เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ หวังิไม่เพียงแต่โค้งคำนับเพื่อขอร้องอ้อนวอน แต่ยังบอกให้เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่สามารถเล่นสนุกกับซุนจิ้งได้ตามสบาย
ซุนจิ้งได้ยินประโยคนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่าก็ไม่ปาน มันทำให้นางเหมือนกับตกจาก์ลงนรก และความฝันแสนงดงามก่อนหน้านี้ก็มลายไปจนสิ้น
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ได้รับใช้ท่านเซิ่งจื่อคือเกียรติยศของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเ้า หรือเ้าคิดว่าท่านเซิ่งจื่อจะทำให้เ้าอับอาย?” หวังิตัดบทซุนจิ้งอย่างไม่เกรงใจ ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนโดยสิ้นเชิง นี่ทำให้ซุนจิ้งรู้สึกเหมือนเป็คนแปลกหน้า
“เลวทราม!” ไป๋หลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัดฟันด้วยความโมโหกับความไร้ยางอายของหวังิ
“หวังิ เ้าบอกทีว่านี่ไม่ใช่เื่จริง เ้าคือนายน้อยแห่งตระกูลหวัง จะไปกลัวคนพวกนี้ได้ยังไง เ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม?” ซุนจิ้งเดินมาที่ด้านหน้าหวังิ นางพูดไปร่ำไห้ไป และยังคงยอมรับความจริงนี้ไม่ได้
“หญิงชั้นต่ำ เ้าอยากให้ข้าตายรึไง? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!” หวังิสะบัดมือซุนจิ้งออกไป แม้กระทั่งสีหน้าของเขาก็ยังเ็าและดูรังเกียจ ไร้ซึ่งความสุภาพบุรุษเฉกเช่นก่อนหน้านี้
ซุนจิ้งเผยสีหน้าสิ้นหวัง นางแสวงหาชีวิตที่ร่ำรวยและมีเกียรติ หวังจับผู้มีอิทธิพลเพื่อปีนป่ายขึ้นที่สูง และหวังิก็เป็ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนาง ดังนั้นนางจึงยอมฝ่าฝืนกฎของสำนักและเสียความบริสุทธิ์ให้หวังิ ตอนที่ศิษย์พี่ไป๋หลิงกังขานาง นางกลับพูดจาร้าย ๆ ใส่ คิดว่าไป๋หลิงมุ่งเป้ามาที่นาง เหตุเพราะอิจฉาตาร้อน ยิ่งกว่านั้นนางยังบอกให้ไป๋หลิงแต่งเข้าตระกูลหวังพร้อมนาง ในฐานะเมียน้อยของหวังิ แต่เมื่อใคร่ครวญอีกทีทั้งหมดนี้ก็เป็เื่ตลกขบขันจนสามารถพูดคุยในยามว่างได้ทุกวัน
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผุดขึ้นในหัวของซุนจิ้ง ทำให้ซุนจิ้งหัวเราะเยาะตัวเอง นางตาบอดจนมองไม่เห็นความจริง
ด้านเย่เฟิง เขามองทุกอย่างนี้ด้วยท่าทีนิ่งเฉยพลางเหยียดยิ้มอย่างเ็า
คนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เดินมาตบหน้าซุนจิ้งอย่างแรง ทำให้ตื่นจากภวังค์
“เซิ่งจื่อ ข้าว่าผู้หญิงคนนี้ก็ดูไม่เลว จะเก็บไว้หรือไม่” ขณะนั้นมีคนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่กล่าวพลางชี้นิ้วไปที่ไป๋หลิง พวกเขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาย่ำหยินชดหยาง ดังนั้นเหล่าหญิงงามมักไม่กล้าปฏิเสธ ไป๋หลิงมีรูปโฉมงดงามไม่ด้อยไปกว่าซุนจิ้งแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดปล่อยนางไปง่าย ๆ
