ชวีหลิงเฟิงกลายเป็ปีศาจโดยสมบูรณ์ กระบี่ยาวอาบชโลมชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ศิษย์พวกนั้นเป็เพียงมดปลวกในสายตาของเขา
ชายผู้อ่อนโยนกลับกลายเป็ปีศาจในชั่วพริบตาเดียว หากคนที่ยโสโอหังเยี่ยงจินขวางกลับใช้วิชาต้องห้ามเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกประมือกับชวีหลิงเฟิง
“รนหาที่ตาย!” ชวีหลิงเฟิงแสยะยิ้ม กระบี่แก่นอัคคีสาดแสงเจิดจ้า แสงกระบี่พุ่งทะลวงผ่านแขนของจินขวางดั่งอสรพิษ
“ฉอก!” เืสดสาดกระเซ็น จินขวางขมวดคิ้ว พยายามข่มกลั้นความเ็ป!
“กระบี่ทลายทองของเ้าเป็แค่ศัสตราวุธิญญามนุษย์ ส่วนกระบี่แก่นอัคคีของข้าเป็บุษรา ห่างกันหนึ่งขั้นพลังใหญ่ เ้าจักสู้ข้าได้อย่างไร?” ชวีหลิงเฟิงมองจินขวางอย่างไม่แยแส
มือขวาของจินขวางจับด้ามกระบี่ที่อาบชุ่มไปด้วยเื กระบี่ทลายทองถูกโจมตีจนเสียหายใหญ่หลวง แสงที่แต่เดิมเปล่งประกายยามนี้เริ่มหมองหม่น
“ชวีหลิงเฟิง ตายซะเถอะ!” กระบี่ดุสิตาพุ่งปราดเข้ามา ใบหน้าชวีหลิงเฟิงพลันแปรเปลี่ยนเป็ขึงขัง
“เคร้ง!” กระบี่ดุสิตาถูกชวีหลิงเฟิงฟันกระเด็น ทว่าแรงพลังที่ส่งออกมาจากกระบี่ทำให้ฝีเท้าของเขาเหยียดถอยหลายก้าว
ชวีหลิงเฟิงมองซั่งกวานจือหนิงที่หน้าแดงก่ำด้วยโทสะพลางถอนหายใจเล็กน้อย “สมกับที่เป็ยอดหญิงแห่งสำนัก ศัสตราวุธิญญามิใช่ธรรมดา!”
ซั่งกวานจือหนิงหายวับในพริบตา พาจินขวางเหินทะยานขึ้นไปบนฟ้า!
“อยู่ต่อหน้าข้า พวกเ้าคิดว่าจักหนีพ้นอย่างนั้นรึ?” ชวีหลิงเฟิงเหยียดยิ้มชั่วร้าย
เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว ใครก็ตามที่เห็น มันผู้นั้นจักต้องตาย แม้อีกฝ่ายจักเป็ยอดยุทธ์หญิงอย่างซั่งกวานจือหนิงก็ตาม
ครั้นถึงเวลาเกาะหลัวโหวเปิด แล้วมีแค่เขาที่ออกไปจากเกาะหลัวโหวได้ เมื่อนั้นย่อมไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่อะไรขึ้นบนเกาะแห่งนี้บ้าง
ัผงาดหนึ่งพันปียากที่จะพานพบ ศิษย์ในสำนักถูกสัตว์อสูรฆ่าตายจนหมด เหลือแค่เขาที่รอดชีวิตคนเดียว แน่นอนว่าต้องได้รับทรัพยากรอย่างมหาศาลจากสำนัก เป็ละครที่งดงามสมบูรณ์แบบ!
