หยิ่นยวี๋โม่ถอดชุดคลุมออกลุกขึ้นจากเตียงอย่างแ่เบา สิ่งที่เขาอยากได้อยู่ทุกคืน ไม่ใช่ความรัก แต่เป็แค่เซ็กส์เท่านั้นระหว่างเธอกับเขามีเพียงเท่านี้จริงๆ ใช่ไหม?
การกลับมาของหยิ่นยวี๋ซินมันทำให้หยิ่นยวี๋โม่ยิ่งต้องเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง เป็เพราะเดี๋ยวเขาก็ดีเดี๋ยวเขาก็ร้าย บางเวลาเขาดูเป็ห่วง แต่บางเวลาเขาก็ไม่ใส่ใจ ที่เขาทำแบบนี้เพราะเขาอยากให้หยิ่นยวี๋ซินไม่มีความสุขอยากจะให้หยิ่นยวี๋ซินชดใช้ที่หนีงานแต่งงานไปหรือเป็เพราะเขารู้สึกอะไรกับเธอจริงๆ ?
หยิ่นยวี๋โม่นั่งขดตัวอยู่บนโซฟามองชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง จู่ๆ น้ำตาเธอก็ไหลรินอาบแก้มทั้งสองอย่างเงียบๆถ้ามู่อี้หานไม่เข้ามาในตระกูลหยิ่น ถ้ามู่อี้หานไม่ทำตัวอวดดีถ้ามู่อี้หานไม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และถ้าเขาไม่ได้่ชิงความบริสุทธิ์เธอไป
เธอคงจะไม่หวั่นไหวไปกับเขาใช่ไหม? เธอคงไม่ทุ่มเท ไม่ใส่ความรู้สึกของตัวเองลงไปใช่ไหม?
อย่างไรเสียถึงตอนนี้เธอจะไม่อยากจบชีวิตการแต่งงานแม้ว่าไม่กี่วันมานี้ เธอได้รู้ว่าหยิ่นยวี๋ซินยังคงรักมู่อี้หาน
ด้วยสายตาของหยิ่นยวี๋ซินที่จ้องมายังมู่อี้หานมันเต็มไปด้วยความเสน่ห์หา และแม้ว่าความจริงหยิ่นยวี๋ซินและมู่อี้หานจะเป็คู่ที่ทุกคนยอมรับ ถ้าเป็แบบนั้นสุดท้ายเธอจะไม่ทำอะไรแบบนั้นใช่ไหม?
มู่อี้หานลืมตาขึ้นมองหยิ่นยวี๋โม่ซึ่งผล็อยหลับไปบนโซฟา เขาเดินไปยังโซฟานั้นใช้ปลายนิ้วบีบคางของเธอลงมา ด้วยใบหน้าที่โมโหร้าย
“โม่โม่ นี่คุณเป็อะไรกันแน่?” เสียงของเขาเ็า ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ หยิ่นยวี๋โม่ตื่นขึ้นเพราะความเจ็บและมองไปที่มู่อี้หาน
“ฉันเปล่า” เธอมีสิทธิ์โกรธเขาได้ด้วยหรือ? เธอคิดว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอมันเป็แค่ความรังเกียจ
มู่อี้หานรวบตัวเธอขึ้นจากโซฟาแล้วเหวี่ยงเธอลงไปที่เตียงอย่างแรง “หยิ่นยวี๋โม่ ตอนนี้คุณคิดยังไงล่ะ?”
“ฉันมีสิทธิ์เลือกได้ด้วยเหรอ?” หยิ่นยวี๋โม่ซึ่งขดตัวอยู่บนเตียง พร้อมหรี่ตาลง “ถ้าฉันเลือกได้ ฉันจะไม่เอาตัวเองไปสลับกับใคร ถ้าฉันเลือกได้ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
“หมายความว่าตอนนี้คุณเสียใจแล้วงั้นสิ” มู่อี้หานกัดฟันพูดออกมาในทุกๆ คำด้วยความโมโห ผู้หญิงคนนี้เพิ่งพูดว่าถ้าเธอเลือกได้จะไม่มีวันแต่งงานกับเขา!
