ถึงแม้ว่าอู๋เหวินเสียงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองเป็บุคคลที่ความสามารถต่ำเตี้ยห่างกันไกลกับคนเช่นหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซง และเฉิงหยวนกงแต่ความสามารถเมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็แข็งแกร่งกว่าไม่น้อย
แต่เขากลับถูกคนฟันเป็สองซีกได้เช่นนั้นคนที่ลงมือย่อมต้องมีความสามารถไม่ธรรมดาต่อให้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ต้องเป็บุคคลบนยอดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสอง
อู๋เหวินเสียงพบเคราะห์ร้ายระหว่างการตามล่าเสวียนเทียนแท้จริงแล้วเป็เสวียนเทียนสังหารหรือไม่ คำถามนี้ทำให้ผู้นำตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามสับสนไม่น้อย
ถ้าหากเป็เสวียนเทียนสังหาร ถ้าเช่นนั้นในการประลองทายาทรุ่นหลัง เสวียนเทียนเพิ่งมีพลังวัตรเพียงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าถึงแม้ว่าจะเอาชนะหนิวจื้อเฉียง เฉิงจิ้งเฟิง และจางเจ๋อเทาที่อยู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งได้แต่ความสามารถก็ยังห่างกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองอยู่ระดับหนึ่ง
ในเวลาอันสั้นเพียงหนึ่งเดือนเสวียนเทียนจะมีความสามารถพอสังหารอู๋เหวินเสียงที่มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองได้อย่างไรอีกทั้งยังฟันแขนขาดก่อนหนึ่งข้าง จากนั้นจึงโจมตีปลิดชีวิตสะบั้นร่างทั้งร่างให้แยกเป็สองส่วน
ผู้นำตระกูลทั้งสามต่างเห็นพ้องกันว่าเป็ฝีมือเสวียนเทียนไปไม่ได้ เพราะว่าเสวียนเทียนไม่อาจมีความสามารถขนาดนี้ได้
ถ้าเช่นนั้น หากไม่ใช่การกระทำของเสวียนเทียนแล้วอู๋เหวินเสียงตายด้วยน้ำมือใคร?
อู๋เหวินเสียงตายจากการไล่ตามเสวียนเทียนหรือว่าข้างหลังของเสวียนเทียนมียอดฝีมือคอยลอบคุ้มครองอยู่?
แต่ยอดฝีมืชั้นเบิกนภาของตระกูลหวงล้วนรั้งอยู่ที่หมู่บ้านหวงปั้วไม่มีสักคนร่วมทางกับเสวียนเทียนไปยังเทือกเขาดงอสูร
เพราะเื่นี้ ทั้งสามตระกูลต่างก็รู้สึกงงงันเฉิงหยวนอู่กับจางกู่เฟิง มายังอำเภอเป่ยโม่อีกครั้งเพื่อหารือกับหนิวเจิ้นซาน
วันต่อมา โถงรับแขกตระกูลหนิว หนิวเจิ้นซานเฉิงหยวนอู่ จางกู่เฟิงทั้งสามคนนั่งประจำตำแหน่งเดิมของตนเปิดฉากหารือกันเื่ที่เสวียนเทียนเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรเื่ที่อู๋เหวินเสียงสิ้นชีวิต
อู๋เหวินเสียงตายด้วยฝีมือของเสวียนเทียนเป็ความจริงอย่างที่สุดแต่หนิวเจิ้นซาน เฉิงหยวนอู่จางกู่เฟิงทั้งสามคนต่างไม่เชื่อว่าเสวียนเทียนจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น ดังนั้นถึงแม้ว่าจะหารือกันมาเป็เวลาไม่น้อยแล้วก็ยังตัดสินออกมาไม่ได้ว่าอู๋เหวินเสียงนั้น ที่แท้ตายด้วยฝีมือใคร
แต่ทั้งสามต่างเห็นพ้องกันว่าเสวียนเทียนต้องมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาผู้ร้ายกาจตามหลังอยู่อย่างน้อยก็ต้องเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง ฝีมือระดับบนสุดของชั้นไม่เช่นนั้นไม่มีทางอธิบายการตายของอู่เหวินเสียงได้
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังปรึกษากันทันใดนั้น หนิวปี้หงผู้ดูแลตระกูลของตระกูลหนิวก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา เอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน มีแขกมาขอพบขอรับ”
“ใคร?” หนิวเจิ้นซานถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก
ระหว่างที่หนิวเจิ้นซานเฉิงหยวนอู่กับจางกู่เฟิงทั้งสามประชุมกัน พวกเขาไม่ชอบให้มีคนมาขัดแขกธรรมดาย่อมไม่ยอมพบ
หนิวปี้หงเดินมาถึงข้างกายของหนิวเจิ้นซานบอกข้างหูว่า “นักดาบอสนีบาตขอรับ!”
