ท่านอ๋องในเวลานี้กำลังสนทนาอยู่กับที่ปรึกษาส่วนตัว เห็นบุตรชายถามถึงหนิงมู่ฉือ ก็กล่าวตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก “นางหนูหนิงออกไปพักผ่อนจิตใจข้างนอก มีอันใด นางยังไม่กลับมาหรือ”
น้ำเสียงจ้าวซีเหอเต็มไปด้วยความร้อนใจ “นางช่างใจกล้าเสียจริง กล้าออกไปนอกตำหนักคนเดียว!”
ท่านอ๋องมองบุตรชายที่มีท่าทีร้อนใจ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง “เย็นป่านนี้แล้ว นางหนูหนิงยังไม่กลับมาอีกหรือ”
ท่านอ๋องลุกขึ้นยืนด้วยความเป็ห่วงขึ้นมาทันที เดินตรงไปที่ประตู “เยี่ยงนี้แปลกเกินไป นางหนูหนิงเป็เด็กรู้ความ ป่านนี้แล้วไม่มีทางที่จะยังไม่กลับมา จะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็แน่”
จ้าวซีเหอได้ยินยิ่งกระวนกระวายใจ “ท่านพ่อ เช่นนั้นลูกพาคนออกไปตามหานางนะขอรับ!”
ท่านอ๋องพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มองตามจ้าวซีเหอที่เดินจากไปอย่างร้อนรน ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง “เ้าลูกคนนี้ ดูท่าจะหวั่นไหวเข้าแล้วจริงๆ”
จ้าวซีเหอเรียกรวมตัวคนรับใช้ด้วยความกังวลใจ ถือคบไฟขี่ม้าออกไปตามหาหนิงมู่ฉือข้างนอกตำหนัก เจอผู้ใดก็ถามว่า เห็นหนิงมู่ฉือบ้างหรือไม่
ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือไม่มีผู้ใดพบหนิงมู่ฉือเลย ในใจเขาจึงยิ่งกระวนกระวายหนัก เขาขี่ม้าไปยังหอจุ้ยหง เห็นโคมไฟหน้าหอนางโลมสว่างจ้าหลอกล่อให้ผู้คนหลงเข้าไป ในใจนึกกลัวว่าหนิงมู่ฉืออาจถูกคนไม่ดีหลอกพาไปขายในหอนางโลมเหล่านี้ เขาจึงตัดสินใจว่าจะลองเข้าไปถามข่าวดู
ทันทีที่จ้าวซีเหอก้าวเท้าเข้าไป แม่เล้ารีบปรี่เข้ามาต้อนรับ ถามคำถามที่ไม่น่าฟังออกมา “ไอ้โยว ซื่อจื่อ นานแล้วที่ข้าน้อยไม่ได้เจอท่าน วันนี้มาหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ใช่หรือไม่เ้าคะ”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว แม้ในใจจะนึกเป็ห่วงหนิงมู่ฉือเพียงใด ทว่าก็ยิ้มตอบกลับไป “ไอ้หยา วันนี้เ้าแต่งตัวสวยจนข้าตกตะลึงไปเลย วันนี้ข้าไม่ได้มาหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ข้าแค่อยากมาถามข่าวกับเ้าข่าว
แม่เล้าได้ยินก็มีท่าทีระแวดระวังตัวขึ้นมาทันใด “ซื่อจื่อ ท่านจะมาถามข่าวใดกับข้าน้อยหรือ ข้าน้อยไม่รู้เื่ใดทั้งนั้นเ้าค่ะ”
เขายิ้มตอบ “แม่เล้าล้อเล่นแล้ว วันนี้ข้าแค่อยากเปลี่ยนรสชาติ ไม่ทราบว่าแม่เล้ามีเด็กใหม่ๆ เข้ามาบ้างหรือไม่ เช่นเพิ่งถูกบังคับจับตัวมาเมื่อวันสองวันนี้”
แม่เล้ายิ้มกว้าง ยกมือปิดปากแกล้งทำเป็เขินอาย “ที่แท้ซื่อจื่อก็หมายความเช่นนี้เองหรอกหรือ ไม่ทราบว่าท่านเปลี่ยนไปมีรสนิยมแบบนี้ั้แ่เมื่อใด ถ้าเมิ่งเอ๋อร์รู้เข้าจะต้องเสียใจมากเป็แน่”