“ตอนนี้ยวี๋ซินกลับมาแล้ว ถ้าคุณอยากจะเริ่มต้นใหม่กับเธอ ฉันสนับสนุนคุณเต็มที่” ขณะที่หยิ่นยวี๋โม่กำลังพูด หัวใจของเธอเ็ปกว่าใครทั้งหมด
สนับสนุน? พูดง่ายดีนี่ แต่ถ้าจะให้เขาทำ คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นน่ะหรือ? ยิ่งมู่อี้หานได้ฟังคำพูดของหยิ่นยวี๋โม่ ยิ่งเหมือนการสุมไฟในอกของเขาเขาหันหลังเดินตรงไปยังหน้าตู้เสื้อผ้า หยิบชุดสูทของชายหนุ่มปริศนาคนนั้นออกมา
“คุณอยากไปอยู่กับไอ้ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม? คุณยังเก็บสูทมันไว้ไอ้ผู้ชายหน้าไหนมันทำให้เธอใส่ใจมันได้ขนาดนี้ มันคงทำให้คุณอยากหนีไปจากผมให้ไวเลยสิท่า?”
“ไม่...” หยิ่นยวี๋โม่กำลังเอ่ยปาก ทว่าสูทตัวนั้นกลับถูกโยนลงไปกองกับพื้นอีกครั้งและกล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงก็หล่นออกมา จิตใต้สำนึกของหยิ่นยวี๋โม่สั่งให้เธอรีบะโลงจากเตียงเพื่อเก็บกล่องนั้นไว้แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
มู่อี้หานเปิดกล่องผ้านั้นดูและพบว่าข้างในเป็กำไลหยกที่งดงามมาก และเป็กำไลหยกขาวที่อยู่ในงานประมูลการกุศลแล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในมือของเธอได้?
“นี่เป็ของขวัญที่ผู้ชายคนนั้นให้คุณใช่ไหม?” มู่อี้หานรั้งเอวเธอจนแน่น เพื่อให้เธอมาอยู่ตรงหน้าเขา “คืนนั้น คุณไปเจอเขามาใช่ไหม?”
“ฉันเปล่า ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็ใคร” หยิ่นยวี๋โม่เอื้อมมือเพื่อเอากล่องกลับคืนมา แต่เขาบ่ายเบี่ยง
“บอกผมมาว่ามันเป็ใคร แล้วผมจะคืนให้ ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องทำลายไอ้กำไลข้อมือนี้ทิ้งซะ” มู่อี้หานกำลังจะโยนกำไลข้อมือนี้ทิ้งไป แต่หยิ่นยวี๋โม่ก็คว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้ “อย่า...ฉันขอร้องล่ะ อย่าโยนมันทิ้งเลยนะ”
“เพื่อไอ้กำไลบ้าๆนี่ คุณถึงกับยอมขอร้องผมเชียวเหรอ?” มู่อี้หานมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “คืนนั้นคุณเป็คนบอกผมว่าไม่ต้องประมูล ไม่ต้องซื้อมันมาที่แท้ก็ทำเพื่อผู้ชายคนอื่น”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันแค่คิดว่ามันแพงเกินไปแค่นั้นเอง” หยิ่นยวี๋โม่แค่ไม่อยากรู้สึกติดค้างเขาและถ้าวันหนึ่งได้มีโอกาสพบผู้ชายคนนั้น เธอจะส่งคืนกำไลหยกคืนให้เขาคนนั้น
“เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ?” มู่อี้หานไม่เชื่อน้ำคำของเธออีกต่อไป “คุณเป็คุณหนูแห่งตระกูลหยิ่น คุณรู้อยู่แล้วว่าสถานะแบบคุณมีเงินตั้งเท่าไรกับไอ้แค่กำไลอันเดียว แค่คุณกะพริบตา คุณก็ซื้อได้แล้ว”
เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเธอไม่เคยรู้เลยว่าสถานะทางสังคมของเธอเป็เช่นไร เธอรู้เพียงว่าเธอมีหุ้นอยู่ในหยิ่นซื่อกรุ๊ปเพียงเล็กน้อยและที่เธอรู้อีกอย่างก็คือ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่หยิ่นซื่อกรุ๊ปกลายเป็บริษัทขนาดใหญ่เติบโตได้มากขนาดนี้ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็ฝีมือของมู่อี้หาน
“ฉัน...ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร คุณก็จะไม่เชื่อฉันเลยใช่ไหม?”หยิ่นยวี๋โม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และกล่าวออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรงมู่อี้หานเห็นใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยของเธอ หัวใจที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลง
“ลองพูดมาสิ แล้วผมจะฟัง” จะเชื่อหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา หยิ่นยวี๋โม่ก้มหน้าลงความจริงเธอไม่มีอะไรจะพูดอีก มู่อี้หานจึงโยนกล่องผ้าสีแดงในมือทิ้งไปที่โซฟาแล้วรวบตัวเธอขึ้น “โม่โม่ ผมให้โอกาสคุณแล้วนะแต่คุณไม่คว้าไว้เอง!”
