผู้าุโหลี่แผดเสียงะโ เขาตวัดดาบโค้งโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับหอกของเย่เฟิง พร้อมคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ
สีหน้าของผู้าุโหลี่ฉายอย่างเ็า เขากวัดแกว่งดาบโค้งอีกครั้ง พลันรังสีดาบพาดผ่านกลางอากาศ ตรงไปยังเย่เฟิงด้วยความเร็วสูง ทว่าเย่เฟิงกะพริบร่างหลบหนีรังสีดาบ เขายังไม่ทันยืนมั่นคงดี แต่ผู้าุโหลี่ก็กวัดแกว่งดาบโค้งโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่้าให้เย่เฟิงมีโอกาสหยุดพักหายใจ
“ไอ้หนู ศึกนี้ควรจบได้แล้ว ต่อให้เ้ามีพลังฝืนลิขิต์ แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องตายในน้ำมือของข้าผู้นี้!”
แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของผู้าุโหลี่ พร้อมลมปราณอันแหลมคมพวยพุ่งออกจากร่าง ประหนึ่งคมดาบที่ชักออกจากฝักก็ไม่ปาน
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงเหยียดยิ้มดูถูกขณะหลบหลีกรังสีดาบนับไม่ถ้วนของผู้าุโหลี่
“พิฆาต์สะบั้น!”
ผู้าุโหลี่เผยสีหน้าดูแคลน จากนั้นอัดพลังใส่ดาบโค้ง ก่อนจะตวัดออกไปทันที พลังเ่าั้แปรเปลี่ยนเป็เงาดาบโค้งขนาดใหญ่เล่มหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังพิฆาต์ มันเข้าโจมตีเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง นี่ทำให้เย่เฟิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขารู้ว่าดาบนี้คือพลังที่แท้จริงของผู้าุโหลี่ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะปะทะกับอีกฝ่ายตรง ๆ จึงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีการโจมตีของอีกฝ่าย ส่งผลให้เงาดาบโค้งขนาดใหญ่นั่นสะบั้นลงบนพื้นจนทิ้งร่องรอยเป็ทางยาวและลึกครึ่งเมตร
“ไอ้หนู ไม่คิดว่าเ้าจะรอด เช่นนั้นก็รับการโจมตีนี้ของข้าไปซะ!”
ลมปราณบนร่างผู้าุโหลี่เปลี่ยนไปคลุ้มคลั่ง เห็นเขายกดาบโค้งขึ้นสูง ก่อนจะตวัดโจมตีเย่เฟิงด้วยพลังที่ทรงอานุภาพยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่า
“พิฆาตเทวะสะบั้น!”
แม้แต่ิญญาเทวะก็ยังสังหารได้ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ผู้าุโหลี่ย่อมมีการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาดาบที่มีชื่อเรียกว่าสามพิฆาตสะบั้น และสามพิฆาตที่ว่านั่นคือพิฆาตปฐี พิฆาต์ และพิฆาตเทวะ
พลังของเย่เฟิงนั้นไม่ธรรมดา จึงรอดจากกระบวนที่หนึ่งของสามพิฆาตสะบั้น จากนั้นผู้าุโหลี่สำแดงพลังโจมตีต่อในทันที แต่ข้ามเป็กระบวนที่สาม เห็นชัดว่าผู้าุโหลี่้าฆ่าเย่เฟิงมากเพียงใด
ด้วยการโจมตีนี้ทำห้วงอากาศแข็งตัว เย่เฟิงรู้สึกว่ามีพลังพิฆาตเทวะปกคลุมร่างตน ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวถูกขีดจำกัดไว้ทั้งหมด
“นี่คือโทษฐานที่มาล่วงเกินตระกูลอู๋ข้า ตายซะเถอะ!” ผู้าุโหลี่กล่าว เขาสำแดงพิฆาตเทวะ มีหรือเย่เฟิงจะรอดชีวิตไปได้?
