ซากเคหะสถานตระกูลเนี่ย
มารนับไม่ถ้วนห้อมล้อมสถานที่นี้ไว้
มารบางตนยังชูดาบอาวุธยุทธา จับจ้องกลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำด้วยสายตาเย็นเยียบ
จางเสินซวีและคนอื่นๆ ล้วนต่างาเ็สาหัส
พวกมันจะยังมีปัญญาหลบหนี? ครั้งนี้นับว่าถูกหวังเค่อทำร้ายจนตายอีกคราแล้ว
“พวกเ้าอีกแล้ว?” จูหงอีหรี่ตามองจางเสินซวีและพวกพ้อง
ชัดเจนว่าจูหงอีจดจำพวกมันได้แม่น
ไม่นานมานี้ ที่เมืองหลางเซียน
ก็เป็พวกมันนี่แหละที่ทำให้ตนต้องเปิดเผยตนกลางแจ้ง เสื่อมเสียหน้าใหญ่หลวง
ที่แท้ก็เป็พวกเ้า?
“ท่านเ้าตำหนัก ท่านรู้จักพวกมันด้วย?”
หวังเค่อรีบสาวเท้าออกไป “เ้าพวกศิษย์พรรคอีกาทองคำ? เฮอะ
พวกธรรมะล้วนมือถือสากปากถือศีล ในที่สุดก็ได้รับบทเรียนแล้วกระมัง? กล้าวางกับดักพี่ใหญ่ทั้งหลายของข้า ช่างขวัญกล้าบังอาจนัก? มาเลย เข้ามาฆ่าข้าเลยสิ!”
หวังเค่อเดินส่ายอาดๆ
ไปเบื้องหน้าจางเสินซวีและพวก สีหน้าโอหังทำท่าห่มหนังเสือ มารร้ายทั้งหลายมองดูพลางขมวดคิ้ว
เ้าเด็กนี่ไม่ยอมละเว้น? หรือว่ามันไม่้าชีวิตแล้ว? พลังฝีมือกระจอกงอกง่อยปานนั้น
ไม่กลัวพวกธรรมะรุมประชาทัณฑ์เอารึไง?
เย่อหยิ่งโอหัง ไอ้คางคกปากปีจอ?
ศิษย์พรรคอีกาทองคำทั้งหลายต่างถลึงตา
เ้าตัวบัดซบนี่คิดว่าตัวเองเข้าร่วมกับลัทธิมารระดับสูงได้แล้วพวกมันจะไม่มีปัญญาทำอะไรได้งั้นหรือ? แค่ข้าอ้าปากพูดออกมาคำเดียวก็ทำให้เ้าตายไร้ที่กลบฝังได้แล้ว
ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ!
ขณะที่ศิษย์พรรคอีกาทองคำตระเตรียมเปิดโปงฐานะที่แท้จริงของหวังเค่อ
หวังเค่อก็พลันหันหลังให้แก่เหล่ามารมาขยิบตาต่อจางเสินซวีและพวก อ้าปากพะงาบๆ
แต่ไม่มีเสียง
จางเสินซวีมองรูปปากของหวังเค่อพลางอ่านความหมาย
“ถ้าไม่อยากตาย อย่าปากมาก ข้าจะช่วยเ้า
เล่นตามน้ำไป ถ่วงพวกมันไว้ค่อยติดต่อไปที่พรรค!” หวังเค่อเอ่ยไม่มีเสียง
เล่นตามน้ำ? ผายลม หวังเค่อเ้ารักตัวกลัวตาย
กลัวพวกเราเผยตัวตนของเ้าล่ะสิ?
“ศิษย์พี่ พวกเราเสี่ยงชีวิตกับมันเถอะ บางทีอาจสามารถฝ่าเป็เส้นทางสายโลหิตออกไปได้!”
ศิษย์พรรคอีกาทองคำเอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียม
จางเสินซวีห้ามปรามศิษย์น้องที่มุทะลุเอาไว้
เข่นฆ่าออกไป? นี่
ความกล้าบ้าบิ่นอาจได้ใช้ยามสภาพสมบูรณ์พร้อม แต่ตอนนี้พุ่งออกไปมีแต่ตายกับตาย
ข้าถูกจูหงอีเพ่งหมายหัวไปแล้ว
มันมีหรือจะปล่อยข้าไป? สภาพเช่นนี้ไหนเลยจะหนีรอดพ้น?