เขาเพียงแค่ส่งยิ้มเก้อเขินตอบกลับไป จากนั้นแม่เล้าก็กล่าวอย่างมีลับลมคมนัยว่า ”เช่นนั้นซื่อจื่อตามข้าน้อยมาเลยเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอเดินตามหลังแม่เล้าไป เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายเดี๋ยวเลี้ยวขวาจนในที่สุดมาก็ถึงห้องมืดทึบห้องหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าห้องที่แม่เล้าซ่อนโสเภณีเด็กเอาไว้จะลึกลับถึงเพียงนี้
ได้ยินเสียงประตูไม้ส่งเสียงกุกกัก เด็กสาวอายุแค่ไม่เท่าไหร่ที่ถูกจับตัวมามองไปที่ประตูอย่างหวาดกลัว
แม่เล้าหันมาส่งยิ้มให้จ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อ ท่านลองดู นี่คือเด็กๆ ที่เพิ่งถูกจับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ยังไม่ทันได้อบรมสั่งสอน หากท่านชอบ ข้าน้อยจะเห็นแก่ที่ท่านเป็ลูกค้าประจำของหอจุ้ยหง และเห็นแก่หน้าท่าน ให้ท่านได้เลือกก่อน ชอบคนไหนก็เลือกคนนั้นเลยเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอไล่มองเด็กสาวที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งอย่างละเอียดทีละคน แต่ละคนหน้าตาท่าทางดูขลาดกลัว เมื่อมองจนถึงคนสุดท้าย เขาถอนหายใจออกมา ไม่มีหนิงมู่ฉือ เห็นแม่เล้ามองมาอย่างรอคอยคำตอบ เขาส่งยิ้มไปให้ “ช่างเถิด ไม่มีที่ข้าชอบ สู้ไปหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ดีกว่า”
แม่เล้าได้ฟังก็ทำหน้าเขินอาย “สองสามวันมานี้เมิ่งเอ๋อร์เอาแต่บ่นคิดถึงท่านทุกวัน เพื่อท่านแล้ว นางถึงกับลงมือฝึกทำอาหาร รอให้ท่านมาชิมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”
แม่เล้าใส่กุญแจลงกลอนประตูอย่างแ่า ก่อนจะเดินนำจ้าวซีเหอไปยังห้องโถง จ้าวซีเหอถอนหายใจอย่างหดหู่กับชะตากรรมของเด็กสาวเ่าั้ บางทีที่นี่อาจจะเป็สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กสาวเ่าั้แล้วก็เป็ได้ ดีกว่าไปตายอย่างน่าอนาถข้างถนน
จ้าวซีเหอส่งยิ้มและหัวเราะแหะๆ ให้แม่เล้า พร้อมกับคิดหาวิธีหาทางปลีกตัวออกจากตรงนี้ ทว่าไม่ทันไรเขากลับพบกับปัญหาที่ยากยิ่งกว่า สายตาเขาเหลือบไปเห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์ในชุดสีชมพูอ่อนเปิดไหล่ เดินนวยนาดตรงเข้ามาทางเขาอย่างเขินอาย ใบหน้านางประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อมาถึงก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มหวาน “ซื่อจื่อมาหาเมิ่งเอ๋อร์แล้วหรือเ้าคะ ข้าเองก็คิดถึงท่านมาหลายวันแล้วเช่นกัน”