“ศิษย์พี่จินขวาง อดทนไว้!” ซั่งกวานจือหนิงพูดด้วยความกังวลมองจินขวางเืท่วมทั่วทั้งร่าง
เพราะจินขวางสำแดงวิชาต้องห้าม สภาพร่างกายกลายเป็ลูกธนูสุดแรงบินแล้ว[1] กอปรกับถูกชวีหลิงเฟิงจู่โจมาเ็แสนสาหัส บัดนี้เหลือเพียงลมหายใจคล้ายกับเทียนไข ยามใดที่ต้องลมสามารถดับลงได้ทุกเมื่อทุกเวลา
ชวีหลิงเฟิงมองจินขวางกับซั่งกวานจือหนิงที่พยายามหนีตายอย่างเหนื่อยหน่าย กระทั่งเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคนอย่างจินขวางจักเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยศิษย์คนอื่น
สิ่งที่จินขวางทำในวันนี้เหนือความคาดหมายของเขามาก
เขาตระหนักรู้ถึงความน่าพรั่นพรึงของดัชนีเอกภพดี ถึงเป็เขาก็มิกล้าเดิมพันชีวิตตัวเองเพื่อประมือกับจินขวาง
จินขวางที่ใช้วิชาต้องห้ามได้กลายเป็คนสามัญไปแล้ว จักเสี่ยงชีวิตตัวเองกับคนที่ทำอะไรไม่ได้ไปเพื่ออะไร
ศิษย์ที่เข้ามายังเกาะหลัวโหวครั้งนี้ นอกจากจินขวางกับซั่งกวานจือหนิงแล้ว ไม่มีใครควรค่าแก่การเอ่ยถึง จินขวางกลายเป็คนสามัญ ของล้ำค่าของซั่งกวานจือหนิงก็เริ่มร่อยหรอ ไม่มีอะไรน่ากังวลเลยสักนิด
พอเห็นศพปักษาอัสนีเก้า์ ชวีหลิงเฟิงรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นคุ้มค่าเสียยิ่งกระไร ไม่เสียแรงที่แสร้งทำตัวเป็คนดีในขุนเขากระบี่เทียนหยวนมาตลอดหลายปี
ถ้ามิใช่เพราะความใจดีของเขา เขาคงไม่สามารถรวบรวมศิษย์ขุนเขากระบี่เทียนหยวน หลอกใช้พวกเขายื้อชีวิตของตัวเองมาได้ถึงตอนนี้ และซั่งกวานจือหนิงก็คงไม่ใช้สมบัติล้ำค่าประมือกับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์
เพลานี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในการคำนวนของเขามาั้แ่แรก!
สภาพศพของปักษาอัสนีเก้า์สมบูรณ์ไร้ที่ติ ลมปราณสามารถนำมาหลอมเป็โอสถชั้นยอด ขนสามารถนำมาทำเป็ศัสตราวุธ เืสามารถนำมากลั่นหลอมกายา ส่วนกระดูกก็สามารถนำมาเป็วัตถุดิบหลักเพื่อใช้ในการปรุงยา มิว่าจักเป็ส่วนไหนของปักษาอัสนีเก้า์ล้วนแล้วเป็ประโยชน์ทั้งสิ้น และสิ่งล้ำค่าเ่าั้ได้กลายมาเป็ของเขาแล้ว
จูชิงเห็นเปลวเพลิงทะยานมาจากท้องฟ้า หนังตาซ้ายพลันกระตุก ดังโบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี ร่างเงาที่อยู่ในแสงเพลิงช่างคุ้นตายิ่งนัก
“ไอ้บัดซบนั่น” ครั้นจูชิงเห็นบุรุษตัวอาบชโลมโชกโลหิต ใบหน้าก็เปลี่ยนสี
“แย่ล่ะสิ!” จูชิงเบิกตาทั้งสองกว้าง แสงสีขาวโพลนประจักษ์ด้านหลังของซั่งกวานจือหนิง กระบี่ยาวสีแดงเพลิงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วมาดหมายทะลวงกะโหลกของซั่งกวานจือหนิง
จูชิงขับเคลื่อนสองอักขระาหลัวโหวง้างธนูอย่างไม่ลังเล ลูกธนูโลหิตพุ่งตรงไปข้างหน้ารวดเร็วประหนึ่งอัสนี!
ซั่งกวานจือหนิงเห็นธนูสีแดงเพลิง ดวงหน้าโฉมสะคราญขาวซีดทันใด นางมองจูชิงอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดเลยว่าเ้าหัวขโมยนั่นจักอาศัยโอกาสนี้ลอบสังหารนาง!
“ฟึ่บ!” ลูกธนูโลหิตพุ่งเฉียดหน้าของซั่งกวานจือหนิงปะทะกับกระบี่ยาวสีแดงเพลิงที่อยู่ด้านหลัง!
