เล่มที่ 9 บทที่ 246 ห่วงมารเซียนเก้าโคจร
โดยปกติแล้วอสุรกายกุ่ยหวังที่บำเพ็ญด้วยไอหยินตามบ้านเรือนมักจะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่าง ด้วยความผูกพันแม้ตัวจะตายไปแต่ก็ยังคงยึดติด นานวันเข้าสมบัติล้ำค่านั้นก็จะดูดซับไอหยินที่เกิดขึ้นจนกลายเป็ิชี่ และสุดท้ายิชี่ก็จะตื่นขึ้นและบำเพ็ญจนบรรลุเป็อสุรกายกุ่ยหวัง
ตบะพลังจึงเทียบกับอสุรกายกุ่ยหวังที่แท้จริงไม่ติดฝุ่นเลย เพราะอสุรกายกุ่ยหวังเหล่านี้เกิดจากการบำเพ็ญไอหยินตามบ้านเรือน จึงไม่สามารถออกห่างจากสถานที่อาศัยได้
หลินเฟยรู้ดีว่าบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยไอหยินเช่นนี้ จะต้องมีิชี่ที่เป็สมบัติล้ำค่าบางอย่าง ซึ่งทำให้เกิดอสุรกายกุ่ยหวังเป็แน่...
แต่ดูแล้วฟางจวิ้นเองก็คงไม่รู้เื่
ไม่อย่างนั้นตอนที่บุกเข้ามาในสุสาน ต่อให้ต้องสละสถานที่ฮวงจุ้ยดีเช่นนี้ อย่างไรก็จะต้องสังหารอสุรกายกุ่ยหวังเพื่อฉวยเอาิชี่ไปแน่ เพราะสถานที่เช่นนี้จะมีแค่ไออสูรและกลิ่นซากศพเท่านั้น ทว่าิชี่กลับสามารถสร้างอสุรกายกุ่ยหวังตนใหม่ขึ้นมาได้...
หลินเฟยจึงต้องทิ้งคัมภีร์ให้เวินโหวแล้วจากไป
และทุกอย่างก็เป็อย่างที่คิดไว้ เพราะหลังจากออกมา หลินเฟยก็ถอดจิตสำรวจไปทั่วบริเวณสุสาน เพียงครู่เดียวก็รู้ว่าอสุรกายกุ่ยหวังถูกสะกดไว้ในส่วนลึกของสุสาน โดยที่นั่นมีศิษย์สำนักโยวิคุ้มกันอยู่หลายคน ดูๆไปแล้วน่าจะมีขั้นบำเพ็ญมิ่งหุนเคราะห์สี่ได้ หากปะทะกับผู้บำเพ็ญทั่วไปก็พอจะรับมือได้อยู่บ้าง ทว่าน่าเสียดายที่ต้องเจอเข้ากับหลินเฟย เมื่อปราณกระบี่อิ๋นเหวินปรากฏขึ้น ศิษย์สำนักโยวิทั้งสี่ก็ถูกแช่แข็งเป็รูปปั้นทันที
บริเวณส่วนลึกของสุสานมีอักขระจำนวนมากรวมตัวกันจนกลายเป็โซ่ตรวน ซึ่งกำลังพันธนาการหมอกควันดำกลุ่มหนึ่งเอาไว้อยู่ และท่ามกลางหมอกควันนั้นก็มีอสุรกายหน้าตาอัปลักษณ์ตนหนึ่งกำลังดิ้นรนอย่างเอาเป็เอาตาย หมายจะหนีออกมาให้ได้...
เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว หลินเฟยก็ปลดปล่อยกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ออกมาทันที ไม่ว่าจะเป็กล่องกระบี่เจิงหนิงหรือกระบี่ทั้งสี่ก็ล้วนเคยเอาชนะมีดบินฮั่วอู๋มาแล้วทั้งนั้น เช่นนั้นจะสู้กับอสุรกายกุ่ยหวังที่บำเพ็ญด้วยไอหยินตามบ้านเรือนไม่ได้เชียวหรือ?
ทันใดนั้นเอง ก็เกิดลำแสงสี่สีเจิดจ้าขึ้น พริบตาถัดมาใบหน้าของอสุรกายอันแสนอัปลักษณ์ก็แตกสลายกลายเป็เถ้าถ่านทันที เหลือแต่เพียงหยวนเป่าทองขนาดเท่ากำปั้น...
