ความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในเมืองดึงดูดสายตาคนนับไม่ถ้วน
รวมทั้งพลทหารผู้เก่งกล้าสองสามคนที่กักตัวเ่ิูไว้ด้วย
เ่ิูพลันรู้ในบัดดลว่าตัวเขาจมปลักอยู่กับความรู้สึกย่ำแย่ที่ต้องลาจากเด็กน้อย จนเกือบคิดฆ่าทหารเหล่านี้ไปเมื่อครู่ ตอนนี้เมื่อมาคิดอีกทีแล้ว เหงื่อเย็นๆ ก็พลันไหลท่วมตัว
ทหารเหล่านี้เป็กรงเล็บปกปักคุ้มครองแคว้นเสวี่ย ฟังคำบัญชาแล้วทำตาม ไม่แยกแยะความดีชอบหรือเลวร้าย เป็กำลังหลักในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจ ไม่ควรมาตายด้วยน้ำมือของเขา และกลางอากาศบัดนี้มีผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์มากถึงเพียงนี้ หากเขาลงมือไป คงยากที่จะหลีกเลี่ยงมิให้คนเหล่านี้ร่อนลงมาหาคนผิดผู้สังหารพลทหารจนแหลกเละ หลังต่อจากนั้นคงมิใช่เื่เล่นๆ แน่
คิดได้ดังนั้นแล้ว เ่ิูก็เคลื่อนตัวแวบหายจากพื้นดิน
รอจนนายทหารผู้นั้นคืนสติ เขาหันมามองอีกครั้งก็ไม่เห็นตัวแล้ว
“อะไรกันเนี่ย? หายไปไหน?” ทหารอีกนายโพล่งใ “เ้าคนนั้นคงไม่ใช่พวกเดียวกับหญิงมารหรอกใช่ไหม? เสียดายจริง มาตัวคนเดียวแท้ๆ ดันปล่อยให้หนีไปได้ ไม่งั้นถ้าจับได้คงได้ความดีความชอบใหญ่น่าดู”
นายกองส่ายหน้าพลางตอบ “คนๆ นี้แปลกประหลาด พลังแข็งแกร่ง พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ ปล่อยให้รอดตัวไปก็เป็เื่ที่ป้องกันไม่ได้ ในเมืองจัดวางกำลังป้องกันไว้ทุกชั้นแล้ว หากเขาเป็พรรคพวกของหญิงมารจริง ไม่ช้าไม่เร็วก็จะถูกปะา...”
ตอนที่เอ่ยถึงตอนนี้เอง บนเวหาก็ปรากฏเปลวเพลิงะเิแวววาวดุจดาวตกขึ้นมาโดยไม่ให้สัญญาณ ตามมาด้วยการพังทลาย ทำให้ทั้งนครเหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝัน คือความแปลกตาที่งดงามยิ่ง
“สัญญาณโจมตี! พวกเราบุกเข้าไป”
นายกองะโสั่ง ชักดาบใหญ่ออกมา ตะลุยไปยังทิศแห่งแดนม่านหมอก
ขณะเดียวกัน ทั้งสี่ทิศของแดนม่านหมอกต่างก็มีทหารกรมบรรพตทมิฬปรากฏกายจำนานมาก เหมือนูเาสีดำถล่มแตกกระจาย ตรงเข้าสังหารแดนม่านหมอกจากทั่วสารทิศ กำแพงทางสัญจรนับไม่ถ้วนถูกยอดฝีมือวรยุทธ์ผลาญทำลาย ฝุ่นควันตลบ กองทหารเปิดกลไกศาสตรา เห็นได้ชัดว่าเป็ระเบียบและเยือกเย็นไร้ปรานี
และบนถนนกว้างซึ่งเคยเงียบสงบ ก็มีร่างสวมชุดเทาดั่งนักฆ่ายามราตรีผุดขึ้นมาไม่ให้สุ้มเสียง ฝีเท้าทรงพลัง คล่งแคล่วปราดเปรียว เป็ยอดฝีมือเหมือนกันแน่นอน เหมือนกลุ่มอสรพิษสีเทาเผชิญหน้าและกักกันกองทหารจากบรรพตทมิฬที่ปรี่เข้ามาสังหาร
ทหารเข้าโรมรัน
เสียงเหล็กกล้าปะทะกันดังไม่ขาดสาย
กอปรเสียงร้องโหยหวนก่อนตาย
หิมะขาวปลิดปลิว โลหิตชาดสาดกระเซ็น
การต่อสู้ที่กะทันหันยิ่งนัก ปะทุขึ้นในเขตทักษิณยามฟ้าสาย
“ฮ่าๆ มิน่าเล่าหญิงมารถึงกล้ามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ที่แท้ก็สั่งสมพลังอำนาจไว้นานแล้วนี่เอง ฮึ อัปมงคลก็คืออัปมงคล ต้องตายสถานเดียว ยังจะฝันลมๆ แล้งๆ คิดพลิกฟ้าเสียอีก?” กลางนภานั้น เฉินจิ่วซิงเกราะดำหัวร่อร่า พลิกฝ่ามือเพียงคราเดียว ขวานั์ผ่าบรรพตสีดำใหญ่ไร้ที่เปรียบก็ปรากฏบนฝ่ามือหนา
เขาฟาดมันออกไปตามใจอยาก
คมขวานอักขระปราณเปิดเผยบนตัวขวานั์
คมขวานนี้เดิมทีก็ใหญ่ไม่ถึงครึ่งเมตรดี แต่พอผ่าอากาศไปแล้วนั่น ถึงได้ขยายใหญ่นับร้อยเมตร แสงทมิฬเรืองรอง อักขระประหลาดไหลเวียนบนพื้นผิว นำพากำลังเบิกฟ้าผ่าลงแดนม่านหมอก และยิ่งใกล้เท่าไร พลังอำนาจของคมขวานปราณนี้ก็ยิ่งแกร่ง มองปราดไป จักเห็นพลังโจมตีนั้นกรีดได้แม้แต่เวหา
“เ้าวอนหาเื่ตายเอง!”
