ตำแหน่งครรภ์ของภรรยาจางอู่ไม่ปกติ แต่สุดท้ายกลับปลอดภัยทั้งแม่และลูก เื่นี้ถูกเล่าลือจนขจรขจายไปทั่วทั้งจางเจียวาน ถึงกระนั้นอวิ๋นซีก็ได้ขอต้านีเอ๋อร์ไว้ว่า ห้ามแพร่งพรายเื่ที่นางช่วยอีกฝ่ายให้คลอดบุตรได้อย่างไรออกไป เพราะเื่ในวันนี้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้นางไม่ทันได้ทำใจไว้ล่วงหน้า อีกทั้ง หากเื่ที่ว่าจะแพร่ออกไปจริงๆ ก็ควรต้องแพร่ออกไปในนามของหมอหญิงอวิ๋นซี มิใช่ฮูหยินฉิน เพราะในวันหน้าหากตนคิดจะทำอะไรก็จะได้สะดวกมากขึ้น
ภรรยาจางอู่ให้กำเนิดบุตรสาวมาถึงสองคน ในครั้งนี้จึงหวังเป็อย่างยิ่งว่าจะได้บุตรชายบ้าง และในที่สุดตอนนี้คนก็ได้สมดั่งใจปรารถนาแล้ว นอกจากนี้ ก่อนที่อวิ๋นซีจะจากไปก็ได้ตอบรับคำของเอ้อนีว่าจะไปช่วยดูขาให้จางอู่ หลังจากนั้นจึงได้พบว่า แท้จริงแล้วขาของจางอู่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางช่วยเหลือเสียทีเดียว เพียงแต่ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟูให้กลับเป็เหมือนเดิมได้
อวิ๋นซีไม่สามารถรั้งอยู่ที่นี่เป็เวลานานได้ จึงได้แต่บอกเื่ที่ควรระวังกับจางอู่ รวมถึงต้องนวดขาอย่างไร และต้องไม่ลืมขยับขาบ่อยๆ ก่อนหน้านี้เป็เพราะเขาคิดไปว่าชั่วชีวิตนี้คงจะลุกไม่ขึ้นแล้ว จึงเอาแต่นอนอยู่บนเตียงมาตลอดสามเดือนเต็ม สุดท้ายแม้กระดูกจะงอกกลับมาแล้ว แต่เพราะเขาไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย ทำให้ตอนนี้ไม่อาจเดินเหินได้
อวิ๋นซีรู้ดีว่าฐานะทางบ้านของเอ้อนีไม่ดีนัก นางจึงเขียนเทียบยาให้จางอู่และภรรยา จากนั้นก็ส่งให้เพ่ยเอ๋อร์นำไปซื้อมาจากร้านยาในตัวอำเภอ ทันทีที่จางอู่รู้เื่นี้เข้าก็อดประหลาดใจไม่ได้ เขารีบพูด “ฮูหยินดีต่อครอบครัวเราเช่นนี้ พวกเราไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนให้ท่านได้จริงๆ นะขอรับ”
อวิ๋นซีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มขณะมองไปยังจางอู่ “ข้าเป็คนทำการค้า ไม่มีทางช่วยเหลือพวกเ้าโดยไร้เหตุผลแน่ แต่ก็วางใจได้ ข้าไม่มีทางให้พวกเ้าช่วยข้าไปขโมยข้าวของบ้านไหนหรอก ส่วนเื่ค่าตอบแทนก็รอจนภรรยาเ้าฟื้นขึ้นมาก่อนเถิด ข้าค่อยเจรจากับพวกเ้าอีกทีหนึ่ง”
ระหว่างทางกลับ จวินเหยียนก็อดถามไม่ได้ “เ้าถูกใจบุตรสาวสองคนของจางอู่หรือ? ” เขาไม่ทางลืมเด็ดขาดท่าทีก่อนจะจากไปของภรรยาตนที่หันไปมองทางต้านีเอ๋อร์กับเอ้อนีทีหนึ่ง ในดวงตาคู่นั้นเต็มเป็ด้วยความปรารถนาที่อยากจะอย่างเข้มข้น
