“ผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์ เป็อีกหนึ่งแร่โลหะสำคัญที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างหลากหลายทั้งการหลอมสร้างปรุงโอสถหรือการสร้างศาตราวุธให้มีความแข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกซ่อนตัวอยู่ในหมู่เกาะพิศดารที่ตรงน่านน้ำด้านหน้าเป็ที่พำนักของเผ่าพันธ์มัจฉาวารีพิษมรกต สัตว์อสูรระดับมายาขั้นสูงย่างก้าวสัตว์อสูรระดับตำนาน ที่ถูกพลางสายตาด้วยมหาค่ายกลธรรมชาติที่มีพลังลึกล้ำสายหนึ่ง การจะพบเจอสถานที่แห่งนี้คงต้องรบกวนเ้าเสียแล้วหนิงอ้าย...” ฟานหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่เรือเหาะลำนี้ได้เหินทะยานลัดฟ้าอยู่เหนือน่านฟ้าของทะเลมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ระดับความเร็วนั้นกล่าวว่าเหนือชั้นสมกับเป็สมบัติวิเศษระดับตำนานอย่างแท้จริง
“ยามนี้ข้ายังไม่อาจเชี่ยวชาญในวิชามหาจักษุ์อนันตมายามากนัก หากม่านพลังธรรมชาตินั่นไม่มีความพิศดารมากเกินไป ข้าผสานใช้ไปกับจิติญญาแล้วย่อมสามารถค้นพบตำแหน่งที่ตั้งได้ไม่ยาก อย่างไรสิ่งที่ควรกังวลนั่นคืออสูรมัจฉาวารีพิษมรกต เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับนี้ในพื้นที่ไม่คุ้นชินคงเป็เื่ที่อันตรายยิ่ง พวกเราต้องระวังให้มากนะขอรับ...” หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความเคร่งเครียดไปไม่ต่างกัน เพราะหากเทียบแล้วพลังฝีมือของสัตว์อสูรมายาขั้นสูงย่างก้าวสัตว์อสูรระดับตำนานนั้นคงมีฝีมือพลังทัดเทียมกับราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูงย่างก้าว ยิ่งมหาพิภพแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังปราณแปลกหลาดแล้วสายพันธ์ของสัตว์อสูรจึงมีความพิเศษผันแปรไม่ธรรมดาสามัญ
พลังฝีมือของฟานหลิง รัชทายาทแห่งเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางผู้นี้ หากคืนร่างสู่สายเืต้นกำเนิดในรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรนั้นถือว่าเป็อสูรจิ้งจอกเหมันต์เก้าหางที่สามารถทัดเทียมได้กับสัตว์อสูรมายาขั้นกลางหรือเป็ยอดฝีมือราชทินนามราชันิญญาขั้นต้นที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง ด้วย่สิบเจ็ดแปดปีเช่นนี้แล้วถือได้ว่าเป็อีกหนึ่งสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มีพร์ความสามารถล้ำเลิศยิ่ง
อย่างไรก็ตามภารกิจครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัยเช่นกัน ยิ่งครั้งนี้ที่เป็การ่ชิงต่อกรในเขตแดนของศัตรูแล้วคงไม่ใช่เื่ง่ายในการลงมือสักเท่าใด อีกทั้งสัตว์อสูรเกือบทุกเผ่าพันธ์ในมหาพิภพแห่งนี้ั้แ่สัตว์อสูรระดับนภาเป็ต้นไปนั้นล้วนมีกระดูกิญญาและแก่นปราณอสูรกันเกือบทั้งสิ้น อย่างที่รู้กันว่ากระดูกิญญานั้นล้วนมีพลังแปลกประหลาดด้วยเพราะภายในนั้นอัดแน่นด้วยพลังอันเป็เอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของสัตว์อสูรเผ่าพันธ์นั้นไว้ ผู้ฝึกตนสามารถนำมาประสานเข้าสู่ร่างกายเพื่อใช้ทักษะิญญาดังกล่าวเพื่อเพิ่มแต้มต่อโอกาสให้มากขึ้น ส่วนแก่นปราณอสูรนั้นหากเปรียบเทียบง่าย ๆ คือไม่ต่างไปจากแก่นจิติญญาของผู้ฝึกตนที่เป็ที่รวบรวมหมุนเวียนพลังปราณไหลเวียนในร่างกาย อย่างไรแล้วแก่นปราณอสูรนี้สามารถนำมาหลอมสร้างปรุงโอสถหรือแม้กระทั่งสร้างเป็ศาตราวุธได้ไม่ต่างส่วนเขา ส่วนกระดูกหรือชิ้นส่วนอื่นจากสัตว์อสูรเช่นกัน
