จุนห่าวและหานรุ่ยนั่งเคียงข้างกัน จุนห่าวยื่นหัวเข้ามาหา พลางเห็นหานรุ่ยเลิกคิ้วจนย่น จุนห่าวเอื้อมมือไปแตะคิ้วของหานรุ่ย จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยว่า “ทำไมยังขมวดคิ้วอยู่ล่ะ มีเื่กังวลใจใดหรือ?”
หานรุ่ยหันกลับมา เกือบจะกระทบหน้าของจุนห่าว เขายื่นมือผลักหน้าจุนห่าวออกไปในทันที และพูดว่า “เหตุใดถึงอยู่ใกล้ข้าขนาดนี้ ไม่เห็นหรือว่าลูกๆ กำลังจ้องมองเราอยู่?” หานรุ่ยคิดในใจ จุนห่าวไม่สนใจงานประมูลเลย อีกนิดเดียวเขาเกือบจะจูบกับจุนห่าวแล้ว
จุนห่าวหันหลังกลับ มองสายฟ้าและจุนตงที่กำลังจดจ้องเขากับหานรุ่ยด้วยดวงตากลมโต จุนห่าวพูดกับพวกเขาอย่างไม่พอใจว่า “พวกเ้ามองข้าและท่านแม่ของเ้าทำไม? พวกเ้าอยากจะเป็แบบจุนหนานที่ยืนสำนึกผิดตรงหน้ากำแพงหรือ?” พูดจบก็กวาดสายตาไปทางนั้น
เห็นจุนหนานที่กำลังสำนึกผิดอยู่ตรงมุมกำแพง และเอ่ยขึ้น “จุนหนาน ใครให้เ้าหันกลับมา ข้าให้เ้ายืนตรง ไม่อนุญาตให้แอบี้เี มิฉะนั้นโทษจะเพิ่มเป็สองเท่า”
ได้ยินคำพูดของจุนห่าว จุนตงและสายฟ้าก็หัวไปทางอื่นโดยเร็ว จุนหนานยืดร่างเล็กๆ ของเขาให้เหยียดตรง ไม่สั่นศีรษะหรือแอบมองจุนห่าวและหานรุ่ยอีก
เมื่อเห็นเด็กๆ หันกลับไป ไม่แอบมองพวกเขาแล้ว จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยออกมาตรงๆ ว่า “เสี่ยวรุ่ย พวกเขาไม่มองพวกเราแล้ว ข้าก็นั่งใกล้กว่านี้ได้สิ” พูดจบก็ขยับบั้นท้ายของเขา เข้าไปเรื่อยๆ จนทั้งสองคนแนบชิดกัน แท้จริงแล้วเขาอยากให้หานรุ่ยอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียด้วยซ้ำ ทว่าเขารู้ว่ามันเป็ไปไม่ได้
หานรุ่ยจนใจกับหน้าหนาๆ ของจุนห่าว หานรุ่ยเปลี่ยนบทสนทนา และเอ่ยขึ้น “ข้ากำลังคิดว่าเกิดเื่อันใดกับตระกูลหานหรือไม่ ตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลต่างส่งคนมาแล้ว ขนาดราชวงศ์ก็ยังส่งองค์ชายสามมา แต่จนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่เห็นคนของตระกูลหานเลย” หานรุ่ยพูดจบ หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วอีกครั้งและกล่าวว่า “ไม่น่าเป็เช่นนี้ เพื่อกุญแจแห่งซากวัตถุโบราณ ยังไงตระกูลหานก็ต้องส่งคนมา” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหานนั้น ถูกตระกูลหานปกปิดไว้ ส่วนราชวงค์ที่รู้เื่ตระกูลหานย่อมไม่มีทางปล่อยข่าว หากข่าวแพร่กระจายออกไป คงตกที่นั่งลำบากเพราะการที่ตระกูลหานเกิดเหตุร้าย ราชวงศ์ย่อมถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
จุนห่าวรู้ว่าหานรุ่ยเป็ห่วงตระกูลหาน กล่าวอย่างปลอบใจว่า “บางทีคนของตระกูลหานอาจล่าช้าระหว่างการเดินทาง หรือพวกเขาอาจจะมาเร็วกว่าเรา เราก็มาถึงไม่เร็วนัก เมื่อเรามาถึงห้องส่วนตัวหลายห้องก็มีคนแล้ว”
