แน่นอนว่าหลัวเลี่ยไม่ได้เป็คนสร้างวิชาลับแปดเก้าขึ้นมาเอง
หลัวเลี่ยรู้ว่าเืดุจทับทิมหยดนั้นเป็สิ่งที่จักรพรรดิประจิมไท่อีสร้างขึ้น และเขายังวางแผนจะใช้เป็พื้นฐานของวิชาลับแปดเก้าสร้างซึ่งเป็วิชาที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อเป็เทพ
หลัวเลี่ยทำเพียงนำมันออกมามอบให้หยางเจี้ยนเท่านั้น
แต่คนอื่นไม่รู้และคิดว่าเขาแปลกประหลาดมากพอที่จะสร้างเคล็ดวิชาที่สั่นะเืทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา
เกี่ยวกับเื่นี้ หลัวเลี่ยก็ไม่สามารถอธิบายออกไปอย่างชัดเจนได้ว่าจักรพรรดิประจิมไท่อีมอบของขวัญให้เขาจริงๆ เพราะมันอาจจะดึงดูดให้มีคนเข้ามาสังหารเขาเพื่อชิงสมบัติได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดกับเขาอย่างไรอยู่แล้ว
หลังจากถ่ายทอดวิชาแล้ว หลัวเลี่ยก็พาหยางเจี้ยน เยี่ยนอวิ๋นหวู่ และขุนพลทั้งสี่แห่งตระกูลโม่ขึ้นรถม้าไล่ตามดวงจันทร์เพื่อเดินทางออกจากจัตุรัสเหยียนหลง
ผู้คนมากมายที่รวมตัวกันอยู่ในจัตุรัสเหยียนหลงก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไปอย่างเงียบๆ
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหลัวเลี่ยจะต้องกลายเป็หัวข้อหลักในวงสนทนาอย่างแน่นอน เพราะเขาเกี่ยวข้องกับขุมอำนาจมากมาย เกรงว่าแม้แต่บรรพชนก็คงจะสนใจเื่นี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมีสุขก็ย่อมมีทุกข์
ผู้คนในแคว้นเหยียนหลงต่างตกอยู่ในความเงียบสงบ ความคาดหวังที่จะได้ขึ้นเป็อาณาจักรใหญ่ลำดับที่สามสูญสลายไปแล้ว และความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อหลัวเลี่ยนั้นได้หยั่งรากลึกลงไปถึงจิตใจ
เมืองหลวงแห่งแคว้นเหยียนหลงที่คึกคักมานานกลับเข้าสู่ความเงียบสงบแล้ว
คนที่ควรจะไปก็ออกไปแล้ว
ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้จากไปไม่ว่าจะอยู่ในที่แจ้งหรือเร้นกายอยู่ก็ยังคงให้ความสนใจกับหลัวเลี่ย
ผู้คนจำนวนมากต่างจินตนาการถึงของขวัญของจักรพรรดิประจิมไท่อี หลายคนพยายามใช้ความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อตรวจสอบดู แต่พวกเขาก็ถูกพลังของเยี่ยนอวิ๋นหวู่โต้กลับจนทำให้พวกเขาถอยกลับมา
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่้าจะผูกมิตรกับหลัวเลี่ย
สรุปคือในเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงที่ดูเหมือนจะสงบสุข แต่แท้จริงแล้วยังคงเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำที่น่าสะพรึงกลัว
รถม้าไล่ตามดวงจันทร์ขับไปช้าๆ บนถนนกว้าง
ในฐานะที่เป็รถม้าของหลัวเลี่ย หลังจากที่ผ่านการปรับเปลี่ยนมาแล้วก็มีสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของหลัวเลี่ยติดไว้อยู่ ดังนั้นเมื่อมีคนเห็นสัญลักษณ์นี้ พวกเขาก็จะหลีกทางให้ทันที
รถม้าไล่ตามดวงจันทร์วิ่งออกจากเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงและเลี้ยวเข้าไปในมุมที่เงียบสงบของป่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เมื่อหลัวเลี่ยกลับมาที่นี่อีกครั้ง ป่าแห่งนี้ก็ไม่ได้สงบอีกต่อไปแล้ว
บนต้นไม้แต่ละต้นมีกระดิ่งลมแขวนเอาไว้ มันเคลื่อนไหวไปตามสายลม ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะและน่าฟังดังออกมา
เมื่อหลัวเลี่ยลงจากรถม้าและเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
เขาจำได้ว่าข่งเยวี่ยเจินเคยกล่าวไว้ว่านางชอบฟังเสียงกระดิ่งลมในวันที่เงียบสงบมากที่สุด
แม้ว่าเยวี่ยเจินจะเป็หญิงสาวที่สดใจ แต่นางก็เป็สาวน้อยที่มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน
เดิมทีหลัวเลี่ยเคยคิดจะจัดสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากกว่านี้ให้นาง แต่ตอนนี้เขาไม่้าทำเช่นนั้นแล้ว
สาวใช้สี่คนที่ติดตามข่งเยวี่ยเจินเดินออกมาแล้วโค้งคำนับหลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยโบกมือ
สาวใช้ทั้งสี่หลีกทางให้เขา
หลัวเลี่ยเดินตรงไปที่สุสาน จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบ้านหลังเล็กๆ ที่สวยงามสองหลังตั้งอยู่ข้างๆ สุสาน ที่แท้สาวใช้ทั้งสี่ก็ผูกพันกับข่งเยวี่ยเจินจนไม่ยอมแยกจากนาง พวกนาง้าที่จะอยู่ปกป้องสุสานและพูดคุยเป็เพื่อนข่งเยวี่ยเจินนั่นเอง
“สาวน้อย ข้ามาแล้ว”
หลัวเลี่ยเดินมาถึงหน้าหลุมฝังศพ เขามองดูแผ่นหินเย็นเหยียบที่สลักชื่อของนางเอาไว้แล้วคิดถึงใบหน้าที่สดใสของข่งเยวี่ยเจินแล้วในใจของเขาก็ปวดร้าวขึ้นมา
บนโลกที่โหดร้าย ได้มีหญิงสาวที่อบอุ่นคนหนึ่งจากไปแล้ว
“อ่า!”