เสียงตวาดเย็นเยียบ ไอกระบี่หนาวสะท้านตรงสู่ฟ้าครามจากแดนม่านหมอก
ตูม!
ไอดาบทลายคมขวาน
พลังปะทะอันน่ากลัวม้วนตัวไปสี่ทิศทาง
เพียงมองผ่านๆ ราวกับว่าท้องฟ้าในระยะห่างจากพื้นดินยี่สิบกว่าเมตรมีสลาตันกำเนิด แผ่รังสีไปทุกสารทิศ อากาศไหลเวียนอย่างฉับพลัน พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามทำให้สิ่งปลูกสร้างเกือบทั้งหมดในระยะร้อยเมตรพังราบเป็หน้ากลอง โขดหินหนักนับร้อยจินถูกตัดและลอยคว้างกลางอากาศ ฝุ่นควันเคล้าหิมะขาวเริงระบำเต็มเวหา
ร่างสีขาวพุ่งสู่เบื้องฟ้าท่ามกลางความอลหม่านจากการะเิอันบ้าคลั่ง
แสงกระบี่ดั่งฟ้าแลบ
เซียนกระบี่หวังเจี้ยนหรูนั่นเอง
กายนางดั่งฟ้าแลบยามปรี่เข้าสังหารเฉินจิ่วซิง
การประมือของยอดฝีมือที่แท้จริง ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ภายในรัศมีพันเมตรรอบด้านกลายเป็สมรภูมิแห่งซิวลัว โกลาหลทุกหัวระแหง
และเ่ิูผู้เดินขวักไขว่ดุจิญญาสีดำ คอยเบี่ยงตัวหลบการโจมตีจากทั้งสองฟากอย่างระวัง คอยสังเกตการณ์อย่างละเอียดยิบ
เหล่าจอมยุทธ์ชุดเทาที่โผล่มารอบทิศน่าจะเป็ฝ่ายหวังเจี้ยนหรู ทว่าก่อนหน้านี้ที่เ่ิูเข้าแดนม่านหมอกไปกลับไม่เห็นคนพวกนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจมิได้ แต่พอคิดถึงหวังเจี้ยนหรูที่ชอบทำอะไรลึกลับ ไม่แยกเื่ใหญ่เล็ก มองสถานการณ์อย่างรอบคอบ ฝังสกุลตัวเองยามหลบซ่อนอยู่สำนักกวางขาวมาสิบปีโดยไม่มีผู้ใดจับได้ เช่นนั้นการจะชุบเลี้ยงเดนตายผู้ภักดีไว้สักหน่อยก็มิใช่ปัญหา
ทว่าตอนนี้วุ่นวายเพียงนี้ มากถึงขั้นทั้งนครออกคำสั่งให้ลงมือล้อมปราบ แม้ว่าหวังเจี้ยนหรูมีพลังสูงส่ง จะสามารถสังหารไปดูแลเด็กน้อยไปได้กระนั้นหรือ?
