บทที่ 143 น่าเสียดายที่ชาตินี้เธอไม่มีวันได้มี
สวี่จือจือมองหญิงสาวด้วยความงุนงง โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
หญิงสาวชะงัก มือสวยของเธอโบกไปมาตรงหน้าสวี่จือจือ “แม่หนู เธอเป็อะไรหรือเปล่า?”
ดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วไม่ค่อยดีเลยจริงๆ
“ขอบคุณค่ะคุณน้า” สวี่จือจือได้สติ รีบพูดขึ้น “หนูไม่เป็ไร ขอบคุณมากค่ะ”
“อ้อ น้ำเกลือของเธอใกล้หมดแล้ว ฉันช่วยเรียกพยาบาลให้แล้วนะ” ซ่งจือเอินพูด
สวี่จือจือกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
พอดีกับที่พยาบาลเดินเข้ามาเปลี่ยนยาให้สวี่จือจือ ซ่งจือเอินจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเดินกลับไปหาเซียวจิ้งเหวิน
ที่นี่เป็ห้องพักผู้ป่วยสำหรับเ้าหน้าที่ ห้องกว้างขวาง มีเตียงแค่สองเตียง ตรงกลางมีม่านกั้น สวี่จือจืออยู่ด้านใน เซียวจิ้งเหวินอยู่นอกม่าน ม่านระหว่างเตียงทั้งสองถูกดึงไว้ ข้างๆ ยังมีนายท่านเซียวและหวงเหม่ยอวี้ยืนอยู่ด้วย
ดังนั้นสองคนบนเตียงจึงมองไม่เห็นหน้ากันเลย
ตอนเซียวจิ้งเหวินเข้ามา ห้องเดี่ยวยังไม่พร้อม จึงให้เธอพักที่นี่ชั่วคราว หลังจากพยาบาลเปลี่ยนน้ำเกลือให้สวี่จือจือเสร็จ ก็แจ้งตระกูลเซียวให้ย้ายห้องให้เซียวจิ้งเหวิน
ั้แ่ต้นจนจบ สวี่จือจือไม่ได้เห็นหน้าตาของเด็กสาวเตียงข้างๆ เลย มีเพียงความรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายคุ้นหูอยู่บ้าง
เมื่อลู่จิ่งซานกลับมา เซียวจิ้งเหวินย้ายออกไปนานแล้ว ห้องพักผู้ป่วยเหลือเพียงสวี่จือจือคนเดียว เธอเบิกตากว้าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณเป็อะไรไป?” ลู่จิ่งซานถามด้วยความกังวล “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
สวี่จือจือมีท่าทางสับสนมาก
ลู่จิ่งซานรู้สึกเ็ปในใจ
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นสวี่จือจือเป็แบบนี้ ดวงตาคู่สวยไร้แวว เหมือนเด็กถูกทิ้งที่หาแม่ไม่เจอ
“สวี่จือจือ” ลู่จิ่งซานเรียกเสียงดังขึ้น “คุณมองผมสิ ผมเป็ใคร?”
“หา?” สวี่จือจือมองเขาด้วยความงง จากดวงตาของชายหนุ่ม เธอเห็นภาพตัวเองตัวเล็กๆ สะท้อนอยู่ และเห็นความตื่นตระหนกของเขา
ทันใดนั้น เธอยิ้มบางๆ แล้วบีบแก้มลู่จิ่งซาน “คุณโง่หรือไง?”
เขาไม่ได้โง่นะ
“คุณคือลู่จิ่งซาน จะเป็ใครได้อีกล่ะ?” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด
“ผมยังเป็สามีของสวี่จือจือได้ด้วย” ลู่จิ่งซานพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ผู้ชายของคุณ”
ขณะพูด เขามองสวี่จือจือด้วยสายตาจดจ่อ
“ได้ ฉันรู้แล้ว” สวี่จือจือพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ คุณใเหรอ?”
“อืม” ลู่จิ่งซานจับมือเธอไว้แน่น แล้วพูดว่า “ผมกลัวมากว่าคุณจะทิ้งผมไปแบบนี้”
สวี่จือจือชะงัก
เธอนึกถึงว่าเขาคงสงสัยอะไรในตัวเธอมานานแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถามเลย ตอนนี้หัวใจเธออบอุ่นขึ้นมา
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและหนักแน่น “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องรีบหายไวๆ แล้วมาจีบฉันให้ได้ ถ้าคุณจีบฉันติดเมื่อไหร่ ฉันจะไม่หนี จะไม่ทิ้งคุณแน่นอน”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มหวาน
“ตกลง” ลู่จิ่งซานตอบ
ในใจมีเสียงหนึ่งบอกว่า ชาตินี้ผมไม่มีวันให้โอกาสคุณหนีไปแน่
“แล้วเมื่อกี้คุณคิดอะไรอยู่?” เขาถาม
“ลู่จิ่งซาน” สวี่จือจือพูดด้วยความตื่นเต้นกะทันหัน “รู้ไหม เมื่อกี้ฉันเจอคนคนหนึ่ง อ่อนโยนมากเลย ฉันไม่เคยเจอคนที่อ่อนโยนขนาดนั้นมาก่อน”
น้ำเสียงตอนพูดและสายตาที่มองเธอ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจเหลือเกิน
“ผมอ่อนโยนกับคุณไม่พอเหรอ?” ลู่จิ่งซานพูดด้วยความหึงหวงเล็กน้อย
“มันจะเหมือนกันได้ยังไง?” สวี่จือจือพูดด้วยความแปลกใจ แต่เห็นท่าทางของลู่จิ่งซาน เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ “เป็คุณน้าคนหนึ่ง เป็ผู้หญิงที่ดูสง่างามมาก”
แค่คนข้างเตียงย้ายไปเร็วเกินไป ถ้ารู้ว่าเป็คนบ้านไหน เธออยากไปขอบคุณอีกฝ่ายสักหน่อย
“เมื่อกี้คุณไม่อยู่ น้ำเกลือฉันใกล้จะหมด ฉันหลับไปแล้วฝันร้ายด้วย เป็คุณน้าคนนั้นเห็นว่าฉันดูไม่ดีเลยปลุกฉัน” สวี่จือจือแลบลิ้น แล้วมองลู่จิ่งซานอย่างซุกซน “คุณหึงเหรอ?”