“แน่นอน!” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่พยักหน้าขณะกวาดสายตาไปทั่วร่างไป๋หลิง นี่ทำให้ไป๋หลิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยและถอยหลังไปพร้อมกับกำชายเสื้อของเย่เฟิงไว้แน่น
“ศิษย์น้องเย่ พวกเราทำไงดี?” ไป๋หลิงตัวสั่นเทาขณะเอ่ยถามเย่เฟิง อีกฝ่ายมีผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาถึง 2 คน จึงไม่ใช่สิ่งที่นางและเย่เฟิงจะต่อต้านได้
“อย่ากลัวไปเลย พวกเขาทำอะไรเ้าไม่ได้หรอก” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบพร้อมยกมือลูบใบหน้าขาวนวลของไป๋หลิง ความมั่นใจนั้นราวกับมีมาั้แ่เกิด นี่ทำให้ไป๋หลิงอดหันไปมองเย่เฟิงไม่ได้ นางไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฟิงถึงนิ่งเฉยได้แม้ในสถานการณ์เช่นนี้
“พวกเ้าสองคนไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมา ให้เซิ่งจื่อได้เชยชม” ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่โจมตีหวังิคนนั้นออกคำสั่ง
สองคนนั้นพยักหน้า แต่พอจะเดินไปหาพวกเย่เฟิง กลับเห็นเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่โบกมือเป็การส่งสัญญาณให้สองคนนี้หยุด จากนั้นเซิ่งจื่อหันไปมองหวังิที่อยู่ไม่ไกล
“เ้า มาเป็คนรับใช้ของข้าซะ!” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ทว่ากลับน่าเกรงขาม
“ขอรับ!” แววตาของหวังิชะงักไปครู่หนึ่ง ในใจเขาไม่ยินดี แต่เพื่อเอาชีวิตรอด เขามีแต่ต้องยอมรับมัน
“เ้าไปฆ่าคนผู้นั้นแทนข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตและปล่อยเ้าไป เ้าเต็มใจทำหรือไม่?” เซิ่งจื่อผู้นั้นกล่าวเสียงเ็า มุมปากก็เหยียดยิ้มชั่วร้ายเสมอต้นเสมอปลาย ให้หวังิไปฆ่าเย่เฟิงคงจะน่าสนุกดี
“ขอรับ!” หวังิแทบพยักหน้าตอบรับในทันที เพราะเป็เื่ง่ายมากสำหรับเขาที่จะฆ่าเย่เฟิง ตราบใดที่เย่เฟิงตาย เขาก็จะได้เป็อิสระ ดังนั้นหวังิจึงเดินหน้าไปหาเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล เขามองด้วยสายตาดูแคลนพร้อมกล่าวว่า “เ้าจะฆ่าตัวตายเอง หรือจะให้ข้าเป็คนลงมือฆ่าเ้า จงเลือกซะ”
“เ้าเนี่ยนะจะฆ่าข้า?” เย่เฟิงเลิกคิ้วขณะมองหวังิ
“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย สวะอย่างเ้าไม่ควรอยู่บนโลกนี้ ให้เ้ามีชีวิตเพิ่มขึ้นสองสามวัน เ้าควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำ” หวังิกล่าว เขาอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 มีหรือจะเกรงกลัวเย่เฟิงผู้นี้
เมื่อกล่าวจบ หวังิปลดปล่อยพลังปราณ พร้อมเงามายาอินทรีทะยานขึ้นฟ้าจากด้านหลังดูน่าเกรงขามเป็อย่างมาก
ิญญาาอินทรี นี่คือิญญาาเดียวกับหวังหลงที่เขาฆ่าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าิญญาาอินทรีจะเป็เอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลหวัง ลูกหลานสายตรงล้วนปลุกิญญาาอินทรีทั้งสิ้น เพราะว่ามันมีพลานุภาพที่ไร้สิ้นสุด
ทันทีที่หวังิมาถึงก็ปลดปล่อยิญญาา เห็นชัดว่าเขา้าฆ่าเย่เฟิงมากแค่ไหน และเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขา
ไป๋หลิงใจเต้นโครมคราม ิญญาาอินทรีขั้นเหลือง หวังิผู้นี้สมกับเป็ศิษย์ตระกูลหวัง นึกไม่ถึงว่าิญญาาจะแกร่งกล้าได้เพียงนี้ ผนวกกับระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเย่เฟิงถึงสองขั้น เกรงว่าครั้งนี้เย่เฟิงคงจบเห่แล้ว
“อินทรีเหินเวหา ตายซะเถอะไอ้สวะ!” หวังิแผดเสียงะโ ิญญาาอินทรีที่ด้านหลังส่องแสง ก่อนจะบุกโจมตีโดยใช้กรงเล็บ
เย่เฟิงแสยะยิ้มเยือกเย็น ถึงเวลาจัดการหวังิแล้ว
สองวันมานี้ หวังิดูถูกเขานับครั้งไม่ถ้วน หาว่าเขาเป็เศษสวะไร้ซึ่งพละกำลัง ใช้เพียงฐานะคนของตระกูลหวังก็มีเหตุผลพอที่ฆ่าเขาให้ตายได้ ปีนั้นที่ตระกูลเย่ล่มสลาย ตระกูลหวังก็เข้าร่วมด้วย บัญชีนี้... เย่เฟิงย่อมชำระในไม่ช้าก็เร็ว
“วิ้ง!” แสงส่องสว่าง พลันหอกัเงินประกายปรากฏในมือ
“ฟิ้ว!” เย่เฟิงปาหอกออกไปอย่างไม่ลังเล รังสีหอกอันน่าหวาดกลัวทะลวงห้วงอากาศ ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังหอกที่น่าสะพรึงกลัว ิญญาาอินทรีของหวังิจึงดูเปราะบางลงถนัดตา จากนั้นถูกรังสีหอกฉีกกระชากเป็ชิ้น ๆ
“ฉึก” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่รอให้หวังิตอบสนอง กระทั่งสีหน้าของเขายังเผยความได้ใจ ในจังหวะนั้นรังสีหอกก็ทะลวงลำคอของเขา เป็อีกหนึ่งคนที่ถูกหอกของเย่เฟิงปลิดชีวิต ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 แต่กลับไม่มีโอกาสต่อต้าน
หอกนั้นดูเรียบง่าย แต่กลับเป็หอกที่มีพลังทรงอานุภาพ เป็หอกปลิดชีวิต!
ทุกคนต่างต้องตกตะลึงขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า โดยเฉพาะไป๋หลิงและซุนจิ้งที่อยู่กับเย่เฟิงมาหลายวัน ตอนนี้พวกนางต่างตะลึงงันไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ไป๋หลิงเบิกตาโพลงด้วยความใ เย่เฟิงอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 เท่านั้น และนางยังเคยบอกกับเย่เฟิงว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังิ
เพื่อปกป้องเย่เฟิง ไป๋หลิงจึงขอร้องให้เย่เฟิงหนีไป เพื่อไม่ให้หวังิหาโอกาสจัดการเย่เฟิงได้ ทว่าบัดนี้นางพบว่านางคิดผิด เย่เฟิงเขาจะหนีหวังิไปทำไม? คำตอบมันถูกกำหนดไว้แล้ว
บัดนี้นางได้เห็นกับตาตัวเอง หวังิยอมเป็คนรับใช้ของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ทั้งยังเป็ฝ่ายลงมือก่อน เมื่อเริ่มบุกก็แสดงทักษะสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของิญญาาทันที
ในมุมมองของผู้ชม ิญญาาที่หวังิปลดปล่อยถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนั้นเย่เฟิงยังคงสงบเสงี่ยม เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของหวังิ เขาเพียงปาหอกที่เรียบง่ายออกมา ทว่ากลับปลิดชีวิตของหวังิได้ในเสี้ยววินาที นี่ทำให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างพวกเขาสองคนได้ชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าอยู่คนละชั้นกัน
ช่างน่าขันนักที่เขาหวังิดูถูกเย่เฟิง กล่าวหาว่าเย่เฟิงเป็เศษสวะ ทว่าเขารับไม่ได้แม้กระทั่งหนึ่งหอกของเย่เฟิง แล้วเขานับเป็สิ่งใดกัน?
