อะไรกัน?
บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในโรงเตี๊ยมพยัคฆ์ร้ายพลันดวงตาเบิกค้าง
เมื่อครู่เหยียนกวนซียกเท้าขึ้นเตะในใจบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ล้วนคิดว่าเสวียนเทียนจะถูกเตะล้มลงกองกับพื้นขนาดที่ในใจมีภาพเสวียนเทียนถูกเหยียนกวนซีเตะล้มกองกับพื้น จากนั้นเหยียนกวนซีก็ใช้หนึ่งเท้าเหยียบหน้าเสวียนเทียนปรากฏขึ้นมาแล้ว
แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นในความเป็จริงแตกต่างจากที่ในใจบรรดาผู้ฝึกยุทธ์คาดคิดไว้โดยสิ้นเชิง
ไม่เพียงแตกต่าง แต่ยังพลิกกลับไปหมด
คนที่เสียท่าไม่ใช่เสวียนเทียน
แต่เป็...เหยียนกวนซี
เหยียนกวนซีอันดับสี่แห่งสิบศิษย์เอกสำนักในสำนักเทียมเมฆากลับถูกผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งฝ่ามือหนึ่งตบปลิวบรรดาผู้ฝึกยุทธ์สองตาเบิกโต ขยี้ตาให้แน่ใจว่าไม่ได้มองผิด หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อ
แม้เหยียนกวนซีจะดูถูกคู่ต่อสู้อยู่ก่อนแต่ต่อให้คู่ต่อสู้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามคนหนึ่งก็ย่อมไม่ใช่ไม่มีแรงโต้กลับแม้สักนิด ถูกหนึ่งฝ่ามือตบปลิว ฟันถูกตบร่วงกราวปลิวไปไกลสิบกว่าเมตร
พลังที่แท้จริงของเสวียนเทียนผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามธรรมดาไม่อาจเทียบได้ นอกจากนี้ เสวียนเทียนก็ไม่ได้คิดออมมือให้เหยียนกวนซีสักนิด
พลังที่แท้จริงของเหยียนกวนซีไม่อ่อนแออย่างแน่นอนเทียบกับหยางเทียนจวินก็ไม่ด้อยกว่าแม้แต่นิด
เพียงแต่ลูกเตะเมื่อครู่นั้นดูถูกศัตรูเกินไปอย่างแท้จริง ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ยังทำให้เขาเสียท่าได้หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามที่มีความสามารถระดับหยางเทียนจวินยิ่งโต้กลับ ก็เอาชนะหยางกวนซีได้อย่างง่ายดาย
ความสามารถของเสวียนเทียนแข็งแกร่งกว่าหยางเทียนจวินมากนักย่อมจับช่องโหว่ของเหยียนกวนซี หนึ่งฝ่ามือตบเขาปลิวลอยไปได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
เหยียนกวนซียกขาเตะเข้ามาหาเสวียนเทียนในเวลาเพียงชั่วพริบตาเสวียนเทียนใช้หนึ่งฝ่ามือตบเหยียนกวนซีปลิว รวดเร็วยิ่งกว่า
ชั่วเวลาฟ้าแลบไฟแลบก็เห็นเหยียนกวนซีพุ่งเข้าไปหาเสวียนเทียนจากนั้นก็ถูกตบลอยไปด้วยความเร็วยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกอยู่ในความตื่นตะลึงไม่ทันได้ตอบสนองโดยสิ้นเชิง