และบัดนี้หยวนเป่าทองนั่น ก็อยู่ตรงหน้าฟางจวิ้นแล้ว...
สำหรับฟางจวิ้นแล้วสองชั่วยามนั้นถือว่าสั้นมาก แต่กลับรู้สึกเหมือนตกจากฟ้าลงสู่ก้นเหวก็มิปาน เพราะสองชั่วยามก่อนหน้านี้ตนเองเพิ่งจะทำลายสุสานจนได้สถานที่ที่เต็มไปด้วยไออสูรและกลิ่นซากศพมาครอง แถมที่ส่วนลึกยังมีอสุรกายกุ่ยหวังตนหนึ่งอีกด้วย เวลานั้นยังรู้สึกดีใจอย่างมาก ถึงกับคิดหาวิธีเอาชนะจงหยางที่ถูกขนานนามว่าเป็อ๋องมารน้อยเลยทีเดียว
ทว่า...
ในตอนแรกก็ได้พ่ายแพ้ให้กับคัมภีร์เล่มหนึ่ง แถมผีดิบอสูรคู่กายยังถูกดูดกลืนไปอีก ก่อนหน้ายังคิดไว้ว่า เมื่ออสุรกายกุ่ยหวังหนีรอดออกมาได้ จากนั้นก็จะลากเวินโหวให้ตายตกไปตามกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะทำไม่สำเร็จ เพราะผู้บำเพ็ญมิ่งหุนเคราะห์สองผู้นี้กลับเอาหยวนเป่าทองออกมา...
คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าหยวนเป่าทองคืออะไร แต่ฟางจวิ้นที่เป็คนสะกดอสุรกายกุ่ยหวังกับมือ จึงรู้ว่าสิ่งนี้เป็สิ่งที่ติดตัวเ้าอสุรกายกุ่ยหวังมาตลอด ต่อให้ถูกสะกดไปแล้ว มันก็ยังดิ้นรนเพื่อกลืนกินหยวนเป่าทองเข้าไปในท้อง
บัดนี้หยวนเป่าทองก็ได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา เกรงว่าอสุรกายกุ่ยหวังที่ถูกสะกดอยู่ข้างใต้จะเป็เคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี...
‘เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร...’
ฟางจวิ้นพยายามพินิจอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดทุกอย่างถึงเป็เช่นนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดฟางจวิ้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าออกมา
“พูดมา พวกเ้าจะเอาอย่างไร...”
“ได้ยินว่าตอนที่อสุรกายกุ่ยหวังยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าร่ำรวยมาก เช่นนั้นภายในสุสานจะต้องมีของดีไม่น้อย พอดีพวกข้ากำลังจะหลอมอาวุธชิ้นหนึ่งซึ่งต้องใช้ของวิเศษจำนวนมาก จึงอยากมาขอยืมศิษย์พี่ฟางเสียหน่อย ที่จริงพวกข้าก็ไม่ได้้ามากมายอะไร ขอแค่เก้าในสิบส่วนก็พอ ส่วนอีกส่วนหนึ่งที่เหลือก็เป็ค่าเหนื่อยของศิษย์พี่ฟางก็แล้วกัน…”
“…” ฟางจวิ้นกัดฟันแน่น พยายามกดความรู้สึกโกรธจัดเอาไว้ ไม่ให้พลั้งมือบีบคอหลินเฟยจนตายเสียก่อน ‘กว่าจะยึดครองสุสานนี้ได้ ฟางจวิ้นต้องเสียกำลังคนและกำลังทรัพย์ไปมากจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แค่อาวุธหยางฝูก็แตกสลายไปถึงสี่ชิ้นแล้ว ไหนจะยันต์และยาลูกกลอนที่สูญเสียไปอีกมหาศาล สุดท้ายเขากลับได้สมบัติคืนมาเพียงส่วนเดียวเนี่ยนะ?’
แต่เื่ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว หากไม่ยอมแล้วจะทำอย่างไรได้อีก?