“แม้แต่เื่นี้ท่านก็รู้ด้วยหรือ ข้านึกว่าตนจะปกปิดได้ดีมากแล้วเสียอีก” อวิ๋นซีพูดพร้อมหัวเราะฮ่าฮ่า “ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนี สองพี่น้องคู่นั้นนับว่าเป็เด็กที่ดีมากๆ อีกทั้ง ข้างกายของหวานหว่านเองก็จำเป็ต้องมีสาวใช้ที่พร้อมจะเติบโตไปกับนางสักสองคน หากว่าเราสามารถพาต้านีเอ๋อร์กับเอ้อนีกลับไปด้วยได้ก็คงดีมาก”
เื่หนึ่งที่นางไม่มีทางบอกจวินเหยียน อันที่จริงคนที่นางชอบมากที่สุดคือต้านีเอ๋อร์ ชอบเสียจนอยากจะให้อีกฝ่ายคอยติดตามเพื่อร่ำเรียนวิชาแพทย์จากนาง เพราะตัวนางเองก็้าศิษย์ที่จะสามารถดูแลอบรมได้ั้แ่อายุยังน้อย ไม่ว่าอย่างไรวิชาแพทย์ของตนก็จำเป็ต้องมีคนรับ่ต่อ
เมื่อก่อนนางเคยมองว่าเตี๋ยชุ่ยนั้นก็นับว่าไม่เลว ทว่า โชคไม่ดีที่ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ข้างกายบิดา ช่วยดูแลบิดาให้นาง ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงต้องมองหาว่าที่ศิษย์คนใหม่ ถึงแม้การดูแลบ่มเพาะั้แ่เล็กๆ จักต้องใช้เวลาเป็อย่างมาก แต่การทำเช่นนี้จะช่วยให้คนวางใจได้
จวินเหยียนคิดไม่ถึงว่านางจะคิดเผื่อบุตรสาว เขายิ้มพยักหน้า “เป็ฮูหยินที่จิตใจละเอียดละออราวเส้นผม และเป็สามีที่ไม่เคยคิดจะหาสหายในวัยเดียวกันให้ลูกเลยสักคน”
“ไม่ ไม่จำเป็ต้องเป็เด็กที่มีอายุเท่ากัน เพราะสองพี่น้องคู่นี้ก็นับว่าดีมากจริงๆ พวกนางเกิดในตระกูลชาวนา รู้ความั้แ่เล็ก สามารถอยู่เป็เพื่อนเล่นให้หวานหว่าน ทั้งยังสามารถช่วยดูแลหวานหว่านได้ในระดับหนึ่งด้วย” หากไม่มีเพื่อนเล่น วัยเด็กก็จะไม่สมบูรณ์ นาง้าให้หวานหว่านเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและเป็สุข และมีวัยเด็กที่งดงามเสียจนเมื่อนึกย้อนกลับมาแล้วไม่มีทางที่จะรู้สึกเสียใจ
ตอนที่กลับไปถึงเรือนพักของตระกูลฉิน หวานหว่านกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตู ทันทีที่เห็นบิดามารดาเดินเข้ามาใกล้ นางก็ยิ้มกว้างพร้อมวิ่งเข้าไปหา จวินเหยียนรับตัวบุตรสาวขึ้นมาในอ้อมแขน ก่อนจะยิ้มตอบและเอ่ยถาม “เหตุใดจึงไม่รออยู่ด้านในเล่า ด้านนอกนี้อากาศร้อนนัก”
“ข้าได้ยินมาว่า ท่านพ่อและท่านแม่พาพี่เพ่ยเอ๋อร์ไปบ้านพี่เอ้อนี ข้าอยากรู้ว่ามารดาของนางสบายดีแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ” หวานหว่านกอดคอจวินเหยียนไว้ จากนั้นจึงถามพร้อมรอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดู
ถึงแม้พวกนางจะยังรู้จักกันไม่นาน ทว่าหวานหว่านก็ชอบใจในตัวพี่หญิงเอ้อนีมาก และเมื่อคิดไปถึงว่ามารดาของอีกฝ่ายอาจจะต้องตาย นางก็อดไม่ได้ให้รู้สึกปวดใจ
