เล่มที่ 10 บทที่ 275 อักษรภาพ
“เ้า…จะเอายังไง?” หลังจากห้วงมิติแห่งความเป็ตายถูกสะบั้นจนแตก บัดนี้เว่ยจงซูจึงมีพลังเหลือเพียงห้าในสิบส่วนเท่านั้น เมื่อเห็นผู้บำเพ็ญหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ก็รู้สึกหวาดกลัวทันที…
เว่ยจงซูคิดไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญหนุ่มที่มีขั้นบำเพ็ญเพียงขั้นมิ่งหุนเคราะห์สามตรงหน้า จะมีพลังกล้าแกร่งถึงเพียงนี้…
ถึงกับสะบั้นห้วงมิติแห่งความเป็ตายให้แตกภายในครั้งเดียวได้!
ตนเองบำเพ็ญอย่างยากลำบากมาหลายปี แถมยังเคราะห์ดีที่มีโอกาสเจอโชควาสนาใหญ่หลวง จึงอาศัยพลังศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นจนบรรลุขั้นจิงตัน ตอนแรกยังคิดว่าต่อให้ไม่ได้เก่งกาจจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทะเลอูไห่ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็ยอดฝีมือระดับแนวหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงความโลภชั่ววูบเท่านั้น โดยหมายจะแย่งดอกจื่อถานม่วงมาเป็ของตน กลับต้องทำให้เจอความผิดพลาดที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้ แม้แต่ห้วงมิติแห่งความเป็ตายที่บำเพ็ญมาอย่างยากเย็นก็ยังต้องแตกสลายไป…
ยิ่งคิดเว่ยจงซูก็ยิ่งเสียใจ หากรู้ว่าเป็เช่นนี้แต่แรกให้ตายก็ไม่กล้าลงมือด้วยหรอก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว…
คนตรงหน้าแข็งแกร่งมากทีเดียว…
เว่ยจงซูรู้ดีว่าห้วงมิติแห่งความเป็ตายของตนเองไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันทั่วไป เพราะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นแฝงอยู่ด้วย ถือได้ว่ามีพลังแห่งวิถีแดน์อยู่บ้าง อีกทั้งยังเป็เคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาช้านาน แต่กลับไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว…
‘นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ?’
แค่คิด เว่ยจงซูก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา…
เมื่อเห็นหลินเฟยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความหวาดกลัวในตาก็เริ่มฉายชัดขึ้น เมื่อความตายใกล้จะมาเยือน เว่ยจงซูก็กดดันจนแทบเสียสติ ก่อนจะโวยวายออกมาอย่างสิ้นหวัง
“เ้าจะสังหารข้าไม่ได้นะ ข้าเป็ถึงอาจารย์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่น หากเ้าสังหารข้าละก็ จะต้องถูกบัณฑิตทั่วหล้าว่ากล่าวเอาได้!”
“หือ?” หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็ชะงักลง จากนั้นพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็จริง เพราะสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นเป็หนึ่งในสี่สำนักศึกษาใหญ่แห่งเป่ยจิ้ง ถือว่าเป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบัณฑิต หากสังหารเ้าละก็ คงจะเกิดปัญหาขึ้นมาแน่ๆ…”
เว่ยจงซูได้ยินเช่นนั้นก็ราวกับเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ทันใดนั้นก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ใช่ๆๆ เมื่อครู่นี้ข้าเพียงหลงผิดชั่ววูบเพราะจิงต้าไห่ ทำใหเผลอลงมือกับเ้า ที่จริงแล้วมันเป็แค่เื่เข้าใจผิดเท่านั้น…”
จิงต้าไห่ได้ยินคำพูดของเว่ยจงซูก็กับหยุดชะงัก
‘บ้าบอที่สุด โจวฟูจื่อรู้หรือไม่ว่าเ้ามันไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้?’
น่าเสียดาย…เพื่อจะรักษาชีวิตไว้แล้ว เว่ยจงซูจึงไม่สนใจความเป็ตายของจิงต้าไห่เลยสักนิด
“ข้าว่านะ จิงต้าไห่ต่างหากที่เป็ต้นตอของเื่ เป็ตัวสร้างความร้าวฉานมากกว่า เช่นนั้นจึงสมควรตายที่สุด!”