หลัวเลี่ยหยิบกระบี่ของข่งเยวี่ยเจินออกมาแล้วสอดกลับเข้าไปที่เดิม “เด็กน้อย ข้าได้ใช้กระบี่ของเ้าล้างแค้นให้เ้าแล้ว เ้าหลับให้สบายนะ”
เขาวางถุงมือสีแดงที่เป็สัญลักษณ์ของไก้อู๋ซวงไว้ข้างๆ
หลัวเลี่ยอยู่หน้าหลุมฝังศพเป็เวลาสามวันแล้วจึงจะจากไป
เมื่อรถม้าไล่ตามดวงจันทร์จากไป ข่งไท่โต้วก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าป่าและพึมพำกับตัวเองว่า “แม้เ้าจะไม่ใช่วีรบุรุษ แต่เ้าก็ไร้เทียมทาน!”
เดิมทีหลัวเลี่ยคิดว่าในวันถัดๆ ไปนี้ อย่างน้อยเขาก็คงจะสงบสุขไปได้สักระยะหนึ่ง
ั้แ่หลัวเลี่ยก้าวเข้าสู่ดินแดนเหยีนหวง เขาก็ได้พัวพันกับหลายเื่ในแคว้นเป่ยสุ่ย หลังจากจากมาแล้วเขาก็มีเื่ไม่หยุด จนในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย
แต่เขาไม่คิดว่าจะมีบางเื่ที่น่าใเกิดขึ้นในดินแดนเหยียนหวง
และเื่นี้เกี่ยวข้องกับหลัวเลี่ยโดยตรง
เื่นี้ถูกประกาศโดยอูอวิ๋นเซียน หนึ่งในบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุด
เนื้อหาไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่หลัวเลี่ยสังหารไก้อู๋ซวงซึ่งเป็ศิษย์ของอูอวิ๋นเซียนนั้นเป็การดูิ่สำนักอูอวิ๋นเซียนอย่างมาก แต่เมื่อพิจารณาแล้วบรรพชนอูอวิ๋นเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะไม่รังแกผู้น้อย แต่หลัวเลี่ยก็ต้องได้รับโทษบางอย่างด้วย
เนื้อหามีการระบุว่าในปีหน้าเยาวชนทุกคนในดินแดนแห่งนี้สามารถท้าประลองกับหลัวเลี่ยได้ และใครก็ตามที่เอาชนะหลัวเลี่ยได้จะสามารถเลือกสิ่งของที่ถูกใจมาจากหลัวเลี่ยได้ตามที่้า
เดิมทีเื่ที่หลัวเลี่ยได้รับของขวัญจากจักรพรรดิประจิมไท่อีก็ทำให้ผู้คนมากมายอิจฉาเขาแล้ว และประกาศในครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าทำให้หลัวเลี่ยกลายเป็ศัตรูกับเยาวชนทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้หรือ ใครเล่าจะไม่อยากได้สิ่งของจากจักรพรรดิประจิมไท่อี
แต่ในเวลาเดียวกันบรรพชนอูอวิ๋นเซียนก็ให้โอกาสหลัวเลี่ยด้วย
หากภายในหนึ่งปีนี้หลัวเลี่ยสามารถเดินทางกว่าแสนลี้ไปถึงแคว้นชื่อเซียวและตามหาลูกปัดูเา แม่น้ำ สายลม และสายฝนที่อูอวิ๋นเซียนทิ้งเอาไว้ได้ หลัวเลี่ยจะเป็ผู้ชนะ แล้วอูอวิ๋นเซียนจะทำตามสิ่งที่หลัวเลี่ย้าสามประการ
นอกจากนี้ยังมีกฎที่เข้มงวดเป็พิเศษว่ามีเพียงเยาวชนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมในเื่นี้ได้
ทันทีที่คำสั่งของอูอวิ๋นเซียนถูกประกาศออกมา มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น
สิ่งที่น่าใยิ่งกว่าคือบรรพชนลำดับที่หนึ่งอย่างข่งเซวียนก็ออกมาพูดเช่นกัน
ข่งเซวียนพูดถึงการกระทำของอูอวิ๋นเซียนเพียงคำเดียวว่า
“ดี!”