ตอนที่ร่างของเหยียนกวนซีปลิวถอยหลังไปเสวียนเทียนก็กระทืบพื้นทีหนึ่ง ทั้งร่างราวกับลูกศรคมดีดพุ่งออกมาตามติดร่างที่กระเด็นถอยหลังของเหยียนกวนซีไปความเร็วไม่ช้าไปกว่าร่างที่ถูกตบปลิวไปของเหยียนกวนซีเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเหยียนกวนซีชนเข้ากับกำแพงโรงเตี๊ยมยังไม่ทันจะร่วงลงมา เท้าขวาของเสวียนเทียนก็ยกขึ้นถีบออกไปในพริบตา
ชั่วพริบตา เท้าข้างหนึ่งก็ยันอยู่ที่ลำคอของเหยียนกวนซีตรึงร่างของเขาไว้กับกำแพงของโรงเตี๊ยม
เสียงเ็าของเสวียนเทียนดังขึ้น “บอกว่าเ้าเป็สวะเ้าก็ยังไม่เชื่อ เดนมนุษย์ที่รู้จักแต่รังแกผู้อ่อนแอ ต่อหน้าข้า เ้ามันก็แค่มดแมลงเทียบไม่ได้แม้แต่กับสัตว์เดรัจฉาน”
ขาของเสวียนเทียนมีแรงมากกว่าหมื่นชั่งเหยียบบนลำคอของเหยียนกวนซี เหยียบจนลมหายใจในหน้าอกของเหยียนกวนซีผ่อนออกมาไม่ได้ปราณแท้เบิกนภายากจะโคจร พลังทั้งร่างไม่อาจใช้ออกมาได้แม้สักส่วนถูกเสวียนเทียนหนึ่งเท้าเหยียบติดตรึงกำแพง ไม่มีแรงโต้กลับแม้แต่น้อย
ด้วยพลังของเหยียนกวนซีที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าหยางเทียนจวินทั้งเสวียนเทียนก็ใช้พลังวัตรออกมาเพียงแค่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง หากสู้เต็มกำลังอย่างน้อยก็ทำได้เท่ากับหยางเทียนจวิน สู้กับเสวียนเทียนได้หนึ่งถึงสองกระบวนท่าแต่เพราะว่าเขาดูถูกคู่ต่อสู้ จนทำให้เมื่ออยู่ใต้เงื้อมมือของเสวียนเทียนเขาไม่มีแรงโต้กลับแม้สักนิด ถูกข่มเหงอย่างสิ้นเชิง
“ศิษย์น้องเหยียน!”
“ศิษย์พี่เหยียน!”
หลิงลั่วเฟิงกับศิษย์ในสำนักเทียมเมฆาอีกสองคนตอนนี้เพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง ร้องอุทานอย่างใ
“กล้าดีนัก!”
หลิงลั่วเฟิงปฏิกิริยาตอบสนองเร็วที่สุดเวลาเดียวกับที่ะโเสียงดัง หนึ่งฝ่ามือก็ฟาดเข้ามาหาเสวียนเทียน “ถึงกลับกล้าลอบโจมตีศิษย์สำนักเทียมเมฆาของข้าเ้าบังอาจนัก”
เสียงพูดดังขึ้น พลังฝ่ามือพลันปรากฏสายลมจากฝ่ามือแผ่มาปกคลุมเสวียนเทียน
พูดจบฝ่ามือของหลิงลั่วเฟิงก็พาฝ่ามือลวงตาสายหนึ่ง ตบมาถึงหน้าเสวียนเทียน รวดเร็วไม่มีสิ่งใดเทียม
บรรดาผู้ฝึกยุทธ์อดคิดขึ้นในใจไม่ได้ที่เขาลงมือเป็เพียงการโต้กลับ ส่วนที่เ้าลงมือถึงเป็การลอบโจมตี
เสวียนเทียนแค่นเสียงเ็าทีหนึ่งฝ่ามือยกขึ้นมา เปลวเพลิงสายหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังฝ่ามือกลางฝ่ามือเกิดเป็รัศมีดาบสายหนึ่ง เปลวเพลิงกลายเป็ัเหินพยัคฆ์กระโจนพลังรุนแรงอย่างยิ่ง
ดาบเพลิงผลาญ!
