มันเป็การสูดลมหายใจที่เต็มปอดเป็อย่างมากสำหรับมู่จื่อหลิงที่อยู่ในภาวะสมองขาดอากาศอย่างรุนแรงในยามนี้ กล่าวได้ว่ามู่จื่อหลิงซึ่งอยู่ในอาการสับสน ราวกับว่านางกำลังยึดจับฟางเส้นสุดท้ายที่จะสามารถช่วยชีวิตตนจากบนขอบของความเป็และความตายไว้ได้
ไม่ง่ายเลยที่จะสามารถคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ในที่สุด ไหนเลยจะยอมปล่อยมันไป? ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ!
แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลงเซี่ยวอวี่ถึงสามารถอยู่ในน้ำได้นานนัก ทั้งยังมีลมหายใจหลงเหลืออยู่ในร่างมากพอที่จะสามารถปลดปล่อยออกมาได้ แต่เนื่องจากยังมีลมหายใจที่จะมอบให้นาง ดังนั้นจะต้องมีลมหายใจที่สองที่สามตามมาอย่างแน่นอน...
เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด
สติของมู่จื่อหลิงเริ่มเบลอขึ้นเรื่อยๆ...
สัญชาตญาณในการเอาตัวรอด บอกมู่จื่อหลิงผ่านสมองที่มึนงง ว่านางยังไม่พอ มันยังไม่เพียงพอ นางยัง้าอากาศเพื่อช่วยชีวิตมากกว่านี้
อากาศ อากาศ จะมีอากาศได้อย่างไร?
ในเวลาต่อมา มู่จื่อหลิงปล่อยมือที่กำชุดคลุมอาบน้ำบนหน้าอกของหลงเซี่ยวอวี่ไว้อย่างแ่าออก ริมฝีปากของนางขยับออกห่างจากริมฝีปากของเขาเล็กน้อย
มู่จื่อหลิงหลับตาตลอดเวลา ใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดงอมม่วง ในขณะที่หลงเซี่ยวอวี่ลืมตาอยู่ตลอด จ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของมู่จื่อหลิงที่เหี่ยวย่น รับรู้ได้ทุกการเคลื่อนไหวของนาง
เมื่อเขาพบว่ามู่จื่อหลิงละริมฝีปากออกจากตน ฝ่ามือปล่อยชุดคลุมอาบน้ำของตนออก ไม่แม้แต่จะดิ้นรน เขาคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กผู้นี้กำลังตัดสินใจที่จะยอมแพ้แล้ว
ผิวที่เปล่งปลั่งแต่เดิมของหลงเซี่ยวอวี่มืดลงในทันที ดวงตาของเขาคมราวกับมีดคมสองเล่ม จับจ้องมองไปที่มู่จื่อหลิงอย่างดุเดือด
หญิงโง่ผู้นี้ นางไม่สนใจชีวิตของตนเองได้อย่างไร นี่จะยอมแพ้แล้วหรือ?
อย่างไรก็ตาม อย่าว่าแต่อีกคนหลับตาอยู่จึงไม่สามารถมองเห็นดวงตาอันแหลมคมของเขาได้เลย ด้วยต่อให้นางลืมตาอยู่ แต่ในขณะนี้สมองของนางค่อนข้างยุ่งเหยิง จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะสังเกตเห็น นางสนใจเพียงเหตุที่นางเคลื่อนกายออกมา ไหนเลยที่นางจะยังใส่ใจสายตาของเขา
ยามนี้ในใจของมู่จื่อหลิง้าเพียงสิ่งเดียว นาง้าอากาศ อากาศบริสุทธิ์ นางแค่้ามีชีวิตอยู่
หากหลงเซี่ยวอวี่ไม่ยอมมอบลมหายใจให้แก่นาง นางก็จะชิงมันมาด้วยตัวของนางเอง ร้องขอมันเอง...หัวที่วุ่นวายของมู่จื่อหลิงกำลังส่งเสียงพึมพำ ราวกับจะทำให้นางเสียสติ
ในยามที่หลงเซี่ยวอวี่คิดว่ามู่จื่อหลิงกำลังจะยอมแพ้ ขณะที่เขากำลังจะยื่นมือใหญ่ออกมาจับศีรษะของนาง มอบลมหายใจให้กับนางหายใจอีกครั้ง
ทันใดนั้น จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็ลืมตาขึ้นด้วยดวงตาสีแดงกระหายเืคู่หนึ่ง จ้องมองมาที่หลงเซี่ยวอวี่
ั์ตาคู่นั้นดูว่างเปล่าไร้อารมณ์ แต่กลับคมกริบ น่ากลัวและเฉียบคมเหมือนเหยี่ยว [1] ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับกำลังมองเหยื่อที่แสนอร่อย ราวกับว่าจะพุ่งเข้ามากัดกินอย่างโหดร้ายได้ในอีกชั่วพริบตาเดียว