จางเสินซวีจ้องเขม็งไปทางหวังเค่อ
ในใจอัดแน่นด้วยความคับแค้น! เมื่อกี้ข้าฆ่ามันได้ชัดๆ แต่ตอนนี้ทำไมข้ากลับต้องเป็ฝ่ายคอยอ่านสีหน้ามันด้วย?
“เฮอะ เ้า้าอะไร”
จางเสินซวีจ้องหวังเค่อด้วยสายตาอาฆาต
ท่าทีของมันคือ เ้าหากช่วยพวกข้าไม่ได้
งั้นเราก็ตายด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ ข้าจะเปิดโปงเ้า
หวังเค่อไม่เอ่ยวาจา
เหล่ามารร้ายโดยรอบล้วนหัวเราะเยาะเย้ย
“้าอะไร? ในเมื่อเ้ากล้าฆ่าคนของลัทธิมารข้า
ก็คงเตรียมตัวถูกพวกเรากินมาแล้ว พี่น้อง พวกเราทั้งหมดมาแบ่งปัน
ช่วยกันกินเ้าพรรคอีกาทองคำกันเถอะ!” มารตนหนึ่งะโลั่น
“ดี!” มารร้ายขานรับพร้อมเพรียง
ตระเตรียมรุมเข้าใส่
“ไม่อาจให้พวกมันตายง่ายดายเกินไป!”
หวังเค่อลั่นวาจา
“ห๊ะ?” ทุกคนมองดูหวังเค่อ
หวังเค่อหันไป “ท่านเ้าตำหนัก
ศิษย์พรรคอีกาทองคำนี้ ฆ่าพวกมันหมดยังไม่อาจระบายความแค้นแม้สักกระผีกในใจข้าได้
ความแค้นของพี่น้องข้า ไม่อาจปล่อยให้พวกมันตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ขอรับ!”
“งั้นเ้าจะเอายังไง?” จูหงอีถามเสียงขรึม
“มิใช่ว่ากำลังจะมีงานชุมนุมมารปรโลกหรอกหรือ?
งานชุมนุมมารปรโลกไหนเลยจะขาดศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะได้? ผู้น้อยขอเสนอให้คุมตัวศิษย์พรรคอีกาทองคำกลุ่มนี้ไปยังงานชุมนุมใหญ่
ให้พี่น้องลัทธิมารของพวกเราได้หยามอัปยศพวกมันจนสาแก่ใจก่อน
แล้วค่อยปะาพวกมันในงาน!
ให้ศิษย์ฝ่ายธรรมะได้รู้ซึ้งว่าจุดจบของการต่อต้านลัทธิมารของพวกเราคืออะไร!”
หวังเค่อะโอย่างบ้าคลั่ง
“บ้าไปแล้วหรือไง จะกินก็กินเลยสิ
จะรอถึงงานชุมนุมทำอะไร?”
“เ้าปากมากแบบนี้
กินที่นี่กับที่งานชุมนุมมีอะไรต่าง?”
“เชือดไก่ให้ลิงดู? เสียสติหรือหรือ
ธรรมะอธรรมไม่อาจอยู่ร่วม ยังต้องมาถกกางเกงผายลมทำอะไร?”
.........
.........
......
......
...
...
เหล่ามารกลายเป็เดือดพล่านขึ้นมาแทน
หวังเค่อสีหน้าขื่นขม “ขอท่านเ้าตำหนักโปรดอภัย
เป็ข้าปากมากไปแล้ว ข้าเพียงไม่อาจระบายความคับข้องที่พวกมันสังหารพี่น้องของข้า
ยังมี ข้าเองก็้าเพิ่มสีสันให้แก่งานชุมนุมใหญ่
งานชุมนุมมารปรโลกไหนเลยจะมีเพียงทารกร่างมารผู้เดียวได้!
มิใช่ดูจืดชืดเกินไปหรอกหรือ? หากพวกฝ่ายธรรมะรู้เข้าจะไม่หัวเราะเยาะพวกเราหรือ? เสื่อมเสียหน้ายิ่งนัก!”