ฝ่ามือลวงตาที่หลิงลั่วเฟิงปล่อยออกมา ถูกดาบเพลิงผลาญผ่าออกเป็สองฝ่ามือของทั้งคู่ฉับพลันประทับเข้าด้วยกัน
พละกำลังอันน่าหวาดหวั่นมากกว่าหมื่นชั่งเปล่งออกมา
หลิงลั่วเฟิงรู้สึกได้ถึงไอพลังร้อนระอุเหนือสิ่งใดสายหนึ่งกับพละกำลังน่าหวาดหวั่นไม่อาจเอาชนะได้สายหนึ่ง ทั้งยังมีพลังลักษณ์ที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกัน
เงาร่างของเสวียนเทียนไม่ได้ขยับสักเส้นผม
ร่างกายของหลิวลั่วเฟิงกลับะเือย่างรุนแรง
ตึงๆๆๆ
ร่างกายของหลิงลั่วเฟิงถอยหลังต่อเนื่องไปห้าก้าวที่พื้นเหยียบเป็รอยเท้าชัดลึกห้ารอย ฝ่ามือที่ปะทะกับเสวียนเทียนเกิดควันบางๆ ลอยขึ้นมาดวงตาตะลึงงัน
พร้อมกันนั้นเหยียนกวนซีที่ถูกเสวียนเทียนเหยียบตรึงอยู่บนกำแพงก็ร้องโอดโอยขึ้นเสวียนเทียนกับหลิงลั่วเฟิงปะทะฝ่ามือกันพลังเจ็ดแปดในสิบส่วนถูกเสวียนเทียนส่งต่อไปยังร่างของเหยียนกวนซีส่วนพลังสองสามส่วนที่เหลือถูกเขาใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งต้านรับเอาไว้จึงปลอดภัยไร้อันตราย
บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในโรงเตี๊ยมพยัคฆ์ร้าย แต่ละคนสองตาเบิกโตเงียบงันไปหมด
หลิงลั่วเฟิงหาได้เหมือนกับเหยียนกวนซีไม่เป็ถึงดันดับหนึ่งของสิบศิษย์เอกสำนักในสำนักเทียมเมฆา
แต่กลับถูกหนึ่งฝ่ามือของศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งคนหนึ่งของสำนักกระบี่์ทำให้ถอยไปห้าก้าว?
สายตาของบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่จับจ้องอยู่บนร่างของเสวียนเทียนไม่มีใครไม่ตื่นตะลึงสำนักกระบี่์มีบุคคลที่เก่งกาจราวปีศาจเช่นนี้โผล่ขึ้นมาเมื่อไร? ถึงกับเอาชนะคู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นถึงสองขั้นได้?
หนึ่งเท้าของเสวียนเทียนเหยียบเหยียนกวนซีอยู่สายตาราวกับปราณกระบี่ฟาดฟันจับจ้องบนร่างของหลิงลั่วเฟิง เอ่ยว่า “ศิษย์อันดับหนึ่งสำนักในสำนักเทียมเมฆาก็แค่นี้เอง”
หลิงลั่วเฟิงกัดฟัน หน้าอกพองยุบมือของเขากำขลุ่ยยาวเลาหนึ่งที่อยู่ตรงเอว ผ่านไปครู่หนึ่งก็คลายมือออกความโกรธบนใบหน้าจางหายไป เอ่ยว่า “วันนี้เป็สำนักเทียมเมฆาของข้าไม่ดีพวกเราสี่สำนักใหญ่เป็พี่น้องกัน ศิษย์พี่ผู้นี้ ศิษย์น้องเหยียนล่วงเกินเ้าสั่งสอนนิดหน่อยก็พอ หากรุนแรงเกินไปจนทำให้สำนักเทียมเมฆากับสำนักกระบี่์มองหน้ากันไม่ติดย่อมเสียมิตรไมตรีแล้ว”
“มิตรไมตรี? ฮ่าๆ...!”
เสวียนเทียนหัวเราะลั่น เอ่ยขึ้น “อย่างพวกเ้าเดนมนุษย์เหล่านี้ยังคู่ควรพูดถึงมิตรไมตรีกับข้าด้วยหรือ?”