ซุนจิ้งกะพริบตาปริบ ๆ นางตื่นใกับการตายของหวังิยิ่งกว่าไป๋หลิงหลายเท่า แต่เย่เฟิง นางเอาแต่ดูถูกเขาเพียงเพราะมีระดับการบ่มเพาะต่ำต้อย ทั้งยังด่าทอว่าเป็เศษสวะไร้ค่า คิดว่าศิษย์พี่ไป๋หลิงไม่จำเป็ต้องยุ่งเกี่ยวกับเย่เฟิง แต่ในใจของซุนจิ้ง เย่เฟิงมิอาจเทียบหวังิและเฉินข่ายได้ เย่เฟิงกระทั่งไม่มีสิทธิ์เทียบเคียงสองคนนี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหวังิ เขามีฐานะไม่ธรรมดา มีพลังแกร่งกล้า และไม่ใช่คนชั้นเดียวกับเย่เฟิง
ตอนนั้นนางซุนจิ้งปรารถนาที่จะได้อยู่กับหวังิ นางถึงกับยอมเสียความบริสุทธิ์ให้เขา เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้แต่งเข้าตระกูลหวัง ทว่าความฝันแสนงดงามนี้ได้มลายสิ้นเมื่อพวกนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ปรากฏตัว ต่อหน้าความแข็งแกร่งของพวกนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ หวังิถึงกับยอมลดศักดิ์ศรีและเผยธาตุแท้ออกมา หนำซ้ำเขาส่งนางให้เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ราวกับของเล่นโดยไม่สนสิ่งใด
หวังิยิ่งไม่้าเป็เครื่องมือทาสของอีกฝ่าย เพื่อไปฆ่าเย่เฟิง หวังิคืออัจฉริยะมากความสามารถ ส่วนเย่เฟิงก็เป็แค่เศษสวะไม่ต่างจากวัชพืช อีกอย่างผลลัพธ์ของศึกนี้ก็ไม่ควรมีอะไรให้เป็กังวล และควรเป็หวังิที่ฆ่าเย่เฟิงจึงจะถูก
ทว่าในความเป็จริงกลับตรงกันข้าม หวังิรับการโจมตีหอกของเย่เฟิงไม่ได้ แม้กระทั่งเย่เฟิงยังไม่ทันปล่อยิญญาาของตัวเองด้วยซ้ำ
บางทีหวังิไม่คู่ควรที่จะทำให้เย่เฟิงปลดปล่อยิญญาาด้วยซ้ำ เพราะเย่เฟิงฆ่าเขาได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
การที่ซุนจิ้งนึกย้อนกลับไป ทำให้นางตระหนักว่าความคิดของตัวเองก่อนหน้านี้มันโง่งมมากเพียงใด เมื่อโยงเข้าด้วยกันก็ช่างเป็เื่น่าขบขันยิ่งนัก
เศษสวะที่ครั้งหนึ่งนางดูถูกเหยียดหยาม แต่กลับสังหารสามีของนางด้วยหอกสังหารพริบตา เื่นี้มิอาจอธิบายได้ด้วยคำพูด
เย่เฟิงเก็บหอกขณะยังยืนอยู่ที่เดิม ฝีเท้าไม่ขยับเขยื้อนแม้ครึ่งก้าว และไม่แม้แต่จะปรายตามองหวังิ นั่นเพราะว่าหวังิไม่คุ้มค่าพอที่จะให้เย่เฟิงมอง อีกอย่างเย่เฟิงไม่สนใจหวังิมาั้แ่แรกอยู่แล้ว
เหล่าคนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ต่างก็ตะลึงงัน พวกเขาไม่คิดว่าพลังต่อสู้ของเย่เฟิงจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
“เ้า... ฆ่าเขางั้นหรือ?” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เอ่ยถามขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาแปลกใจ
“ฆ่าแล้วทำไมหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น แม้เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังสงบนิ่งไร้ความผันผวนใด ๆ
“ฆ่าคนรับใช้ของข้า เ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่จะตามมาเป็ยังไง?” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เอ่ยถามต่อ
“ไม่ทราบ” เย่เฟิงตอกกลับ จากนั้นพูดต่อ “ข้ารู้แค่ว่า ข้าจะฆ่าคนที่มันอยากกำจัดข้าก็เท่านั้น รวมทั้งเ้าด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้