หลังกล่าวจบ มันก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
หากสองตายังจับจ้องจูหงอีเขม็ง
นั่นก็เพราะหวังเค่อรู้ว่าคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจในที่นี้มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือจูหงอี
ขอเพียงมันพยักหน้า ทุกอย่างล้วนต้องเป็ไปตามนั้น
ถึงจะไม่รู้ว่าพวกเ้าสองคนมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่
แต่ภาพในวันนั้น พวกมันกอดรัดกันปานจะกลืนกิน ย่อมต้องเป็เื่ชู้สาวไม่ผิดแน่!
จูเยี่ยนเองบอกว่างานชุมนุมมารนี้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคือตัวตั้งตัวตี
ข้าบอกว่า้าเพิ่มพูนรสชาติในงาน เ้ามีหรือจะไม่ตกลง?
ช่วยงานชุมนุมของชิงเอ๋อร์ให้คึกคักขึ้น? มีหรือจูหงอีจะไม่อยากทำ??
“ดี พูดได้ดี!
เราเ้าตำหนักชื่นชอบศิษย์ลัทธิมารที่มากรักมากน้ำใจเช่นนี้แหละ ตกลงตามนี้
เอาพวกมันไปงานชุมนุม! ป้องกันเผื่อถึงเวลาแล้วองค์หญิงคนเดียวไม่พอแบ่งกันกิน!
แน่นอน หากพวกมันขัดขืนก็ฆ่าทิ้งซะให้หมด!” จูหงอีโบกมือ ถือเป็สัญญาณตัดสินใจ
“ขอรับ!” เหล่ามารต่างผิดหวังไปตามๆ กัน
จางเสินซวีจ้องมองหวังเค่อ ไอ้ตัวตลบแตลง
พลิกดำเป็ขาว ท่ามกลางหมู่มารยังสามารถเรียกลมเรียกฝนได้? นี่มันเื่โกหกเพ้อเจ้อปานไหน
ทำไมทุกคนดันเชื่อถือ? เพราะอะไร? หรือพวกเ้าปัญญาอ่อนกันทั้งพรรค?
จางเสินซวีเพียงรับทราบวาจาเพ้อเจ้อเหลวไหลของหวังเค่อ
หารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านี้ทิ่มกระดองใจของจูหงอีเข้าพอดิบพอดี
เื่ชู้สาวระหว่างมันและเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไม่มีผู้ใดทราบเื่ระแคะระคาย
หวังเค่อเมื่อเอ่ยถึงการช่วยเสริมงานชุมนุมมารปรโลก จูหงอีย่อมต้องผงกศีรษะตกลง
แม้ไม่มีใครเข้าใจ
แต่พวกมันก็รู้ว่ายังไม่ต้องตายตอนนี้
ว่าไปแล้ว
แต่ละคำของเ้าหวังเค่อผู้นี้ที่แท้มีอะไรเป็เื่จริงบ้าง? มันจะช่วยพวกเราขอความช่วยเหลือจากพรรคอีกาทองคำ?
ถ้าหากมันโกหกเล่า? แต่ตอนนี้มีแสงแห่งความหวังในการรอดชีวิต
แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่เปิดโปงหวังเค่อ
“สุภาพบุรุษจอมปลอมฝ่ายธรรมะ เห็นหรือยัง?
เ้าตำหนักช่วยยืดเวลาตายแก่พวกเ้า
ตอนนี้ก็ส่งกำไลมิติกระเป๋ามิติรวมทั้งอาวุธวิเศษของพวกเ้ามาให้หมด!
อย่าได้ขัดขืน!” หวังเค่อล้วงเอากะละมังใบเบ้อเริ่มออกมา ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้
กะละมัง?
มารร้ายขมวดคิ้วมุ่นมองดูหวังเค่อ
เ้าเด็กนี่ยังคิดรูดทรัพย์สินอาวุธศิษย์พรรคอีกาทองคำ? ฝันไปเถอะ!
ทว่า
ที่พวกมันคาดไม่ถึงคือจางเสินซวีกลับเป็คนแรกที่ปลดกำไลมิติและสมบัติอื่นวางลงบนกะละมังอย่างว่าง่าย
เคร้ง!!