นี่คืออากาศที่นาง้า...มู่จื่อหลิงจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงเย้ายวนใจของหลงเซี่ยวอวี่ ดวงตาของนางหรี่ลงอย่างอันตราย มีจอมวายร้ายที่กำลังส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือจากภายในใจของนางอย่างทุกข์ทรมาน
ด้วยดวงตาที่เร่าร้อนและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้แต่ฉีอ๋องผู้ซึ่งสงบนิ่งและสุขุมเยือกเย็นราวกับเสาค้ำทะเลตงไห่ [2] ตลอดเวลา ยังสามารถเห็นได้ชัดว่าผงะไปครู่หนึ่ง มือที่เขาเพิ่งยกขึ้นแข็งค้างอยู่เหนือศีรษะของมู่จื่อหลิง
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกแ่เบาว่าแท้จริงแล้ว...การได้จ้องมองของผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขา มันส่งผลให้ใจเขาเกิดอาการคันขึ้นมาเบาๆ
หญิงผู้นี้จะทำอะไรอีก? ร่องรอยแห่งความสงสัยส่องประกายในดวงตาสีเข้มของหลงเซี่ยวอวี่
ในไม่ช้า หลงเซี่ยวอวี่ผู้เฉลียวฉลาด ใช้เวลาเพียงพริบตาเขาก็สามารถเดาได้แล้วว่ามู่จื่อหลิง้าจะทำอะไร
หญิงผู้นี้ไม่ได้คิดจะยอมแพ้ แต่นางเพียงรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ ในยามนี้จึงอยากจะคว้าลมหายใจของเขาด้วยตัวของนางเอง
การคาดเดานี้ ไม่จำเป็ต้องรอการยืนยันใดๆ หลังจากนั้นเพียงแวบเดียวมันก็ชัดเจนขึ้นมาแล้ว ด้วยในท้ายที่สุดมู่จื่อหลิงที่ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งยังมีความคิดที่จะทำเช่นนั้น หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกมีความสุขมากภายในใจของเขา
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้หลงเซี่ยวอวี่สับสนอีกครั้ง
เพราะตามปกติแล้ว มู่มู่ของเขาจะไม่มีวันกระตือรือร้นกับเื่เช่นนี้เป็แน่ ความเป็ไปได้เดียวในยามนี้คือนางเสียสติไปแล้ว
เสียสติ? ใจของหลงเซี่ยวอวี่ตึงเครียด ยามนี้หญิงโง่ผู้นี้เสียสติไปแล้ว หากนางหายใจด้วยจมูก ปล่อยให้น้ำเข้าท่วมสมองของนาง เช่นนั้นก็จบแล้ว
แม้ว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์ แต่เขาจะไม่ยอมให้หญิงโง่ผู้นี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไปเพียงเพื่อหาผลประโยชน์ของเขา
เขาอดคิดเื่นี้ไม่ได้ มู่จื่อหลิงยังไม่ทันขยับปาก หลงเซี่ยวอวี่ก็โอบแขนรอบเอวของมู่จื่อหลิงอีกครั้ง เตะเท้าเบาๆ พานางขึ้นสู่ผิวน้ำก่อน
คนสองคนโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำทำให้เกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำที่เคยสงบนิ่ง น้ำกระเพื่อมเป็ระลอก ราวกับว่ากำลังจะรวมตัวเข้ากับคู่รักที่กำลังเอ้อระเหยอยู่ในขณะนี้
ระลอกคลื่นอ่อนโยนนั้นเปรียบเสมือนแพรไหมเนื้อนุ่มที่พลิ้วไหวอย่างแ่เบา ให้ความรู้สึกนุ่มและงดงาม
“มู่...” หลงเซี่ยวอวี่เรียกมู่จื่อหลิงที่เสียสติไปแล้ว
แต่เขาไม่รู้ว่า ทันทีที่ทั้งสองโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ก่อนที่หลงเซี่ยวอวี่จะได้เปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าศีรษะของเขาถูกกุมไว้แน่นโดยมือเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มคู่หนึ่ง
จากจิตใต้สำนึก ทำให้หลงเซี่ยวอวี่กลืนเสียงที่กำลังจะเล็ดลอดออกมากลับเข้าไปในท้องของตนทันที