จ้าวซีเหอมีท่าทีกระอักกระอ่วน มองมือฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่คล้องอยู่ที่แขนเขา เขาส่งยิ้มให้นาง “ข้ายังมีเื่สำคัญที่ต้องไปทำ ไว้วันหลังข้าค่อยมาหาเ้าใหม่”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังสีหน้าเปลี่ยนเป็น้อยใจ กล่าวกับจ้าวซีเหอด้วยท่าทางน่าสงสาร “ซื่อจื่อ ท่านจะทำเช่นนี้กับเมิ่งเอ๋อร์จริงๆ หรือเ้าคะ ท่านมีเื่สำคัญใดที่ต้องไปทำ จะไปเล่นพนันที่โรงพนัน หรือได้เจอหญิงงามคนใหม่ที่สวยกว่าข้า”
แม่เล้าได้ยินรีบตบหลังฉู่เมิ่งเอ๋อร์เบาๆ สองที “เ้าห้ามพูดเช่นนี้เป็อันขาด ซื่อจื่อคิดถึงเ้ามาก เมื่อครู่ยังถามอยู่เลยว่าเ้าสบายดีหรือไม่ ซื่อจื่อ ท่านตามเมิ่งเอ๋อร์ไปที่ห้องเถิดเ้าค่ะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มอย่างดีใจ จูงมือจ้าวซีเหอพาไปที่ห้องของตัวเอง นางมองจ้าวซีเหออย่างเขินอายพร้อมกับเอ่ยว่า “หลายวันมานี้เมิ่งเอ๋อร์ฝึกทำอาหารรอท่านอย่างลำบากยากเย็น ท่านรอข้าตรงนี้สักประเดี๋ยว ข้าไปครู่เดียวแล้วจะรีบกลับมาเ้าค่ะ”
นางเดินเข้าไปในห้องครัว เพราะอยากให้จ้าวซีเหอได้ลองชิมอาหารฝีมือของตัวเอง ในใจนางรู้สึกยินดีอย่างยิ่งขณะจัดวางอาหารใส่จานให้ดูน่ารับประทาน
จ้าวซีเหอนั่งอย่างอึดอัดใจอยู่ในห้อง มองออกไปนอกหน้าต่าง ในใจร้อนรนเหลือประมาณ เมื่อได้กลิ่นอาหารลอยโชยมาจากห้องครัว เขาพลันส่ายหน้า อาหารที่ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ทำจะเทียบกับอาหารที่หนิงมู่ฉือทำได้อย่างไร เขาใช้มือลูบท้องที่ส่งเสียงร้องโครกคราก เพราะมัวแต่ตามหาหนิงมู่ฉือจนทำให้เขาลืมความหิว เมื่อถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นอาหารของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ท้องถึงได้ส่งเสียงร้องอย่างไม่รักดีออกมา
เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ สอดส่ายสายตาหาหน้าต่างเหมาะๆ เมื่อหาเจอก็ะโลงไป แล้วเดินไปหาคนของตัวเองที่รออยู่
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับมาถึงห้อง กลับพบแต่ห้องว่างเปล่า ไม่เจอแม้แต่เงาของจ้าวซีเหอ นางขมวดคิ้ว จิตใจห่อเหี่ยวและรู้สึกหดหู่ยิ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อใดนางจะหลุดพ้นจากตรวนขังที่ชื่อว่าหอนางโลมนี้เสียที
นับั้แ่คราที่นางได้เจอหนิงมู่ฉือ นางก็รู้ทันทีว่าความรู้สึกที่จ้าวซีเหอมีต่อหนิงมู่ฉือไม่ใช่ความรู้สึกธรรมดา จ้าวซีเหอไม่เคยมองนางด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นเดียวกับที่มองหนิงมู่ฉือ
นางรู้สึกอิจฉาหนิงมู่ฉือนัก แต่ไม่ได้รู้สึกริษยา ร่างกายของนางมีแต่จะทรุดโทรมลงทุกวัน ไหนเลยจะมีสิทธิ์ไปริษยาหนิงมู่ฉือ ทุกวันต้องปรนนิบัติอยู่ใต้ร่างบุรุษไม่ซ้ำหน้า ช่างเป็ชีวิตที่ทุกข์ทรมานเสียนี่กระไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้