ผู้ที่เข้าสู่วิถีผู้ฝึกตนล้วนใช้ประโยชน์จากกระดูกิญญาและแก่นปราณอสูรกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะแก่นปราณอสูรนั้นเป็สิ่งที่หาง่ายและพบเจอได้มากกว่ากระดูกิญญาหลายเท่า อีกทั้งแก่นปราณอสูรของบางเผ่าพันธ์ยังมีความพิเศษพิศดารที่น่าสนใจไม่น้อย บ้างก็สามารถนำมาเป็ส่วนหนึ่งของอาภรณ์สวมใส่ บ้างก็ถูกนำมาใช้ทดแทนสมบัติวิเศษเพื่อรักษาชีวิตในยามคับขันได้เช่นกัน ยิ่งแก่นปราณอสูรที่ได้มีการนำไปเป็ส่วนสำคัญในการสร้างศาสตรวุธแล้วยิ่งส่งเสริมให้อาวุธชิ้นนั้นเปี่ยมไปด้วยอาณุภาพยิ่ง อย่างไรก็ตามจำนวนของผู้ฝึกตนที่ดำรงอยู่ในเส้นทางหลอมสร้างอาวุธนั้นกลับมีอยู่น้อยคนยิ่ง อีกทั้งยังมีอุปนิสัยแปลกปละหลาดเอาแต่ใจปลีกวิเวกที่ไม่อาจเข้าใจได้โดยง่าย หากเปรียบเทียบกับนักปรุงโอสถแล้วยังถือว่ามีจำนวนที่มากกว่าสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว
มหาจักษุ์อนันตมายา สำแดง!!!
ครืน!!
หนิงอ้ายหลับตาลงเพ่งสมาธิกับจิติญญาบัญชาการวิชาดังกล่าวนี้อย่างยิ่งยวด ก่อนจะแผ่ซ่านพลังพิสดารสายนี้ของเคล็ดวิชาออกไป บังเกิดเป็ดวงตาสีทองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอักขระพิสดารนับพันพับหมื่นไหลเวียนหล่อเลี้ยง ก่อนที่กระแสปราณนับไม่ถ้วนจะพวยพุ่งออกไปตามขอบเขตที่สามารถบังคับบัญชาการได้ในยามนี้ หากเปรียบเทียบกับห่าวหรานผู้เป็เทพแห่งโชคชะตาาที่เป็ผู้สอนสั่งนั้น การเรียกใช้ของหนิงอ้ายในยามนี้ยังมีจุดด้อยในเขตขั้นของพลังิญญาที่ห่างกันไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรด้วยวัยเพียงสิบสองสิบสามปีกับพลังิญญาราชทินนามเทวะิญญาและความบริสุทธิ์ลึกล้ำของจิติญญาของนักปรุงโอสถที่เทียบเท่ากับสมญานามอัคราจารย์โอสถหรือนักปรุงโอสถระดับหกแล้ว กล่าวว่าเขตขั้นของพลังิญญานี้เหนือล้ำกว่าเขาในดินแดนเดิมไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า ฟังว่าภายในโอสถหมื่นชีวันอนันต์มหรรณพล้วนถูกปรุงขึ้นด้วยสมุนไพรของวิเศษที่หลากหลายยิ่ง คุณวิเศษจากโอสถนี้ต่างถูกกักกับอยู่ในไขกระดูก กล้ามเนื้อและทะเลมหาสมุทรลมปราณในร่างกายที่จะค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมาตาม่วัยระยะเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด
“ดูเหมือนว่าข้าจะพบเจอแล้วขอรับ อีกไม่เกินสิบลี้ตรงหน้าจะเป็เกาะพิสดารที่เผ่าพันธุ์อสูรัมัจฉาวารีพิษมรกตอาศัยอยู่ตรงน่านน้ำด้านหน้า ทว่าม่านพลังจากค่ายกลธรรมชาตินั้นมีมวลกระแสพลังปราณฟ้าดินที่กล้าแกร่งอยู่สายหนึ่ง ข้าััได้ว่าด้านหลังของม่านพลังดังกล่าวนั้นเป็อีกหนึ่งสถานที่ที่มีพลังปราณฟ้าดินที่มีความบริสุทธิ์ที่เจอปนไปด้วยปราณธาตุพิษอ่อนจางสายหนึ่ง จึงส่งผลให้บรรดาสมุนไพรวิเศษและสัตว์อสูรที่อาศัยนั้นมีพลังปราณธาตุพิษหล่อเลี้ยงร่างกายด้วยเช่นกัน อีกทั้งกลิ่นอายที่กล้าแกร่งสายหนึ่งที่คลอบคลุมอยู่นั้นหากคาดเดาไม่ผิดคงเป็กลิ่นอายของอสูรมัจฉาวารีพิษมรกตเสียแล้วกระมัง ...”
