“ท่านประธาน คุณหนูรอง” โจวลี่ฉีเดินมายืนข้างพวกเขาทั้งคู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อุ้ย! เลขาโจวนี่เองบังเอิญจังเลยนะคะ แต่บังเอิญเหมือนกันที่ฉันไม่ค่อยชอบร่วมโต๊ะกับคนอื่นสักเท่าไร”หยิ่นยวี๋ซินมองโจวลี่ฉีด้วยสายตาเอาเื่ หล่อนไม่ใช่หยิ่นยวี๋โม่หล่อนไม่มีทางให้เลขาที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามารังแกหรือจะพูดว่าหล่อนเป็ผู้หญิง ผู้หญิงซึ่งมีสัญชาตญาณความเป็หญิงอยู่ อย่างไรเสียโจวลี่ฉีต้องคิดอะไรกับมู่อี้หานแน่ๆ
เมื่อได้ฟังคำพูดของหยิ่นยวี๋ซิน มันทำให้โจวลี่ฉีถึงกับหน้าชาคำพูดของคุณหนูรองของตระกูลหยิ่นล้วนไม่ใช่สิ่งที่เ้านายที่ดีควรกล่าว แต่คำพูดเ่าั้กลับไม่ผิดแม้แต่คำเดียว
ด้านมู่อี้หานเขาไม่สนใจหญิงสาวทั้งสองตรงหน้าสักนิด ใจของเขาไม่ได้อยู่ที่พวกเธอทั้งคู่และมันยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจนักกับการอิจฉาริษยากันออกนอกหน้า
“ดิฉันคงรบกวนเวลาของคุณหนูรองจริงๆ ค่ะ” เดิมทีโจวลี่ฉีอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่เมื่อเห็นแววตาที่ไม่ยี่หระของมู่อี้หานที่มีต่อพวกเธอทั้งคู่มันทำให้เธอต้องหยุดความคิดนั้นไปก่อน
หยิ่นยวี๋ซินวางแก้วในมือลง “อี้หาน ฉันกินเสร็จพอดีเลย งั้นพวกเราไปกันเลยดีกว่านะคะ?” หล่อนไม่ชอบสายตาของโจวลี่ฉีที่มองมู่อี้หาน
“ยวี๋ซิน เดี๋ยวผมให้คนขับรถส่งเธอกลับก็แล้วกัน” มู่อี้หานไม่ปฏิเสธอะไร
“ฉันยังไม่อยากกลับเลย ฉันขอไปทำงานกับคุณด้วยสิฉันสัญญาเลยนะว่าจะไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณแม้แต่นิดเดียว”หยิ่นยวี๋ซินเกาะแขนของเขาทันที หล่อนยกมือ ชูสามนิ้ว ทำท่าสัญญาด้วยใบหน้าน่ารัก
มู่อี้หานพยักหน้า “งั้นไปกันเถอะ”หยิ่นยวี๋ซินและมู่อี้หานเดินออกจากร้านอาหารด้วยความสนิทสนม
เหอหยาชิงขับรถผ่านมาพอดีคิ้วของหล่อนเลิ่กขึ้นเล็กน้อย “หยิ่นยวี๋ซิน? เธอกลับมาได้ยังไง?”หล่อนพึมพำออกมาเบาๆ
“หยาชิง เป็อะไร? เจอคนรู้จักเหรอ?”ชายหนุ่มรูปหล่อซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับถามขึ้น “ไม่มีอะไร! ใครจะไปรู้จักกับยัยนั่นกัน!” ทุกครั้งที่หยิ่นยวี๋ซินทำตัวจองหองพองขน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตามันทำให้หล่อนรู้สึกแย่ มู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินขึ้นรถไปด้วยกัน รถที่เหอหยาชิงนั่งมากำลังขับผ่านจุดนั้นพอดีทำให้รถทั้งสองคันขับสวนกันไป
เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ตื่นมาพบว่ามู่อี้หานไม่ได้อยู่ในห้องแล้วแววตาของเธอเริ่มเศร้าหมอง ความอบอุ่นของเมื่อวานยังอบอวลอยู่ภายในห้อง แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกว่าทั้งหมดมันราวกับฝันไป
“คุณหนูคะ” เสียงแม่บ้านโจวเคาะประตูทำให้เธอกลับมารวบรวมสติได้อีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงขานรับของเธอแม่บ้านโจวจึงผลักประตูเข้าไป “คุณหนูคะคุณผู้ชายโทรมาบอกว่า วันนี้่เที่ยงอยากให้คุณหนูไปรับประทานอาหารด้วยกันค่ะ”หยิ่นยวี๋โม่สวมเสื้อคลุมของเธอเท้าเปลือยเปล่าเหยียบอยู่บนพรหมนุ่มๆ “แล้วยวี๋ซินล่ะ?”
