ต้วนเหลยถิงนึกถึงเื่ราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงความลึกลับซับซ้อนทั้งหมดของที่นี่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ยามนี้เมื่อคิดดูแล้ว สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างลึกลับ เหตุใดข้าที่ล่าสัตว์อยู่บนเขาต้าชิงมาเนิ่นนานปีกลับไม่เคยพบเห็นถ้ำนี้มาก่อน?
ราวกับที่นี่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มีความลึกลับที่ยังมิอาจคลี่คลายได้อยู่มาก หลังกลับไปอย่าได้เอ่ยถึงสถานที่แห่งนี้กับผู้ใดโดยเด็ดขาด เกรงว่าจะเป็การชักนำหายนะมาสู่ตนเอง”
เคอโยวหรานพยักหน้า “สถานที่แห่งนี้น่าอัศจรรย์จริงๆ ส่วนที่มีหมอกปกคลุมถูกกีดขวางไว้ด้วยพลังลึกลับบางประการ ไม่รู้ว่ามีทิวทัศน์เช่นไร แค่สระบัวเจ็ดสีก็เพียงพอให้ผู้อื่นเพ่งเล็งแล้ว
หากผู้มีเจตนาพบสถานที่แห่งนี้เข้า ความสงบสุขในยามนี้ของหมู่บ้านเถาหยวนคงจะถูกทำลาย ไม่แน่ว่าอาจต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มโอบเอวบางของเคอโยวหราน เดินไปตรงหน้าหมาป่าดำแล้วเอ่ยว่า “พวกเราพาพวกมันออกไปได้หรือไม่?”
เคอโยวหรานนั่งยองลงตรงหน้าหมาป่าดำ “หมาป่าน้อย้าการดูแล ข้าจะพาพวกมันกลับไปเลี้ยงดู เ้ายินดีจะไปกับพวกมันด้วยหรือไม่?”
หมาป่าดำมองหมาป่าน้อย ตามด้วยมองหลุมศพของหมาป่าขาวแล้วฟุบลงข้างหลุมศพ เจตนาชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา
เคอโยวหรานเคารพในการตัดสินใจของหมาป่าดำ จึงยกตะกร้าลูกหมาป่าแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะพาหมาป่าน้อยมาเยี่ยมเ้าบ่อยๆ”
หมาป่าดำพยักหน้าอย่างรู้ความ ยังคงถูหัวหมาป่าน้อยด้วยความมิอาจหักใจอยู่บ้าง ก่อนทอดมองคนทั้งสองพาหมาป่าน้อยออกไปจากสถานที่ลึกลับแห่งนี้...
หลังคนทั้งสองออกจากถ้ำ ต้วนเหลยถิงก็นำเครือเถาวัลย์กับกิ่งไม้อำพรางปากถ้ำเอาไว้เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดมาพบเห็น
จากนั้นจูงมือเคอโยวหรานเดินอ้อมศพของสัตว์ป่า มุ่งหน้าลงูเาตามเส้นทางในความทรงจำ
ณ จวนสกุลต้วน ผู้ใหญ่บ้านเฉินกับบุตรชายทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในโถงรับแขก ผิงไฟพลางเอ่ยด้วยความเป็กังวลว่า “ต้าหลางกับเอ้อร์หลางรู้หรือไม่ว่าเกิดเื่ใดขึ้นบนูเา?”
ต้วนต้าหลางกำลังจะตอบว่าไม่รู้ หมอเทวะกับเซียนพิษพลันเดินโหวกเหวกโวยวายเข้ามาในเรือนเสียก่อน
“ไอ้หยา ภายในจวนแห่งนี้เต็มไปด้วยกลไกกับดักั้แ่เมื่อใดกัน?”
บนศีรษะของเซียนพิษมีใบไม้ติดอยู่ใบหนึ่ง ทั่วทั้งร่างสกปรกมอมแมม ทันทีที่เข้ามาในจวนก็เริ่มศึกษากลไกกับดักอันแยบยลภายในลานเรือน
หมอเทวะร้องะโลั่น “แม่นางน้อยกลับมาแล้วหรือไม่ อาจารย์ใกล้จะหิวตายแล้ว...”