พร้อมกับที่พูดเท้าขวาของเสวียนเทียนก็รั้งคืนกลับ หลังจากนั้นก็กวาดเตะรวดเร็วดุจสายฟ้าร่างของเหยียนกวนซีฉับพลันก็ถูกเตะลอยขึ้นมาตกไปที่ประตูโรงเตี๊ยมเสวียนเทียนพูดว่า “จ่ายค่าชดเชยข้าวของที่เสียหายแล้วพาเ้าสุนัขตัวนี้ไสหัวไปซะ”
หลิงลั่วเฟิงหน้าเขียว เอ่ยว่า “พวกเราไป!”
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาอีกสองคนรีบวิ่งเร็วรี่ไปที่หน้าประตูพยุงเหยียนกวนซีขึ้นมา
จากนั้นก็รีบควักตั๋วเงินจำนวนหนึ่ง ไม่สนว่าเถ้าแก่กล้าไม่กล้ารับยัดเข้าไปในมือของเถ้าแก่
หลิงลั่วเฟิงเดินมาถึงประตูทันใดนั้นก็หันกายกลับมาพูดว่า “ขออภัยที่ข้ามีความรู้เท่าหางอึ่งไม่เคยได้ยินว่าสำนักกระบี่์มีอัจฉริยะระดับปีศาจคนหนึ่งอย่างท่านโผล่ขึ้นมาแต่ว่า ท่านพลังวัตรเพียงแค่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ก็มีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสุดยอดของชั้นเบิกนภาขั้นสามแล้วหากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็หวงเทียนผู้ที่กลายเป็ศิษย์สำนักในของสำนักกระบี่์แล้วผ่านหอกระบี่ชั้นที่สามเมื่อหนึ่งเดือนก่อนสินะ?”
“ใช่ แล้วทำไม?” เสวียนเทียนปัดฝุ่นผงบนร่างกายของตน ท่าทางสบายๆ เฉยชา
“เป็เกียรติที่ได้พบ!”
หลิงลั่วเฟิงพูดจบประโยคก็ก้าวยาวๆ ออกจากโรงเตี๊ยมพยัคฆ์ร้ายไปคนที่เหลืออีกสามคนรีบตามไปติดๆ
เมื่อศิษย์ทั้งสี่ของสำนักเทียมเมฆาหายไปในโรงเตี๊ยมพยัคฆ์ร้ายก็มีเสียงสูดลมหายใจตกตะลึงเป็ระลอกดังขึ้นมา
“เพิ่งกลายเป็ศิษย์ในสำนักกระบี่์ก็ผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่แล้ว?”
“อัจฉริยะแห่งยุคเช่นนี้สำนักกระบี่์ร้อยปียากจะมีสักคนนะ”
“ใช่แล้วสามปีก่อนมีฉู่เฟิงโผล่ขึ้นมาพลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ผ่านชั้นสามของหอกระบี่ เพิ่งผ่านไปแค่สามปีก็มีหวงเทียนโผล่มาอีกคน!”
“ถึงจะเป็ฉู่เฟิงก็ทำได้แค่เอาชนะคู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นหนึ่งขั้นเถอะข้ามระดับชั้นสองขั้น ฉู่เฟิงอย่างมากก็ทำได้แค่ประคองตัวไม่แพ้หวงเทียนข้ามระดับชั้นสองขั้นกลับเอาชนะเหยียนกวนซีได้อย่างง่ายดาย ขนาดหลิงลั่วเฟิงยังถูกกระแทกถอยไปห้าก้าวนี่เป็อัจฉริยะระดับปีศาจชัดๆ เทียบได้กับอัจฉริยะปีศาจคนนั้นของสำนักดาบเทวะแล้ว”
“น่ากลัวเกินไปแล้วพวกเราขนาดผู้ฝึกยุทธ์ระดับขั้นเดียวกันยังมีสู้ไม่ได้อยู่มากมายพบระดับชั้นที่สูงกว่าหนึ่งขั้น พลังก็ยิ่งห่างไกล ไม่อาจเทียบกันได้โดยสิ้นเชิงเขากลับเอาชนะคู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นสองขั้น เป็อัจฉริยะระดับปีศาจโดยแท้นอกจากปีศาจสองคำ ยังมีคำใดมาพรรณนาได้อีก?
