เดิมทีคนในแถวก็ไม่พอใจกับการแซงแถวของเซี่ยวฉางเซิงอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินเด็กสาวบอกว่าไม่รู้จักไปหลายรอบ แต่เด็กหนุ่มก็ยังตื๊อไม่เลิก ใครบางคนจึงเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ไหว “พ่อหนุ่ม เธอไม่รู้จักนายสักหน่อย นายเลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว”
เซี่ยวฉางเซิงมาซื้อข้าว เขาสังเกตเห็นเซี่ยโม่ั้แ่อยู่ข้างนอกแล้ว พอเห็นว่าอีกฝ่ายต่อแถวอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยถึงได้เดินเข้ามาหา
แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามายุ่งกับเื่ของเขามากมายขนาดนี้
“พวกคุณจะไปรู้อะไร เธอเป็แฟนผม พวกเราแค่ทะเลาะกัน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เซี่ยโม่หันไปโต้กลับด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ “หน้าไม่อาย ใครเป็แฟนนาย ฉันพูดตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่รู้จัก แต่นายก็ยังตามตอแยไม่เลิก ทำตัวไม่เป็สุภาพบุรุษกับฉัน”
คนในยุคนี้ให้ความสำคัญกับเื่มารยาท และดูแคลนผู้ชายที่ไร้ความเป็สุภาพบุรุษอย่างยิ่ง
ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ “เด็กหนุ่มคนนี้แทรกแถว แถมยังทำตัวก้อร่อก้อติกเด็กสาวคนนี้อีก ใครก็ได้มาเอาตัวเด็กหนุ่มคนนี้ออกไปที”
“รีบแจ้งตำรวจเร็ว ตรงนี้มีคนโรคจิต”
“ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ น่าอายจริงๆ!”
เซี่ยวฉางเซิงนึกไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะบานปลายเช่นนี้ กลายเป็ถูกคนมากมายรุมด่าทอ หากเขายังไม่จรลีออกไป มีหวังได้ถูกตำรวจจับอย่างแน่นอน
“เซี่ยโม่ รอให้เปิดเทอมก่อนเถอะ เธอเสร็จฉันแน่!” เขากัดฟันพึมพำอย่างเจ็บใจขณะเดินออกไปด้านนอก
พอเห็นเซี่ยวฉางเซิงเดินจากไปแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เปิดเทอมเมื่อไรเธอจะสอบข้ามชั้นเพื่อให้ได้ขึ้นไปเรียนในระดับชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่ง ชาตินี้เธอจะพยายามอยู่ให้ไกลจากผู้ชายสารเลวคนนั้นให้ได้มากที่สุด
หลังจากซื้อข้าวเสร็จกลับมานั่งที่โต๊ะ เหล่าจ้าวเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง “โม่โม่ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็ใคร”
เหล่าจ้าวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหมดแล้วนี่เอง
เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เพื่อนที่โรงเรียนของฉันค่ะ เขาชอบมาตามตื๊อฉัน แต่ฉันไม่สนใจเขา”
“ดูไม่ใช่คนดีเลย”
เธอทอดถอนใจ อาจารย์ดูคนเก่งเหลือเกิน หากชาติที่แล้วมีชายชราคอยให้คำแนะนำ ชีวิตเธอคงไม่ล้มเหลว และสุดท้ายคงไม่ต้องตายจากไปด้วยแผนการของผู้อื่น
ขอบคุณ์ที่ให้โอกาสเธอได้กลับมาเกิดใหม่ ทั้งยังให้โกดังสินค้าติดตัวเธอกลับมาด้วย ชาตินี้เธอจะดูแลน้องชายให้ดี จะอยู่ให้ห่างจากคนสารเลวและแม่ดอกบัวขาวนั่น จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยทำท่าชกลมสองสามที “พี่ครับ ไม่เป็ไรนะครับ ผมจะปกป้องพี่เอง”
