ครั้นกล่าวประโยคเช่นนี้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเพียงประโยคเดียว ทำให้ในใจของบุรุษทั้งสองในกระโจมสั่นไหวเล็กน้อย
ในอีกไม่กี่เดือน เมื่อเหนียนยวี่อายุครบสิบห้าปีเต็ม จะสามารถคุยเื่การสมรสได้อย่างแท้จริงแล้ว
สายตาที่จ้าวอี้มองเหนียนยวี่ดูอึดอัดเล็กน้อย ในใจของเขารู้สึกซับซ้อนอย่างไร้สาเหตุ
ฉู่ชิงด้านข้าง เดิมทีเขากำลังจดจ่ออยู่กับม้วนหนังสือในมือ ทว่ายามที่เหนียนยวี่เดินไปหาจ้าวอี้ จิตใจของเขากลับไม่อยู่บนม้วนหนังสืออีกต่อไป ยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวอี้ คิ้วกระบี่ภายใต้หน้ากากพลันขมวดแน่นขึ้นทันใด
“ไม่ได้ ไม่มีผู้ใดในใต้หล้านี้จะคู่ควรกับยวี่เอ๋อร์ ญาติผู้น้องของข้า ยวี่เอ๋อร์น้อย ไม่เช่นนั้นเ้าก็ไม่ต้องแต่งงาน ต่อไปเ้าก็ย้ายมาอยู่ที่จวนข้า ข้าจะดูแลเ้าไปตลอดชีวิต รับรองว่าเ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ามารังแกเ้า” จ้าวอี้ขยิบตาให้ ราวกับเอ่ยล้อเล่น ทว่าในใจกลับกังวลและประหม่าอย่างมากกับคำตอบของเหนียนยวี่
ในความคิดของเหนียนยวี่ เดิมทีไม่มีเื่แต่งงานแม้แต่น้อย ชาติก่อน นางปรารถนาที่จะอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับจ้าวเยี่ยน เพื่อจะได้อยู่กับเขาให้เร็วที่สุด นางจึงสู้รบในา เสียเืเสียเนื้อ ต่อสู้ด้วยชีวิต ทว่าผลลัพธ์กลับขื่นขม
ชาตินี้นางมาเพื่อแก้แค้น แต่งงานหรือ? นางไม่เคยคิดเื่นี้มาก่อน และไม่จำเป็ต้องคิดเื่นี้ด้วย!
ย้ายไปอยู่ที่จวนของจ้าวอี้...
เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงฮองเฮาอวี่เหวินและอวี่เหวินหรูเยียน รวมถึงคุณหนูมากมายที่กำลังจ้องมองตำแหน่งพระชายา 'มู่อ๋องเฟย' ในใจนางพลันรู้สึกขบขัน “มู่อ๋องหยุดล้อเล่นเถิด ให้ยวี่เอ๋อร์ย้ายไปอยู่จวนมู่อ๋อง ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผล ยวี่เอ๋อร์มิกล้ารบกวนท่านอ๋องมู่ ตัวหม่อมฉันมีคนดูแลแล้ว!”
นางกับมู่อ๋องใกล้ชิดสนิทกันมาก เพียงแค่สิ่งนี้ก็ดึงดูดความเกลียดชังเข้ามาหานางมากมายแล้ว หากนางย้ายไปอยู่จวนของเขาขึ้นมาจริง คนเ่าั้จะไม่กลืนนางลงไปทั้งตัวหรือไร?
นางไม่้ายั่วยุให้เกิดความขัดแย้งเหล่านี้
คำพูดของเหนียนยวี่ กลับทำให้หัวใจของจ้าวอี้สั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความผิดหวัง
มีคนดูแลแล้วหรือ?
ใคร? คนที่นางชอบอย่างนั้นหรือ?