เมื่อทราบสิ่งที่้าแล้วจึงสลายเคล็ดวิชาดังกล่าวดวงตาขนาดั์สีทองบนท้องฟ้าจึงเลือนหายไปในที่สุด เรือเหาะได้ถูกบัญชาการไปยังทิศทางดังกล่าวในทันที ระหว่างนั้นหนิงอ้ายรีบดีดเอาโอสถเสริมพลังลมปราณและโอสถเสริมจิติญญาเข้าดูดซับด้วยความรวดเร็ว ความลึกล้ำของโอสถเมื่อครู่นั้นย่อมเป็โอสถระดับแปดที่อยู่ในเขตขั้นของโอสถทิพย์ที่มีความบริสุทธิ์มากถึงสิบส่วน โอสถเหล่านี้ล้วนเป็โอสถที่เสวี่ยจิงผู้เป็อาจารย์มอบให้หนิงอ้ายทั้งสิ้น เพียงโคจรโอสถทั่วร่างกายไปเพียงครู่ก็กลับมาสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง
“ม่านพลังตรงหน้านี้คงต้องรบกวนท่านพี่ฟานหลิงแล้วขอรับ” ฟานหลิงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับคำด้วยความยินดี ก่อนจะปราดร่างขึ้นเหนือเรือเหาะพร้อมกับปลดปล่อยพลังิญญาของราชทินนามราชันิญญาออกมาแผ่ซ่านไปทั่วทิศ พร้อมกับจำแลงร่างกายคืนสู่ร่างต้นในรูปลักษณ์ของจิ้งจอกเหมันต์เก้าหางที่หยัดยืนอยู่เหนือท้องฟ้าได้ส่งผลให้ผืนน้ำที่ล้อมอยู่โดยรอบสั่นะเืเกิดเป็ระลอกคลื่นขนาดใหญ่เข้าสาดซัด แรงกดดันแห่งเผ่าพันธุ์ระดับสูงที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นได้สร้างแรงกดดันเป็อย่างมาก ส่งผลให้สัตว์อสูรที่อยู่ภายในบริเวณที่เคยซ่อนเร้นในก่อนหน้าต่างหลีกซ่อนหนีกันอลหม่าน แน่นอนว่าพลังปราณที่ปรากฎอยู่ขณะนี้เป้าหมายถือกำแพงแห่งค่ายกลธรรมชาติ ก่อนจะสะบัดส่วนหางทั้งสี่เข้าฟาดตรงม่านพลังด้านหน้าอย่างไม่กลัวเกรง
มหาวังวนวายุจิ้งจอกเหมันต์สังหาร!!!
หลังจากประสานมือเสร็จสิ้น เงาร่างจำแลงของจิ้งจอกเหมันต์ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับพายุขนาดใหญ่นับสิบลูกที่พันหมุดเวียนวนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะถูกบัญชาการไปยังเบื้องหน้าอย่างเต็มกำลัง
หอกอัคคีศักดิ์สิทธิ์หมื่นวิถี โจมตี!!!
หนิงอ้ายเรียกใช้สมบัติวิเศษออกมาชิ้นหนึ่งเช่นกัน ปรากฎเป็หอกอัคคีเล่มใหญ่ที่มีขนาดไม่แตกต่างไปจากเสาค้ำแห่งมหาสมุทร แน่นอนว่าเปลวเพลิงที่ไหลเวียนอยู่นั้นย่อมเป็เปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งที่มีกลิ่นอายความรุนแรงอหังการยิ่ง มือขวาตวัดพาหอกอัคคีเข้าประสานเข้ากับวังวนพายุของฟานหลิง พุ่งเข้ากระแทกม่านพลังธรรมชาติในทันที
เพล้ง!!!
