ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 163 นี่เล่นละครกันอยู่หรือไง

        ตระกูลลู่จมอยู่ในความหดหู่หลายวันเพราะเ๹ื่๪๫นี้ ส่วนใน๰่๭๫เวลาเดียวกัน เหอเสวี่ยฉินใช้ข้ออ้างว่าต้องดูแลลูกสะใภ้ที่ตั้งครรภ์ ย้ายไปอยู่บ้านของโจวเป่าเฉิงที่อยู่ข้างๆ

        ใช่แล้ว อันฉินตั้งครรภ์

        เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ตัวอันฉินไม่เชื่อเลย

        เธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไง?

        ทุกครั้งที่ทั้งสองทำอะไรกัน พวกเขาป้องกันทุกครั้งไม่ใช่เหรอ?

        แต่โจวเป่าเฉิงตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดว่าตัวเองจะยังมีลูกได้

        ๻ั้๫แ๻่เขาเริ่มมีปัญหาเ๹ื่๪๫นั้น เขากังวลอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะเมื่ออันฉินเรียกร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง ต่อมาไม่รู้โจวต้าไห่รู้จากไหนว่าเขามีปัญหา เลยหาคนจัดยาให้

        ว่ากันว่ายานี้ผสมสมุนไพรล้ำค่าหลายอย่าง หลังจากกินไปพักหนึ่ง การแสดงบนเตียงของโจวเป่าเฉิงก็เปลี่ยนไป

        ตอนนี้อันฉินตั้งครรภ์ เขาจะไม่ดีใจได้ยังไง?

        แต่อันฉินไม่ยอม

        เธอตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตั้งครรภ์แล้วจะไปสอบได้ยังไง?

        อันฉินอยากทำแท้ง แต่โจวเป่าเฉิงไม่ยอม แม้แต่เหอเสวี่ยฉินยังย้ายมาอยู่ด้วย โดยอ้างว่าดูแลเธอ แต่ความจริงแล้วคือจับตา กลัวเธอจะแอบไปทำแท้ง

        เมื่อสวี่จือจือและลู่จิ่งซานกลับมา พวกเขาเห็นโจวเป่าเฉิงกำลังประคองอันฉินเดินเล่นอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นสวี่จือจือ ความไม่พอใจบนหน้าอันฉินกลายเป็๞รอยยิ้มเยาะทันที

        “เป่าเฉิง วันนี้ฉันรู้สึกว่าลูกชายของเราน่ารักจัง” อันฉินลูบท้องที่ยังไม่นูน มองสวี่จือจือแล้วพูด “จือจือ เธอต้องพยายามหน่อยนะ แต่งงานมาก่อนพวกเราตั้งนานแน่ะ”

        สวี่จือจือมองอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย แล้วเข็นลู่จิ่งซานเดินต่อ

        เสียเวลาเถียงกับคนที่ออกจากบ้านโดยไม่พกสมองมา นั่นคือการลดระดับสติปัญญาชัดๆ

        “พูดเหมือนคนอื่นมีลูกไม่เป็๞ได้ยังไงกัน” จ้าวลี่เจวียนเพิ่งออกจากบ้าน ได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของอันฉิน เธอยิ้มแล้วพูด “จือจือบ้านเราไม่รีบ รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยมีลูก เรียนไปด้วยมีลูกไปด้วย ไม่เสียอะไรสักอย่าง”

        คำพูดนี้เหมือนแทงใจอันฉิน

        รอยยิ้มเยาะบนหน้าอันฉินหายวับ เธอสะบัดมือโจวเป่าเฉิง เดินกลับบ้านด้วยความโกรธ

        “ป้าสะใภ้ใหญ่” สวี่จือจือยิ้มกว้าง พลางยกนิ้วโป้งให้ “ขอบคุณค่ะ”

        “เ๹ื่๪๫แค่นี้” จ้าวลี่เจวียนพูด “แค่ท้องลูก จะมาอวดอะไรนักหนา”

        “แต่ป้าสะใภ้ใหญ่คะ” สวี่จือจือพูดเบาๆ กับจ้าวลี่เจวียนและลู่ซือหยวน “ต่อไปถ้าเจออันฉิน พวกเราเลี่ยงให้ไกลหน่อย หล่อนจิตใจโ๮๪เ๮ี้๾๬ อย่าให้หล่อนหลอกได้”

        ลู่ซือหยวนยังไม่ทันเข้าใจ แต่จ้าวลี่เจวียนอายุมากกว่า เห็นโลกมานาน เธอคิดตามทันที “ถ้าเธอไม่เตือน ฉันไม่ทันคิดถึงเ๹ื่๪๫นั้นจริงๆ”

        พอพูดแบบนี้ ก็เหมือนจะเป็๲ไปได้

        “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง” ลู่ซือหยวนไม่ค่อยเชื่อ “ยังไงก็เป็๞ชีวิตหนึ่ง”

        เธอยังไม่เคยตั้งครรภ์ และอิจฉาคนที่ได้เป็๲แม่ เธอเลยยอมรับไม่ได้ “หล่อนคงไม่ทำแบบนั้นหรอก”

        “ทำไมจะไม่ล่ะคะ?” สวี่จือจือจ้องอีกฝ่าย “จิตใจคนต้องระวัง หล่อนทำเ๹ื่๪๫อะไรไม่ได้บ้าง? ถ้าถูกผูกมัด ชีวิตนี้พี่จบสิ้นแน่”

        ลู่ซือหยวนรีบส่ายหัว “ฉันไม่เข้าใกล้หล่อนแน่นอน”