ครั้นนึกถึงคำถามที่ถามซักไซ้ของตัวเองในจวนเหนียนวันนั้น นี่นานมากแล้ว เขายังมิรู้เลยว่าคนที่เหนียนยวี่ชอบมาตลอดคนนั้นเป็ผู้ใด จ้าวอี้เหลือบมองฉู่ชิงอย่างไม่รู้ตัว ในหัวมีการคาดเดาอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับไม่อยากจะคิดต่อ
"หึ เ้าก็เข้าใจข้า รู้ว่าข้าพูดเล่น" จ้าวอี้ส่งเสียงคำรามในลำคออย่างแ่เบา ปกปิดความพะอืดพะอมบนใบหน้าและความซับซ้อนในหัวใจ
คิ้วหล่อเหลาเลิกขึ้น สองมือประสานหลังศีรษะลงบนหมอน จ้องมองเหนียนยวี่โดยไม่กล่าวสิ่งใด
ทันใดนั้น บรรยากาศพลันแปลกประหลาดขึ้นมาไม่น้อย สายตาของฉู่ชิงเองก็จ้องมองเหนียนยวี่ตลอดเวลา เหนียนยวี่หันหลังกลับไปสบตากับเขา สายตาทั้งสองประสานเข้าหากัน วินาทีนั้น ในใจเหนียนยวี่พลันแข็งเกร็ง ตื่นตระหนกโดยไม่รู้เหตุผล สายตาสั่นไหว เหนียนยวี่จึงรีบก้าวหนีออกไปนอกกระโจม...
เปลวไฟกองใหญ่ในค่ายเสินเช่อค่อยๆ ดับมอดลง หลังจากผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบมาหลายรอบ จึงคลายกฎอัยการศึกในเมืองชุ่นเทียนลง และสั่งให้เปิดประตูเมืองได้ในที่สุด
บรรดาองครักษ์ได้เดินทางกลับมาในเมืองแล้ว ผู้คนทั่วทั้งเมืองชุ่นเทียนต่างพูดถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้ในค่ายเสินเช่อ พวกเขารู้ว่าทหารในค่ายเสินเช่อถูกทำลายทิ้งในชั่วข้ามคืน รวมถึงแม่ทัพหลวงฉู่ชิง ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็เด็กอัจฉริยะ
ข่าวที่มู่อ๋องจ้าวอี้รีบวิ่งเข้าไปในกองเพลิงถูกปิดไว้ ทว่าข่าวการหายตัวไปของคุณหนูยวี่ พระธิดาบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ กลับมิรู้ว่าแพร่กระจายไปทั่วเมืองได้อย่างไร
บ้างก็ว่า คุณหนูยวี่เสียชีวิตในกองไฟ
ว่ากันว่า ในวันนั้นที่ประตูเมืองเปิด มู่อ๋องจ้าวอี้กลับไปจวนมู่อ๋องแล้ว เพราะข่าวการเสียชีวิตของฉู่ชิงและคุณหนูยวี่ เขาจึงขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันและไม่ออกไปไหนอีก
ณ จวนเหนียน
"คุณหนูรองช่างมีชะตาชีวิตที่แสนลำเค็ญเสียจริง นางเพิ่งจะได้ไต่เต้ากิ่งก้านสูงส่งอย่างองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ทว่ายังมิทันได้เสพสุขสิ่งใด กลับมาถูกเผาตายเสียแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็เพียงคนที่มีชะตาต่ำต้อย"
ภายในเรือนหรูอี้ อนุสองลู่ซิวหรงพึมพำในลำคอแ่เบา ดีใจที่ตัวเองโชคดีไม่เลือกคุณหนูรอง มิฉะนั้นเกรงว่ายามนี้คงได้เสียแรงเปล่าเหมือนสวีหว่านเอ๋อร์ แม้กระทั่งนายท่านที่ฝากฝังความหวังไว้กับคุณหนูรองยังเสียเปล่า
นางที่รู้สึกดีใจ จึงไม่ได้สนใจมองสีหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ย จนกระทั่งได้ยินเสียงดังปังจากในห้อง นางจึงหันไปมอง เห็นเพียงถ้วยชาซึ่งเดิมทีอยู่ในมือของจ้าวอิ้งเสวี่ยแตกกระจายลงบนพื้น และสีหน้าที่เหม่อลอยนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าน้ำชาสาดกระเซ็นโดนร่างกาย
“ท่านหญิง บ่าวคิดว่าเื่นี้มิน่าเชื่อถือนะเ้าคะ” ผิงเอ๋อร์ก้าวเข้ามาเช็ดรอยหยดน้ำชาบนตัวนางอย่างกระวนกระวาย พลางเฝ้ามองสีหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ย ขมวดคิ้วกล่าวปลอบประโลม “ค่ายเสินเช่อคือสถานที่แบบใด คุณหนูรองเป็สตรี จะเข้าไปได้อย่างไรกันเ้าคะ มิรู้เลยว่าข่าวที่แพร่กระจายออกมานั้นมาจากที่ใด... ไม่มีหลักฐาน...”
