ตลอดมา คนที่ถูกเรียกอย่างลับๆ ว่าเ้าแคระมือเชือดให้แก่ค่ายทหาร คิดว่าโจวอี้หนานช่างคลับคล้ายตัวเองในแรกเริ่ม มีทั้งแข็งแกร่งและลังเล ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความขัดแย้ง ทว่าทุกคดีก็จะทำอย่างถึงที่สุด ไม่กลัวว่าจะทำผิดต่อใคร อีกทั้งมีความเมตตาเช่นอิสตรี ดังนั้นเขาถึงปฏิบัติต่อโจวอี้หนานเป็พิเศษ หลายครั้งเหลือเกินที่เมื่อโจวอี้หนานกระทำความผิดแล้ว ไหลจวิ้นเฉินจะไม่รับผิดชอบอะไรให้ลำบาก
ไหลจวิ้นเฉินเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกนี้คือจิตใจประเภทไหน
อาจเพราะ้าให้ไหลจวิ้นเฉินไม่เป็เหมือนเช่นเขา มองข้ามความถูกผิดร้องขอผล? หรือว่า้าให้โจวอี้หนานรักษาสภาพจิตใจขณะนั้นของตัวเองให้คงอยู่ ให้นำหน่วยรักษากฎหมายดำรงอยู่โดยราบรื่นต่อไป ไม่ให้เหมือนกับคนอื่นที่เป็ผู้รักษากฎ แต่ทำตัวไม่ต่างอะไรกับเครื่องมือ
เขากำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าเื่ประหลาดกลับเกิดขึ้นเสียก่อน
ณ คุกแสงขังสี่ั เกิดเสียงกระบี่โหยหวนประหลาด
ไหลจวิ้นเฉินสีหน้าเปลี่ยน เขากางนิ้วออกไป กระบวนอักขระแสงจุดประกายบานประตูรูปวงรี แสงกระบี่สีเงินแล่นผ่านประตูวงรีนั้น พริบตาเดียวก็มาถึงหน้าไหลจวิ้นเฉินและโจวอี้หนานทั้งคู่ กลายเป็กระบี่ขนาดย่อมยาวเท่านิ้วเดียวแขวนลอยกลางอากาศ เคลื่อนไหวว่องไว มีอักขระประหลาดโคจรเคลื่อนที่รอบตัวกระบี่ขนาดย่อมสีน้ำเงิน
กระบี่สั่งแสงน้ำเงิน!
กระบี่สั่งแสงน้ำเงินของผู้บัญชาการทัพหน้า
ไหลจวิ้นเฉินหลับตา ปากขมุบขมิบเหมือนว่าสื่อสารกับกระบี่สั่งนี้ได้
ต่อมา กระบี่สั่งแสงน้ำเงินก็ลับหายขึ้นสู่ฟ้า ก่อนอันตรธานไปในราตรี
ไหลจวิ้นเฉินมองโจวอี้หนานที่ทำหน้าตาตระหนกแล้วยิ้ม “ความตรงไปตรงมาของเด็กเยี่ยงเ้า บางครั้งบางคราก็มากดีเสียจริงนะ ถ่งช่วยสั่งมาว่าเื่สอบสวนเพื่อปลดเวินหว่าน ตอนนี้หมดความผิดถูกปล่อยตัวแล้ว”
โจวอี้หนานนิ่งค้าง
“เ้าเวินหว่านนี่ดวงแข็งเสียจริง ถึงขั้นยุท่านใต้เท้าหลิวสุยเฟิงลับหลังให้ออกคำสั่งกระบี่สั่งแสงน้ำเงินให้พวกเราปล่อยตัวด้วยตัวเอง” ั์ตาตี่เล็กน้อยของไหลจวิ้นเฉินแอบซ่อนไอแสงน่าพิศวงเอาไว้ เขาเสริม “ดูเหมือนใต้เท้าหลิวสุยเฟิงจะใส่ใจเ้าเวินหว่านนี่เหลือเกิน”
เอ่ยไม่ทันจบ
“กี๊ซซ!”