......
ผู้ฝึกยุทธ์ในโรงเตี๊ยมพยัคฆ์ร้าย แต่ละคนหันหน้าเอียงหูไปกระซิบวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยขอบคุณจอมยุทธ์น้อย!” เถ้าแก่ลากร่างอันไร้เรี่ยวแรงของตนมาโค้งร่างก้มศีรษะขอบคุณเสวียนเทียน
ศิษย์เอกสำนักนิลครามคนนั้นก็เข้ามาขอบคุณเช่นกัน
เสวียนเทียนยิ้มละไม เอ่ยว่า “เื่เล็กเพียงยกฝ่ามือเท่านั้นไม่จำเป็ต้องขอบคุณหรอก”
พูดจบก็พาเฟิงปู๋จื้อ ซุนอี้ชิว กู้เชียนโหรวกลับมายังห้องพัก
“ศิษย์พี่หวงข้านับถือท่านจนแทบจะลงไปหมอบกราบกับพื้นได้จริงๆ แล้วขนาดศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักเทียมเมฆาก็ยังไม่ใช่คู่มือของท่านเลย ฮ่าๆๆๆ...!”
เมื่อเข้ามาในห้องซุนอี้ชิวก็หัวเราะลั่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เสวียนเทียนยิ้มเฉยชาพลางเอ่ยว่า “หลิงลั่วเฟิงคนนั้นยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายออกมากลายเป็ศิษย์อันดับหนึ่งสำนักในได้ ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา”
เฟิงปู่จื้อพูดขึ้น “ไม่ผิด หลิงลั่วเฟิงเคยพบโชคได้ศาสตร์ควบคุมสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งของสำนักเ้าอสูรของสมัยโบราณมาควบคุมสัตว์อสูรให้ต่อสู้ได้ ว่ากันว่าเขาเคยควบคุมสัตว์อสูรขั้นสามตัวหนึ่งเขาร่วมมือกับสัตว์อสูรเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่คนหนึ่งมาแล้ว”
เสวียนเทียนเอ่ยขึ้น “เป็พลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริงควบคุมสัตว์อสูรมาต่อสู้ในหมู่บ้านอินเฟิงจะเป็เื่ใหญ่เกินไปทำให้ผู้าุโของสำนักหันมาสนใจ เขาถึงไม่ลงมือ แต่เมื่อเข้าไปในเทือกเขาเร้นลมศาสตร์ควบคุมสัตว์อสูรของเขาย่อมราวกับมาถึงสรวง์ หากพบกันในเทือกเขาเร้นลมหลิงลั่วเฟิงคงไม่ยั้งมือเช่นนี้แล้ว วันพรุ่งนี้อย่ารอฟ้าสว่าง ยามอิ๋น1ก็ออกจากหมู่บ้านอินเฟิงเสียเข้าไปในเทือกเขาเร้นลมผ่านทางสายเล็ก หลีกเลี่ยงพบเข้ากับพวกเขา”
“อืม หลีกเลี่ยงได้เป็ดีที่สุดไม่อย่างนั้นศาสตร์ควบคุมสัตว์อสูรของหลิงลั่วเฟิงก็รับมือยากจริงๆ” เฟิงปู๋จื้อพยักหน้าเอ่ยขึ้น
ซุนอี้ชิวเกาศีรษะ เอ่ยว่า “มีอะไรน่ากลัวหรือ? มีศิษย์พี่หวงอยู่ ถ้าหลิงลั่วเฟิงกล้าลงมือก็เท่ากับรนหาที่ตาย”
เสวียนเทียนยักไหล่เบาๆ
เฟิงปู่จื้อเอ่ยว่า “ศิษย์น้องซุนอย่าได้ดูถูกผู้อื่น เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์เดินเคียงไปกับคมดาบพลาดก้าวหนึ่งเือาบย้อมชุด ต้องระวังรอบคอบไว้”
----------
1. ่เวลา 03.00 –05.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้