“สาวน้อย หวางหมาจื่อกับพวกถูกจับแล้ว ของที่ขโมยไปก็ได้กลับคืนมาเกือบหมด”
เซี่ยโม่ยิ้มดีใจเมื่อได้ยินข่าวดี คุณลุงตำรวจเก่งจริงๆ
“คุณลุงตำรวจคะ แล้วพวกเขาถูกตัดสินจำคุกกี่ปีคะ” เธอถามต่อ
“เื่นี้ยังต้องรออีกสามสี่วัน ตอนนี้เธอบอกมาก่อนว่าที่บ้านถูกขโมยอะไรไปบ้าง พวกเราจะได้ตรวจสอบและส่งคืนให้ แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้คนที่บ้านมาบอกก็ได้”
เธอจำได้แม่นว่าบ้านคุณตาคุณยายมีของอะไรบ้าง เธอครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะแจกแจงออกไป
ตำรวจผู้ทำหน้าที่จดบันทึกมีสีหน้าอึ้งเหมือนเจอสิ่งเหลือเชื่อ เด็กคนนี้ต้องเป็คนคอยดูแลบ้านเป็แน่ ผ้าหายไปกี่ผืน ผืนละกี่ฟุต มีสีอะไรบ้าง บอกได้ละเอียดมาก
พวกข้าวสารและธัญพืชที่ถูกขโมยไป ถูกขโมยไปกี่กิโลกรัม มีอะไรบ้าง แม้แต่สีของรอยปะบนถุงว่าเป็สีอะไรก็ยังบอกได้
เนื้อแดดเดียวชิ้นเล็กหรือใหญ่ เงินหายไปจำนวนเท่าไร เด็กสาวสามารถบอกได้อย่างชัดเจนและละเอียดยิบ
เงินพวกนั้นเซี่ยโม่เป็คนให้คุณยายเก็บเอาไว้ เพราะกลัวว่าหากมีเื่ต้องใช้เงินแล้วจะไม่มีติดตัว พอรู้ว่าเงินหายไป คุณยายร้อนใจจนโรคหัวใจกำเริบ ทั้งที่คนเป็โรคหัวใจไม่ควรมีอะไรมากระทบกระเทือน
หลังจากจดบันทึกเสร็จ ตำรวจกล่าวว่า “เงินกับเนื้อไม่มีแล้ว แต่ผ้ากับพวกข้าวสารและธัญพืชยังมีอยู่ อีกเดี๋ยวเธอสามารถเอากลับไปได้เลย”
เธอเอ่ยถาม “คุณลุงตำรวจ เมื่อไรโทษของพวกเขาจะถูกตัดสินออกมาคะ”
“ต้องรอก่อน กำลังอยู่ในกระบวนการ” ตำรวจตอบอย่างขอไปที
เธอทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกก่อนจะกล่าวว่า “คุณลุงตำรวจ เมื่อเช้าฉันกับน้องสาวของหวางลี่ลี่มีเื่กันที่โรงพยาบาล แล้วเขาก็ส่งผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาตามไล่ฆ่าฉันระหว่างทางที่มาสถานีตำรวจค่ะ”
ตำรวจขมวดคิ้ว “เื่จริงเหรอ!”
เธอเล่าต่อ “ผู้ชายกลุ่มนั้นมีทั้งหมดสี่คน ตอนเช้าพวกเขาก็เข้าไปในห้องพักผู้ป่วยจะทำร้ายฉันทีหนึ่งแล้ว แต่พวกพยาบาลขวางเอาไว้ได้ ต่อมาพวกเขาก็มาดักรอฉันระหว่างทางที่จะเดินมาสถานีตำรวจ โชคดีที่เจอกระบองบนพื้น เลยหยิบขึ้นมาขู่ให้พวกนั้นกลัว แล้วฉันก็วิ่งหนีมาค่ะ”
เซี่ยโม่กลัวว่าตอนที่ตำรวจไปตรวจสอบเื่นี้ พวกผู้ชายพวกนั้นจะพูดโกหก เธอเลยเล่าเื่กระบองให้ฟังด้วย
ที่เล่าไปมีทั้งจริงไม่จริงผสมปนเปกัน พอถึงตอนที่ตำรวจไปตรวจสอบ ไม่ว่าผู้ชายกลุ่มนั้นจะพูดอะไร ตำรวจก็จะไม่มีทางเชื่อ
เธอเล่าต่อ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าพวกเขาอยากจะฆ่าหรือทำร้ายฉัน แต่ผู้ชายสี่คนนั้นที่ไล่ตามมาทั้งตัวใหญ่ หน้าตาก็น่ากลัว ตอนนั้นฉันกลัวมาก”
ตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมดุดัน “พวกเราเป็ตำรวจย่อมมีหน้าที่ปกป้องประชาชน ในเมื่อเื่นี้เกี่ยวข้องกับหวางลี่ลี่ เช่นนั้นก็น่าจะเป็การแก้แค้น เดี๋ยวฉันจะพาตำรวจสองนายไปตรวจสอบเื่นี้ หากเป็เื่จริงฉันก็จะจัดการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าเธอโกหก เธอจะถูกตั้งข้อหาแจ้งความเท็จ”
“คุณลุงตำรวจ น้องของฉันยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ของในบ้านก็ถูกขโมย พวกเราต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวทุกวัน ฉันไม่กล้าพูดโกหกหรอกค่ะ”