กำไลร่วงหล่นใส่กะละมัง
จางเสินซวีถอยไปยืนด้านข้าง รอคอยเหล่ามารมาทำการพันธนาการ
มารทั้งหลายเบิกตาแทบถลน
เ้ายอมแพ้สละทรัพย์ง่ายดายถึงเพียงนี้? เ้ามิใช่ศิษย์ฝ่ายธรรมะหรอกหรือ? ไหนล่ะคำว่าพลีชีพเพื่อคุณธรรม? ไหนล่ะความเืร้อนสัตย์ซื่อ?
พวกเรารอพวกเ้าไม่อาจทนรับความอัปยศ วิ่งไปเอาหัวโขกกำแพงอยู่นะ?
แล้วไหงมายอมแพ้เอาง่ายๆ แบบนี้?
ศึกธรรมะอธรรมที่มีมาแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน
ยังไม่เคยมีการยินยอมปลดอาวุธเช่นนี้มาก่อน? คิดว่าถ้ายอมแต่โดยดีก็จะไม่ถูกฆ่ารึไง?
ทว่า
ศิษย์พรรคอีกาทองคำทั้งหมดปลดอาวุธอย่างง่ายดาย ส่งกำไลมิติกระเป๋ามิติออกมา
ทั้งหมดใส่ลงไปในกะละมังของหวังเค่อ
มารร้ายทั้งหลายแทบทึ้งหัวตัวเอง
เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าพวกเราเก็บเนื้อเก็บตัวนานเกินไปแล้ว?
ค่านิยมของพวกฝ่ายธรรมะล้วนเปลี่ยนไปหมดสิ้น? เดี๋ยวนี้พวกมันคุยด้วยง่ายปานนี้เลย?
มารร้ายมองดูหวังเค่ออย่างไม่อาจเข้าใจ
ส่วนศิษย์อีกาทองคำเองก็จ้องหวังเค่อตาเป็มัน คล้ายกำลังจะบอกว่า
หากเ้ากล้าโป้ปด พวกข้าก็จะยอมตายเพื่อเปิดโปงเ้าด้วย
“มานี่กันหน่อยเร็ว มาช่วยกันมัดพวกนี้เอาไว้
พวกมันยอมให้จับแต่โดยดีแล้ว เร็วเข้า!” หวังเค่อะโเรียกพวกมารมาช่วย
พูดไป หวังเค่อก็โอบกอดกะละมังใหญ่ที่เต็มไปด้วยกำไลกระเป๋ามิติและอาวุธวิเศษของศิษย์พรรคอีกาทองคำเดินไป
“ท่านเ้าตำหนัก
ผู้น้อยรวบเอาทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดของฆาตกรฆ่าพี่น้องของข้ามาแล้ว
เ้าพวกฆาตกรเองก็มีวันนี้ด้วย ฮืออออ น่าเสียดายพวกพี่ใหญ่
พวกเขาล้วนเสียสละเพื่อลัทธิมารเรา
ทั้งหมดล้วนตกตายอย่างอนาถในเงื้อมมือเ้าฆาตกรพวกนี้ ฮือๆ พวกเขาต้องตายอย่างอนาถนัก
แล้วลูกกำพร้าของพี่ใหญ่เล่าจะทำยังไง? ไหนจะพ่อแม่แก่เฒ่าของพี่รอง
ยังมีภรรยาพิการของพี่สามที่บ้านอีก? ทารกน้อยของพี่สี่
หากไม่มีพี่ใหญ่คอยคุ้มครอง แล้วจะไปหาทรัพยากรฝึกฝีมือจากที่ไหน? คงต้องคอยหลบลี้การไล่ล่าของพวกธรรมะทั้งสี่ทิศ นี่มัน…นี่มันช่าง…!” หวังเค่อไม่อาจกลั้นน้ำตา
ราวกับว่าโศกเศร้าต่อบรรดาญาติกำพร้าของมารที่ตายไปสุดซึ้ง
มารเหล่านี้ เพื่อจรรโลงลัทธิมารจันทรา
พวกมันต่างหลั่งเืถวายหัว ก่อนถูกฝ่ายธรรมะปะาอย่างน่าสมเพช ตอนนี้
ข้าจะขอรวบรวมทรัพย์สินของพวกธรรมะฆาตกรมาสะสางให้แก่พวกเ้าเอง! พี่น้องเยอะขนาดนี้
เอ๊ย ไม่ใช่ มีพี่น้องมารมากมายที่เฝ้าดูอยู่นี้
ไหนเลยจะปล่อยให้พี่น้องมารต้องหลั่งทั้งเืหลั่งทั้งน้ำตา? พวกเ้าหักใจฮุบเอาทรัพย์อาถรรพ์พวกนี้ลงด้วยหรือ?