ในยามนี้จิตใจของมู่จื่อหลิงยังคงสับสน นางไม่รู้เลยว่าตนเองพ้นจากอันตรายแล้ว ไม่รู้ว่านางกำลังหายใจได้อย่างอิสระ
ดังนั้นมันจึงไม่ต่างจากแสงแปลบตอนฟ้าแลบ [3]
นึกว่าจะช้า แต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด [4]
เห็นเพียงมู่จื่อหลิงที่หลับตาลงอีกครั้ง ยกมือขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จับหัวของหลงเซี่ยวอวี่ไว้ด้วยท่วงท่าที่โดดเด่นอย่างไม่อาจเปรียบกับสิ่งใดได้
ร่างกายของหลงเซี่ยวอวี่แข็งทื่อไปชั่วครู่ เขาเกือบจะปล่อยแขนของมู่จื่อหลิง
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง
ในพริบตาต่อมา มู่จื่อหลิงก็ยกปากของนางขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะประกบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของหลงเซี่ยวอวี่ ด้วยการเคลื่อนไหวที่แม่นยำและดุดัน
จากการรับรู้ของนาง ดูเหมือนว่านางจะกลัวที่จะถูกน้ำแทรกซึม นางจึงปิดปากของเขาไว้แน่น ประกบลงมาอย่างแ่าจนอากาศไม่อาจแทรกผ่านได้
มือเล็กๆ ของมู่จื่อหลิงโอบรัดศีรษะของหลงเซี่ยวอวี่แน่น ราวกับว่านางใช้กำลังทั้งหมดในร่างกายของนางในการจับนี้ กดใบหน้าของนางลงมาอย่างสิ้นหวัง พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพุ่งเข้ามาในปากของเขา
ทางด้านหลงเซี่ยวอวี่ เมื่อปากของมู่จื่อหลิงขยับเข้ามาใกล้ปากของเขาอีกครั้ง อารมณ์ที่ซับซ้อนในหัวใจของเขาแทบจะไม่สามารถอธิบายเป็คำพูดได้อีก
ใ ประหลาดใจ เหลือเชื่อ...แต่สิ่งที่มีมากที่สุดคือความประหลาดใจ เขาประหลาดใจมากจริงๆ
ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ช่างกล้าอะไรเพียงนี้
กล้าดีอย่างไรมาแสดงอำนาจเหนือเขา!
ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ!
แต่คราวนี้เขาจะปล่อยให้นางได้แสดงอำนาจอีกสักพัก รอยยิ้มขี้เล่นส่องประกายอยู่ในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ เขา้าที่จะเห็นว่าหญิงโง่ผู้นี้ที่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ นางจะ ‘เอาเปรียบ’ เขาอย่างไรบ้าง
เดิมทีเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่มู่จื่อหลิงกำลังจะริเริ่มได้ แต่ยามนี้...
ในยามนี้ คิ้วและดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่เลิกขึ้นสูง ท่าทางมีความสุขสุดๆ
ในด้านของมู่จื่อหลิง
จากจิตใต้สำนึกของนาง ด้วยนางมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวจากครั้งก่อน
ดังนั้นในครั้งนี้ มู่จื่อหลิงที่ยังคงอยู่ในความสับสน นางจึงแสดงท่าทางดุดันก้าวร้าว [5] ราวกับเสือโคร่งที่หิวโหยกำลังวิ่งตะครุบอาหารของมัน ลิ้นเล็กอ่อนนุ่มและหอมกรุ่นของนาง พุ่งเข้าไปในริมฝีปากบางๆ ของหลงเซี่ยวอวี่อย่างแสดงอำนาจ
แรกเริ่ม นางพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อดูดซับอากาศจากตรงนี้ เพื่ออยากจะขอเศษอากาศที่เหลืออยู่ในปากเขาตามความทรงจำของตน แต่มันกลับไม่ได้ผล
มู่จื่อหลิงที่กำลังสับสนตื่นตระหนกในทันใด นางลงมือหนักขึ้นกว่าเดิม กัดริมฝีปากนุ่มทั้งสองอย่างร้อนรน
ในที่สุด นางก็ประสบความสำเร็จในการแงะฟันแข็งทั้งบนล่างที่ขวางทางนางออกได้สำเร็จ แหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขาตามที่นาง้า...
