ในใจของเหนียนยวี่รู้สึกขบขันเล็กน้อยเป็ไปได้หรือไม่ว่าเพราะร่างกายนี้ยังคงอยู่ในวัยเริ่มต้นของความรัก แม้นจะมีจิติญญาที่ผ่านโลกมามากมายก็ตามทว่ายังคงมิอาจห้ามความรู้สึกที่รักสวยรักงามได้เช่นนั้น?
รูปร่างหน้าตาที่สวยงามเช่นนี้ ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีล้วนเป็ตัวเรียกเภทภัย!
ขณะนี้ นางคิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกเสียใจที่เอายาเข้ามาให้เขาด้วยตัวเอง
ทว่าในค่ายนี้ นอกจากนางแล้วจะมีผู้ใดที่สามารถทำเื่นี้ได้อีก?
ยิ่งกว่านั้น นางเป็คนเดียวที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากของฉู่ชิง
เหนียนยวี่คิดแล้วก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่พลันเข้ามาคว้าข้อมือนาง เหนียนยวี่ใจนร้องอุทานออกมา นางสบตาฉู่ชิงโดยมิทันได้มองให้ชัดเจนถึงอารมณ์ในดวงตาเขา ฉู่ชิงแย่งยาและผ้าขาวในมือนางแล้วรีบหันหลังให้เหนียนยวี่ เสียงน้ำกระฉอกดังตามมา
"ข้าจะทำเอง" เสียงของฉู่ชิง ฟังดูเชื่องช้าราวกับกำลังระงับอะไรบางอย่าง
เหนียนยวี่ได้สติขึ้นทันใด เขาจะทำเองหรือ?
นี่เขา...ไม่ชอบให้คนอื่นััใบหน้าตัวเอง “ตามอำเภอใจ” หรือ
ทว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมา นางัั “ตามอำเภอใจ” อยู่นานมากทีเดียว
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ไม่เห็นสีหน้าบนใบหน้าของฉู่ชิงที่นั่งหันหลังให้จึงไม่สามารถคาดเดาความคิดของแม่ทัพหลวงได้
ทว่าทางด้านฉู่ชิง ครั้นในหัวนึกคิดอะไรบางอย่างไม่ว่าจะทำอย่างไรเขากลับมิอาจปกปิดความเก้อเขินบนใบหน้าตัวเองได้โชคดีที่ตอนนี้เขาหันหลังให้เหนียนยวี่ หากนางเห็นใบหน้าของเขาเข้า นางที่มีความคิดละเอียดอ่อนปานฉะนี้คงไม่พ้นพบว่าเขามีท่าทีแปลกไปอย่างแน่นอน
เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างในร่างกายที่ยังไม่สงบ คิ้วงดงามของผู้บุรุษพลันขมวดแน่น เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?
บางทีอาจเป็เพราะไม่มั่นใจฉู่ชิงรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าบรรยากาศในกระโจมตอนนี้ช่างแปลกประหลาดเต็มที
“เ้าคิดอย่างไรกับพิษชนิดนี้” ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉู่ชิงจึงเอ่ยปากขึ้นเขายังคงหันหลังให้เหนียนยวี่ ถามพลางใช้ผ้าขาวจุ่มน้ำสมุนไพรทำเฉกเช่นที่เหนียนยวี่ทำเมื่อครู่นี้ เขาใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดลงบนใบหน้ารวมถึงเช็ดลงบนผื่นแดงเล็กน้อยบนหน้าอกพยายามเปลี่ยนเื่และทำให้บรรยากาศรอบตัวระหว่างคนทั้งสองสงบลง
เหนียนยวี่มองไปที่แผ่นหลังของฉู่ชิงอย่างจดจ่อ ครั้นได้ยินคำพูดของเขา สีหน้านางพลันแปรเปลี่ยนเป็จริงจังขึ้นทันที
"ท่านแม่ทัพหลวงโปรดวางใจเถิด เหนียนยวี่รับรองได้ว่ายาตัวนี้สามารถชะล้างพิษได้" เหนียนยวี่เอ่ยตอบอย่างไม่รีบร้อน ตอนนี้นางเข้าใจตัวยาทั้งหมดแล้วค่ายเสินเช่อและชีวิตของฉู่ชิงจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเกรงว่าคลื่นใต้น้ำที่ก่อตัวในเมืองชุ่นเทียนคงได้เสียแรงเปล่าเสียแล้ว
ทว่า...