หากเ้าแบ่งสรรไม่ยุติธรรม จะให้พี่น้องมารทั้งหลายมองเ้าอย่างไร?
ยังถือพี่ถือน้องกันอยู่หรือไม่?
แน่นอน
จูหงอีไหนเลยจะสนใจเงินทองเล็กน้อยเหล่านี้ มันโบกมือ “ช่างเถอะ
ข้าวของเล็กน้อยเพียงเท่านี่ เ้าเอากลับไปจัดสรรปันส่วนให้ดีเถอะ
ให้ทายาทของพวกมันจัดแจงเอา บอกว่าข้าเป็คนสั่ง
กำพร้าของพี่น้องที่ตายอย่างอยุติธรรม ไม่อาจถูกหักส่วนอันใดได้!”
“ขอรับ ข้าขอเป็ตัวแทนพี่น้องทั้งหลาย
ขอบพระคุณต่อท่านเ้าตำหนัก! พี่น้องทั้งหลายมีญาณวิเศษรับรู้
ย่อมไม่เสียใจที่ได้เสียสละชีพเพื่อลัทธิเรา!” หวังเค่อซาบซึ้งใจ
มารทั้งหลายมองดูหวังเค่อเป็ตาเดียวด้วยความริษยา
นี่มัน เ้าเด็กนี่เมื่อครู่แก่งแย่งออกหน้าก่อน
ที่แท้้าชิงตัดหน้ากวาดเอาทรัพย์สิน? ของเยอะแยะปานนี้ เ้าคนเดียวฮุบกลืนหมดหรือยังไง?
ทว่า เมื่อเ้าตำหนักลั่นวาจาแล้ว
ผู้ใดจะกล้าขัด?
พวกมันได้แต่เบิ่งตามองสมบัติทั้งหลายตกเข้าสู่มือของหวังเค่อทีละชิ้นทีละชิ้น
ขณะเดียวกันก็ลอบครุ่นคิดใคร่ครวญหาวิธีฆ่าคนชิงทรัพย์อย่างเงียบๆ
หวังเค่อสะพายกระเป๋าที่ใส่สมบัติจนเต็มเอียด
แถมยังรูดกำไลมิติในโลงทั้งกลุ่มมาด้วย รอวันพรุ่งนี้ค่อยกลบฝัง
ศิษย์อีกาทองคำทางด้านหนึ่งอึ้งค้าง
พวกมันจ้องมองหวังเค่อด้วยสายตาร้อนแรง ตักเตือนหวังเค่อมิให้ตุกติก
แต่ในสายตาของบรรดาพวกมารกลับเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเ้ายอมแพ้ออกมาเองไม่ใช่หรือ
ตอนนี้ส่งสายตาเคียดแค้นแก่หวังเค่อเพื่อผายลมอันใด? หากมีปัญญาเมื่อครู่ก็อย่ายอมแพ้แต่แรกสิ!
จางเจิ้งเต้าที่ห่างออกไปพร่ำด่าไม่หยุด
สาเหตุมาจากความริษยาตาร้อนหวังเค่อจอมลวงโลก นี่มันอะไรกัน? รูดทรัพย์พวกมารแล้ว?
ยังมารูดทรัพย์พวกธรรมะต่อได้? เ้าทำได้ยังไง?
มีแต่เ้าได้ของดีๆ ไปคนเดียว? ทำไม? ทำไม? อาศัยอะไร? เ้าพวกมารทั้งหลายทำไมโง่เง่าไร้สมองขนาดนี้?