ในยามที่มู่จื่อหลิงเข้าไปได้ นางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิภายในที่เพิ่มขึ้นเป็ระยะๆ อุณหภูมิจะสูงขึ้นเร็วขึ้นเมื่อลิ้นของนางเข้าไปข้างในได้สำเร็จ จนกระทั่งในตอนท้ายมันร้อนมากราวกับไฟ ใจที่ร้อนรุ่มะโโลดเต้นอย่างแรงด้วยความกลัว
แต่ความเร่าร้อนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเช่นนี้ ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นและสงบ ความรู้สึกที่น่ามหัศจรรย์และแปลกประหลาดนี้ ดูเหมือนจะสามารถขยายไปถึงก้นบึ้งของหัวใจที่แสนจะอ่อนนุ่มของคนได้โดยตรง
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จิตใจของมู่จื่อหลิงที่ตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกค่อยๆ สงบลง
ลิ้นของมู่จื่อหลิงกำลังสำรวจอย่างไร้จุดหมายในพื้นที่ทั้งร้อนและแคบ พยายามใช้กำลังทั้งหมดของนางเพื่อคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตตนเองได้ในยามนี้ อยากพบกับอากาศที่ใจนางปรารถนา
แต่ในเวลานี้ ปลายลิ้นของนางัักับบางสิ่งที่ร้อนแผดเผาแต่เปียกและลื่นไหล มันทำให้ร่างกายของมู่จื่อหลิงสั่นสะท้านในทันที
ตามสัญชาตญาณมู่จื่อหลิงอยากจะถอนลิ้นของนางออก แต่ก่อนที่นางจะถอนตัวออกมาได้แม้เพียงเศษเสี้ยว ทันใดนั้น ก็มีอากาศบริสุทธิ์พัดเข้ามาในปากของนางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
นี่คือลมหายใจที่คุ้นเคย อากาศช่วยชีวิตที่นางพยายามค้นหาเมื่อครู่นี้ มู่จื่อหลิงกลืนอากาศอย่างตะกละตะกลามเข้าไปในปอดที่ว่างเปล่าของนางโดยไม่รู้ตัว
เพียงครู่เดียว นางรู้สึกได้เพียงว่าปอดที่หายใจไม่ออกของนาง เหมือนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว
แต่อย่างไรก็ยังไม่เพียงพอ
นางไม่อาจหายใจได้เป็เวลานาน อีกทั้งนางก็กำลังจะตาย
อากาศเพียงเล็กน้อยนี้ไม่ทำให้มู่จื่อหลิงพึงพอใจ นางขยับริมฝีปากของตนต่ออีกเล็กน้อย พยายามสูดอากาศนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่านางจะพยายามเพียงใด ในยามนี้นางก็ไม่สามารถดูดซับลมหายใจที่คุ้นเคยนี้ได้อีก
หลงเซี่ยวอวี่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาถูกมู่จื่อหลิงกลั่นแกล้งโดยที่นางก็ไม่รู้ตัว กลุ่มเปลวเพลิงขนาดเล็กที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นมาในร่างกายของเขา
เขาเกรงว่า เกรงว่าหากยังเป็เช่นนี้ต่อไป หญิงผู้นี้จะต้องถูกเขาจัดการเป็แน่
จัดการกับนางหรือ? หากครึ่งเดือนก่อน ในยามที่เขายังไม่รู้ความลับ บางทีเขาอาจจะไม่สามารถยับยั้งแรงกระตุ้นนี้ได้ และเขาก็คงจะทำมันกับนางจริงๆ
แต่ไม่ใช่กับยามนี้ ไม่ใช่อย่างเด็ดขาด เขาไม่สามารถทำตามความ้าที่ผุดขึ้นมาเพียงประเดี๋ยวประด๋าวนี้ได้ ด้วยการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาเสียใจไปตลอดชีวิต
เขาดีใจมากที่ได้รู้ความลับก่อนหน้านั้น เขาดีใจมากที่หญิงโง่ผู้นี้ผลักเขาออกไปในยามที่อยู่ในรถม้าในวันนั้น
ดีใจจริงๆ!