แม้น้องชายของเธอจะมีอายุแค่ห้าขวบ หากมีความคิดอยากจะปกป้องเธอแล้ว เธอรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน
“งั้นเราก็ต้องกินให้เยอะๆ โตไปหากใครมารังแกพี่ เราจะได้ปกป้องพี่ได้”
เซี่ยเฉินเฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากและกัดปิ่งทอดเข้าไปคำใหญ่
เหล่าจ้าวมองสองพี่น้องที่รักใคร่กันดีพร้อมกับเอ่ย “น่าอิจฉาพวกเธอสองพี่น้องเหลือเกิน ความจริงฉันเองก็มีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง เขาดีกับฉันมาก แต่น่าเสียดายที่ต้องมาเสียชีวิตไปั้แ่อายุยังน้อย”
“อาจารย์ เกิดแก่เจ็บตายเป็เื่ธรรมชาติ เราควบคุมไม่ได้ ต่อไปฉันกับน้องจะกตัญญูต่ออาจารย์ให้มากๆ” เซี่ยโม่พูดปลอบ
เหล่าจ้าวทั้งปลาบปลื้มทั้งซาบซึ้ง “นึกไม่ถึงเลยว่าการรับลูกศิษย์ของฉันในครั้งนี้จะได้ลูกศิษย์ที่กตัญญูถึงสองคน”
จู่ๆ เซี่ยเฉินเฟิงก็พูดออกมา “พี่ครับ ผู้ชายคนนั้นขี้ขลาดชะมัด แอบมาซื้อข้าวเงียบๆ”
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเซี่ยวฉางเซิงกำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่
เวลานี้คนส่วนใหญ่ล้วนซื้อข้าวกันหมดแล้ว กับข้าวที่ขายดีจึงหมดเกลี้ยง ไม่รู้ว่าเหลืออะไรให้ซื้อบ้าง หลังจากซื้อเสร็จอีกฝ่ายก็เดินจากไป
“โม่โม่ เธอดูผู้ชายคนนั้นสิ ขี้ขลาดแบบนั้น ต่อไปจะมีอนาคตที่ดีได้ยังไง” เหล่าจ้าวกล่าวอย่างดูแคลน
เซี่ยโม่พยักหน้า ชาติที่แล้วเธอช่างอ่อนต่อโลกเหลือเกิน ถึงได้ถูกผู้ชายคนนี้หลอกจนยอมตกลงเป็แฟนอีกฝ่ายเอาได้
เซี่ยวฉางเซิงคือตัวภาระ เธอไม่เพียงต้องคอยสอนบทเรียนให้แก่อีกฝ่าย ยังต้องคอยตามดูแลรับใช้ทุกอย่าง
ครั้งก่อนนั้นเธอทุ่มเทแทบตาย จนในที่สุดอีกฝ่ายก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่พอเกิดเื่กับเธอ อีกฝ่ายกลับทำเป็ไม่รู้จัก ทั้งดูถูกเหยียดหยามเธอสารพัด
ชาตินี้เธอจะไม่มีวันโง่งมแบบนั้นอีก จะตั้งใจเรียนและพยายามทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นกว่าที่เป็อยู่
หลังจากกินข้าวเสร็จ ระหว่างทางเดินกลับไปยังห้องพัก พวกเธอบังเอิญได้เจอกับหวางเมิ่งเมิ่งที่แขนพันผ้าพันแผลกำลังจะเดินสวนออกไปนอกโรงพยาบาลพอดี
อีกฝ่ายเดินกะเผลก หากท่าทางดูดีกว่าเมื่อเช้ามาก คงไปให้หมอตรวจดูอาการมาแล้ว
กำลังจะออกจากโรงพยาบาล? เธอมองใบหน้าร้อนรนของหวางเมิ่งเมิ่ง สงสัยแม่สามีคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ
พออีกคนเห็นพวกเธอ สายตาแปรเปลี่ยนเป็เจ็บแค้น แค่นเสียงฮึขึ้นจมูก ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วกว่าเดิม
“คนหน้าไม่อาย!” เซี่ยเฉินเฟิงต่อว่าไล่หลัง
แม้แต่เด็กก็ยังดูออก ส่วนเธอหันไปสบตากับคุณปู่จ้าว ก่อนพวกเธอทั้งคู่จะหัวเราะออกมา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยโม่ถือใบสั่งยาเดินไปที่ร้านยาหุยชุนถัง
นี่เป็ครั้งที่สองที่เซี่ยโม่มาเยือนร้านยาแห่งนี้ ครั้งก่อนถูกพนักงานของร้านพูดจาดูถูกจนเธอต้องเดินออกจากร้านไปด้วยความโมโห