เสียงอินทรีประหลาดดังมาจากคุกแสงขังสี่ั
โจวอี้หนานสีหน้าเปลี่ยนระลอกโต
ไหลจวิ้นเฉินก็ใจสั่นเล็กน้อยไม่แพ้กัน
เห็นเห็นอินทรีั์สีดำเพ่งมองลงมาจากเบื้องฟ้า ปีกดั่งไอดาบสายฟ้าแห่งเทพเ้า เห็นได้ชัดว่าข้ามผ่านเยื่อแสงของคุกแสงขังสี่ัมาได้อย่างไร้ด่างพร้อย มันพุ่งเข้ามาตรงหน้าทั้งสอง กลายเป็กลุ่มแสงสีดำที่ตกอยู่ในมือไหลจวิ้นเฉินในที่สุด กลับกลายเป็หยกอินทรีดำ
หยกอินทรีดำของสำนักเ้าด่าน
ของส่งข่าวและคำสั่งจากสำนักเ้าด่าน มีอำนาจบารมีสูงยิ่งกว่ากระบี่สั่งสีน้ำเงินเสียอีก
ไหลจวิ้นเฉินหักห้ามความตื่นตะลึงในตัวตน เขาเร่งกำลังภายในเข้ารับข้อมูลนั้นมาอ่าน
สิบอึดใจต่อมา หยกอินทรีดำก็กลายเป็อินทรีั์ใหม่อีกครั้ง มันโบกบินขึ้นสู่ฟากฟ้า
ไหลจวิ้นเฉินไม่กล้าละเลย เขาและโจวอี้หนานค้อมกายส่งหยกอินทรีดำจากไป
ณ ด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้ หยกอินทรีดำคือสัญลักษณ์ของอำนาจบารมีสูงสุด ข้อมูลที่แอบซ่อนในนั้นไม่อาจฝ่าฝืน และไม่อาจสงสัย
“ใต้เท้า เกิดเื่อะไรขึ้น?” โจวอี้หนานถามอารามสงสัย เพราะข่าวเร็วจากหยกอินทรีดำอย่างน้อยๆ ก็เท่ากับเตือนไว้ล่วงหน้าว่าจะมีเื่ใหญ่อุบัติขึ้น
ไหลจวิ้นเฉินเงียบไปนานมาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเบนหน้ามามองโจวอี้หนาน แล้วตอบด้วยสีหน้าประหลาด “ข้าอยากรู้เสียจริง ว่าเ้าเวินหว่านนี่มันเป็ใครมาจากไหนกันแน่ ไม่แค่ใต้เท้าหลิวสุยเฟิงเท่านั้นที่ให้ท้าย แม้แต่สำนักเ้าด่านยังออกคำสั่งทหารให้ปล่อยตัวเวินหว่านทันทีอีก...เหมือนพวกเราจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียแล้วนะ”
โจวอี้หนานนิ่งอึ้ง
เขาไม่นึกเลยว่าการมาถึงของหยกอินทรีดำเป็เพราะเวินหว่าน
จะน่าสงสัยเกินไปแล้วกระมัง
ในความทรงจำของโจวอี้หนาน เหมือนจะไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน สำนักเ้าด่านส่งหยกอินทรีดำมาส่งข่าว เพียงแค่เพื่อแม่ทัพรบกองโจรคนเดียวเนี่ยนะ?
เขาอดไม่ได้ที่จะอยากถามว่า เวินหว่านนี้มีเบื้องลึกเื้ัอย่างไร ถึงได้มีพลังขนาดนี้?
โจวอี้หนานอดคิดถึงประโยคที่เขาพูดไว้กับเวินหว่านวันก่อน...
“และหากให้ข้าบอกความจริง ข้ามันคนมีเื้ั วันนี้พวกเขาขังข้าเอาไว้ อีกประเดี๋ยวก็ต้องส่งข้าออกไปอย่างเคารพนบนอบว่ะ”
หรือว่าที่เวินหว่านอยู่ได้ไม่กลัวอะไรเลยตลอดมานี้เป็เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง?
นึกถึงตรงนี้ โจวอี้หนานก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
เวินหว่านเ้าแม่ทัพกร่างด้อยปัญญา จะมีเบื้องลึกเื้ัจริงๆ น่ะหรือ?