ในยามที่หลงเซี่ยวอวี่ระงับเปลวเพลิงในร่างกายของเขาและกำลังจะผลักมู่จื่อหลิงออกไป...
แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่า ผู้หญิงตัวเล็กในอ้อมแขนของเขา นางจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เมื่อไม่สามารถได้ในสิ่งที่นาง้า มู่จื่อหลิงซึ่งยังคงหลับตาอยู่ จึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
หรือว่าจะเป็เพราะสิ่งอ่อนนุ่มที่ััโดนเมื่อครู่?
ดังนั้น คราวนี้มู่จื่อหลิงที่ยังคงอยู่ในอาการสับสน ได้เพิ่มความกล้าขึ้นเล็กน้อย รวบรวมกำลังที่นางมี ค่อยๆ ยื่นปลายลิ้นออกมาช้าๆ...
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะัักับสิ่งที่ร้อนและลื่นที่คอยแผดเผาเมื่อครู่นี้ ก็ได้ยินเสียงอู้อี้ที่ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ดังแ่เบาในหูของนาง
มู่จื่อหลิงขมวดคิ้ว เหตุใดถึงมีเสียงอยู่ในน้ำได้?
แน่นอนว่า ไม่รอให้สติของนางหวนคืนกลับมาได้ หลังจากนั้นในทันที ลิ้นของนางก็ถูกสิ่งที่ลื่นและอ่อนนุ่มพันไว้แน่น ถูกล้อมรอบอย่างแ่า
ในชั่วพริบตา ความรู้สึกที่คุ้นเคยและน่าตื่นเต้นแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของมู่จื่อหลิงในทันที ความรู้สึกนี้ทำให้นางทั้งโหยหาและใจสั่น ในท้ายที่สุด นางก็ตอบสนองด้วยการหดลิ้นของนางกลับเข้าไปในปากของตน
แต่ใครจะรู้ ก่อนที่นางจะหุบปากและกัดฟันได้ สิ่งที่เปียกลื่นกำลังไล่ตามลิ้นของนางเข้ามา
ทันใดนั้นสิ่งนั้นก็ติดตามลิ้นของนางเข้ามา บุกเข้าไปในปากของนางโดยไม่ลังเล เข้าไปพัวพันกับลิ้นของนางอย่างแแ่อีกครั้ง
สิ่งที่ร้อนรุ่มแผดเผา มันวนเวียนอยู่ภายในปากของนาง ทั้งดุร้ายและทรงพลัง จนทำให้ความรู้สึกของนางพลิกกลับไปกลับมา
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] น่ากลัวและเฉียบคมเหมือนเหยี่ยว (鹰隼般锐利骇人) เป็วลี มีความหมายว่า สายตาที่มีความมุ่งร้ายทำให้แลดูน่ากลัว ส่วนมากจะใช้ในสถานการณ์ที่มีการจ้องมองราวกับจะฆ่าให้ตาย
[2] เสาค้ำทะเลตงไห่ (定海神针) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า สิ่งที่มีความยิ่งใหญ่ ทรงพลัง คอยค้ำจุนไม่ให้เกิดความวุ่นวาย มีที่มาจากเื่ไซอิ๋ว
[3] แสงแปลบตอนฟ้าแลบ (电光火石) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหายวับไปในทันทีโดยที่บางครั้งหายไปเร็วมากจนไม่ทันรู้ตัว
[4] นึกว่าจะช้า แต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด (说时迟那时快) เป็สำนวน มีความหมายว่า เร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือจังหวะชั่วพริบตาเท่านั้น นิยมใช้กับการเอาตัวรอดสำเร็จได้ในสถานการณ์คับขัน
[5] ท่าทางดุดันก้าวร้าว (气势汹汹) เป็คำอธิบายท่าทางอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็ท่าทางที่ใช้ในการคุกคามและข่มขู่อีกฝ่ายไปในตัว