พูดจบ เว่ยจงซูก็หันมามองหลินเฟย เมื่อเห็นไอสังหารในดวงตาอีกฝ่ายเจือจางลง ทันใดนั้นก็พยายามรวบรวมความกล้ากล่าวออกมา
“เอาแบบนี้แล้วกัน หากเ้าปล่อยข้าไป ข้าจะช่วยเ้าหลอมยาเอง เช่นนั้นหนึ่งเม็ด…ไม่สิยาลูกกลอนทงเทียนสามเม็ดเป็อย่างไรล่ะ!”
“ช่างใจกว้างทีเดียว…” หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตะลึง
“เป็อย่างไรล่ะ ยาลูกกลอนทงเทียนสามเม็ดเชียวนะ!” เมื่อเว่ยจงซูเห็นหลินเฟยชะงักไปก็เหมือนเห็นโอกาส จึงรีบเอ่ยเสริมทันที
“หากมอบดอกจื่อถานม่วงให้ข้า ข้าจะหลอมยาลูกกลอนทงเทียนให้สามเม็ด!”
“หากข้าสังหารเ้าอาจจะเกิดปัญหาไม่น้อย…” หลินเฟยจ้องเว่ยจงซูด้วยรอยยิ้ม เป็นานกว่าจะเอ่ยออกมา
“แต่ข้าไม่เกรงกลัวปัญหา…”
เมื่อสิ้นเสียง ปราณกระบี่ไท่อี๋ก็พุ่งทะยานออกมาทันที จากนั้นก็เห็นเป็ลำแสงสีทองหมุนวน ในที่สุดเว่ยจงซูก็สิ้นใจลง…
บัดนี้ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันได้ดับสูญไปเสียแล้ว…
“เ้ากล้าสังหารข้าได้อย่างไร…” ชั่วขณะที่หัวของเว่ยจงซูกำลังหลุดร่วงลงมา เ้าตัวก็มิวายเอื้อนเอ่ยประโยคสุดท้ายในชีวิตให้จบ…
หลังจากที่เว่ยจงซูตาย คัมภีร์ไม้ไผ่ในมือก็อับแสงลงทันที เพราะอาวุธเชื่อมโยงกับผู้เป็นาย บัดนี้เว่ยจงซูสิ้นใจไปเสียแล้ว เช่นนั้นอาวุธก็ถือว่าเป็อิสระ…
แต่มีหรือที่หลินเฟยจะปล่อยให้คัมภีร์หลุดมือไปง่ายๆ?
“ลาภลอยเ้าแล้วล่ะ!” เมื่อพูดจบ หลินเฟยก็โยนคัมภีร์โครงกระดูกออกมา เพียงครู่เดียวเ้าอสุรกายก็ปรากฏขึ้นบนหลังของั บัดนี้โครงกระดูกักำลังอ้าปากกว้าง ก่อนจะกลืนกินคัมภีร์ไม้ไผ่ที่อับแสงลงไปในคำเดียว
ทันใดนั้นคัมภีร์ไม้ไผ่ก็แตกสลายลง มนต์สะกดทั้งสามสิบหกสายแตกกระจายออกเป็อักขระจำนวนมากกำลังวนเวียนรายล้อมอยู่รอบตัวโครงกระดูกั ราวกับผีเสื้อโบยบินก็มิปาน เ้าอสุรกายะโลงจากหลังั จากนั้นก็กลืนกินอักขระมากมายที่ปลิวว่อน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดแล้ว หลังจากที่กลืนกินอักขระตัวสุดท้ายเข้าไป เ้าอสุรกายก็เรอออกมาด้วยความอิ่มเอม ก่อนจะะโขึ้นหลังัตามเดิม จากนั้นก็สลายตัวกลับไปเป็คัมภีร์โครงกระดูกเช่นเดิม และลอยกลับเข้าสู่ฝ่ามือของหลินเฟย…
หลินเฟยรู้สึกได้ทันทีว่าคัมภีร์หนักขึ้นมาก…
ที่เป็เช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร…
เพราะคัมภีร์ไม้ไผ่ของเว่ยจงซูเป็ศาสตราวุธที่แท้จริง เกิดจากปรัชญาความรู้ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต หลังจากมนต์สะกดทั้งสามสิบหกสายแตกสลายกลายเป็อักขระมากมาย ก็ถูกคัมภีร์โครงกระดูกกลืนกินไปจนหมด ดีแค่ไหนแล้วที่ยังรับไหว ไม่ถูกพลังที่มากล้นเช่นนี้ ทำให้ะเิเป็เสี่ยงๆไปเสียก่อน ดังนั้นหากคิดจะหลอมรวมอักขระทั้งหมด เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ…