“คุณหนูรองออกไปกับคุณชายั้แ่เช้าแล้วค่ะ” แม่บ้านโจวพูดความจริง แต่ความจริงนั้นกลับทำให้หยิ่นยวี๋โม่ยิ่งเศร้าใจสุดท้ายพวกเขาก็ไปด้วยกัน
หยิ่นยวี๋โม่ยืนอยู่ริมหน้าต่างในห้องตามลำพังลมเย็นๆ ที่พัดผ่านช่องหน้าต่างความหนาวเย็นในฤดูหนาวทำให้มีไอน้ำเกาะอยู่ที่กระจก จากหน้าร้อนจนถึงหน้าหนาว เป็เวลากว่าครึ่งปีแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อกันมันจริงไหม? หัวใจของเธอมีเขาอยู่เสมอ แล้วหัวใจของเขาล่ะ?
จู่ๆ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนน่ารำคาญเธอจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ หน้าจอแสดงเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก
“พี่คะ”เมื่อเธอรับเสียงอันร่าเริงสดใสของหยิ่นยวี๋ซินก็ดังขึ้น
“พี่ ตอนเที่ยงมากินข้าวด้วยกันไหม? อี้หานบอกว่าจะพาพวกเราไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยนะ” หยิ่นยวี๋ซินโทรมา เพื่อไม่อยากให้หยิ่นยวี่โม่ไปด้วย
หล่อนอยู่กับมู่อี้หานมาตั้งนานเขาเพิ่งจะตกลงพยักหน้าพาเธอไปทานอาหารเที่ยง แต่เขาดันชวนหยิ่นยวี๋โม่ให้ไปด้วยกันสามคนกับอาหารหนึ่งมื้อ หล่อนไม่เอาด้วยหรอกนะ
“พี่ไม่ไป”หยิ่นยวี๋โม่พูดตอบไปห้วนๆ
เพราะสายโทรศัพท์นั่นใบหน้าของหยิ่นยวี๋ซินถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจแต่ทว่าน้ำเสียงของหล่อนกลับทำเหมือนไม่ค่อยดีใจสักเท่าไร
“ว้า! งั้นครั้งหน้าเราไปกินข้าวด้วยกันใหม่นะคะพี่” หยิ่นยวี๋โม่วางสายไป ทิ้งตัวลงบนโซฟา เธอควรที่จะตัดใจใช่ไหม? การรักเขาข้างเดียวมาเป็สิบปี แม้แต่งานแต่งงานก็ไม่ใช่ของเธอแต่ทำไมมันเหมือนเธอกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง หลังจากครึ่งเดือนที่หยิ่นยวี๋ซินกลับมานอกจากในห้องหยิ่นยวี๋โม่กับมู่อี้หานได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นดูเหมือนเธอกำลังเป็ฝ่ายที่ถูกลืมเลือน คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันสดใสของหยิ่นยวี๋ซินหรือจะพูดว่า ั้แ่หยิ่นยวี๋ซินปรากฎตัว คฤหาสน์ก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่อี้หานที่มีมากขึ้น
หยิ่นยวี๋โม่นั่งอยู่เพียงลำพังในขณะที่มือของเธอกอดหนังสือเอาไว้ความจริงเธอไม่มีความกล้าพอ ไม่แม้แต่จะเดินลงไปข้างล่าง เห็นสามีของตัวเองกับน้องสาวสนิทชิดเชื้อกันแบบนั้น
มู่อี้หานยืนนิ่งตรงหน้าห้องนอนอยู่ก่อนแล้วเขาเห็นเธอหยิบหนังสือขึ้นมากอด และนั่งเหม่อมองออกไปด้านนอก ประตูค่อยๆ ปิดเข้ามาเขาเดินไปหยิบหนังสือออกจากมือของเธอ
“คุณ คุณกลับมาั้แ่เมื่อไร?”หยิ่นยวี๋โม่มองเขา ไม่ใช่ว่าเขาออกไปกับหยิ่นยวี๋ซินหรือ?