ตอนพูดคุยกันอยู่นั้น ไหลจวิ้นเฉินก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งให้จบการไต่สวนของคังซวี่ได้แล้ว
คังซวี่เดินหน้าบอกบุญไม่รับออกมาจากในกระโจม เมื่อเห็นไหลจวิ้นเฉินจึงคำนับเล็กน้อยแล้วว่า “ใต้เท้า ทำไมให้ข้าหยุดไต่สวนเสียล่ะขอรับ ข้าได้เื่ครึ่งทางแล้วแท้ๆ ท่านกลับให้ข้าหยุดกลางคัน ใต้เท้า โปรดให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าจะต้องถามจนได้เื่ ท่านอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของคนบางพวกเลยขอรับ” ว่าพลางเหลือบมองโจวอี้หนาน เป็ที่ชัดเจนว่าเขานึกว่าโจวอี้หนานพูดอะไรบางอย่างกับไหลจวิ้นเฉินจนทำให้เปลี่ยนใจไป
คราวนี้เองที่คังซวี่ตัดสินใจจะฉีกหน้าโจวอี้หนานเสียให้สิ้น
โจวอี้หนานหัวเราะในใจแต่ไม่พูดอะไร
ไหลจวิ้นเฉินไม่มองคังซวี่แม้แต่แวบเดียว เขาให้โจวอี้หนานไปปล่อยตัวเวินหว่าน
ต่อมา
โจวอี้หนานเดินออกมาจากกระโจมใหญ่ ตามมาด้วยคนด้านหลังที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี เวินหว่านผู้มีรอยแผลจากดาบตัดขวางหลายสิบแผลบนอก
โดนไต่สวนในกระโจมใหญ่ดำมานานหลายวัน ชายบ้าพลังผู้นี้ยังคงมีชีวิตชีวาราวเสือสิงห์ สภาพจิตดีมาก ไม่เห็นความซึมเซาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงรอยเืแดงฉานบนอกที่ต้องเป็เพราะคนใช้ของมีคมฟัน กลายเป็ปากแผลลึกสองนิ้วหลายสิบแผล มองแล้วน่าในัก
“โย่ ปล่อยข้าออกไปแล้วใช่ไหม?” เวินหว่านเอานิ้วจิ้มเืบนแผลแล้วลองชิมพลางฉีกปากหัวเราะ “ขังพ่อสามวันสามคืน ไม่ให้กินให้ดื่ม หนักเข้าก็ให้ไอ้คังๆ อะไรประสาทนั่นเอามีดฟันอกข้า แหกปากว่าจะเฉือนข้าทั้งเป็ทีละแผลๆ ทำไมจู่ๆ มาปล่อยข้าล่ะเนี่ย?”
โจวอี้หนานไม่พูดอะไร
หลายวันมานี้เขาชินกับนิสัยที่เหมือนคนบ้าของเวินหว่านเสียแล้ว
การพูดคุยกับเ้าบ้ามีกำลังแต่ไร้สมองนี่เป็เื่เสียแรงเปล่า
ไหลจวิ้นเฉินเพียงยิ้มขื่นให้แล้วว่า “เื่เข้าใจผิดน่ะ ลำบากท่านแม่ทัพเวินแล้ว”
“เข้าใจผิดหรือ?” เวินหว่านหัวเราะเฮยๆ เขาถุยน้ำลาย “เ้าคิดว่าคนเยี่ยงข้าเป็ไอ้หมูโง่งั้นสิ คงไม่พ้นเป็พวกโง่เง่าเต่าตุ่นไม่ชอบขี้หน้าข้าพวกนั้น ทำเล่นลูกไม้หาเื่จะฆ่าข้าลับหลัง? เ้าพวกหน่วยรักษากฎหมายยืนอยู่ข้างเดียวกับไอ้พวกโง่เง่าเต่าตุ่นนั่นจับข้ามา สุดท้ายเพิ่งมารู้ว่าเื้ัข้าน่ะใหญ่อย่างที่เ้าเทียบไม่ติด เลยหางจุกตูดงั้นสิ?”
ไหลจวิ้นเฉินพูดไม่ออก
จอมอำมหิตที่ทหารทั้งเหล่าทัพได้ยินชื่อแล้วเป็ต้องหนาว ในตอนนี้กลับต้องยอมรับผิดอย่างสุดกำลังเสียอย่างนั้น
หากเป็คำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดทัพหน้าหลิวสุยเฟิง ไหลจวิ้นเฉินไม่มีทางอ่อนข้อให้ขนาดนี้ แต่เื่กลับลามไปถึงหูสำนักเ้าด่าน หยกอินทรีดำบอกทุกปัญหามากมายแล้ว ไหลจวิ้นเฉินรู้ได้ในทันทีว่า เวินหว่านแอบซ่อนพลังบางอย่างไว้ หรือไม่ก็อยู่สูงชั้นเกินกว่าที่หัวหน้าหน่วยรักษากฎหมายเช่นเขาจะทำอะไรได้แม้แต่ปลายผม