เธอคิดในใจ ขออย่าให้เจอพนักงานที่ชอบดูถูกคนคนนั้นเลย
ทว่าคนเราเวลากลัวสิ่งใดก็มักจะได้สิ่งนั้น คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ยังคงเป็พนักงานคนเดิม
เซี่ยโม่ได้แต่ทำใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษค่ะ ฉัน้าซื้อยา”
ลูกจ้างหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้น เขาจำเด็กสาวตรงหน้าได้ ครั้งที่แล้วอีกฝ่ายมาเพื่อขอให้สอนเื่สมุนไพร
เด็กสาวยังคงสวมเสื้อผ้าซอมซ่อ ตัวก็ยังผอมแห้ง ไม่มีเนื้อมีหนังเหมือนเดิม
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ “จะไปไหนก็ไป มาทำอะไรอีกเนี่ย ที่นี่เป็ร้านยาไม่ใช่โรงเรียน จะได้มีหน้าที่สอนเธอ”
อีกฝ่ายยังคงนิสัยเหมือนเดิมเป๊ะ
เซี่ยโม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะเ็าเล็กน้อย “ขอโทษค่ะ หูมีปัญหาเหรอคะ ฉันบอกว่าฉันจะมาซื้อยา”
หนุ่มคนขายพูดจาเหยียดหยาม “มีเงินซื้อหรือไง”
ทำไมถึงมีคนที่ชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้ได้นะ?
เธอหยิบเงินกับใบสั่งยาออกมาวางบนเคาน์เตอร์ น้ำเสียงที่กล่าวแข็งขึ้นเล็กน้อย “เห็นหรือยังล่ะ นี่คือเงิน แล้วนี่ก็ใบสั่งยา หากคุณยังพูดจาดูถูกฉันอีก ฉันจะเรียกเ้าของร้าน”
ลูกจ้างหนุ่มเงียบไป หากเื่ถึงเ้าของร้าน เขาต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน
ร้านยาหุยชุนถังไม่ใช่กิจการของรัฐ แต่เป็ร้านของเอกชน เพราะฉะนั้นหากเขาทำตัวไม่ดีก็สามารถโดนไล่ออกได้ทุกเมื่อ
คิดได้ดังนั้น สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็อ่อนน้อมในทันที
“คุณลูกค้า ต้องขอโทษด้วย ผมมีตาแต่ไม่มีแววเอง รอสักครู่นะครับ”
ห้านาทีต่อมา เซี่ยโม่ถือห่อยาเดินออกจากร้านหุยชุนถังด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
พอไปถึงในที่ปลอดคน ก็นำยาใส่เข้าไปในโกดังสินค้า เธอเพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน จึงตั้งใจจะแวะไปเดินดูตลาดมืดเสียหน่อย
ครั้งนี้ไม่ได้เอาอะไรไปด้วย เธอคิดว่าจะแกล้งทำเป็คนที่เดินผ่านมา
เซี่ยโม่จำได้อย่างแม่นยำว่าตลาดมืดที่บังเอิญเจอเมื่อคราวที่แล้วตั้งอยู่ตรงไหน แต่ที่น่าแปลกคือ พอเธอเดินมาถึง ที่นี่กลับเงียบเชียบไม่มีใครอยู่เลยสักคน
สงสัยตลาดมืดจะเปลี่ยนที่ ไม่รู้ว่าย้ายไปตรงไหนแล้ว
เธอเดินดูตามซอยที่อยู่ละแวกนี้ คิดในใจว่าถ้าเจอก็ดีไป แต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็ไร
เดินหาอยู่ประมาณห้าหกนาที ในที่สุดเซี่ยโม่ก็ได้ยินเสียงของคนมากมายแว่วดังมาจากในซอยไกลๆ
เธอตาโตด้วยความยินดี ซอยข้างหน้าคือตลาดมืด!
ในที่สุดก็หาเจอ ในซอยมีคนวางของขายมากมาย ทั้งยังมีคนคอยเดินตรวจตรา เธอเดินตรงไปด้วยความดีใจ
ทันใดนั้นเอง ประตูสีดำทะมึนบานหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเธอก็ถูกเปิดออก ก่อนมือของใครคนหนึ่งจะยื่นออกมาจับแขนของเซี่ยโม่เอาไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้