ฟางจวิ้นยกยิ้มขมขื่นออกมา ก่อนจะชี้ไปยังด้านหลัง
“สมบัติทั้งหมดอยู่ด้านหลังนี้ เพียงทำลายกำแพงหินนี่ ก็จะเจอเอง สำหรับส่วนที่เหลือนั้น จะมีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว…”
“ขอบคุณ” หลินเฟยยกมือคารวะฟางจวิ้นก่อนจะเก็บหยวนเป่าทองเข้ากระเป๋าเฉียนคุน ขณะเดียวกันก็ขว้างหินตงจี๋ใส่กำแพงหินอย่างแรง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น หลังจากที่กำแพงหินพังทลายลง แสงสว่างของสิ่งวิเศษจำนวนมากก็เรืองรองขึ้น…
“สุดยอด!” เวินโหวอุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ หลังจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจางหายไป ก็มีไอิญญาเข้มข้นแพร่กระจายแทนทันที บัดนี้แสงของเหล่าสิ่งวิเศษก็เจิดจ้าระยิบระยับจนตาพร่ามัวไปหมด…
ด้านหลังกำแพงหินเป็ห้องปิดตาย ด้านในมีหินิญญามากมายกองเป็ูเา แถมยังมีกล่องและขวดหยกทับซ้อนกันเป็เนินสูง และส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว เพียงสูดดมก็รู้ว่าต้องเป็สมุนไพรและยาล้ำค่าแน่นอน อีกทั้งยังมีแร่และวัสดุหลอมอาวุธอีกนับไม่ถ้วนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น ทำให้มีไอิญญาเข้มข้นแพร่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง…
เหนือพื้นขึ้นมา ก็มีอาวุธจำนวนมากบินว่อนไปมาจนเกิดแสงระยิบระยับ สำหรับหลินเฟยนั้น ของเหล่านี้ล้วนเป็ของชั้นเลิศหายากทั้งนั้น
“ไป” หลินเฟยบงการคัมภีร์โครงกระดูกออกไปทันที หลังจากคัมภีร์กางออกก็กลายร่างเป็พายุหมุนสีดำ จากนั้นครู่เดียวก็มีหมอกควันดำมากมายลอยตัวต่ำลง ก่อนจะพัดหอบเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปราวกับสายน้ำหลาก…
“เอ๊ะ?”
หลินเฟยเอื้อมมือออกไปคว้าลำแสงสายหนึ่งมา จากนั้นก็โยนให้เวินโหวที่อยู่ด้านข้าง
“เอาไป สิ่งนี้เหมาะกับเ้าพอดี”
เวินโหวได้ยินเช่นนั้นก็ตาเป็ประกายขึ้นทันที
เพราะภายในลำแสงมีห่วงสีม่วงทองขนาดประมาณฝ่ามือปรากฏเลือนราง รอบห่วงก็มีหนามแหลมประดับอยู่เก้าชิ้นแถมยังมีไออสูรเข้มข้นอีกด้วย เพียงโคจรพลังเข้าไปก็พบว่าสิ่งนี้มีมนต์สะกดสูงถึงสามสิบสองสายเลยทีเดียว…
“ของดีนี่นา!” เวินโหวเองก็รับมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ใช้เคล็ดวิชาของหุบเขาหมื่นอสูรบำเพ็ญอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคล้องห่วงนี้ไว้ที่คอเ้าปลาั์
นี่ก็คือห่วงมารเซียนเก้าโคจร ตามตำราของหุบเขาหมื่นอสูรได้บันทึกไว้ว่า สิ่งนี้มีไว้ปราบสัตว์อสูร ถือว่ามีพลังร้ายกาจยากที่จะคาดเดาได้ นอกจากนี้ยังเป็สิ่งที่ศิษย์หุบเขาหมื่นอสูรทุกคนใฝ่ฝันอยากได้มา แต่น่าเสียดายที่เคล็ดวิชาในการหลอมได้สาบสูญไปนานแล้ว เวินโหวเองก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีโอกาสได้สิ่งนี้กับเขาด้วย แถมยังมีมนต์สะกดสูงถึงสามสิบสองสายอีก…
หากบำเพ็ญดีๆ คงมีมนต์สะกดสูงถึงสามสิบหกสายแน่นอน และถ้าโชคดีเกิดเป็มนต์สะกดเทียนกังขึ้นมาละก็ เช่นนั้นก็จะถือว่าเป็ศาสตราวุธแท้จริง ถึงตอนนั้นเ้าปลาั์ก็จะมีโอกาสบรรลุขั้นเยาหวังเป็แน่…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------