จะยืดก็ได้ จะงอก็ได้ นี่คือวิธีเดียวของไหลจวิ้นเฉินที่ทำให้เขายืนหยัดมาได้หลายสิบปี
ดังนั้นการยอมรับผิดคราวนี้ของเขาจึงมิใช่เื่ใหญ่อะไร
ทว่า สำหรับคังซวี่แล้วมันเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย
คังซวี่เห็นภาพตรงหน้านี้พลันสำเหนียกได้ในทันที ว่าเื่ไม่สวยแล้ว สมองเขาเกิดเสียงกัมปนาทแล้วมึนงงโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่าตัวเขาจบเห่แล้ว เพราะวันนี้เพิ่งเลือกเส้นทางที่เกินกว่าคำว่าเข้าใจผิดไปเรียบร้อย
“พอเถอะๆ ข้าเองก็ขี้คร้านจะเสวนากับพวกตาบอด” เวินหว่านเห็นท่าทางสำนึกผิดของไหลจวิ้นเฉินแล้วก็สิ้นความเดือดดาล เขายกมือขึ้นพลางว่าอย่างใจร้อน “แต่ว่า เื่จะจบแค่นี้ไม่ได้ เ้าพาไอ้โง่เง่าที่เพิ่งกรีดมีดบนอกข้าเป็บ้าเป็หลังออกมา ให้ข้าระบายโทสะลงกับมัน พวกเราก็หายกันแล้ว”
ไหลจวิ้นเฉินขยับมือผลักคังซวี่ที่หน้าเหลืองและเหงื่อเย็นไหลโกรกมาตรงหน้าเวินหว่านอย่างไม่คิด
“ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย ข้า...” คังซวี่ขาดอีกนิดก็จะคุกเข่าลงกอดขาไหลจวิ้นเฉินอยู่แล้ว
ทว่าตอนนี้เองที่ไหลจวิ้นเฉินได้สำแดงทักษะพื้นฐานแห่งการกลับกลอกอย่างไร้ปรานีของชายผู้อำมหิต คังซวี่คนที่เขาจะใช้เป็เครื่องมือยังใช้ไม่ได้ ไหลจวิ้นเฉินไม่มีความเห็นใจอะไรให้อยู่แล้ว หากการตายของคังซวี่จะช่วยดับไฟแค้นของเวินหว่านได้ เช่นนั้นเขาก็ควรไปตายซะ
“วะฮะฮ่าฮ่า” เวินหว่านเห็นคังซวี่ตัวสั่นงันงกแล้วก็หัวเราะบ้าบิ่น เขาว่า “พ่อบอกไว้นานแล้วใช่ไหมวะ เอ็งต้องเสียใจ ไม่นึกเลยว่าจะกลับตาลปัตรกันเร็วขนาดนี้ วะฮะฮ่า ยึดมันให้ข้า!”
ไหลจวิ้นเฉินส่งสายตาให้
ฉับพลันก็มีทหารชุดเกราะของหน่วยรักษากฎหมายเข้ามายึดคังซวี่เอาไว้
“สิบห้านาทีก่อนข้าก็บอกเอ็งไปแล้วใช่ไหม ว่าหากบทเราสลับกันเมื่อไร ข้าจักให้เอ็งได้รู้ว่าโเี้มันเป็อย่างไร” เวินหว่านหยิบดาบสั้นออกมาเหมือนเล่นละครสัตว์ ฟันลงบนอกคังซวี่อย่างช่ำชอง พริบตาเดียว ก็ประทับเป็แผลชดใช้คืนกับที่มันทำกับเขาไว้ก่อนหน้า
คังซวี่โอดครวญเหมือนหมูโดนเชือด
ใครจะรู้เล่าว่า คนๆ หนึ่งในหน่วยรักษากฎหมายจะถูกคนภายนอกลงทัณฑ์ในกระบวนคุกแสงขังสี่ัถิ่นตัวเองเสียเอง
เื่พิลึกพรรค์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็ครั้งแรกนับแต่ก่อตั้งหน่วยนี้มา
เวินหว่านคลุ้มคลั่งถึงขีดสุด เมื่อมองเห็นใบหน้าเหมือนคนกำลังจะตายของคังซวี่ เขาก็คิดอย่างจริงจังสุดๆ “เดิมทีข้าก็อยากจะไว้ชีวิตเอ็งอยู่หรอก แต่คนจิตไม่ปกติ ให้เก็บไว้ในหน่วยรักษากฎหมายต่อไปมีหวังแต่จะทำคดีวินาศ เอ็งทำเื่ชั่วมามากแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเรามาตกลงกัน เอ็งไปตายซะ พอตายแล้ว ก็ไม่มีทัพหน้ามาไล่ฆ่า อย่างน้อยทุกท่านก็จะได้สู้รบอย่างสบายใจ”