ผิงเอ๋อร์รู้ว่า ในจวนเหนียนแห่งนี้ ท่านหญิงยกคุณหนูรองเป็ดั่งพันธมิตร หากคุณหนูรองเสียชีวิตจริง เช่นนั้นพวกนางคงสูญเสียผลประโยชน์ไปไม่น้อย
“แม่นางผิงเอ๋อร์ เื่นี้ยังกล่าวสรุปไม่ได้ คุณหนูรองใช้ชีวิตดั่งบุรุษมานานกว่าสิบปี หากนางปลอมตัวเป็บุรุษเข้าไปในค่ายเสินเช่อ ผู้ใดจะจำได้บ้างเล่า?” อนุรองลู่ซิวหรงสะบัดพัดคราหนึ่ง ยามที่นางได้ยินข่าวเื่นี้ครั้งแรก นางเองก็ไม่เชื่อ ทว่าเมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนจะเกิดเื่เช่นนั้นจริง ไม่เช่นนั้น การหายตัวไปเมื่อสองสามวันก่อนของคุณหนูรอง เหตุใดจนถึงยามนี้แล้วยังหาไม่เจออีก
ได้ยินว่า องค์หญิงใหญ่ชิงเหอพยายามตามหามาหลายวันแล้ว ทว่ายังคงมิพบตัว
“นางไม่ได้มีเหตุอะไร จะไปค่ายเสินเช่อทำไม ตายแล้วหรือ ตายอย่างไรเล่า?” เสียงแหบห้าวของจ้าวอิ้งเสวี่ยมิอาจปกปิดความกังวล ความเศร้าเสียใจของนางในยามนี้ ในสายตาผู้อื่น คิดว่าเป็เพราะเหนียนยวี่ ทว่าในใจของนางรู้ดีที่สุดว่าความเ็ปที่คืบคลานเข้ามาอย่างชัดเจนนั้นมาจากสาเหตุใด
ร่างสีดำสลัวผุดเข้ามาในหัว ฉู่ชิง เขาเสียชีวิตในกองเพลิงของค่ายเสินเช่อจริงหรือ?
ั้แ่ได้ยินเื่การโรคระบาดในค่ายเสินเช่อ ฉู่ชิงก็ถูกกักขังอยู่ในค่ายเสินเช่อ ในใจของนางรู้สึกคับแน่นไม่สบายใจมาโดยตลอด หลายวันมานี้ นางถึงกับไร้จิตใจจะไปจัดการเหนียนเฉิง นางได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้องทุกวัน คอยอธิษฐานขอพรพระพุทธองค์ให้ช่วยคุ้มครองเขา ถึงแม้ยามที่ไฟลุกโชนแผดเผาค่ายเสินเช่อ นางก็ยังคงไม่ละทิ้งความหวัง
บุรุษเช่นนี้ เขาจะตายได้อย่างไร?
นางไม่เต็มใจยอมรับ ถึงขั้นที่ปล่อยให้ข่าวลือภายนอกเื่การตายของฉู่ชิงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด
ทว่าเื่จริงกลับทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ต่อให้นางอยากจะหลบหนี ทว่าคงจะหนีไม่พ้น
ลู่ซิวหรงเหลือบมองจ้าวอิ้งเสวี่ย ประหลาดใจในความทุกข์และความโศกเศร้าบนสีหน้าของนาง ั้แ่เมื่อใดที่ความสัมพันธ์ของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยกับคุณหนูรองดีมากเยี่ยงนี้?