หยิ่นยวี๋โม่รู้สึกได้ว่าตนถูกเขาโยนขึ้นมาบนเตียงและถูกกดทับด้วยร่างกายของเขา “ผมจะทำให้คุณลืมไอ้ผู้ชายบ้านั่น” แม้ร่างที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงแต่กลับไร้ซึ่งความอบอุ่นจากความรัก สิ่งที่เธอรู้สึกมีเพียงความโกรธแค้นของเขาเท่านั้น
“อี้หาน พี่” จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก หยิ่นยวี๋ซินเดินเข้ามาโดยไม่ยอมเคาะประตูจึงบังเอิญเจอกับฉากรักฉากนี้เข้า มือของมู่อี้หานดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของพวกเขาทั้งคู่
“ออกไป!” เขาไม่มองหยิ่นยวี๋ซินแม้แต่หางตาน้ำเสียงที่ด้านชาและร่างของผู้หญิงที่อยู่ด้านล่าง เธอกัดริมฝีปากของเธอจนแน่นรอยน้ำตายังคลออยู่ที่ขอบตา
หยิ่นยวี๋ซินได้แต่เงียบและวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับปิดประตูกลับไปอีกครั้ง ร่างของหล่อนแทบไม่มีแรงยืนจนต้องพิงกำแพงไว้เมื่อเห็นพวกเขาทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน เห็นพวกเขากำลังทำเื่แบบนั้นบนเตียง
มู่อี้หานเคยเป็ผู้ชายของเธอ! เธอยิ่งไม่มีวันยอมแพ้ มันต้องมีสักวันที่หล่อนจะไล่หยิ่นยวี๋โม่ออกไปหล่อนไม่มีวันที่จะให้หยิ่นยวี๋โม่มาแย่งผู้ชายที่เป็ของหล่อน
“ตอนนี้คุณปล่อยฉันได้หรือยัง?”หยิ่นยวี๋โม่เอ่ยปากถาม ความอบอุ่นที่เขามีให้เธอ มันไม่ใช่ความรักแต่เป็ความโกรธแค้น ที่เขาแค่ระบายออกมา
“ปล่อยงั้นเหรอ? อย่าแม้แต่จะคิด” ครั้งนี้มู่อี้หานล่วงล้ำร่างกายของเธอมากกว่าทุกครั้ง จนทำให้หยิ่นยวี๋โม่ถึงกับหมดสติไปเขาถึงได้ออกจากตัวเธอ
“โม่โม่ ผมไม่วันปล่อยคุณไปเด็ดขาด” เขาโน้มตัวลงประทับรอยจูบที่ปากแดงระเรื่อของเธอเขาได้ลั่นวาจาต่อเธอกับสิ่งที่เขาคิดไปแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ไม่ว่าสุดท้ายในใจของเขาจะเป็ความเคียดแค้น เกลียดชัง หรือเป็ความรู้สึกดีๆที่มีต่อเธอ เขามันเป็คนไร้หัวใจ จะมาเปลี่ยนไปเพราะหยิ่นยวี๋โม่ได้อย่างไรกัน
มู่อี้หานซ่อนความอ่อนโยนเอาไว้อีกครั้งเขามันคนไม่มีหัวใจ ไม่ว่าจะวิธีไหน ยิ่งสำหรับคนตระกูลหยิ่นยิ่งห้ามใจอ่อนเด็ดขาด