คังซวี่เบิกตากว้าง เขาดิ้นเอาเป็เอาตาย “อย่า ข้าไม่ อย่า”
“โอ๊ะ ทำแบบนี้ ก็เท่ากับแหกกฎการตกลงสินะ?” เวินหว่านหัวเราะเฮยๆ “ในเมื่อไม่ยอมตกลง งั้นก็พอที ไม่ต้องตกลงแล้ว รีบไปตายซะไอ้ลูกหมา”
เอ่ยไม่ทันขาดคำ
เวินหว่านตวัดมือแทงอกคังซวี่
คังซวี่เบิกตากว้าง เขามองเวินหว่านอย่างนึกไม่ถึง เหมือนว่าจะตายแล้วก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนกล้าฆ่าตัวเองในค่ายของหน่วยรักษากฎหมายจริงๆ
“เอาล่ะ อารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว” เวินหว่านเดินกลับหลังออกข้างนอก
ไหลจวิ้นเฉินเ้ากรรมถอนหายใจยาว
ใครจะรู้ว่าเวินหว่านเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาบัดดล สายตาตกอยู่ที่โจวอี้หนาน
ใจไหลจวิ้นเฉินแทบตกลงตาตุ่ม หรือว่าเวินหว่านจะแก้แค้นคนที่พาคนจับเขามาอย่างโจวอี้หนาน? นี่มันต่างกับคังซวี่ โจวอี้หนานเป็คนสนิทที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจและให้ความสำคัญ เป็ผู้รับ่ต่อที่เขาปลูกฝังมากับมือ หากเวินหว่านจอมใช้กำลังแต่ไม่ค่อยมีสมองที่คลั่งขึ้นมาแล้วไม่นึกถึงผลลัพธ์ อยากจะลงมือกับโจวอี้หนาน เช่นนั้นเขา...
ไหลจวิ้นเฉินผุดความคิดขึ้นมานับไม่ถ้วนในสมอง
แต่ก็ไม่รู้ล่วงหน้าอีกนั่นแหละ ว่าเวินหว่านจะเหยียดยิ้มยามมองโจวอี้หนานแล้วเอ่ย “เ้าคนนี้ ไม่เลวนี่ หากหน่วยรักษากฎหมายยังจำเป็ต้องมีอยู่ล่ะก็ นั่นก็เป็เพราะมีคนอย่างเ้าอยู่นี่แหละ”
เอ่ยจบแล้วเวินหว่านก็เดินจากไป
ไหลจวิ้นเฉินชะงัก จากนั้นจึงทอดถอนใจอีกรอบ
เขาพบว่าประสบการณ์ชีวิตและความแตกตื่นของเขา อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดถูกเวินหว่านเ้ากร่างด้อยปัญญาฉวยเอาไปหมดแล้ว
คนประเภทนี้ จะกร่างช่างใช้กำลังแต่ด้อยปัญญาจริงๆ น่ะหรือ?
เป็ครั้งแรกที่ไหลจวิ้นเฉินรู้สึกว่าตัวเขาพลาดที่มองข้ามแม่ทัพกร่างด้อยปัญญาผู้นี้
และโจวอี้หนานก็ยังก้มหน้าก้มตา เหมือนจะคิดอะไรแต่ไม่พูดออกมา
...
“บ้าเอ๊ย เจ็บฉิบหายเลย”
เดินออกมาจากคุกแสงขังสี่ั เวินหว่านหาที่อับลมยืนอยู่ในค่ายทหารทัพหน้า เขาลูบแผลอย่างเจ็บใจแทบขาด เจ็บจนแทบจะะโ “บัดซบ ตายคามือแล้วอย่างไรล่ะวะ สู้ให้หมาแก่ไหลจวิ้นเฉินนั่นชดใช้ยาเทวดามารักษาเสียยังดีกว่า ซวยแล้วๆ”
“เ่ิูไอ้เด็กบ้า ไม่ออกตามหาข้าเลย เด็กแล้งน้ำใจ ข้าคงทำได้แค่ไปหามันสินะ”
เวินหว่านรักษาอาการาเ็ตัวเองเล็กน้อย ดีที่แผลดาบธรรมดาๆ ไม่ถึงแก่ชีวิตสำหรับจอมยุทธ์แข็งแกร่งขั้นนี้ รักษาสักสามวันห้าวันก็หายเป็ปกติแล้ว
เขาจับทหารนายหนึ่งไว้ ให้ไปส่งข่าวที่หน่วยแก่ทหารเกราะเงินว่าตัวเขาไม่เป็ไร จากนั้นจึงรีบรุดไปยังหอคอยอาชาขาวแม้ในยามค่ำคืน
มีบางเื่ต้องรีบไปพูดกับเ่ิูให้รู้เื่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้