“ก็ดี งั้นเธอกลับไปก่อน อีกเดี๋ยวฉันค่อยพาตำรวจไปตรวจสอบเื่นี้ที่โรงพยาบาล”
เธอเอ่ยต่ออีกประโยค “น้องสาวของหวางลี่ลี่ชื่อหวางเมิ่งเมิ่ง อยู่ห้องพักผู้ป่วยหมายเลขห้า แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอดูแลใครอยู่”
ตำรวจจดข้อมูลเมื่อครู่ลงกระดาษ
หลังจากเธอรับผ้า ข้าวสาร และพวกธัญพืชแล้วก็ออกจากสถานีตำรวจ
เดินมาถึงจุดปลอดคน ค่อยเอาของทั้งหมดใส่ในโกดังสินค้า
เซี่ยโม่ทำหน้าขบคิด อย่างไรก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เธอเลยกลับเข้าไปในสถานีตำรวจอีกครั้ง เดินไปที่ฝ่ายทะเบียนเพื่อหาแฟนคลับคนนั้น
แต่ปรากฏว่าคุณป้าคนนั้นไม่อยู่ เธอเลยต้องกลับออกไปพร้อมความผิดหวัง
ตอนนี้เป็เวลาเที่ยง ป่านนี้น้องชายน่าจะกำลังรอกินหมูน้ำแดงจากเธออยู่
เธอหยิบถุงผ้าออกมาจากในโกดังสินค้า รวมถึงกล่องอาหารสามกล่อง ก่อนจะเดินไปที่ร้านอาหารของรัฐ
ภายในร้านมีคนไม่น้อย รออยู่นานในที่สุดเซี่ยโม่ก็ได้หมูน้ำแดงมา และยังมีผัดตับกับข้าวสวยด้วย
ในห้องพักยังมีซาลาเปาไส้เนื้อที่อาจารย์ซื้อมาเหลืออยู่สามสี่ลูก เธอคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอเป็มื้อเที่ยง
เธอถือถุงผ้าใส่กล่องอาหารเดินกลับไปที่โรงพยาบาล
น้องชายให้น้ำเกลือหมดขวดแล้ว โดยมีคุณปู่จ้าวยังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
“อาจารย์คะ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ มีคนมาบ้างมั้ยคะ”
ชายชราส่ายหน้า “ไม่มี เงียบสงบตลอด”
“ฉันซื้ออาหารจากร้านอาหารของรัฐมา พวกเรากินข้าวกันเถอะค่ะ”
พอเซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยได้ยินว่าเป็อาหารจากร้านอาหารของรัฐ สองตาพลันเป็ประกาย “พี่ครับ มีหมูน้ำแดงด้วยใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ดีจังเลย!” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
“แต่ก่อนหน้านี้เราเพิ่งจะกินซาลาเปาไส้เนื้อเข้าไปสองลูก ตอนนี้ยังจะกินหมูน้ำแดงลงอีกเหรอ” คุณปู่จ้าวถามขึ้นมา
เฉินเฟิงยืดอกพลางตอบ “กินลงแน่นอนครับ ขนาดซาลาเปาไส้เนื้อยังอร่อย หมูน้ำแดงต้องอร่อยมากแน่ๆ”
เซี่ยโม่เปิดกล่องอาหารพร้อมกับพูดกำชับ “เฉินเฟิง เราจะกินเยอะไม่ได้นะ ถ้ากินเยอะจะไม่สบายท้องเอา”
“พี่วางใจเถอะครับ ผมอายุเท่าไรแล้ว เื่นี้มีเหรอจะไม่รู้”
ทั้งสามคนนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน หลังจากกินเสร็จ เฉินเฟิงเอามือลูบพุงที่ยื่นออกมาหน่อยๆ พร้อมกับพูดว่า “พี่ครับ ดูเหมือนผมจะกินเยอะเกินไป”
เธอใ หัวใจและปอดของน้องชายยังไม่แข็งแรง หากมีปัญหาที่ลำไส้อีกต้องแย่แน่ๆ
คุณปู่ผู้มีประสบการณ์ในด้านการรักษาเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่เป็ไร ไปซื้อเม็ดซานจา[1]ที่ห้องยาของโรงพยาบาลมาก็ได้แล้ว”
“ฉันจะไปซื้อเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” เอ่ยจบเธอก็รีบวิ่งออกจากห้องพัก ไม่นานก็กลับมาพร้อมเม็ดซานจา เธอแกะห่อแล้วป้อนใส่ปากน้องชายหนึ่งเม็ด
“เฉินเฟิง ต่อไปห้ามกินเยอะแบบนี้อีกนะ พรุ่งนี้พี่ให้เราเลือกได้แค่อย่างเดียวว่าจะกินซาลาเปาไส้เนื้อหรือหมูน้ำแดง” ไม่วายกำชับด้วยความเป็ห่วง
เด็กชายตัวน้อยรับคำหน้าเศร้า “ครับ”
ต่อมาไม่นานเด็กชายเอามือปิดปากหาว ก่อนจะผล็อยหลับไป