"คุณหนูรองไปเยือนค่ายเสินเช่อ เป็ไปได้ว่าไปเพราะท่านแม่ทัพหลวง" ดวงตาของลู่ซิวหรงสั่นไหว กล่าวอย่างระมัดระวัง
"เพราะฉู่ชิงหรือ?" จ้าวอิ้งเสวี่ยตัวสั่นเทิ้ม หันมองลู่ซิวหรง แม้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับอารมณ์ในใจ ทว่ากลับยังคงมีความร้อนใจและสีหน้าไม่อยากเชื่อฉายออกมา
ลู่ซิวหรงที่ถูกจ้าวอิ้งเสวี่ยจ้องมองฉีกยิ้มมุมปาก กล่าวต่อไปว่า "ข้าเองก็ได้ยินชุ่ยเอ๋อร์พูด เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ชุ่ยเอ๋อร์ออกไปนอกจวนั้แ่เช้าตรู่ จึงบังเอิญเห็นคุณหนูรองกำลังขี่ม้า โดยมีท่านแม่ทัพหลวงอยู่ข้างกาย ท่านแม่ทัพหลวงไปส่งคุณหนูรองที่จวนองค์หญิงใหญ่ แล้วจึงจากไป ชุ่ยเอ๋อร์เองก็เป็ห่วงคุณหนูรอง ดังนั้นจึง... ฮ่าๆ..."
ฉู่ชิงไปส่งเหนียนยวี่?
พวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันั้แ่เมื่อใด?
จ้าวอิ้งเสวี่ยย่นคิ้ว ทว่าครู่ต่อมา มุมปากพลันยกยิ้มเจื่อน
ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว ข้ายังจะคิดตรวจสอบเื่พวกนี้ไปทำไมอีก?
“หากคุณหนูรองเสียชีวิตไปแล้ว ก็ช่างน่าเสียดายอย่างแท้จริง ทว่าท่านหญิงก็อย่าเสียใจนักเลยนะเ้าคะ ได้ยินว่า พรุ่งนี้ที่ตำหนักของฮองเฮาจะมีงานเลี้ยงส่งฉางไทเฮา และจวนเหนียนมีเพียงท่านหญิงที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน ฮองเฮาช่างปฏิบัติกับท่านหญิงอย่างแตกต่าง” ลู่ซิวหรงกล่าวเอาใจ พลางยกยิ้มประจบสอพลอ
ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับไม่ได้ยินถ้อยคำของลู่ซิวหรง นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงโดยไม่บอกกล่าวผู้ใด และไม่สนใจลู่ซิวหรง จากนั้นกล่าวสั่งผิงเอ๋อร์ที่ตามมาด้านหลังว่า "ไปเตรียมธูป เทียน และกระดาษเงินกระดาษทองมา"
ธูป เทียน กระดาษเงินกระดาษทอง? ท่านหญิง้าเผาส่งให้คุณหนูรองหรือ?
ผิงเอ๋อร์ขานรับคำสั่ง ลู่ซิวหรงจ้องมองแผ่นหลังของจ้าวอิ้งเสวี่ย รู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ทว่านางกลับกล่าวไม่ถูกว่าตรงใดที่แปลกประหลาดกันแน่
ภายในซิ่งฟางย่วน
เช่นเดียวกับอนุสามเซวียอวี่โหรวที่ได้ยินข่าวลือเ่าั้ นางทอดมองสระบัวตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
ไม่นานก่อนหน้านี้ พวกนางยังนั่งชมดอกบัวด้วยกัน ทว่าเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน หญิงสาวผู้นั้นที่ทำให้นางเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังขึ้นมาบ้าง กลับเสียชีวิตไปเช่นนี้จริงหรือ?
“พี่ยวิ่น ข้าคิดว่าดวงิญญาบน์ของท่านจะปกป้องคุณหนูรองเสียอีก ทว่าเหตุใดถึง...เพิ่งมาทำให้สถานการณ์ของนางดีขึ้น และยังเอาแต่เฝ้ามองนางสิ้นชีพเช่นนี้เล่า?” เซวียอวี่โหรวเอ่ยพึมพำ ทอดถอนหายใจอย่างหนัก หลับตาลงอย่างไร้เสียง ความหวังซึ่งเดิมทีได้ก่อตัวขึ้นพลันแตกดับลงทันใด