เสียงไพเราะมีชีวิตชีวาของเคอโยวหรานดังขึ้นด้านหลังพวกเขา “ท่านอาจารย์ทั้งสอง สภาพเช่นนี้ถูกปล้นมาหรือเ้าคะ?”
เซียนพิษเผยสีหน้าอึมครึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แม่นางน้อย ไม่ควรถามก็อย่าถาม อาจารย์จะไปล้างเนื้อล้างตัว รีบเตรียมอาหารเย็นกับสุราเอาไว้เถิด ไอ้หยา ใกล้หิวเจียนตายแล้ว”
กล่าวจบก็พุ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว โดยมีหมอเทวะถลึงตาวิ่งไล่ตามไป “ตาเฒ่าพิษ ให้ข้าอาบก่อน เ้ามีสิทธิ์อันใดมาแย่ง?”
เสียงยังคงดังก้องอยู่ในลานเรือน ทว่าร่างของอาจารย์ทั้งสองกลับหายไปตั้งนานแล้ว
เคอโยวหรานส่ายหน้า ส่งลูกหมาป่าให้ต้วนเหลยถิงแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
หยวนซื่อที่คิดจะสาวเท้าเข้าห้องครัวกลับถูกคำสั่งของมารดาสกุลต้วนขัดจังหวะเอาไว้
“หยวนซื่อ เ้าไปตัดผ้าที่โยวหรานซื้อมาให้เรียบร้อย เย็บชุดให้ทุกคนสักหน่อย อย่าได้ไร้งานการทำั้แ่เช้าจรดเย็น มัวแต่เดินเอ้อระเหยลอยชายด้วยเหตุใด?”
“ท่านแม่?...” ริมฝีปากของหยวนซื่อสั่นระริก จดจ้องมารดาสกุลต้วนไม่วางตา
เหตุใดทันทีที่เคอโยวหรานกลับมา ท่านแม่ก็เอนเอียงไปทางคนบ้านนอกหน้าตาอัปลักษณ์ผู้นั้นเสียแล้ว?
หยวนซื่อดึงต้วนต้าหลางกลับห้องด้วยความขุ่นเคือง หลังปิดประตูเสียงดังลั่นก็เอ่ยถามอย่างมีโทสะว่า
“ต้าหลาง แท้จริงแล้วข้าทำเื่ใดผิดกัน? ท่านแม่ถึงได้พุ่งเป้ามาที่ข้าเช่นนี้?
เหตุใดก่อนที่เคอโยวหรานจะแต่งเข้ามา ภายในจวนล้วนรักใคร่ปรองดอง นางเพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วันก็ก่อเื่จนจวนของเราโกลาหลไปหมด?...”
นางยังกล่าวไม่ทันจบ ต้วนต้าหลางพลันเอ่ยขัดจังหวะว่า “มิใช่น้องสะใภ้สามก่อเื่ แต่เป็เ้าที่ก่อเื่
เดิมทีคิดว่าหลังจากใช้ชีวิตร่อนเร่มาสองปี เ้าคงจะเปลี่ยนไปไม่น้อย กลับนึกไม่ถึงว่าเ้ายังคิดว่าตนเองถูกต้องเสมอเช่นนี้
อย่าได้โอ้อวดว่าเ้าเป็ถึงฮูหยินของตระกูลสูงศักดิ์อีก เมื่อไร้การคุ้มครองของคนในสกุล เ้าก็ไม่นับเป็อันใดทั้งสิ้น
น้องสะใภ้สามมีท่านหมอเทวะกับท่านเซียนพิษคอยปกป้อง แล้วเ้าในยามนี้เล่ามีสิ่งใด?
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราสามพี่น้องยังติดค้างบุญคุณช่วยชีวิตของนาง เ้าควรจะซาบซึ้งในพระคุณนาง มิใช่ตั้งตนเป็ปรปักษ์ไปเสียทุกเื่ เ้าจงพิจารณาตนเองให้ดีเถิด!”
กล่าวจบก็เดินออกจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ ทิ้งหยวนซื่อให้ยืนอึ้งอยู่เพียงลำพัง กระทั่งหัวใจก็ยังบีบรัดเข้าหากัน
นี่คือสามีของนางเช่นนั้นหรือ?