หนิวเจิ้นซานเลิกคิ้วสูง บอกว่า “เชิญเขาเข้ามา!”
รอจนกระทั่งหนิวปี้หงออกไปแล้วเฉิงหยวนอู่กับจางกู่เฟิงต่างก็มองมาที่หนิวเจิ้นซาน ส่งสายตาเป็เชิงถามเห็นได้ชัดว่าสงสัย เมื่อครู่หนิวปี้หงพูดอะไรกับหนิวเจิ้นซาน
นักดาบอสนีบาตมาเยือนไม่ใช่เื่ลับอะไรหนิวเจิ้นซานยิ้มขึ้นมานิดๆ เอ่ยว่า “ดูท่าความหวังที่จะกำจัดเ้าเด็กระยำหวงเทียนของพวกเราจะเพิ่มขึ้นมากทีเดียวอินจิ่วโฉวลูกศิษย์ของนักดาบอสนีบาตตายด้วยน้ำมือของเสวียนเทียนตอนนี้นักดาบอสนีบาตตามมาถึงอำเภอเป่ยโม่แล้ว อยู่ที่นอกจวนของตระกูลข้านี่เอง!”
นักดาบอสนีบาตเป็มหาโจรอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสินเตาถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลระดับสุดยอดอย่างไรแต่ก็มีชื่อเสียงลือลั่นในด้านความกำเริบเสิบสาน สถานที่เช่นอำเภอเป่ยโม่นี้นักดาบอสนีบาตทำตามอำเภอใจได้ทั้งสิ้น แม้แต่ตระกูลหนิว เฉิงจางสามตระกูลก็ยังต้องยอมลงให้สามส่วน ไม่อยากจะผิดใจกับเขา
นักดาบอสนีบาตเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามพูดถึงพลังวัตรไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าผู้นำตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามแต่ว่านักดาบอสนีบาตไร้ตระกูลตัวคนเดียว ไม่มีที่อยู่แน่นอน ไปมาไร้ร่องรอยถ้าหากผิดใจกับเขา เกรงว่าถึงจะเป็ตระกูลขั้นแปดขั้นเจ็ด เขาก็ลอบสังหารได้หลายศพก่อนจะหนีหายไป
ถึงแม้จะเป็ศิษย์ในของสำนักใหญ่อย่างสำนักกระบี่์สำนักเทียมเมฆา สำนักหมัดราชันย์ นักดาบอสนีบาตก็กล้าฆ่าจนกลายเป็อาชญากรที่สำนักใหญ่หลายสำนักต่าง้าตัวตระกูลขั้นเก้าอย่างตระกูลหนิว เฉิง จางย่อมไม่กล้าผิดใจกับนักดาบอสนีบาตง่ายๆ
เป็ดังคาด เมื่อได้ยินคำบอกของหนิวเจิ้นซานเฉิงหยวนอู่กับจางกู่เฟิงก็สบตากันแล้วหัวเราะขึ้นมา เมฆหมอกอึมครึมหายไป โล่งใจขึ้นมา
จางกู่เฟิงเอ่ยว่า “หากนักดาบอสนีบาตรู้ว่าเ้าเด็กระยำหวงเทียนฆ่าอินจิ่วโฉวลูกศิษย์ของเขา ฮึๆ...คราวนี้เ้าเด็กระยำที่เทือกเขาดงอสูรนั่น ย่อมไม่มีทางรอดแล้ว”
เฉิงหยวนอู่หัวเราะขึ้นมาพลางเอ่ยต่อว่า “ข้างหลังเ้าเด็กระยำนั้นอาจมียอดฝีมือชั้นยอดของชั้นเบิกนภาขั้นสองคอยช่วยหยวนกง เจิ้นเยว่กับกู่ซงสามคนอาจสังหารเขาไม่ได้ แต่ว่ามีดาบของนักดาบอสนีบาตฮึๆๆ...พวกเราแค่เปิดเผยร่องรอยของเ้าเด็กระยำนั่นเสีย เ้าเด็กระยำนั่นก็ตายไม่มีฟื้นแน่แล้ว ฮ่าๆๆๆ...!”