ได้ยินคำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยใจชื้นขึ้น แต่เขายังคงขมวดคิ้วอยู่ จุนห่าวมองท่าทางเป็กังวลของหานรุ่ยพลางถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหานรุ่ยยังคงใส่ใจตระกูลหาน ถ้าอย่างนั้น จากนี้ไปเขาคงต้องเกรงใจตระกูลหานบ้างแล้ว จุนห่าวเอ่ยกับหานรุ่ยว่า “เสี่ยวรุ่ย หากเ้าเป็ห่วงจริงๆ รอให้เราจัดการเื่ของสายฟ้า เราไปเมืองเย่ว์เซียนเสียหน่อยละกัน”
“อื้อ” หานรุ่ยตอบเสียงต่ำๆ เขาััได้อยู่ตลอดว่า มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลหาน ทว่าไม่มีข่าวคราวอะไรออกมา ไม่มีข่าวคราวมิได้หมายความว่าเป็ข่าวดี เห็นทีเขาต้องกลับไปจริงๆ
จุนห่าวมองสมุดเล่มเล็กๆ อันสวยงามในมือของเขา ซึ่งมีรายการประมูลทั้งหมด จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยว่า “มีของที่เ้าชอบบ้างไหม?”
หายรุ่ยก้มลงดูสมุดในมือของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยของมีค่าหลายสิ่ง มีทั้งสิ่งของที่มีสัญญาณที่ไม่รู้จักมากมาย หานรุ่ยมองสิ่งที่ไม่รู้จักเ่าั้ เดาว่าคงมาจากซากวัตถุโบราณ
ได้ยินคำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยเอ่ยขึ้น “หากเป็ไปได้ เราก็ประมูลยาวิเศษกับไข่มุกิญญาให้มากหน่อย สิ่งของเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียร หากมีสิ่งของเหล่านี้ พลังปราณของเราคงก้าวหน้าไปอีกขั้น”
จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยอย่างยิ้มๆ ว่า “ดี เงินที่เราเตรียมไว้สำหรับการประมูล พอจะประมูลของพวกนี้ได้” จากนั้น เขาก็ชี้ไปที่เข็มขัดบนรูปภาพ แล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าเข็มขัดเก็บของนี้ไม่เลว เ้าทำหายไปอันนึงพอดี แม้ว่ามันจะมีขนาดแค่สามฟุต แต่เพียงพอสำหรับใส่ของใช้ที่จำเป็” จุนห่าวคิดจะซื้อเข็มขัดเก็บของให้แก่หานรุ่ยอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่พบ อุปกรณ์เก็บของบนแผ่นชางหลาน ล้วนนำมาจากซากวัตถุพังโบราณหรือบรรพบุรุษของตระกูลใหญ่ที่ตกทอดมา นอกจากนี้ยังมีส่วนหนึ่งที่ค้นพบโดยบังเอิญจากคนต่างดินแดนทำตกหล่นไว้บนแผ่นดินนี้
หานรุ่ยมองดูเข็มขัดเส้นนั้น รู้สึกถูกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเขาเห็นราคา หานรุ่ยจึงพูดกับจุนห่าวว่า “ไม่เอาดีกว่า เราใช้เงินไปกับยาวิเศษและไข่มุกิญญาเถอะ”
“ฟังเ้าแหละ ภรรยาข้าเป็คนประหยัดนี่นา” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยพร้อมเสียงหัวเราะฮ่าๆ จุนห่าวเห็นหานรุ่ยมองเข็มขัดเส้นนี้ด้วยดวงตาเปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง ทราบทันทีว่าหานรุ่ยชอบ ดังนั้น จุนห่าวจึงจดจำมัน ประเดี๋ยวเขาจะต้องประมูลเข็มขัดเก็บของนี้ให้จงได้
การประมูลเริ่มขึ้นตรงเวลา จุนห่าวเห็นซวงเอ๋อร์รูปงามผู้หนึ่งก้าวขึ้นไปบนแท่นประมูล ซวงเอ๋อร์ผู้นี้ไม่เพียงมีรูปลักษณ์ภายนอกที่งดงาม แต่ยังมีพลังปราณไม่เลว จุนห่าวมองลึกลงไปพบว่ามีพลังปราณอยู่ที่ลมปราณขั้นที่แปด จุนห่าวกล่าวต่อหานรุ่ยว่า “ซวงเอ๋อร์ผู้นี้มีพลังปราณอยู่ที่ลมปราณขั้นที่แปดแล้ว แต่เห็นอายุกระดูกได้ 100 ปีกว่า เหตุใดเขายังดูเด็กถึงเพียงนี้ล่ะ?”