“ตาบ้า!” กงซุนหลิงเอ๋อร์สังเกตเห็นสถานการณ์ด้านเย่เฟิง นางจึง้าไปช่วยเย่เฟิง แต่รังสีดาบของผู้าุโหลี่เร็วเกินไป นางจึงทำไม่ได้
“สวะ ครั้งนี้เ้าตายแน่!” อู๋เจ๋อแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น เขารอคอยที่จะได้เห็นเย่เฟิงถูกดาบนี้ฆ่าตาย
ทว่าเย่เฟิงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน เกรงว่ามีเพียงเขาที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ รังสีดาบนั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
เมื่อผู้าุโหลี่เห็นเย่เฟิงนิ่งไม่ไหวติงก็เหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย คล้ายคิดว่าเย่เฟิงยอมแพ้แล้ว จึงไม่พยายามดิ้นรนอะไรเลย
ทว่าตอนที่พิฆาตเทวะสะบั้นของผู้าุโหลี่เข้าใกล้ศีรษะเย่เฟิง จู่ ๆ สถานการณ์ก็พลิกผันอย่างฉับพลัน
ทันใดนั้นอำนาจฟ้าดินปะทุออกจากร่างเย่เฟิง กลายเป็ภูผาแล้วเข้ากดทับผู้าุโหลี่ แม้ผู้าุโหลี่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด แต่ภายใต้แรงกดดันของอำนาจฟ้าดินขั้นกายา่ปลายก็ยังคงทำให้หายใจลำบาก วิถีโคจรรังสีดาบก็เคลื่อนไหวช้าลง ทำให้สีหน้าของผู้าุโหลี่ดูไม่ได้ขึ้นมา พร้อมดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ
สิ่งที่เย่เฟิงควบคุมคืออำนาจหอกขั้นกายาชัด ๆ แต่บัดนี้เย่เฟิงกลับปลดปล่อยอำนาจขั้นกายาอีกชนิดหนึ่ง แล้วจะไม่ทำให้ผู้าุโหลี่ใได้อย่างไร?
เขากระทั่งสงสัยว่าตัวเองกำลังฝัน ในบรรดาคนที่เขารู้จักยังไม่เคยมีผู้ใดมีพลังแห่งอำนาจสองชนิดเช่นนี้ แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวไปกว่านั้นคือ พลังแห่งอำนาจที่เย่เฟิงมีล้วนบรรลุขั้นกายา ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามไม่รอให้ผู้าุโหลี่ในาน เย่เฟิงก็แทงหอกโจมตี ซึ่งเป็กระบวนท่าสุดท้ายของทักษะหอกปลิดชีวี นั่นคือหอกปลิดชีวี ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งอำนาจที่ทรงอานุภาพยิ่งกว่าการโจมตีก่อนหน้านี้หลายเท่า
ใช่แล้ว เย่เฟิงฉวยโอกาสตอนที่ผู้าุโหลี่คิดว่าพิฆาตเทวะสะบั้นของตนสามารถฆ่าเย่เฟิงได้อย่างแน่นอน ทำการปลดปล่อยอำนาจหอกขั้นกายา่ปลายในสภาวะสูงสุด หมายจบศึกต่อสู้ในหนึ่งหอก
ในที่สุดสีหน้าของผู้าุโหลี่ก็เปลี่ยนไปบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขาััถึงพลังสายหนึ่งที่เขามิอาจสู้ด้วยได้ในหอกนี้ของเย่เฟิง แม้แต่พลังของเขาก็ยังมองไม่ออกว่าพลังในหอกนี้ของเย่เฟิงคือสิ่งใด
อำนาจหอกขั้นกายา่ปลาย ไม่มีผู้ใดในเมืองลอยฟ้าที่มีพลังแห่งอำนาจที่แกร่งกล้าเพียงนี้ แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ที่มีอายุไม่ถึง 17 ปีกลับทำได้ มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“ตูม!!!”
ด้วยรังสีหอกที่ผสานด้วยพลังแห่งอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้รังสีดาบของผู้าุโหลี่แตกะเิในพริบตา ตามมาด้วยเสียงดังฉึก รังสีหอกนั่นแทงทะลุหัวใจของผู้าุโหลี่ ทำให้การเคลื่อนไหวของผู้าุโหลี่ค้างเติ่ง ทว่าปากกลับขยับเล็กน้อย “เ้า... เหตุใดเ้าจึงมีพลังมากถึงเพียงนี้!”
เย่เฟิงมองผู้าุโหลี่ด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นได้ยินเสียงดังตุบ ร่างผู้าุโหลี่ล้มไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงใด ๆ ก่อนจะหมดลมหายใจ!
แต่วินาทีที่หมดลมหายใจ ดวงตาคู่นั้นของผู้าุโหลี่กลับเบิกกว้าง เขาไม่คาดคิดว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของตนเองจะมาจบในน้ำมือของชายหนุ่มผู้อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2