เหนียนยวี่คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางพลันขมวดคิ้วมุ่น “แม้พิษจะแก้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าผลของตัวยาจะสัมฤทธิ์ออกมาเกรงว่าระหว่างนี้ ท่านแม่ทัพควรต้องคิดหาหนทาง ทำให้ผู้คนด้านนอกเชื่อให้ได้ว่า ‘โรคระบาด’ จะไม่ลุกลามมากไปกว่านี้แล้ว”
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิง ด้านนอกนั้นคนที่นำกองทัพทหารรักษาพระองค์มาคือท่านแม่ทัพฉู่เพ่ยเช่นนั้นเื่นี้คงจัดการได้ง่าย ถึงอย่างไรก็ตาม ในฐานะบิดาท่านแม่ทัพไม่มีทางอยากให้ฉู่ชิงตายอย่างแน่นอน ทว่ากลับกันหากเป็เช่นนี้ก็คงสูญเสียโอกาสที่ดีมากอย่างหนึ่งไป
ตอนนี้คลื่นใต้น้ำในเมืองชุ่นเทียนกำลังสาดซัดรุนแรง เกรงว่าคนเ่าั้ที่กำลังรอคอยการวางเพลิงเผาค่ายเสินเช่ออย่างแน่นอนหลังจากนี้ความคิดของคนเ่าั้ที่อยากทำลายค่ายคงจำต้องเปิดเผยออกมาในที่แจ้งอย่างแน่นอน
"ไม่จำเป็ ในเมื่อ้าเผาค่ายเสินเช่อ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เผาไปเสีย" สิ่งที่ฉู่ชิงเอ่ยออกมาอยู่เหนือความคาดหมายของเหนียนยวี่
เหนียนยวี่รู้สึกตกตะลึง ความหมายของฉู่ชิงคือ...
เหนียนยวี่จ้องมองแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ในไม่ช้า เหนียนยวี่มีคำตอบผุดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว
"ข้า้าจะดูยิ่งนักว่า หากข้า ''ตาย'' คนเ่าั้จะจัดการกับเื่นี้อย่างไร" เสียงของฉู่ชิงดังขึ้นมาอีกคราั์ตาที่แฝงอารมณ์ปั่นป่วนก่อนหน้านี้ สงบนิ่งลงมาแล้วในยามนี้
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เป็อย่างที่นางคาดคิด!
ดวงตาของนางพลันทอประกายลุกวาวขึ้นทันใด "ดูเหมือนว่าบึงน้ำที่สงบนิ่งในเมืองชุ่นเทียน จะถูกคลื่นซัดสาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว"
เหนียนยวี่เอ่ยชี้ชัด จิตใจของนางยามนี้ราวกับถูกบางสิ่งจุดติดขึ้นโลหิตร้อนผ่าวพลันเดือดพล่านขึ้นทันใด
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนหรือ?
ครานี้เขาจะเผยความทะเยอทะยานที่ซุกซ่อนอยู่หรือไม่?
ครั้นนึกถึงเป้าหมายของตนเองที่ยั่วยุให้ฮองเฮาพาเหนียนอีหลานเข้าไปในวังเพื่อทำให้ตระกูลหนานกงจนตรอกไร้หนทาง พวกเขาจะเหลือเพียงหนทางเดียว นั่นคือต้องขอความช่วยเหลือจากฉางไทเฮาเท่านั้นในวันนั้นทั้งสองฝ่ายได้พบกันแล้วที่งานเลี้ยงวันนั้นเพียงแค่ทั้งสองตกลงร่วมมือกัน ฉางไทเฮาจะต้องเผยอำนาจ ยื่นมือไปช่วยเหนียนอีหลานอย่างแน่นอนทว่าเมื่อนางก้าวก่ายแม้เพียงครั้งเดียว ภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองนั้นไม่ว่าจะแสร้งว่าไม่สนใจสิ่งของพวกนี้อย่างไรก็ไม่ได้ดูสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริงอีกต่อไปแล้ว
ฮองเฮาอวี่เหวินเฉลียวฉลาดปานนั้น นางต้องสังเกตเห็นและระแคะระคายอะไรบางอย่างได้แน่
ทว่ายามนี้กลับมีคนให้โอกาสที่ดีกว่าเสียอีก
หากครานี้ หลีอ๋องและไทเฮาสองแม่ลูกคู่นั้นคิดวางแผนแย่งชิงอำนาจในมือของแม่ทัพหลวงขึ้นมาจริงๆความทะเยอทะยานของพวกเขา...
มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มเล็กน้อย "ท่านแม่ทัพหลวงวางแผนจะทำอย่างไรหรือ?"
ยามที่เหนียนยวี่เอ่ยถาม นางได้ยินเสียงน้ำกระฉอกจึงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันหลังให้บุรุษผู้นั้นทันทีจากนั้นมีเสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้นตามมาในกระโจม ฟังดูเย้ายวนอย่างมากภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเหนียนยวี่ ใบหน้านางพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ
“กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ[1] คุณหนูยวี่พอจะเข้าใจหรือไม่?” ด้านหลังนาง บุรุษผู้นั้นก้าวออกจากถังไม้ ก็ครั้นมีเสียงเหมือนกำลังสวมเสื้อผ้าดังขึ้น ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เหนียนยวี่จึงค่อยหันหน้ากลับมาอย่างวางใจ เมื่อเห็นฉู่ชิงอีกครั้ง เขาได้แต่งกายเรียบร้อยแล้วหน้ากากสีเงินยวงกลับมาปกปิดใบหน้างดงามโลกตะลึงนั่นดังเดิม ฉู่ชิงในยามนี้เผยให้เห็นถึงความสูงส่งในความเย็นเยียบ เพียงแค่หน้ากากสีเงินใบนั้นก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะโหยหา
เหนียนยวี่สบดวงตาสีนิลที่สงบนิ่งลึกซึ้งคู่นั้น
กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบหรือ?