“วางใจเถิด ทั้งมารดาและน้องชายของเอ้อนีล้วนไม่เป็อันใด” อวิ๋นซียิ้มพลางลูบศีรษะของบุตรสาว
หวานหว่านได้ยินว่าเอ้อนีมีน้องชายแล้วก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ “ท่านพ่อ ยามนี้พี่เอ้อนีมีน้องชายแล้ว ข้าเองก็อยากได้น้องชายเหมือนกันเ้าค่ะ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินแล้วก็มีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มขณะมองไปยังอวิ๋นซี “เ้าอยากได้น้องชายหรือ เื่นี้คงต้องไปถามมารดาเ้าแล้ว เพราะพ่อคงไม่อาจตัดสินใจเื่นี้แต่เพียงผู้เดียวได้” เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวตนจะฉลาดเพียงนี้ ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปล่อลวงบุตรสาวตนด้วยเื่น้องสาวน้องชายอยู่เลย
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ถลึงตาใส่จวินเหยียนไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับหวานหว่าน “หวานหว่าน เ้าชอบเอ้อนีมากใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นตอนที่พวกเราจะกลับ เ้าก็ชวนเอ้อนีกลับไปด้วยกันกับเรา ดีหรือไม่? เช่นนี้ในวันหน้าไม่เพียงแต่นางจะอยู่เล่นเป็เพื่อนเ้าได้ มิหนำซ้ำยังอยู่เป็เพื่อนเรียนหนังสือกับเ้าได้อีกด้วย”
ใจที่อยากจะได้น้องชายของหวานหว่านถูกคำของอวิ๋นซีทำให้มอดดับไปในทันที แต่เมื่อได้ยินว่าสามารถพาเอ้อนีกลับไปด้วยได้ ในใจก็เบิกบานยิ่ง “ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ได้จริงๆ หรือเ้าคะ? พวกเราสามารถพาพี่เอ้อนีกลับไปได้จริงๆ หรือ? ” น้องชายอะไรนั่นไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนจึงจะมีได้ ทว่าเอ้อนีที่เป็ตัวเป็ตนอยู่แล้ว หากได้คนกลับไปด้วยก็ย่อมดีกว่า หลังจากนั้นในวันหน้าค่อยให้มารดาคลอดน้องชายให้ก็แล้วกัน หวานหว่านคิดเพียงง่ายๆ
เมื่อกินข้าวเสร็จ อวิ๋นซีก็ได้แต่มองหวานหว่านที่หลับสนิทด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะช่วยจัดผ้าห่มให้ แล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินออกไปถึงนอกห้องก็ไม่ลืมกำชับเพ่ยเอ๋อร์ที่เป็เวรดึกในวันนี้ “ดูเอาไว้หน่อย แต่หากไม่มีเื่อะไร เ้าก็รีบเข้านอนเถิด”
เมื่อกลับมาถึงห้องตน อวิ๋นซีก็เห็นอินทรีสีขาวหิมะตัวหนึ่งยืนนิ่งอยู่บนโต๊ะ นางเร่งฝีเท้าก้าวไปด้านหน้าด้วยหวังจะมองให้ชัดๆ ขึ้น ทว่าในตอนที่อินทรีหิมะตัวนั้นเห็นนางเข้ามาใกล้ก็ขยับกระพือปีกสูงด้วยท่าทางพร้อมเข้าสู้อย่างไรอย่างนั้น
“หึหึ ดูแล้วดุร้ายไม่เบา” อวิ๋นซีจับจ้องอินทรีหิมะแล้วจึงยิ้มพูดกับจวินเหยียน