“ถามคำถามแบบนี้กับผม คุณนี่เป็ภรรยาที่ไม่รู้จักหน้าที่เลยนะ หืม?” เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจอุ่นๆของเขาปะทะเข้ากับแก้มของเธอ
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ” หยิ่นยวี๋โม่ส่ายหน้าเขาเคยเห็นเธอเป็ภรรยาจริงๆ หรือ? ทำไมนอกจากหน้าที่บนเตียงที่สามีภรรยาต้องทำ เธอถึงไม่เคยรู้สึกว่าเขาเห็นเธอเป็ภรรยาเลย?
“พรุ่งนี้เย็นมีงานเลี้ยง คุณเตรียมตัวไว้ด้วย แล้วไปด้วยกันกับผม” มือใหญ่ของมู่อี้หานหายเข้าไปในชุดคลุมอาบน้ำ ลูบไล้ไปที่หลังของเธอ
“ฉันไม่ไปได้ไหม?” หยิ่นยวี๋โม่พยายามเบี่ยงตัวออกจากมือที่ซุกซนของเขา
“คุณเป็คุณนายมู่ ถ้าคุณไม่ไป แล้วจะให้ใครไปล่ะ?” เสียงของเขาดูอ่อนโยน เหมือนไม่ได้บังคับเธอ แต่สำหรับเธอ เธอรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปฏิเสธเขาได้
มือใหญ่ของเขาปลดเสื้อคลุมอาบน้ำของเธอออกแววตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นหน้าอกหน้าใจอันอวบอิ่มของเธอ ยังมิทันไรมือใหญ่คว้าเอาความนุ่มข้างหนึ่งของเธอเอาไว้
“อย่า...ไม่...” หยิ่นยวี๋โม่พยายามอดทนไม่ให้ตนโอนอ่อนไปตามมู่อี้หานเขาเลิ่กคิ้วขึ้น มองด้วยแววตาเฝ้ารอเหตุผลที่เธอปฏิเสธเขา
“คือ...วันนี้...ฉันไม่สะดวก” หยิ่นยวี๋โม่อยากให้มันจบๆ จึงตอบแบบขอไปที
“ไม่สะดวก?” มือของเขาค่อยๆไล้มาจนถึงใต้ท้องน้อย “ตรงนี้หรือเปล่านะที่ไม่สะดวก?”
“ไม่...”หยิ่นยวี๋โม่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเขาก็ถอดทุกอย่างบนตัวเธอจนหมด
“โกหกผมทำไม?” ริมฝีปากของมู่อี้หานประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอมันไม่ใช่การจูบที่อ่อนโยน ไม่ใช่การจูบที่เร่าร้อน มันมีแต่ความโมโหและความโกรธ
“โม่โม่ คุณควรจะรู้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์มาพูดคำว่าไม่กับผม!” เขากดเธอลงกับเตียงทันที
“ทำไม?” มือของหยิ่นยวี๋โม่ดันหน้าอกของเขาเอาไว้
มู่อี้หานเอามือของเธอออก “ไม่มีทำไมทั้งนั้น! มีแค่ผม้าหรือไม่้าเท่านั้น!”
“ถึงยังไงคุณก็ไม่รักฉัน”หยิ่นยวี๋โม่พูดออกมาเบาๆ “คุณไม่รักฉันเลย!” สิ่งที่เธอพูดมันทำให้เขานิ่งไป
“แค่คุณรักผม มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?” แต่แค่ครู่เดียวโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว เขาเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ที่มุมปาก และบรรจงจูบไปทุกซอกทุกมุมของเธอ
“ต่อไปนี้ และตลอดไป อย่าพูดคำว่าไม่กับผมอีก!” ระหว่างที่พูดไปเขากัดไปที่ไหล่ของเธอ เพื่อเป็การลงโทษ และให้เธอจำไว้ให้ดีว่าเขาคือเ้าชีวิตของเธอ