ผู้ที่เมื่อก่อนคอยปกป้องนางทุกเื่ เหตุใดยามนี้กลับปกป้องสามัญชนต่ำต้อยผู้หนึ่งเสียแล้ว?
แท้จริงแล้วเคอโยวหรานมีอันใดดีนักหนากัน?...
อาจเพราะวันนี้เหน็ดเหนื่อยเป็อย่างยิ่ง หลังหมอเทวะกับเซียนพิษดื่มกินสุราอาหารจนหนำใจก็กลับไปนอนกรนอยู่ในห้องอย่างรวดเร็ว
ผู้ใหญ่บ้านเฉินกับบุตรชายทั้งสองพากันลูบท้อง หวนนึกถึงอาหารอุดมสมบูรณ์เต็มโต๊ะเมื่อครู่แล้วอุทานว่า
“นึกไม่ถึงว่าฝีมือการทำอาหารของโยวหรานจะดีถึงเพียงนี้ เป็ดแปดสมบัติจานนั้นแทบจะทำให้ข้ากลืนลิ้นลงไปแล้วด้วยซ้ำ”
“ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้องขอรับ ป๋าซือถู่โต้ว [1] จานนั้นทำให้หวนนึกถึงอย่างไม่มีสิ้นสุดจริงๆ ยามนี้ลิ้นของข้ายังมีรสหวานฉ่ำหลงเหลืออยู่เลย” เ้าใหญ่สกุลเฉินจิ๊ปากเอ่ยพลางเผยสีหน้ายังไม่หนำใจ
เ้ารองเฉินเอ่ยด้วยความเสียดายว่า “หากรู้แต่แรกคงให้เซวียนเอ๋อร์แต่งโยวหราน ปล่อยนางออกเรือนกับสกุลต้วนเช่นนี้ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
“สกุลเฉินควรหยุดความคิดเพ้อฝันที่มิอาจเป็จริงได้ลงเสีย โยวหรานคือภรรยาของข้า หวังว่าภายหน้าข้าจะไม่ได้ยินวาจาเยี่ยงนี้อีกนะขอรับ”
หนึ่งเสียงเคร่งขรึมดังมาจากด้านนอกประตู ต้วนเหลยถิงจับมือเคอโยวหรานเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกและหาเก้าอี้นั่งลงด้วยสีหน้าอึมครึม
โดยไม่คาดคิด พลันปรากฏกลิ่นอายน่าเกรงขามแม้ไม่เผยความขุ่นเคือง ทำให้ผู้ใหญ่บ้านเฉินกับบุตรชายทั้งสองสั่นสะท้านอย่างไร้สาเหตุ
ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าต้วนซานหลางขาหัก นี่ใช่คนขาหักเสียเมื่อใดกัน?
เห็นได้ชัดว่าข่าวลือมิอาจเชื่อถือได้ คำพูดไร้หลักฐานเ่าั้ยังคงต้องแยกแยะสักหน่อยจึงจะถูก
เคอโยวหรานเห็นบรรยากาศเข้าสู่ทางตัน จึงเอ่ยคลี่คลายสถานการณ์ว่า “ท่านผู้าุโมาที่นี่เพื่อสอบถามเื่บนูเาใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินปรับสีหน้า นั่งหลังตรงพลางตอบ “ใช่แล้ว”
เพิ่งจะสิ้นคำ มารดาสกุลต้วนและคนอื่นๆ ต่างพากันเข้ามาในห้องเช่นกัน ด้วยอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่ใดขึ้นบนูเากันแน่?
เคอโยวหรานเห็นทุกคนพร้อมหน้าก็ไม่คิดปิดบัง บอกเื่ที่เกิดขึ้นบนูเาอย่างหมดเปลือก เพียงแต่เก็บซ่อนส่วนที่เกี่ยวกับถ้ำลึกลับเอาไว้
ผู้ใหญ่บ้านเฉินตกตะลึงยิ่งนัก “เ้าเป็อันใดหรือไม่?”