คุณปู่จ้าวนึกถึงเื่สถานีตำรวจขึ้นมาได้ จึงส่งสัญญาณผ่านสายตาให้เซี่ยโม่ จากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปคุยกันตรงทางเดินหน้าห้อง
“อาจารย์ หวางหมาจื่อกับพวกถูกจับแล้วค่ะ ของก็ได้คืนกลับมาแล้ว มีแค่เนื้อแดดเดียวกับเงินเท่านั้นที่ไม่ได้คืนกลับมา”
“แล้วพวกนั้นจะถูกตัดสินโทษเมื่อไร”
“ตำรวจบอกว่ากำลังอยู่ในกระบวนการ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
“งั้นคงทำได้แค่รอ”
เซี่ยโม่เองก็เครียดกับเื่นี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน
เธอกลัวว่าจะเป็แบบครั้งก่อน ที่ถูกจับไปแค่ไม่กี่วันก็ปล่อยตัวออกมา
หากเป็แบบนั้นอีก คนแก่และเด็กที่อยู่ในบ้านจะทำอย่างไร
ขณะที่เธอกำลังเครียดอยู่นั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาเหมือนพวกอันธพาล สวมชุดเครื่องแบบของสถานีรถไฟเดินอย่างเร่งรีบมาตามทางเดิน
ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมา เธอหันไปมอง ก่อนที่ตาจะเบิกโตอย่างประหลาดใจ
“พี่ซ่ง มาได้ยังไงคะ”
พอซ่งมู่ไป๋เห็นเด็กสาว ใบหน้าดุดันพลันเปลี่ยนเป็อ่อนโยน
เซี่ยโม่พบว่าหน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อผุดซึม คงเป็เพราะรีบมาที่นี่
ชายหนุ่มล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ก่อนจะถามอย่างร้อนใจ “โม่โม่ น้องชายเธอเป็ยังไงบ้าง”
เธอทำหน้าสงสัย “พี่รู้เื่น้องชายฉันได้ยังไงคะ อย่าบอกนะคะว่าพี่ตั้งใจมาเยี่ยมเขา”
ใจจริงซ่งมู่ไป๋อยากบอกออกไปเหลือเกินว่า ฉันตั้งใจมาหาเธอต่างหาก แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดออกไปจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
เขาไม่กล้าพูด ทำได้แค่มองแววตาสุกสกาวระยิบระยับดุจดวงดาวของเด็กสาว
เซี่ยโม่รู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน ชายหนุ่มตรงหน้าไม่เพียงเคยช่วยชีวิตน้องชายของเธอเอาไว้ ตอนนี้พอได้ข่าวว่าน้องชายเธอถูกทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลยังรีบมาเยี่ยมอีก
เธอต้องบอกน้องชายว่าให้จดจำบุญคุณของพี่ซ่งเอาไว้ให้ดี
เวลานี้เอง ซ่งมู่ไป๋ถึงค่อยหันไปเห็นเหล่าจ้าว เอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างอ่อนน้อม จากนั้นจึงอธิบายต่อ “ฉันไปหาคุณป้ามา คุณป้าเล่าเื่ที่บ้านเธอเกิดเื่ให้ฟัง หลังจากฉันไปเยี่ยมคุณตาคุณยายก็รีบมาที่นี่ทันที”
“คุณยายเป็ยังไงบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถาม
เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ “คุณยายไม่เป็อะไร เพียงแค่สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไร ทำไมเหรอ”
เซี่ยโม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูท่ายาโรคหัวใจที่เธอให้คุณยายกินจะได้ผลไม่น้อย
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ถามเพราะเป็ห่วงเท่านั้น”
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จู่ๆ เธอทั้งรู้สึกโกรธและน้อยเนื้อต่ำใจ เลยเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในสองวันมานี้ให้ชายหนุ่มตรงหน้าฟัง
---------------------------
[1] ซานจา เป็ผลไม้ขนาดเล็ก มีรสเปรี้ยว มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้