“มิได้แปลกอันใด ต้องใช้ยากำหนดวัยเป็แน่ หลังจากใช้ยากำหนดวัย รูปร่างหน้าตาของเขาจะหยุดอยู่ ณ ตอนที่เขากินยาเม็ดนี้ ยาวิเศษนี้หายากยิ่งนัก ดูเหมือนว่าประวัติของซวงเอ๋อร์ผู้นี้จะไม่ธรรมดา” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าว
“อย่างนี้นี่เอง” จุนห่าวลูบหน้าด้วยมือทั้งสอง และพูดว่า “ต่อไป เราต้องใช้ตาของเราพินิจพิจารณาอย่างละเอียด ต้องช่วยจุนตงจุนหนานตรวจทานให้ดีๆ ไม่ให้ปีศาจแก่ๆ มาหลอกลวงพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ภายนอกได้”
หานรุ่ยพูดไม่ออก จุนห่าวอยากจะยกลูกชายให้จื่อเหมยเบิกฟ้ามิใช่หรือ? เขาก็อาจจะเป็ตาเฒ่าปีศาจหมื่นปีก็เป็ได้ "เ้าพูดถูก ภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้มอบให้เ้าแล้ว"
ซวงเอ๋อร์ผู้นั้นเดินก้าวถี่ๆ บนแท่นประมูล พร้อมพูดกับทุกคนที่อยู่้าด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเป็ผู้ดำเนินการประมูลในครั้งนี้ ข้าคิดว่าทุกคนในที่นี้คงรู้ดี คงไม่ต้องพูดอะไรมากนัก ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไม่พูดพร่ำทำเพลง สิ่งแรกที่เราจะทำการประมูลก็คือ เคล็ดวิชาสวนจี๋...หมัดมวยเสือแปดทิศ ข้าเชื่อว่าทุกคนคงทราบคุณค่าของเคล็ดวิชานี้อยู่แล้ว ฐานราคาคือ 120 ล้านตำลึงเงิน ทุกครั้งที่เพิ่มราคาจะต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านตำลึงเงิน บัดนี้ เริ่มประมูลได้”
“110 ล้าน”
“120 ล้าน”
“200 ล้าน”
“300 ล้าน”
เมื่อได้ยินการแย่งประมูล จุนห่าวอ้าปากค้าง เดิมทีเขาคิดว่าเขาเป็คนร่ำรวย แต่เทียบอะไรไม่ได้เลยกับคนเหล่านี้ เขาคิดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาเล่มนี้จะแพงถึงเพียงนี้ “เสี่ยวรุ่ย ก็แค่เคล็ดวิชาสวนจี๋เล่มหนึ่ง เหตุใดถึงแพงขนาดนี้?”