เคอโยวหรานยกยิ้มด้วยความอบอุ่นหัวใจ เอ่ยว่า “ขอบพระคุณท่านผู้าุโที่เป็ห่วงเ้าค่ะ ข้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ไม่เป็อันใดแม้แต่น้อยเ้าค่ะ”
เ้าใหญ่สกุลเฉินพลันเอ่ยว่า “มิน่าเล่า ตอนข้าอยู่ตรงเชิงเขาพบศพหลายศพ ล้วนแต่มีร่องรอยการโจมตีของสัตว์ดุร้ายทั้งสิ้น”
เคอโยวหรานเอ่ยอย่างใจกว้าง “ยามนี้หิมะที่สะสมอยู่บนูเายังไม่ละลาย ศพของสัตว์ป่าไม่เน่าเปื่อยภายในคืนเดียว
ยามเช้าของวันพรุ่ง ท่านผู้าุโสามารถเรียกชาวบ้านให้ขึ้นเขาไปขนย้ายสัตว์ป่าเ่าั้เพื่อขายแลกเงินได้เ้าค่ะ
ข้าจำได้ว่ามีหมีสองตัว เสือสามตัว หมาป่าจำนวนหนึ่งและพวกงูเหลือม นับว่าเป็รายได้จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวเ้าค่ะ”
ครั้นผู้ใหญ่บ้านเฉินได้ยินคำบรรยายของเคอโยวหราน กระทั่งมือยังเริ่มสั่นเทา อ้าปากอยู่หลายครั้งก็ยังมิอาจกล่าวหนึ่งประโยคให้ครบถ้วนสมบูรณ์
ผู้คนในที่นั้นต่างมองหน้ากัน สัตว์ป่าจำนวนมากเช่นนี้ หากนำไปขายทั้งหมด แค่หมีสองตัวก็ราคาสองสามพันตำลึงเงินแล้ว
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเสืออันใดนั่น แค่หนังเสือสภาพดีก็สามารถขายได้ในราคาสูงลิ่ว เคอโยวหรานผู้นี้โง่แล้วหรือไม่ เหตุใดจึงส่งมอบของดีเช่นนี้ไปยังมือของผู้อื่น?
ครั้นคนสกุลต้วนคิดใคร่ครวญให้ละเอียดอีกครั้ง พลันพบว่ายอดเยี่ยม ล้ำเลิศยิ่งนัก!
สัตว์ป่ามากมายถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่สกุลต้วนกินไม่หมด ต่อให้ขนออกมาทั้งหมดแล้วนำไปขาย ทันทีที่ชาวบ้านพบเห็นจะต้องรวมตัวกันเป็กลุ่มเพื่อมาจู่โจมพวกตนอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่มิอาจรักษาเงินทองเอาไว้ได้ เกรงว่ากระทั่งสถานที่ให้ซุกหัวนอนในยามนี้ก็คงอยู่ต่อไม่ได้แล้วเช่นกัน
มิสู้บอกออกไปั้แ่ต้น ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ได้รับชื่อเสียงอันดีงาม ทว่ายังจะได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสกุลเฉินอีกด้วย
สูญเสียสัตว์ป่าจำนวนเพียงเท่านี้จะนับเป็อันใด สามารถหยัดยืนและตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคงได้ในคราเดียวเป็การชั่วคราว จากนั้นค่อยวางแผนการใหญ่ เช่นนี้จึงจะนับเป็หลักการที่ถูกต้อง
สายตาของต้วนซานหลางที่ทอดมองไปยังเคอโยวหรานฉายแววอ่อนโยนลงหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว มุมปากเขาหยักยกขึ้นสูง ทว่าน่าเสียดายที่ถูกหนวดเคราเต็มใบหน้าบดบังเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนมิอาจสังเกตเห็น
มีเพียงหยวนซื่อเท่านั้นที่จดจ้องเคอโยวหรานด้วยความขุ่นเคืองพลางคิดในใจว่า : สามัญชนชั้นต่ำก็ยังคงเป็สามัญชนชั้นต่ำ เงินทองมากมายถึงเพียงนั้นบอกจะแบ่งก็แบ่ง ไม่รู้ว่ายามนี้สกุลต้วนกำลังลำบากหรืออย่างไร? ช่างโง่เง่าเสียจริง!
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ป๋าซือถู่โต้ว 拔丝土豆 หมายถึง มันฝรั่งทอดซึ่งมีการใส่น้ำตาลและแป้งให้เกิดเป็ซอสที่มีความเหนียวผสมหวาน