......
เทือกเขาดงอสูร!
หลังจากผ่านมาหนึ่งวันกว่าเสวียนเทียนก็เข้ามาลึกในเทือกเขาดงอสูรแปดเก้าร้อยลี้อีกไม่นานก็จะถึงตำแหน่งที่ลายแทงชี้ไว้
หลังถูกอู๋เหวินเสียงไล่สังหารเสวียนเทียนก็รู้ว่าตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลต้องไล่ตามเข้ามาในเทือกเขาดงอสูรดาหน้ามาไล่สังหารตนแน่ ดังนั้นการเดินทาง่หลังเสวียนเทียนไม่ได้แค่วิ่งให้เร็วแต่ยังสร้างร่องรอยหลอกไว้มากมายให้ไม่อาจติดตามได้
ส่วนสัตว์อสูร เสวียนเทียนก็พยายามไม่ฆ่าเพราะว่าโจมตีสังหารสัตว์อสูรครั้งหนึ่งก็เปิดเผยร่องรอยของตนครั้งหนึ่งเป้าหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้คือการตามหาสมบัติเื่อื่นใดนั้นวางลงก่อนได้สังหารอู๋เหวินเสียงได้คนหนึ่งในใจของเสวียนเทียนก็พอใจแล้ว อู๋เหวินเสียงตายตระกูลหนิว เฉิง จางย่อมส่งผู้ฝึกยุทธ์ที่เข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมาล่าสังหารตนเสวียนเทียนไม่มีความจำเป็ต้องฝืนเข้าปะทะกับพวกเขา
เมื่อเป็เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็สัตว์อสูรอะไรเสวียนเทียนก็เลือกหลบเลี่ยงแม้ว่าความเร็วจะช้าลงบ้าง แต่ปกปิดร่องรอยการเดินทางได้ ทำให้ยากจะหาพบเสวียนเทียนยิ่งเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรลึกขึ้นทุกที
หลังเข้ามาในเทือกเขาดงอสูรลึกห้าร้อยลี้ เสวียนเทียนก็พบกับสัตว์อสูรขั้นสาม ทว่าเป็เพียงสัตว์อสูรขั้นสามชั้นล่างเสวียนเทียนยังคงระวังหลบเลี่ยงไป จำนวนสัตว์อสูรในยามกลางวันไม่มากเสวียนเทียนเร้นกายเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรลึกยิ่งขึ้นโดยไม่ถูกสัตว์อสูรตัวใดพบ
เมื่อตกกลางคืนอันเป็์ของสัตว์อสูรเสวียนเทียนก็ยังคงค้างแรมด้วยวิธีการเดียวกับในเทือกเขาเร้นลมสูงขึ้นไปหลายสิบเมตรบนต้นไม้ใหญ่ เขาขุดโพรงไม้โพรงหนึ่งนอนอยู่ข้างในข้ามผ่านค่ำคืนไป!