ลู่จิ่งซานลูบจมูกตัวเองอย่างกระอักกระอ่วน “เปล่า”
ตีเขาให้ตายก็ไม่ยอมรับ
แต่เขาก็หึงนิดหน่อยจริงๆ
โดยเฉพาะสวี่จือจือยังชมคนอื่นไว้สูงขนาดนี้ เธอยังไม่เคยชมเขาแบบนี้เลย
“ขาของคุณตรวจแล้วหรือยัง?” สวี่จือจือถาม
“คุณหมอไม่อยู่” ลู่จิ่งซานพูด “แต่ไปถ่ายฟิล์มมาแล้ว”
เพราะอย่างนั้นถึงได้ลงมาช้า
“ถึงตอนนั้นเอาไปให้เขาดูก็ได้เหมือนกัน” เขาอธิบาย
เซียวหังที่ยืนอยู่นอกห้องก็อิ่มหนำกับอาหารหมาของทั้งคู่จนแทบทนไม่ไหว
เขาคิดว่าเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของกู้เสวียหมินแล้ว
ไม่แปลกใจที่่นี้หมอนั่นร้องอยากหาคู่ตลอด ที่แท้ก็ถูกกลิ่นความรักเน่าๆ ของสองคนนี้รมควันเข้าใส่!
“เอาแผ่นฟิล์มให้หมอคนอื่นดูหรือยัง?” สวี่จือจือถาม
“ดูแล้ว” ลู่จิ่งซานพูด “หัวหน้าแผนกกระดูกดูให้แล้ว บอกว่าฟื้นตัวดีมาก คุณไม่ต้องห่วง มา นอนลงพักให้ดีๆ”
ลู่จิ่งซานพูดอย่างอดทน
“น้ำเกลือยังไม่หมด” สวี่จือจือนอนลงแล้วพูด “คุณจะไปนอนพักบนเตียงนั้นไหม?”
ลู่จิ่งซานส่ายหัว “ผมจะคอยดูน้ำเกลือให้คุณ” แล้ววางมือใหญ่ปิดตาเธอ “รีบนอนสิ”
น้ำเสียงจริงจังขึ้น
“รู้แล้ว” สวี่จือจือยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงจริงๆ อย่างว่านอนสอนง่ายมาก
เมื่อตื่นมาอีกครั้ง น้ำเกลือหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเข็มถูกถอดตอนไหน เธอไม่รู้สึกเลย
ลู่จิ่งซานไม่รู้หลับไปตอนไหน เขานอนคว่ำอยู่ข้างเตียงเธอ
สวี่จือจือกระหายน้ำ เธอค่อยๆ ลุกจากเตียง จะไปถามที่เคาน์เตอร์พยาบาลว่ามีแก้วน้ำให้ใช้ไหม
แต่ที่เคาน์เตอร์พยาบาลไม่มีคน เธอเลยเดินไปที่ประตูอีกสองสามก้าวเพื่อหาคน แล้วก็ถูกคนขวางไว้
“ฉันว่าแล้วว่าฉันดูไม่ผิดแน่” เซียวจิ้งเหวินมองสวี่จือจือด้วยสีหน้าไม่น่าดู “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
ไม่ใช่ควรจะอยู่ที่โกดังรอคนตรวจร่างกายเหรอ ทำไมถึงโผล่มาที่โรงพยาบาลได้?
พวกเขายังบอกว่าเธอตาฝาด ตาฝาดอะไรกัน!
“ไม่เกี่ยวกับเธอ” สวี่จือจือพูด
“อะไรนะ?” สวี่จือจือเลิกคิ้วแล้วพูดต่อ “เธอยังอยากขังฉันไว้อีกเหรอ?”
ทำครั้งแรกได้ ครั้งที่สองจะทำไม่ได้ยังไง?
เห็นแก้มที่แดงระเรื่อจากการฟื้นตัวของสวี่จือจือ ความเกลียดชังก็ฉายวาบในดวงตาของเซียวจิ้งเหวิน
ชาตินี้เธอไม่มีวันที่จะมีสีหน้าสุขภาพดีแบบนี้
“อิจฉาเหรอ?”
ใครจะรู้ว่าเพิ่งเกิดความคิดนี้ สวี่จือจือก็เหมือนอ่านใจได้ ยิ้มเยาะแล้วพูดด้วยท่าทางขี้เล่น “น่าเสียดายจัง ชาตินี้เธอไม่มีวันได้มีแน่”
“เธอพูดบ้าอะไร?” เซียวจิ้งเหวินพูดด้วยความโกรธ
“เธอคิดว่าการเปลี่ยนไตจะทำให้เธอหายเหรอ?” สวี่จือจือยิ้มเ็า “คนจิตใจอำมหิตอย่างเธอ ใจมันดำมืด ของดีอะไรให้เธอแล้วก็เสียเปล่า”
“เธอ!” เซียวจิ้งเหวินพูดด้วยความโมโห จนถึงขั้นเงื้อมือจะตบสวี่จือจือ
แต่ทว่ามือของเธอกลับถูกคนขวางไว้ได้อย่างง่ายดาย
.............................