“เคล็ดวิชาสวนจี๋บนแผ่นดินชางหลานคือเคล็ดวิชาที่ดีที่สุด ตระกูลหานของเรามีเคล็ดวิชาสวนจี๋อยู่เล่มนึง เป็ของที่ท่านพ่อของข้ามอบให้แก่ท่านปู่ตอนที่กลับมา เห็นได้ว่าเคล็ดวิชาสวนจี๋มีค่าเพียงใด บนแผ่นดินชางหลาน มีอยู่ไม่กี่เล่ม และล้วนตกอยู่มือของคนใหญ่คนโต เคล็ดวิชานี้ถือเป็รากฐานประจำตระกูล การปรากฏในงานประมูลเล่มนึงในเวลานี้ หากไม่บ้าคลั่งน่ะสิถึงเป็เื่แปลก” หานรุ่ยกล่าวต่อจุนห่าว
หลังจากฟังคำพูดของหานรุ่ย จุนห่าวเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้หอหยุนเซียวคงทำเงินได้มาทกมายมหาศาลทีเดียว ขนาดของที่หายากยิ่งเช่นนี้ยังนำมาได้”
“3,000 ล้าน เคล็ดวิชานี้ทางราชวงศ์ของเรา้า”
เมื่อได้ยินสุ่ยเย่ว์หรูหวาเปล่งเสียงออกไป ทุกคนต่างส่ายหัวพลางถอนหายใจ ไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไป พวกเขายังคงต้องเห็นแก่หน้าตาของราชวงศ์
แม้แต่คนของจักรวรรดิอื่นๆ ยังหยุดลั่นกลองรบ ต่อให้พวกเขาจะแย่งราคามาได้ แต่คาดว่าพวกเขาคงไม่อาจออกจากจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์นี้ไปได้ การแย่งอาหารจากปากเสือต้องจ่ายคืนไม่น้อย
ท้ายที่สุด เคล็ดวิชาสวนจี๋ก็ถูกราชวงศ์ประมูลได้ไป จุนห่าวเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าที่ใดต่างมีคนอวดเบ่งอำนาจ”
“มันเป็ธรรมชาติของมนุษย์ รู้ไว้ก็พอแล้ว ไม่ต้องพูดมันออกมาล่ะ” หานรุ่ยกล่าวพลางเลิกคิ้ว คนที่อวดเบ่งอำนาจย่อมไม่มีวันแปรเปลี่ยน
“สิ่งต่อไปที่เราจะประมูลคือยายืดอายุขัย แม้ว่าจะยืดอายุได้เพียงสิบปี แต่มันก็เป็ยาวิเศษครอบจักรวาลที่หายากยิ่ง ราคาเริ่มต้นคือ 10 ล้าน เพิ่มราคาเริ่มต้นหนึ่งล้านตำลึงเงิน” ผู้มีหน้าที่เปิดเผยรายการประมูลชิ้นที่สองกล่าวขึ้น
พอได้ยินว่าเป็ยายืดอายุขัย ด้านล่างต่างอื้ออึง ยาวิเศษที่ยืดอายุขัยชนิดนี้ไม่ได้อยู่บนแผ่นดินของพวกเขา คงหลั่งไหลมาจากคนนอกแผ่นดิน
หานรุ่ยตื่นเต้นเช่นกัน ในสมุดเล่มนี้บอกแค่ว่ามีขายยาวิเศษจำนวนหนึ่ง ทว่าไม่ได้ระบุชื่อตรงๆ จุนห่าวเห็นท่าทางตื่นเต้นของหานรุ่ย จึงเอ่ยขึ้น “เ้าอยากได้หรือ เราจะใช้กำลังที่มีทั้งหมดประมูลมันให้ได้”
“ขอบคุณ” หานรุ่ยกล่าวกับจุนห่าว ยายืดอายุนี้มิได้มีประโยชน์ต่อพวกเขา ทว่ามีประโยชน์ต่อท่านปู่ของเขา ถึงแม้ว่าจะยืดอายุได้เพียงสิบปี ทว่ายังไงเขาก็อยากประมูลให้ท่านปู่
“11 ล้าน”
“12 ล้าน”
“30 ล้าน” เมื่อได้ยินเสียงราคา 30 ล้าน หานรุ่ยตกตะลึง นี่คือเสียงของพี่สี่ของเขา...หานเฉิน เสียงนี้แฝงไปด้วยความ้ายาวิเศษนี้อย่างยิ่งยวด
“พี่สี่ของข้ามาแล้ว 30 ล้าน เมื่อครู่นี้ก็คือเขา” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าว
“เข้าใจแล้ว งั้นเรารอดูก่อน หากพี่สี่แย่งประมูลมาไม่ได้ เราค่อยประมูลต่อ” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย
“31 ล้าน” หานรุ่ยและจุนห่าวได้ยินเสียงของสุ่ยเย่ว์หรูหวา เมื่อถึง 30 ล้าน ก็มิได้ใครสู้ราคา อันที่จริง หากเทียบยายืดอายุขัยแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่มีค่ายิ่งกว่า
“40 ล้าน” หานเฉินกล่าว
“41 ล้าน” สุ่ยเย่ว์หรูหวาะโ เขาตั้งใจกลั่นแกล้งหานเฉิน ยาวิเศษนี้สำหรับราชวงศ์พวกเขา มิได้มีประโยชน์อันใด ทว่าสำหรับตาเฒ่าตระกูลหานนั้นกลับมีประโยชน์ พอที่จะปกป้องหานเฉินพี่น้องได้อีกสิบปี
“55 ล้าน” จุนห่าวห้ามหานรุ่ย เขาจะะโเอง แค่เห็นก็รู้ว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวาเจนตา เสียงที่ไม่คุ้นนักของเขา สุ่ยเย่ว์หรูหวาคงไม่คิดจะแย่ง
“60 ล้าน” เสียงของหานเฉินดังขึ้น เวลานี้หานเฉินก็เป็กังวลเช่นกัน การที่องค์ชายสามก่อกวน หานเฉินเข้าใจได้ ทว่าคนที่โพ่งออกมาใหม่นั่นคือใครกัน
เมื่อได้ยินเสียงหานเฉินะโราคา จุนห่าวรู้สึกหงุดหงิด แล้วพูดกับหานรุ่ยว่า “จะเอายังไงกับพี่สี่?”
หานรุ่ยกล่าว : พี่สี่ไม่รู้จักเ้า คิดสู้ราคาก็ปกติมิใช่หรือ? ไม่แน่ว่าในใจของเขากำลังด่าว่าเ้าอยู่?
ได้ยินคำพูดของหานรุ่ย จุนห่าวคลายความขุ่นเคือง พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ก็จริง ตอนนี้เขายังไม่รู้จักข้า เช่นนั้นจะทำยังไงดี จะเรียกราคาต่อไหม? ทำเช่นนี้มิใช่เพิ่มเงินให้แก่หอหยุนเซียวไปฟรีๆ หรือ?”
“ข้าเอง พี่สี่ต้องจำเสียงข้าได้แน่” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าว เขาก็ไม่ยินดีที่จะสิ้นเปลืองเงิน
“เช่นนั้น หากสุ่ยเย่ว์หรูหวาเ้าไก่อ่อนนั่นจำเสียงเ้าได้ล่ะจะทำยังไง? ถึงตอนนั้นเขาต้องก่อกวนอย่างแน่นอน” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยอย่างเป็กังวล
“เขาน่าจะจำไม่ได้ ผ่านมาสามปีแล้ว เขาคงคิดว่าข้าตายไปแล้ว และลืมข้าไปนานแล้ว” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าว คิดในใจ ความเกลียดชังของสุ่ยเย่ว์หรูหวาที่มีต่อเขา ั้แ่ตัดขาดเขา ก็คงลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปสิ้น
“61 ล้าน” หานรุ่ยะโ เขาคิดว่ายังต้องประหยัด มิใช่เพิ่มทีละ10 ล้านแบบจุนห่าว
เมื่อได้ยินเสียงของหานรุ่ย สุ่ยเย่ว์หรูหวาจำไม่ได้จริงๆ เขายังคงพูดกับคู่ต่อสู้อย่างยิ้มๆ ว่า “ในเมื่อมีคนเพิ่มราคาแล้ว ที่นี่ก็ดูอย่างครึกครื้น แม้ว่าข้าจะไม่สนใจเงินเพียงเล็กน้อยนี้ แต่ก็เป็การดีที่จะช่วยให้เ้าประหยัดเสียหน่อย”
ครั้นหานเฉินได้ยินเสียงของหานรุ่ย พลันลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น พูดกับตัวเองว่า “นี่คือเสียงของน้องห้า ไม่ผิดแน่ นี่คือเสียงของน้องห้า น้องห้าก็มาร่วมงานประมูลเช่นกัน” จากนั้น เขาก็นั่งลงพลางยิ้มอยู่ในใจ น้องห้าจะต้องมอบมันให้แก่ท่านปู่เป็แน่ หยิบยื่ความกตัญญูนี้ให้น้อยห้าละกัน ท่านปู่ทราบคงดีใจมากแน่