ส่วนหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซงเฉิงหยวนกงทั้งสามคนที่ตามรอยเสวียนเทียน เหมือนหาก้อนหินที่ตกไปในทะเลกว้างหาร่องรอยไม่พบ เมื่อทั้งสามคนร่วมมือกัน สัตว์อสูรขั้นสามชั้นล่างล้วนไม่ใช่คู่มือของพวกเขาสัตว์อสูรขั้นสามชั้นกลางทั้งสามคนก็ต้านทานได้พอประมาณ
ดังนั้น ทั้งสามคนจึงสังหารสัตว์อสูรไปพลางตามหาร่องรอยเล็กน้อยที่เสวียนเทียนทิ้งไว้ไปพลางค่อยๆ ไล่ตามลึกเข้ามาในเทือกเขาดงอสูรอย่างช้าๆแต่ความเร็วช้ากว่าเสวียนเทียนอยู่มากระยะห่างจากเสวียนเทียนยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที
เสวียนเทียนยังคงมุ่งไปยังทิศทางที่แผนที่ชี้บอกเดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรไม่หยุด ระหว่างทางพบสัตว์อสูรขั้นสามชั้นกลางอยู่หลายตัวหรือแม้กระทั่งเจอเข้ากับสัตว์อสูรขั้นสามชั้นสูงตัวหนึ่ง เขาก็หลบหลีกอย่างระมัดระวังพ้นอันตรายไปได้ทั้งหมด
รอจนเสวียนเทียนเข้ามาในเทือกเขาดงอสูรได้แปดร้อยลี้ห่างจากจุดซ่อนสมบัติที่บอกในแผนที่ไม่ถึงสองร้อยลี้เขาเดินทางมุ่งหน้าเข้าไปอีกหลายสิบลี้ ได้พบสถานการณ์ประหลาดไม่พบสัตว์อสูรเลยสักตัว
ถึงแม้ว่าเวลากลางวันสัตว์อสูรจะน้อยแต่ระหว่างทางหลายสิบลี้ ไม่มีสัตว์อสูรโผล่มาสักตัวเดียวนี่ไม่ปกติอย่างแน่นอน
ไม่พบสัตว์อสูร เสวียนเทียนไม่ได้ผ่อนคลายลงตรงกันข้ามกลับเคร่งเครียดขึ้นมา สติคอยระวังเพิ่มขึ้นอีกในถิ่นที่สัตว์อสูรอยู่รวมกัน หากที่ใดที่หนึ่งไม่มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นเลยนั่นย่อมไม่ใช่เื่ดี เพราะสถานที่นั่นเป็อาณาเขตว่างเปล่าแต่เพราะเป็บริเวณใกล้เคียงกับรังของสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ พื้นที่แถบนั้นเป็อาณาเขตของสัตว์อสูรที่ร้ายกาจตัวนั้น
ที่สำนักกระบี่์ เสวียนเทียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรมาไม่น้อยเสวียนหงผู้เป็บิดาก็เล่าให้ฟังไม่น้อยเสวียนเทียนรู้ว่าสัตว์อสูรที่มีอาณาเขตในปกครองได้อย่างน้อยก็ต้องเป็สัตว์อสูรขั้นสามระดับาาฝีมือทัดเทียมกับมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นห้า
สัตว์อสูรขั้นสามระดับาาเป็าาในหมู่สัตว์ออสูรขั้นสามเทียบกับสัตว์อสูรชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูงแล้วแข็งแกร่งกว่ากันมาก
เมื่อบริเวณใกล้เคียงมีรังของสัตว์อสูรที่อย่างต่ำก็เป็สัตว์อสูรขั้นสามระดับาาเสวียนเทียนย่อมต้องระวังมากขึ้น
สัตว์อสูรเป็นักซุ่มซ่อนโดยกำเนิดรังของสัตว์อสูรส่วนใหญ่ปิดซ่อนมิดชิดอย่างมากอาจอยู่ใต้ดินโดยที่ทางเข้าบนดินซ่อนเร้นอยู่ในที่ต่างๆ หรืออยู่ใต้หน้าผาหรืออยู่กลางดงพุ่มไม้ หรืออาจจะอยู่ในรอยแตกสักแห่ง