“เคร้ง!” กระบี่ยาวสีแดงเพลิงถูกลูกธนูยิงร่วง ทว่ามีพลังมหาศาลบางอย่างควบคุมกระบี่ยาว มันม้วนตัวกลางอากาศก่อนที่จักจมหายไปในป่า
“มัวอึ้งอะไรอยู่ รีบมาสิ!” จูชิงหน้าเย็นเยียบ ดวงตาทั้งสองจับจ้องเขม็งมองป่าที่อยู่ข้างหน้า
เขาััได้ถึงพลังเหนือชั้นฟ้า เป็ไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบ!
จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างซั่งกวานจือหนิงกับจินขวางยังเสียท่า จูชิงประหลาดใจเล็กน้อยว่าศิษย์พี่ชวีที่พวกเขาพูดถึงเป็คนอย่างไร
“เป็แค่มดปลวกกล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?” บุรุษร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากป่าทึบ
พอชวีหลิงเฟิงเห็นจูชิง แววตาพลันแปรเปลี่ยน สายตามีแต่ความดูถูก เขามิได้เห็นกากเดนอย่างจอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาอยู่ในสายตา
จูชิงคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว มิว่าเป็ซั่งกวานจือหนิงหรือจินขวาง พวกเขาต่างก็ไม่คิดว่าจอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาจักทำอะไรได้ ดังนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่แข็งแกร่งอย่างชวีหลิงเฟิงเลย
“เ้าไม่ใช่ศิษย์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวน!” ชวีหลิงเฟิงขมวดคิ้วรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย
มีแค่ศิษย์ขุนเขากระบี่เทียนหยวนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาในเกาะหลัวโหวได้ นั่นเป็สิ่งที่คนในทวีปเฉียนหยวนรู้ดี แม้แต่เขายังต้องเป็ศิษย์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวนก่อน ถึงจักมาที่เกาะหลัวโหวได้
ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่มีสัญลักษณ์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวน กระทั่งลมปราณบนร่างยังแตกต่างกับศิษย์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวนอย่างสิ้นเชิง!
“เ้าเป็ใคร?” ชวีหลิงเฟิงถอยหลังหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมสำแดงพลานุภาพของกระบี่แก่นอัคคี
“ข้าเป็คนตายที่ฟื้นคืนชีพจากหลุมศพ” จูชิงยิ้ม
“คิดจะหลอกข้างั้นรึ!” ชวีหลิงเฟิงคำราม แสงกระบี่เส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากกระบี่แก่นอัคคี
จูชิงกลอกตา ให้ตายเถอะ พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ
จูชิงไม่คิดแม้แต่จะหลบแสงกระบี่ ในทางกลับกัน เขากลับยื่นมือขวาออกมารับแสงกระบี่!
เสียง “เคร้ง” ดังสนั่นสั่นไหว พริบตาเดียว แสงกระบี่ก็ถูกจูชิงบดขยี้แหลกด้วยมือเปล่า!
ชวีหลิงเฟิงเป็อนุชนยอดฝีมือของขุนเขากระบี่เทียนหยวน ถึงจักเป็เพียงแสงกระบี่ที่กวัดแกว่งออกมาโดยมิได้ตั้งใจแต่พลานุภาพก็สามารถฟันสรรพสิ่งให้แหลกขาดเป็สองท่อนได้ หากทว่ากลับถูกจอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาต่อต้านได้เสียอย่างนั้น
ถ้าจูชิงใช้ศัสตราวุธิญญาหรือของล้ำค่าป้องกันกาย ชวีหลิงเฟิงยังพอรับได้ ทว่าจูชิงกลับใช้แค่มือเปล่าทำลายแสงกระบี่ของเขา!
“เป็ไปได้ยังไง!” คนที่ใที่สุดมิใช่ชวีหลิงเฟิง หากเป็ซั่งกวานจือหนิง เพราะนางรู้ดีว่าจูชิงเป็อย่างไร คิดไม่ถึงเลยว่าในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน จูชิงก้าวะโมาถึงขั้นที่สามารถประมือกับผู้แข็งแกร่งอย่างชวีหลิงเฟิงได้แล้ว!