จวินเหยียนยื่นมือออกไปลูบหัวอินทรีหิมะ “นางคือนายหญิงของเ้า จะดุร้ายใส่เช่นนี้มิได้ หากทำให้ฮูหยินข้าใ ข้าจะจับเ้าไปตุ๋นบำรุงร่างกายให้ฮูหยินเสีย”
เมื่ออินทรีหิมะได้ยินคำเขา สัตว์ปีกผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับสั่นเทาไปทั้งร่าง จากนั้นก็เก็บปีกลงอย่างไร้ศักดิ์ศรียิ่งแล้วมองไปทางอวิ๋นซีด้วยท่าทีประจบประแจงที่ดูราวกับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็หลังมือ
“อินทรีหิมะเช่นนี้มีแค่ที่หลงชวีหยวนเพียงแห่งเดียว ซึ่งคนจากชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนในพื้นที่นั้นได้ขนานนามว่าพวกมันเป็ดั่งดวงตาแห่งเทพ ทว่า ท่านพามาที่นี่้าให้มันทำอันใดหรือ? ” อวิ๋นซีเดินเข้าไปจิ้มศีรษะน้อยๆ ของอินทรีหิมะ จากนั้นจึงขมวดคิ้วมองจวินเหยียน หลงชวีหยวนเป็สถานที่อิสระที่ไม่ขึ้นตรงกับแคว้นใด ซึ่งเปรียบได้ดังเนื้ออวบอ้วนที่ทุกแว่นแคว้นล้วนปรารถนา แต่ก็น่าเสียดายที่บนหลงชวีหยวนมีชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อย คนเ่าั้เก่งกาจด้านการขี่ม้ายิงธนู อีกทั้งไม่ว่าบุรุษหรือสตรีก็ล้วนมีนิสัยดุดันกล้าหาญ ด้วยเหตุนี้ หลายร้อยปีที่ผ่านมา หลายแว่นแคว้นต่างส่งกองทัพไป ด้วยคิดอยากจะถล่มชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนบนหลงชวีหยวนให้ราบ ทว่ากลับไม่มีแคว้นใดเลยที่จะได้สมใจปรารถนา
จวินเหยียนคิดไม่ถึงว่าแม้แต่อินทรีหิมะนี่นางก็ยังรู้จัก เพราะหากเป็คนทั่วไปก็คงจะแยกไม่ออกและมองว่าอินทรีหิมะเป็แค่อินทรีทั่วไป ทั้งยังมีคนมากมายที่มักจะเข้าใจผิดว่าพวกมันคือเหยี่ยวอาร์กติก เหตุเพราะสัตว์ทั้งสองชนิดนี้มีบางจุดที่เหมือนกัน หากมิใช่คนที่คุ้นเคยกับอินทรีหิมะเป็อย่างมากย่อมไม่มีทางแยกออกได้
“มิคาดว่าฮูหยินเองก็จะรู้จักอินทรีหิมะด้วย ถึงขนาดยังรู้ด้วยว่าอินทรีหิมะเป็ดวงตาแห่งเทพของคนเร่ร่อนบนหลงชวีหยวน” จวินเหยียนมองนางด้วยสายตามีเลศนัย ด้วยเื่นี้ถือว่าเกินความคาดหมายของเขาไปจริงๆ แต่เมื่อคิดกลับไปกลับมาอีกครั้ง สตรีผู้นี้ก็มีเื่ที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่ไม่น้อย
อวิ๋นซีสงบนิ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ปกติแล้วคนหลงชวีหยวนมักจะต่อต้านคนภายนอก ข้าสงสัยจริงๆ ว่า ท่านมีอินทรีหิมะตัวนี้ไว้ในได้อย่างไร เพราะมันมีนิสัยดุร้ายยิ่ง หากไม่ได้รับการฝึกฝนที่ดีก็ใช่ว่าจะเชื่องได้ง่ายๆ ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้