ปล่อยให้มันคาบเอาเนื้อไปคนเดียวได้ยังไงกัน?
“หวังเค่อ เ้าหากไม่แบ่งข้า
ข้าจะขอเสี่ยงชีวิตกับเ้า!” จางเจิ้งเต้าสองตาแดงฉานด้วยแรงริษยา
ท่ามกลางซากปรักหักพังของคฤหาสน์ตระกูลเนี่ย
จูหงอีนำกลุ่มมารมามองดูองค์หญิงโยวเยว่อีกครั้ง
“ทารกร่างมาร? ชิงเอ๋อร์ยังคงมีอคติในตัวข้าถึงได้เอาเ้ามาซ่อนไว้ที่นี่สินะ?”
จูหงอีรำพึง
“เ้าจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ!”
องค์หญิงโยวเยว่ร้องออกมาด้วยความวิตก
“ท่านเ้าตำหนัก
องค์หญิงโยวเยว่มีผนึกของนางเซียนชิงอยู่ นางเซียนชิงไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้นาง!”
หวังเค่ออธิบาย
นี่มิใช่หวังเค่อบอกความลับอันใด
หากแต่นี่ไม่ว่ายังไงก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี หวังเค่อเอ่ยชื่อ “นางเซียนชิง”
เพื่อตักเตือนจูหงอีให้ระมัดระวังท่าทีเพื่อไม่สร้างความขุ่นข้องแก่เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
“ข้ารู้ ก่อนมาชิงเอ๋อร์บอกข้าแล้วว่านางให้เนี่ยเทียนป้าเฝ้าองค์หญิงไว้
ขอร้องให้ข้านำศิษย์พรรคมารมารับตัวองค์หญิงโยวเยว่กลับไปชิงจิงเพื่อร่วมงานชุมนุมมารปรโลก
ฮ่าฮ่า หลายปีที่ผ่านมา นี่เป็ครั้งแรกที่นางขอร้องข้า!
ข้าย่อมต้องเอาตัวนางกลับไปอย่างไม่บุบสลาย ผนึกบนร่างนางข้าไม่มีทางแตะต้อง!
เด็กน้อย ครั้งนี้เ้าทำได้ไม่เลว ช่วยข้าพิทักษ์องค์หญิง เ้าเรียกว่าอะไร?”
จูหงอีเอ่ยถาม
“ผู้น้อยหวังเค่อ! ขอบคุณท่านเ้าตำหนักเมตตา!”
หวังเค่อเอ่ยตอบอย่างยินดี
มอบสมบัติให้ข้ามากมายปานนี้
เ้าคือเทพเงินทองของข้าแท้ๆ ขอบพระคุณท่านเทพ!
“หวังเค่อ? ดี หวังเค่อ!
องค์หญิงโยวเยว่เหมือนจะไม่ต่อต้านเ้า? งั้นเ้าก็คุมตัวนางไว้
แต่อย่าทำร้ายนาง ไม่งั้นข้าคงไม่อาจอธิบายต่อชิงเอ๋อร์ได้! ไป คุมตัวองค์หญิง
กลับไปชิงจิงกับข้า!” จูหงอีเอ่ยเสียงหนัก
“ขอรับ!” หวังเค่อขานรับ
“พวกเ้าจะทำอะไร?” องค์หญิงเอ่ยถามด้วยความกังวล
ทว่า
หวังเค่อคร่ากุมองค์หญิงพร้อมกระซิบเสียงเบา “ร้องออกมา ขัดขืนข้า!”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
องค์หญิงโยวเยว่แสร้งดิ้นรน
น่าเสียดาย เมื่อถูกหวังเค่อคร่ากุมไว้ ยิ่งขัดขืน อ้อมกอดของหวังเค่อยิ่งรัดแน่น เหล่ามารทั้งหลายยิ่งจ้องมองด้วยความริษยา หากไม่กล้าสอดหน้าออกไป
จูหงอีโบกมือคราหนึ่ง ค้างคาวมหาศาลโบยบินลงครอบคลุม แปรสภาพกลายเป็กลุ่มเมฆดำทมิฬรองรับใต้ฝ่าเท้า พาทุกคนขึ้นสู่ฟ้าตรงกลับชิงจิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้