จากนั้นผู้คนก็เข้าใจกันไปเองว่าข่งเซวียนเห็นด้วยกับการกระทำนี้เช่นกันและแสดงออกว่าเขาให้ความสนใจเกี่ยวกับเื่นี้
ใต้หล้านี้มีบรรพชนที่ทรงพลังอยู่เพียงสี่คน และสองในสี่นั้นก็ให้ความสนใจในเื่นี้ นั่นเป็เื่ที่น่าใยิ่งกว่าเื่ของอวี้ติงเจินเหรินเสียอีก
เดิมทีหลัวเลี่ยอารมณ์เสียมาก เห็นได้ชัดว่าบรรพชนอูอวิ๋นเซียนกำลังกลั่นแกล้งเขา ในนามของบรรพชนและยังเป็บรรพชนที่ทรงพลังก็ย่อมต้องได้ทุกอย่างตามที่้า แต่ทำไมเขาจะต้องทำตามที่อูอวิ๋นเซียนประกาศด้วย
แต่หลังจากที่ข่งเซวียนออกมาแสดงท่าที เขาก็เข้าใจทันที
เกรงว่าเดิมทีอูอวิ๋นเซียนคงไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้แต่คง้าล้างแค้นให้ไก้อู๋ซวง เพราะเื่การตายของไก้อู๋ซวงคงจะน่าอายเกินไปสำหรับเขาและอาจส่งผลกระทบต่อเื่หลายเื่ในอนาคตของเขา
เมื่อข่งเซวียนออกหน้า ก็แปลว่าเขาจะชนะ
แน่นอนว่าจากมุมมองของคนนอกนั้น พวกเขาคิดว่าการที่หลัวเลี่ยสังหารไก้อู๋ซวงเพื่อล้างแค้นให้ข่งเยวี่ยเจินทำให้อูอวิ๋นเซียนโกรธ ดังนั้นข่งเซวียนจึงออกหน้าเพื่อสนับสนุนเื่นี้
ดีที่หลัวเลี่ยซึ่งมีจิตใจมั่งคงแล้วได้ทำการวิเคราะห์และพบประโยชน์จากเื่นี้
นั่นคือเขาได้รับของขวัญจากจักรพรรดิประจิมไท่อี โดยที่ทุกคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันลึกลับเกินไปและทำให้ผู้คน้าสังหารเขาเพื่อแย่งสมบัติมา อย่างไรก็ตามเมื่อมีคำพูดของบรรพชนทั้งสองแล้ว หากเขาสามารถนำลูกปัดูเา แม่น้ำ สายลม และสายฝนมาได้ภายในหนึ่งปีก็จะไม่มีใครคิดถึงสมบัติวิเศษของเขาอีก เพราะอาจทำให้บรรพชนทั้งสองขุ่นเคืองใจได้
นอกจากนี้ยังเป็การไขปัญหาที่หลัวเลี่ยได้รับมาจากจักรพรรดิประจิมไท่อีด้วย
ไม่ว่าข้อดีจะมีมากกว่าข้อเสียหรือข้อเสียจะมีมากกว่าข้อดี หลัวเลี่ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับข้อเสนอนี้ นอกจากนี้ยังมีเพียงเยาวชนที่สามารถเข้าร่วมได้ ดังนั้นเขาจึงต้องออกเดินทางเพียงลำพังโดยปราศจากเยี่ยนอวิ๋นหวู่และซูชิวเชิง ส่วนหยางเจี้ยนก็ยังเด็กเกินไป และขุนพลทั้งสี่แห่งตระกูลโม่ก็อ่อนแรงเกินไป หากไปด้วยก็มีแต่จะเป็ภาระให้เขา แต่หากให้พวกเขาติดตามเยี่ยนอวิ๋นหวู่คงจะทำให้พวกเขาได้รับการสั่งสอนและแข็งแกร่งขึ้นได้
แคว้นชื่อเซียวอยู่ห่างออกไปหนึ่งแสนลี้จากทางตอนใต้ของแคว้นเหยียนหลง
หลัวเลี่ยเริ่มต้นออกเดินทางใหม่อีกครั้ง