        “ไม่ใช่แค่ไม่เข้าใกล้ เจอหล่อนแล้วเลี่ยงให้ไกลที่สุด” สวี่จือจือพูด แล้วหันไปหาลู่ซืออวี่และอันอันที่ตาโต “พวกเธอสองคนด้วย จำไว้ด้วยนะ”

        ทั้งสองคนยังึวไม่เข้าใจว่าทำไม ได้ยินแค่สวี่จือจือบอกให้ห่างอันฉิน ก็รีบพยักหน้า

        อันฉินไม่รู้ว่าเพราะการโอ้อวดครั้งนี้ ทำให้เธอกลายเป็๞คนที่ตระกูลลู่ทุกคนต้องระวังและเลี่ยงให้ไกล

        แต่อย่างที่สวี่จือจือว่า อันฉินคิดแบบนั้นจริงๆ

        เธอไม่อยากคลอดลูกเลย

        น่าขัน ถ้าเธอคลอดลูก เธอต้องติดอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย กลับเมืองหลวงได้ยังไง?

        ตอนนี้สวี่จือจือกลับมา เธอต้องหาทางโยนเ๹ื่๪๫นี้ให้สวี่จือจือ ถ้าทำได้ โจวเป่าเฉิงและเหอเสวี่ยฉินต้องฉีกสวี่จือจือเป็๞เสี่ยงๆ

        สวี่จือจือไม่รู้เ๱ื่๵๹นี้ เธอกลับมาแทบไม่ได้หายใจหายคอ ก็เจอลู่หวยเฟิงกับเริ่นอิ๋งอิ๋งหย่ากัน วุ่นวายจนใจเหนื่อย

        กลับไปล้างหน้าล้างตัวแล้วนอนพักบนเตียง วันรุ่งขึ้นถึงมีแรงจัดของที่นำกลับจากเมืองหลวง

        เอกสารเธอซื้อมาสี่ชุด เธอกับลู่ซืออวี่เก็บไว้คนละชุด อีกสองชุดตั้งใจให้เกาจิงจิงและเมิ่งไห่หยาง

        ศูนย์พักของยุวปัญญาชนอยู่ท้ายหมู่บ้าน สวี่จือจือกินข้าวเช้า เธอบอกลู่จิ่งซานแล้วออกไป

        ส่วนลู่ซืออวี่ นักเรียนหัวกะทิก็คือหัวกะทิ ได้เอกสารปุ๊บก็เริ่มทำโจทย์ทันที ความเร็วขนาดนั้น แม้แต่สวี่จือจือที่ผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยุคหลังมายังรู้สึกด้อยกว่า

        ตอนเธอไปถึง ศูนย์พักของยุวปัญญาชนกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ยังไม่ถึงเวลาเริ่มงาน บางคนอ่านหนังสือ บางคนทำโจทย์ บรรยากาศดีมาก

        พอเห็นสวี่จือจือมา ทุกคนก็ทักทายกันอย่างอบอุ่น

        ยังไงก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่จือจือยืมหนังสือให้พวกเขาคัดลอก พวกเขาคงไม่มีโอกาสเลย

        “พี่จือจือ” เกาจิงจิงดีใจ นำผลไม้ป่าที่เก็บจากเขามาเมื่อวานให้อีกฝ่าย แล้วถามด้วยความกังวล “ได้ยินว่าเธอไปเมืองหลวง ๰่๥๹นี้ได้อ่านหนังสือบ้างไหม?”

        “บ้านสามีเธอไม่อยากให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหรอ?” เธอถามเบาๆ ด้วยความห่วง

        “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?” สวี่จือจือยิ้ม “พวกเขาสนับสนุนฉันมาก ดูสิ เอกสารพวกนี้สามีฉันให้คนหามาจากเมืองหลวงให้”

        “ได้มาแค่สองชุด” เธอยิ้ม “ให้เธอกับเมิ่งไห่หยางคนละชุด ถ้าคนอื่นอยากใช้ ก็ให้ขอยืมจากพวกเธอเพื่อคัดลอก”

        เมิ่งไห่หยางไม่นึกว่าจะถูกเอ่ยชื่อ เขาตื่นเต้นจนพูดไม่ออก

        คนอื่นๆ ไม่ได้คัดค้าน ยังไงพวกเขาก็ไม่สนิทกับสวี่จือจือ

        แต่ในใจก็เสียดาย ถ้ารู้ก่อน พวกเขาคงพยายามตีสนิทกับสวี่จือจือ

        แต่ตอนนั้น ใครใช้ให้พวกเขาดูถูกสวี่จือจือกันล่ะ?

        สมกับคำที่สวี่จือจือเคยพูดไว้ ‘วันนี้เธอไม่สนใจฉัน พรุ่งนี้ฉันจะทำให้เธอเอื้อมไม่ถึง’

        นี่คือเอกสารจากเมืองหลวง ล้ำค่าขนาดไหน คนเขาไม่ให้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

        แต่สวี่จือจือไม่ทำแบบนั้น เธอแบ่งปันอย่างไม่หวง

        น้ำใจนี้ พวกเขาต้องจดจำ

        คนเราถ้าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน

        “สหายสวี่” ยุวปัญญาชนที่อายุค่อนข้างมากตื่นเต้นจนน้ำตาคลอ คารวะสวี่จือจือ “ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ”

        “โอ้” ทันใดนั้น เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นจากประตู “นี่ทำอะไรกัน? เล่นละครกันอยู่หรือไง?”


    .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้