เสียงแตกทะลายของม่านกำบังธรรมชาตินี้ดังสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณ อาจดูเหมือนว่าทำลายได้ง่ายยิ่งแต่ความจริงหาได้เป็เช่นนั้น แต่เดิมม่านพลังนี้ต่างถูกเสริมแกร่งด้วยพลังปราณฟ้าดินอันบริสุทธรวมไปถึงพลังปราณของอสูรมัจฉาวารีมรกตคลั่งจึงมีความมั่นคงแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ทว่าจุดบริเวณที่ถูกโจมตีเมื่อครู่เป็ส่วนที่บอบบางอ่อนแอมากที่สุด ด้วยความลึกล้ำของเคล็ดวิชามหาจักษุ์อนันตมายาจึงไม่ใช่เื่ยากที่หนิงอ้ายจะรับรู้ เมื่อเป็เช่นนั้นเขาจึงส่งกระแสจิตให้อีกฝ่ายส่งการโจมตีไปยังส่วนนั้นจนสำเร็จได้ในที่สุด
ตู้ม!!
เพียงไม่นานเท่านั้น แรงะเิมหาศาลอันเกิดจากสัตว์อสูรระดับมายาก็ได้ปะทุขึ้นอย่างดุดัน กลายเป็กระแสพลังปราณเข้าซาดซัดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เงาร่างขนาดมหึมาของอสูรมัจฉาวารีมรกตคลั่งจึงปรากฏขึ้นต่อหน้า เป็รูปลักษณ์ที่มีส่วนกลางลำตัวลงไปเป็มัจฉาที่มีครีปหางทรงพลัง เกล็ดสีครามเข้มทั่วทั้งตัวนั้นเป็ประกายแวววับยิ่ง กลิ่นอายของปราณธาตุน้ำที่เจือปนไปด้วยปราณธาตุพิษอ่อน ๆ ดูเข้มข้นอยู่ไม่น้อย ท่าทางดุกล้าวด้วยเพราะถูกรบกวนโดยผู้ที่ไม่ได้รับเชิญ พึงทราบว่าแต่ละเขตพื้นที่ย่อมมีสัตว์อสูรแข็งแกร่งที่สุดปกครองอยู่ ใคร่จะเข้ามาอุกอาจเข้ามาในอาณาเขตหวงห้ามเช่นนี้จะไม่ให้รู้สึกเดือดดาลได้อย่างไร
“อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตปรากฏตัวแล้วอย่างนั้นรึ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาช่างสมกับสัตว์อสูรระดับมายาเสียจริง!!!” ฟานหลิงอดที่จะเอ่ยออกมาเสียงดังไม่ได้ สัตว์อสูรตรงหน้านับเป็อีกหนึ่งเผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เสียงกู่ร้องคำรามของอสูรมัจฉาวารีมรกตคลั่งดังสนั่นลั่นฟ้า ก่อนที่คลื่นมวลน้ำที่ทรงพลังรุนแรงจะถูกยิงออกมาจู่โจมผู้บุกรุกรุ่นเยาว์ทั้งสองอย่างดุดัน กระแสปราณธาตุน้ำที่เข้มข้นแฝงไปด้วยพิษสายหนึ่งคละคลุ้งออกมา
ครืน!!
ทางฝั่งของฟานหลิงย่อมไม่ยอมเสียท่าถูกโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียว เวลานั้นขนสีขาวพิสุทธิ์ทั่วร่างพลันทอแสงเปล่งประกายงดงามยิ่ง ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวได้ถูกเปิดอ้าออกเป็คลื่นแสงสังหารสีขาวออกมา พลังโจมตีดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมปะปนไปด้วยกลิ่นอายของเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางออกมาครอบคลุมพื้นที่ เปลวเพลิงที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณเหมันต์อันลึกล้ำได้เข้าตั้งรับการโจมตีตรงหน้าทันใด
ทักษะิญญาที่หนึ่ง เขตแดนจักรพรรดิหมื่นพิษปลิดิญญา!!!
หนิงอ้ายที่เป็นักปรุงโอสถย่อมััได้ถึงกลิ่นอายของพิษร้ายจึงไม่รอช้าบัญชาการเรียกใช้ิญญายุทธ์ปราณธาตุพิษของตนออกมาในทัน ปรากฏเป็เขตแดนสีม่วงดำประกายทองเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบพร้อมกับเริ่มดูดกลืนไอพิษดังกล่าว ด้วยการควบคุมที่เบ็ดเสร็จเขตแดนพิษนี้นอกจากจะไม่เข้าแทรกซึมร่างกายของฟานหลิงที่ตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางแล้วยังสกัดกั้นพิษจากอสูรมัจฉาวารีพิษมรกตอีกด้วย
โฮก!!
อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตเห็นว่าพิษร้ายของมันนั้นได้ถูกสลายลงไปเวลาเพียงสั้น ๆ จึงรู้สึกเดือดดาลไม่สามารถระงับอารมณ์ได้เพียงนิด เวลานั้นคลื่นลมในมหาสมุทรต่างปั่นป่วนบ้าคลั่งอย่างรุนแรงก่อนจะเกิดเป็คลื่นน้ำขนาดใหญ่เข้าถาโถมเข้ามาจากทั้งสี่ทิศแปดทางอย่างเต็มกำลัง ไม่เพียงเท่านั้นตรงปลายยอดของคลื่นน้ำยังปรากฏเป็ร่างจำแลงของอสูรมัจฉาวารีพิษมรกตจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าโจมตีหนิงอ้ายกับฟางหลิงอย่างเต็มกำลัง เวลานั้นทั้งสองได้ส่งกระแสจิตออกมาพูดคุยกันอีกครั้ง
เปลวเพลิงแห่งจิ้งจอกเหมันต์พันธนาการ!!!
ฟานหลิงหลบเลี่ยงการโจมตีไปทางฝั่งด้านซ้าย พร้อมกับบัญชาการเปลวเพลิงสีขาวของตนออกมาจัดการร่างจำแลงของอสูรมัจฉาวารีพิษมรกตที่ติดตามมาด้านหลัง ความร้อนแรงแห่งปราณธาตุไฟพิศดารแห่งเผ่าพันธ์นั้นได้แผดเผาร่างจำแลงวารีเหล่านี้สูญสลายลงไปในครั้งเดียวจำนวนมาก มวลเพลิงดังกล่าวยังก่อตัวเป็ปราการอัคคีขนาดใหญ่เข้าแผดเผาโดยรอบอย่างอหังการ
อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตเห็นการโจมตีกลับตรงหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้านเคร่งเครียดอยู่ในใจไม่น้อย ด้วยไม่คาดคิดว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้จะมากไปด้วยฝีมือและสามารถตั้งรับการโจมตีของมันที่เป็ถึงสัตว์อสูรระดับมายาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่รู้นั่นคือสองรุ่นเยาว์นี้หาได้พบได้ได้ทั่วไปเสียเมื่อไหร่ หนึ่งเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่านั้นเป็ถึงรัชทายาทของเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง เผ่าพันธ์ระดับสูงที่เป็รองเพียงเผ่าพันธ์าเท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งเด็กหนุ่มที่มีรูปลักษณ์อ่อนแอบบอบบางนั่น แม้ยามนี้จะยังไม่แสดงถึงพลังฝีมือที่ ทว่าดวงตาที่จดจ้องมานั้นได้สร้างแรงสะกดข่มทางจิติญญาอย่างแท้จริง
หนิงอ้ายรีดเค้นพลังปราณออกมาก่อนจะปราดร่างขึ้นปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง ทั่วทั้งร่างลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีทองประกายรุ้งกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานับว่าอหังการยิ่ง เปลวเพลิงสายนี้ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับเปลวเพลิงแห่งัที่ผสานเข้ากับเปลวเพลิงของเฟิ่งหวงได้อย่างลงตัวยิ่ง กล่าวนี้นี่คือศาสตร์ลับยกระดับฝีมือชั่วคราวที่หนิงอ้ายได้รับการสั่งสอนมาก่อนหน้า ส่งผลให้จากเดิมที่พลังิญญาอยู่ในเขตขั้นของราชทินนามเทวะิญญา ทว่ายามนี้กลับเป็ถึงราชทินนามราชันิญญาขั้นกลางเลยทีเดียว การยกระดับฝีมือข้ามผ่านเขตขั้นใหญ่ของพลังิญญาเช่นนี้เป็ที่น่าตกตะลึงแก่อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตอย่างแท้จริง
บุปผาเพลิงอัคคีพิสุทธิ์จำแลงลักษณ์ โจมตี!!
ตู้ม!!