“นี่มัน…” จากนั้นหลินเฟยก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเก้อกระดาก บัดนี้ห้วงมิติดินิถู่ได้หลอมละลายมีดบินฮั่วอู๋ได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีคัมภีร์ไม้ไผ่มาเพิ่มอีก เช่นนั้นจึงไม่รู้ต้องหลอมละลายไปอีกนานเท่าไร กว่าจะลุล่วง…
หลินเฟยแอบบ่นในใจ จากนั้นก็สลายคัมภีร์กลับเข้าร่างตามเดิม หลังจากเสร็จเื่ทั้งหมด หลินเฟยก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเฉียนคุนบนตัวเว่ยจงซูมา…
บัดนี้เว่ยจงซูตายไปแล้ว เช่นนั้นกระเป๋าเฉียนคุนก็ไร้ซึ่งนายของมันอีก หลินเฟยจึงเปิดออกได้อย่างง่ายดาย หลังจากกวาดตาดูก็พบว่าภายในกระเป๋านั้น สมกับที่เป็อาจารย์ของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นจริงๆ เพราะข้างในมีหินิญญามากมายหลายแสน แถมยังมีสมุนไพร เคล็ดวิชาและอาวุธจำนวนมาก ของในกระเป๋ามีมากกว่าของที่หลินเฟยกับเวินโหวที่ปล้นชิงกันสองวันติดกันเสียอีก…
หลินเฟยเลือกดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเททุกอย่างเข้าไปในคัมภีร์โครงกระดูก ถึงอย่างไรตอนนี้คัมภีร์โครงกระดูกก็มีมนต์สะกดสามสิบแปดสายแล้ว ภายในจึงเกิดเป็ห้วงมิติ เช่นนั้นเก็บไว้ในนี้จึงปลอดภัยกว่ากระเป๋าในกระเป๋าเฉียนคุน…
“ช้าก่อน สิ่งนี้…”
สิ่งที่เว่ยจงซูหลงเหลือไว้ส่วนมากเป็เคล็ดวิชาของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่น แม้จะเป็ยอดวิชาในเป่ยจิ้ง แต่กลับต้องอาศัยพลังศักดิ์สิทธิ์ในการบำเพ็ญ ดังนั้นหลินเฟยจึงไม่อาจสนใจแม้แต่น้อย อย่างมากก็คงหยิบมาศึกษายามว่างเท่านั้นว่ามีเบาะแสแดน์าอะไรบ้าง…
แต่พอดูไปดูมา อยู่ดีๆหลินเฟยก็ชะงักทันที…
เพราะหลินเฟยพบว่าเคล็ดวิชาของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่นมีอักษรภาพอยู่ม้วนหนึ่ง…
อักษรภาพนี้ดูไม่ซับซ้อนอะไร มีเพียงสิบสองตัวอักษรเท่านั้น ตัวหนังสือก็ดูหวัดและพลิ้วไหวเป็อย่างมาก เพียงดูก็รู้ว่าคงเกิดจากยอดจิตรกรที่เลื่องชื่อเป็แน่ หากอยู่ในแดนมนุษย์ละก็ เกรงว่าจะมีค่าหลายพันตำลึงเลยทีเดียว…
ทว่าหลินเฟยเห็นแล้วกลับต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ…
ในใจก็เอาแต่คิดว่าช่างบังเอิญไม่น้อย…
‘นี่ข้าโชคดีขนาดนี้เชียวหรือ?’
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------