ยังไม่นับเื่ที่ศัตรูมิได้หยุดแค่ที่ฝ่ายทหารในลู่ิ ยังมียอดฝีมือที่น่ากลัวผู้แอบซ่อนหลังเมฆดำที่ควบคุม และพ่ายแพ้ไปด้วยคมกระบี่ผ่าเวหา
เ่ิูเป็กังวลยิ่งนัก
นี่เองคือสาเหตุที่เขายอมเสี่ยงอันตรายย้อนกลับมาในสมรภูมิ
เขารู้ดีว่าแม้พลังของเขาจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่ก็สุดจะปล่อยเด็กน้อยไปได้จริงๆ
เพียงแต่ยามนี้ ทั้งเขตได้วุ่นวายเป็ปรากฏการณ์ไปแล้ว เหล่าจอมยุทธ์ชุดเทาทำได้เพียงถ่วงเวลาอย่างลืมตายเท่านั้น พวกเขาไม่มีวันได้มีลมหายใจอยู่ต่ออย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้ต่อต้านด้วยชีวิตอย่างน่าสังเวช หากแยกพลังเป็รายคน พลังของพวกเขาแม้จะมากกว่าทหารในบรรพตทมิฬ แต่ถ้าว่ากันตามภาพรวมนั้นตกเป็รอง คนาเ็และล้มตายค่อยๆ มีมากขึ้น แนวป้องกันถูกตัดทอนกำลังไม่หยุด...
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากบ้านที่กำลังถล่ม
เหล่าคนที่อยู่ในนั้นหนีออกมาไม่ทัน ถูกลูกหลงการต่อสู้ ต้องเผชิญกับหายนะที่วิบัติเหลือเกินจะเอ่ย
ความโหดร้ายของา สำแดงออกมาจนหมดสิ้นในศึกคราวนี้
ผู้ชี้ขาดแห่งบรรพตมิฬท่าจะกลัวการแหวกหญ้าให้งูตื่นกับแดนม่านหมอกนัก ดังนั้นตอนที่เคลื่อนไหวครั้งแรกถึงมิได้ระดมพลในขอบเขตพันเมตรจากแดนม่านหมอก และพูดได้อีกว่า เป็ที่แน่นอนแต่แรกแล้วว่าประชาชนที่อาศัยในขอบเขตพันเมตรต้องสังเวยชีวิต มีแค่คนที่โชคช่วยเท่านั้นถึงจะมีโอกาสรอดจากศึกอันดุเดือดครานี้ได้
เ่ิูเห็นกับตาตัวเอง ว่าในบ้านหลังหนึ่งที่โดนลูกหลงจนถล่มนั้น สามีภรรยาหนุ่มสาวถูกกำแพงทับจนบี้แบน เห็นทีจะยังแต่งกันได้ไม่นาน ในห้องถึงยังแขวนผ้าแดงเขียนอักษรแห่งงานวิวาห์ พวกเขาคงอ้างว้างเหลือเกิน...
เห็นภาพนี้กับสองตาแล้ว เ่ิูก็ทำได้เพียงทอดถอนใจในใจเท่านั้น
บางครั้งที่พบคนาเ็ในบ้านพังๆ ระหว่างทาง เ่ิูก็จะหยิบยาห้ามเืออกมาจากซากปรักหักพังอื่น
เด็กหนุ่มเข้าใกล้แดนม่านหมอกด้วยความมานะยิ่ง เขาต้องตามหาเด็กน้อย แต่ก็ล้มเหลวติดกันสองสามครั้ง ด้วยเหล่าจอมยุทธ์ชุดเทาป้องกันกันอย่างบ้าคลั่งมาก หากมิใช่คนของตัวเองก็จะไล่ฆ่าทิ้ง และคนของบรรพตทมิฬก็มองเ่ิูเป็ศัตรู เจอหน้าเมื่อไรก็พร้อมสังหารอีก...
ตุบ!
เ่ิูมอบหมัดให้ทีหนึ่ง แรงจนทหารบรรพตทมิฬกระเด็นไปไกล
“ทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้เื่แน่ เห็นแต่จะหานางไม่เจอเท่านั้น ข้ากลายเป็เป้าให้คนจู่โจม” เ่ิูหลบกระบี่ยาวที่เสือกแทงเข้ามาอย่างฉับไว เขาย่อตัวลงพิงจอมยุทธ์ซึ่งครองดาบ ต่อยกระเด็นไป แล้วก็เบี่ยงไปหลบอยู่ในซากบ้านอิฐซึ่งพังทลาย
ลองอยู่หลายครั้ง เ่ิูถึงได้มาซ่อนอยู่ใต้สะพานหินห่างจากซากของแดนม่านหมอกในระยะร้อยเมตร
ตำแหน่งนี้มองเห็นประตูใหญ่ที่พังทลายของแดนม่านหมอกได้พอดิบพอดี การโจมตีของหวังเจี้ยนหรูกับเฉินจิ่วซิงก่อนหน้านี้ทำลายแดนม่านหมอกจนแทบจะเหลือแต่พื้นดินเรียบๆ ไม่มีกำแพงสูงใหญ่หรือทางเดินเป็อุปสรรคอีกแล้ว แทบจะมองเห็นแดนม่านหมอกทั้งหมดได้ปรุโปร่ง เ่ิูมองไม่เห็นร่างน้อยอยู่ในสายตาเลย...