จูชิงยิ้ม แสงกระบี่แล้วมันยังไง ถึงจักคมก็ไม่เท่าเขี้ยวเล็บของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ หลังจากผสานสองอักขระาหลัวโหว อานุภาพของเขาแกร่งกล้าจนสามารถประมือกับสัตว์อสูรขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณสูงสุดได้ ดังนั้นแสงกระบี่แค่เส้นแสงเดียวย่อมทำอะไรเขาไม่ได้
ทำลายแสงกระบี่ด้วยหนึ่งฝ่ามือ จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาที่ไหนจักมีพลังผิดแผกพิสดารเฉกเช่นนี้ พระในวัดอารามยังทำไม่ได้เลยกระมัง
“เ้าเป็ใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” ชวีหลิงเฟิงคำราม
“ข้าชื่อว่าจูชิง ฟื้นคืนชีพมาจากหลุมศพ” จูชิงยิ้มตอบ
ทว่ารอยยิ้มนั้นสำหรับชวีหลิงเฟิงแล้วน่าขนลุกสุดแสน แม้แต่ชวีหลิงเฟิงเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมตนถึงได้กลัวจูชิงมากขนาดนี้!
อีกฝ่ายเป็แค่จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาเจ็ดชั้นฟ้า ต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว ถึงจักถูกยับยั้งขั้นพลังอยู่แค่ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ ถ้า้าสังหารมดปลวกเยี่ยงนี้ย่อมทำได้ง่ายดาย
“ตายซะ!” ชวีหลิงเฟิงสลัดความกลัวในหัวใจ แผดเสียงร้องลั่นเหวี่ยงกระบี่แก่นอัคคี
บรรยากาศรอบจูชิงหนักอึ้งขณะขับเคลื่อนพลังอักขระาหลัวโหวสูงสุด ลมปราณปัดป้องห่อหุ้มทั้งสรรพางค์กาย!
“ครืนน!” ชวีหลิงเฟิงเหวี่ยงกระบี่ ลมปราณที่อยู่บนกระบี่ยาวทะลักทลายราวกับมหาสมุทรกระหน่ำซัดใส่แขนขวาของจูชิง!
ชวีหลิงเฟิงใช้พลานุภาพข่มศัตรู ลมปราณกล้าแกร่งโหมทลาย หากแต่จูชิงก็ไม่ขยับตัว อานุภาพของกระบี่น่าพรั่นพรึงสุดแสน พื้นดินใต้เท้าของจูชิงเริ่มแตกแยกออกจากกัน ร่างครึ่งหนึ่งของเขาจมลงอยู่ในดิน!
ความเจ็บแผ่ซ่านทั่วทั้งแขนขวา จูชิงถึงกับสูดใจหายอย่างอดมิได้ กระบี่แก่นอัคคีของชวีหลิงเฟิงมิใช่ของล้ำค่าสามัญ กระทั่งแขนขวาของเขายังต้านทานไม่ไหว ถูกคมกระบี่ฟันเืไหลอาบทั่วทั้งมือ
“แข็งแกร่งมาก!” ชวีหลิงเฟิงใจสั่นสะท้าน เขาโจมตีสุดกำลังแล้ว ทว่าศัสตราวุธิญญาบุษรายังฆ่ามันไม่ได้ เ้านี่มันตัวอะไรกันแน่!
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะทำอะไรเ้าไม่ได้!” ชวีหลิงเฟิงเป็โทสะ ฝ่ามือซ้ายกระแทกลงกลางอกของจูชิง
“อั่ก!” ลมปราณปัดป้องพังทลาย ครั้นฝ่ามือนั้นกระแทกลงบนหน้าอกของจูชิง เสียงดังเคร้งคร้างราวกับเหล็กกระทบกับทองคำ แขนขวาของชวีหลิงเฟิงเกือบหักจากแรงสะท้อน
แต่ก็สมกับที่เป็ชวีหลิงเฟิง เขาถอนฝ่ามือออกมาได้ทันท่วงทีใน่เวลาวิกฤติ ใช้ลมปราณป้องกันแขนขวาของตัวเองเอาไว้ กระนั้นแล้วก็ยังได้รับาเ็สาหัส ิัถลอก เืสาดกระเซ็นหยดลงบนพื้นดิน
[1] อุปมาว่า กำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรนั้นเสื่อมทรุดจนเป็ม้าตีนปลายแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้