ที่แห่งนี้เป็ป่า ต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้าส่วนใหญ่ก็สูงมากกว่าร้อยเมตร เสวียนเทียนหลีกเลี่ยงการเดินทางบนพื้นดินใช้วิชาท่าร่างเดินทางผ่านไปตามยอดไม้
เขามองลายแทงสมบัติสถานที่ที่ชี้คือกลางป่าแห่งนี้พอดี รอบด้านของยอดเขาล้อมรอบไปด้วยป่าไม้คิดจะเข้าไปยังจุดที่ซ่อนสมบัติจำเป็ต้องผ่านป่าแห่งนี้ไป ระยะทางร้อยกว่าลี้
ไม่ว่าจะเป็ทิศใดก็เป็เช่นนี้ในเมื่อเป็อย่างนั้น เสวียนเทียนก็ไม่จำเป็ต้องอ้อมไปอ้อมมาอย่างไรก็ต้องผ่านป่าเข้าไปถึงยอดเขาที่ซ่อนสมบัติได้ ไปทิศทางใดก็เหมือนกันอีกทั้งทางเข้าบนลายแทงสมบัติก็ออยู่ทิศที่เสวียนเทียนอยู่พอดีตรงไปข้างหน้าตรงๆ ก็ได้
เสวียนเทียนระวังอย่างยิ่งทว่าเมื่อผ่านป่าไปได้ร้อยลี้ก็ยังไม่พบสัตว์อสูรตัวใดและไม่พบรังของสัตว์อสูรสักรัง นี่ทำให้เสวียนเทียนลอบหวั่นใจ อาณาเขตของสัตว์อสูรตัวนี้อย่างน้อยก็กว้างถึงร้อยกว่าลี้เกรงว่าสถานที่ซ่อนสมบัติที่ชี้บอกไว้ในแผนที่ก็คงอยู่ในอาณาเขตของสัตว์อสูรร้ายกาจตัวนี้ด้วย
“ชี่ๆ!”
เสวียนเทียนระแวดระวังมุ่งหน้าไปพลางมองสำรวจพื้นดินไปพลาง ทันใดนั้นเสียงที่ชวนให้คนเสียวสันหลังก็ดังขึ้นมาจากทางขวา
แผ่นหลังแข็งเกร็ง เส้นขนลุกชันเสวียนเทียนตัวสั่นผวาขึ้นมา ร่างกายรู้สึกเย็นเยียบไปถึงหัวใจ
รวดเร็วปานสายฟ้า เสวียนเทียนหันศีรษะมองไปทางด้านขวาที่มีเสียงดังขึ้นมา
เห็นเพียงด้านขวาห่างไปร้อยกว่าเมตรเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าที่มีเถาวัลย์สีดำโอบล้อมอยู่ พันรอบไล่ไปจนถึงยอดไม้เถาวัลย์พวกนี้หนาเท่าตัวคน สีดำสนิทตั้งอยู่ตรงทางข้างหน้าที่เสวียนเทียนกำลังมุ่งไป
เสวียนเทียนอ้อมหลบไปทางซ้ายเพื่อเลี่ยงเถาวัลย์เหล่านี้เขาหันไปมองทางหมู่เถาวัลย์เมื่อครู่ทีหนึ่ง ดูเหมือนไม่พบสภาพผิดปกติอะไร
ทว่า...
ตอนนั้นเองกลางหมู่ไม้ใหญ่ที่มีเถาวัลย์ดำสนิทเ่าั้รัดพันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งมีเถาวัลย์สีดำหนาเท่าตัวคนโอบล้อมอยู่เช่นกันดูผ่านๆ ก็เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อมองอย่างละเอียดก็เห็นว่าเถาวัลย์สีดำเส้นนี้แตกต่างจากเถาวัลย์เส้นอื่นๆเถาวัลย์เส้นอื่นเป็สีดำสนิทไม่มีเจือปนแต่เถาวัลย์เส้นนี้ในสีดำสนิทมีประกายสว่างอยู่ เป็ประกายของชีวิต อีกทั้ง ยังเหมือนมีลายเส้นสีดำปรากฏขึ้นบนผิวของเถาวัลย์ที่มีประกายแสงนั้นด้วย
เมื่อมองขึ้นไปตามเถาวัลย์ที่มีประกายแสงเส้นนี้ก็เห็นว่าบนยอดไม้ที่สูงขึ้นไปร้อยเมตร มีศีรษะงูสีดำขนาดมหึมาหัวหนึ่งยื่นออกมาบนศีรษะงูมีมงกุฎขนาดใหญ่อยู่
เสวียนเทียนสะดุ้งอยู่ในใจ ราวกับตีกลองั์สองตาเบิกโต ใมาก
สัตว์อสูรขั้นสามระดับาา...พญาอสรพิษลายดำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้