“หวังว่าหวังเจี้ยนหรูจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะ”
เ่ิูคิดในใจ
ทันใดนั้นเอง ร่างสีดำหนึ่งปีนป่ายขึ้นมาจากซากแดนม่านหมอก ฝุ่นดินและผงควันบนกายแทบจะจับตัวเป็ก้อน ดูคล้ายชะมดค่อยๆ เคลื่อนไหวไปทางทิศใต้อย่างระมัดระวัง...
เป็ชายชุดดำคนนั้นเอง
เ่ิูใจเต้น เขามองดูอีกทีก็ได้ข้อสรุปว่าเป็ชายชุดดำในห้องโถงแดนม่านหมอกที่มองปราดเดียวก็รู้จักเขา จากนั้นก็พาตนไปหาหวังเจี้ยนหรู
จะเรียกดีไหม?
เ่ิูลังเลมอง ทันใดนั้นเกิดได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งปรี่เข้ามา
“ใครน่ะ? หยุดอยู่ตรงนั้น!”
“หนี? ยังคิดหนีอีก? ต้องเป็คนของหญิงมารแน่ ทุกคนลุย ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง จับเป็จะตบรางวัลอย่างงาม”
เสียงตะเบ็งดังมาจากบนสะพาน เสียงเท้าคละเคล้าเสียงเกราะเสียดสี ต้องเป็ทหารกล้าของกรมบรรพตทมิฬที่เจอตัวชายชุดดำเข้าแน่ พวกเขารีบไล่ตาม มีเสียงกระบี่ดาบโรมรันแว่วมา ตามมาด้วยเสียงฮึ และคนล้มกลิ้งดังตุ้บ การต่อสู้ถึงได้หยุดลง...
“บัดซบเอ๊ย ให้หนีแท้ๆ ยังกล้าฆ่าคนของข้าอีก เ้ามันมีของ พวกเ้าเปิดผ้าดำมันออกซิ ให้ข้าดูน้ำหน้ามันหน่อย...” น้ำเสียงผยองร้ายกาจดังมาแจ่มชัดยิ่งนัก
ต้องเป็บุรุษชุดดำ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จึงถูกจับในท้ายสุด
จากนั้นก็เสียงตบอย่างแรงดังสองเพี้ยะ
เ่ิูเดิมจะปราดไปช่วยอยู่แล้ว แต่พอได้ยินเสียงก่อนหน้านั้นกลับหยุดชะงัก
เสียงนั่นมัน คุ้นหูยิ่งนัก
เสียงของเซี่ยโหวอู่
เพราะเื่ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง เซี่ยโหวอู่ถึงถูกถอดออกจากสำนักกวางขาว ไล่ออกจากสำนัก ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนมา เ่ิูยังคิดว่าหลังจากนี้จะไปคิดบัญชีกับมันอยู่ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ มีเลศนัยเสียจริง
ทว่าพอคิดๆ ดูอีกที เซี่ยโหวอู่เป็ทายาทชนชั้นสูงขั้นสุดยอด สั่งสมบารมีมาั้แ่บรรพบุรุษ มีเส้นสายและทรัพย์สินพร้อมสรรพ เซี่ยโหวอู่เองก็เป็ทายาทของเ้าตระกูล ในเมื่อถูกขับออกจากสำนักแล้ว การจะพึ่งเส้นสายฝากเข้ากรมบรรพตทมิฬก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ สำหรับเหล่าผู้ดีมากมาย กองทหารเองก็นับเป็สถานที่ฝึกฝนที่ไม่เลวทีเดียว
“พูดมา เ้าเป็ใคร? แล้วหญิงมารนั่นซ่อนอยู่ที่ไหน?”
บนสะพานนั้น เซี่ยโหวอู่กำลังบีบให้สารภาพได้ที่
เ่ิูมองรอบทิศ ร้อยเมตรจากนี้มีหมอกควันเต็มไปหมด ผู้คนไม่มาก
โอกาสเหมาะเหม็ง
เขาเตรียมจะลงมือแล้ว
เ้าเซี่ยโหวอู่นี่ก็ช่างดวงซวยเหลือเกิน กล้ามาปรากฏกายโต้งๆ แล้วยังเคยทำร้ายนาง ทำให้เ่ิูเกิดจิตสังหารที่ไม่อาจยับยั้งได้ คราวนี้เ่ิูไม่มีวันปล่อยมันไปเด็ดขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้