นางเข้าใจ นางย่อมเข้าใจอย่างแน่นอน!
เขา้าให้คนทั้งค่ายเสินเช่อหลบลี้หนีหายไป ทิ้งไว้เพียงค่ายที่ว่างเปล่าและปล่อยให้พวกเขาจุดไฟเผาหรือ?
ถึงตอนนั้น ทุกคนคงคิดว่าทุกคนในค่ายเสินเช่อ แม้แต่แม่ทัพหลวงผู้มีอำนาจสูงส่งต่างล้วนถูกเผาจนชีวีมอดไหม้ในกองไฟไปแล้วเป็แน่เช่นนั้นพวกคนที่ควรเคลื่อนไหวคงออกมาอย่างแน่นอน
มุมปากของเหนียนยวี่ยกยิ้มเล็กน้อย นี่เป็ความคิดที่ดี อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมากในค่ายเสินเช่อทั้งกองทัพในเวลากลางวันต้องถูกผู้คนสังเกตเห็นเป็แน่ทว่าหากเป็ยามราตรี ไม่แน่ว่าคงต่างออกไป
ไม่เพียงแค่นี้ แต่ยังรวมถึงคนผู้นั้นที่วางยาพิษด้วย...
เหนียนยวี่นึกคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาชำเลืองมองฉู่ชิงอย่างไม่ปิดบังครั้นเห็นเขากำลังสะบัดพู่กันเขียนอะไรบางอย่างในหนังสือรายงานจึงเงียบเสียงลงครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า "ท่านแม่ทัพหลวงรู้หรือไม่ว่าเหตุใดพิษชนิดนี้ถึงได้ทำให้มีอาการเหมือนโรคระบาด?"
ก่อนจรดเขียนลงในหนังสือรายงาน พู่กันในมือของบุรุษผู้นั้นพลันหยุดชะงักไปเล็กน้อยเขาเงยหน้าสบตาเหนียนยวี่ “เพราะเหตุใดหรือ?”
"เพราะนี่ไม่ใช่ยาพิษธรรมดา แต่มันคือกู่พิษ[2]" เมื่อวานยามที่นางเห็นฉู่ชิงคราแรก นางพูดอย่างคลุมเครือพูดแค่เพียงว่ามันเป็ยาพิษ ทว่ายามนี้ เื่นี้สำคัญกว่าสิ่งที่นางคิดไว้อย่างมากและนางควรให้ฉู่ชิงรู้ทุกอย่าง
"กู่พิษ" เพียงคำนี้เผยออกมา แม้แต่ฉู่ชิงที่เยือกเย็นสงบนิ่ง ยังปรากฏคลื่นอารมณ์มากมายในดวงตา
กู่พิษหรือ?
กู่พิษของแคว้นหนานเยวี่ย แผ่นดินชื่ออวี่!
ความหมายของคำพูดเหนียนยวี่คือคนที่วางยาพิษผู้นี้เกี่ยวข้องกับแคว้นหนานเยวี่ยใช่หรือไม่?
“กู่พิษชนิดนี้เลี้ยงโดยการใช้เืคนจึงจะสามารถทำเป็พิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ออกมาได้ คนที่เลี้ยงกู่พิษ คงเสียแรงเปลืองสมองไปไม่น้อยทีเดียว”เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ในหัวผุดภาพร่างของบุรุษผู้หนึ่ง ในใต้หล้าผืนนี้เกรงว่าคงมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงกู่พิษได้!
[1]กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ หมายถึงแอบเล็ดลอดหนีไปอย่างแยบยล เป็กลยุทธ์ในการถอยทัพโดยไม่เกิดความกระโตกกระตากเพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้หรือเป็การหลีกเลี่ยงความสูญเสียเืเนื้อหรือการปะทะที่อาจเกิดขึ้นในกองทัพ
[2] กู่พิษ คือสัตว์พิษที่ผ่านพิธีกรรมของชนเผ่าเหมียวโดยนำหนอน แมลง สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ มาใส่ภาชนะแล้วปล่อยให้กัดกินกันเองตัวที่เหลือรอดมาได้ถือว่าเป็ตัวที่มีพิษร้ายแรงที่สุดซึ่งจะนำมาใช้วางพิษสังหารคนหรือใช้ถอนพิษ