คล้ายกับถูกพลังสะกดข่มประหลาดที่ติดตรึงให้ร่างให้ชะงักงันไม่อาจกระทำสิ่งใดได้เพียงนิด ไม่กี่ลมหายใจบุปผาเพลิงดอกใหญ่ได้พุ่งทะยานแหวกฟ้าผ่ามทิติเข้ามาด้วยความเร็วยิ่ง สะเก็ดเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งนั้นได้สร้างความบิดเบี้ยวของห้วงอากาศขณะที่พัดผ่าน แน่นอนว่าบุปผาเพลิงดอกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างของสองสายเืเผ่าพันธ์าที่กล้าแกร่งยิ่งอีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณของหนิงอ้ายที่อัดแน่นเข้าไปอย่างเต็มกำลัง อึดใจต่อมาเมื่อปะทะเข้าถึงเป้าหมายตรงหน้าแรงะเิมหาศาลได้พุ่งเข้าใส่อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตอย่างเต็มแรงและด้วยแรงะเิอันมหาศาลนั้นได้ส่งผลให้ส่วนศีรษะของอีกฝ่ายนั้นถึงกลับแหลกสลายไปในทันที
“ศาสตร์ลับนี้ช่างแข็งกร้าวดุดันเป็อย่างยิ่ง อานุภาพยามเรียกใช้บัญชาการนับว่าเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอย่างแท้จริง ไม่คิดว่าจะถึงกับรีดเค้นเปลวเพลิงระดับต้นกำเนิดของสายเืออกมาใช้ได้ถึงเพียงนี้ เ้าคงไม่ได้รับาเ็หรือมีอาการผิดปกติจากการเรียกใช้เมื่อครู่ใช่หรือไม่??” เมื่อทุกสิ่งอย่างสงบลง ฟานหลิงได้ปราดร่างเข้ามาพร้อมกับสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความเป็ห่วง แม้เขาจะทราบดีว่าฝีมือของน้องน้อยผู้นี้หาได้ธรรมดาเรียบง่ายดั่งเช่นอายุแต่อย่างใด
“ศาสตร์ลับนี้เป็ท่านบิดาบุญธรรมม่อเหยียนที่สั่งสอนข้าขอรับ ทักษะวิชานี้จะเป็การีดเค้นพลังทางสายเืออกมายกระดับพลังฝีมือเพียงชั่วคราว ทว่าการบัญชาการกับข้าที่ยังไม่เชี่ยวชาญนั้นยังคงสร้างภาระทางจิติญญาอยู่บ้าง ได้พักฟื้นเพียงไม่นานก็กลับมาเป็ปกติแล้ว ขอบคุณท่านพี่ฟางหลิงที่เป็ห่วงข้า แล้วเมื่อครู่ท่านได้รับาเ็ตรงที่ใดหรือไม่ขอรับ??” หนิงอ้ายกล่าวให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นพร้อมถามกลับไปเช่นกัน
“ช่างเป็ศาสตร์ลับที่สุดยอดอย่างแท้จริง อย่างไรหากเ้าไม่มีพลังฝีมือและความแข็งแกร่งมากเพียงพอย่อมไม่อาจเรียกใช้ออกมาจนอหังการเช่นนี้ได้ น้องชายข้าช่างเก่งกาจยิ่ง เอาเถอะ ๆ พี่ว่าตอนนี้เรารีบไปตามหาผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์กันได้เสียที การปะทะเมื่อครู่คงเรียกความสนใจได้ไม่มากก็น้อยกระมัง กระดูกิญญาและแก่นปราณอสูรนี้ยกให้แก่เ้า สองสิ่งนี้สามารถส่งเสริมพลังลมปราณและิญญายุทธ์ของเ้าคงมีประโยชน์มากกว่า...” ฟานหลิงตวัดมือออกไปเบื้องหน้าหนึ่งครั้งยังคับกระแสพลังปราณออกไปตัดเฉือนร่างไร้ิญญาตรงหน้า กระดูกิญญาสีขาวบริสุทธิ์ประกายแวววาวลอยคู่กับแก่นปราณอสูรสีแดงแพรวพราวได้ลอยละลิ่วจากตรงหน้าลอยเข้าสู่ฝ่ามือของหนิงอ้าย โดยไม่ลืมเก็บร่างไร้ิญญาของอสูรมัจฉาวารีพิษมรกตเข้าไปในแหวนมิติ ก่อนที่ฟางหลิงจะเรียกเรือเหาะออกมาอีกครั้งพร้อมเดินทางตามหาสมุนไพรวิเศษที่อยู่ภายในเกาะพิศดารแห่งนี้ในทันที...
**ั้แ่บทที่126 ถึงบทที่145 ไรท์ขออนุญาติติดเหรียญอ่านล่วงหน้ารายตอนพร้อมแจ้งวันอ่านฟรีนะครับ (ตอนละ 2 เหรียญ) **