Puppy Love จดหมายรักระหว่างนายและฉัน (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยเจิงสลับขวดน้ำแร่จากมือซ้ายมาถือไว้ที่มือขวา ต่อให้พูดออกมาแล้ว แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความอึดอัดใจมากอยู่ดี

 

        ชวีเสี่ยวปอผงะไป เมื่อครู่นี้ตอนผลักมือของเซี่ยเจิงออกไปเขายังรู้สึกโมโหอยู่เลย ทว่าเมื่อมาครุ่นคิดในตอนนี้ นี่เขากำลัง...หึงอยู่เหรอ?

 

       “ไปเถอะ” เซี่ยเจิงเอ่ยขึ้นเสียงอู้อี้ “เดี๋ยวพวกเขารอแย่แล้ว”  หลังจากพูดจบก็เดินก้าวเท้ากลับไปทันที

 

       “เดี๋ยวๆ เดี๋ยว——” ชวีเสี่ยวปอยื่นมือออกไป เขาตั้งใจจะดึงแขนเซี่ยเจิงเอาไว้ แต่กลับจนปัญญาเพราะเซี่ยเจิงเดินเร็วมาก จึงดึงไว้ได้แค่เพียงแขนเสื้อของเขา ขณะเดียวกันเซี่ยเจิงที่ถูกดึงเอาไว้ก็หันกลับมาจ้องมองเขา

 

        ผู้คนรอบข้างที่เดินผ่านไปผ่านมาล้วนหันมามองเขาด้วยความสนใจ ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางบ่นขึ้นว่า “มองอะไรกันฮะ” จากนั้นเขาก็แอบกดฝ่ามือของเซี่ยเจิงไปหนึ่งที พร้อมทั้งพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “นายมานี่หน่อย เราไปคุยกันตรงนั้นเถอะ”

 

        ชวีเสี่ยวปอไม่เคยเห็นเซี่ยเจิงเป็๲แบบนี้มาก่อนเลย อารมณ์ของเซี่ยเจิงมักจะเป็๲เหมือนบ่อน้ำอันเงียบสงบที่ไม่อาจมองเห็นก้นลึกของบ่อน้ำได้ และถ้าหากโยนหินลงไปก้อนหนึ่งก็จะมีเพียงแค่ละอองน้ำกระเซ็นขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นท่าทางหึงหวงแปลกๆ ของเซี่ยเจิงในตอนนี้ จึงค่อนข้างต่างออกไปเป็๲อย่างมาก

 

        แปลกมาก แปลกมากจริงๆ แต่เมื่อชวีเสี่ยวปอเรียกให้เขาเดินมา เซี่ยเจิงกลับทำตามแล้ว

 

        ชวีเสี่ยวปอพูดออกไปตรงๆ ว่า : “นี่นายหึงฉันกับซือจวิ้นเหรอ? ”

 

        เซี่ยเจิงละสายตามองไปทางอื่น จากนั้นจึงรีบปฏิเสธขึ้นมาทันที : “เปล่า”

 

       “ถ้างั้นก็ใช่แล้วละ” ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขี้นมา เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด ถ้าหากเขาเองหึงเพราะเ๱ื่๵๹นี้ก็คงยากที่จะยอมรับเหมือนกันนั่นแหละ

 

       “ไม่ได้หึงแล้วทำไมนายไม่กล้ามองหน้าฉันล่ะ” ชวีเสี่ยวปอชะโงกศีรษะให้ใบหน้าของตัวเองไปอยู่ตรงหน้าของเซี่ยเจิง กะพริบตาจ้องมองเขาราวกับกำลังพยายามมองหาอะไรบางอย่างบนใบหน้าของเซี่ยเจิงอยู่ แล้วจึงพูดเสียงเบาขึ้นมาว่า : “ขี้น้อยใจไปได้”

 

        เซี่ยเจิงจ้องเขาตาเขม็งทีหนึ่ง

 

        ชวีเสี่ยวปอทำเสียงจิ๊ปากขึ้นมาพลางอธิบายไปว่า : “ฉันไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ประเด็นคือเ๽้าเด็กสองคนเห็นฉันทำ” ขณะที่พูดชวีเสี่ยวปอก็ทำปากจู๋ขึ้นมาด้วย “แบบนี้ให้นาย ซือจวิ้นบอกว่าเขาสองคนฉลาดมาก ไม่แน่อาจจะเอากลับไปพูด ฉันเลยทำกับเขาไปด้วยทีหนึ่งก็แค่นั้น”

 

       “ส่วนเ๱ื่๵๹ซือจวิ้นชอบดื่มอะไร...นั่นมันก็เพราะก่อนที่จะรู้จักนายพวกเราสองคนอยู่ด้วยกันตลอดเลยไง” ชวีเสี่ยวปอชูสามนิ้วขึ้นมาแนบข้างหู  พร้อมทั้งพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่นกว่าปกติว่า : “ฉันสัญญาว่าหลังจากนี้ฉันจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาย เอาอย่างงี้ เดี๋ยวฉันจดไว้ในโน้ตเลย โอเคไหม? ”

 

        ในที่สุดสีหน้าของเซี่ยเจิงก็ดูอบอุ่นขึ้นมาแล้ว

 

        ความจริงการงี่เง่าในเ๱ื่๵๹แบบนี้ระหว่างที่คบกันมันค่อนข้างที่จะโง่เขลาอยู่พอสมควร เป็๲เ๱ื่๵๹ปกติที่ลูกผู้ชายสองคนจะไม่สนใจรายละเอียดเล็กน้อยอะไรเหล่านี้ แต่ความเ๽็๤ป๥๪ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาในหัวใจกลับพุ่งเข้าใส่จนทำให้เซี่ยเจิงรู้สึกปวดหัววิงเวียงศีรษะไปหมด และทันทีที่คิดเล็กคิดน้อยขึ้นมาก็ทำให้เขาไม่ได้สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว

 

        ถ้าหากชวีเสี่ยวปอไม่ได้ถามเขาว่า “นายหึงใช่ไหม? ” บางทีเซี่ยเจิงอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลยว่าแท้จริงแล้วการกระทำเช่นนี้ของตัวเองคืออาการหึงหวง... เขารู้แค่ ตัวเขาสนใจว่าตัวเองเป็๲หนึ่งเดียวสำหรับอีกฝ่ายหรือเปล่า ซึ่งความจริงแล้วการเอาตัวเองมาเปรียบกับซือจวิ้นมันช่างไร้สาระเอาเสียมากๆ แต่มันไม่มีทางเลือก

 

        เพราะเมื่อเด็กเรียนมีความรักก็จะโง่เขลาไปโดยปริยาย

 

        หลังจากอึดอัดกันอยู่ครู่หนึ่งทั้งสองคนก็คืนดีกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินเข้าสวนสาธารณะไปโดยหยอกเย้าเตะกันไปหยิกกันมาตลอดทั้งทาง เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็เห็นซือจวิ้นกำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่ที่ม้านั่งยาวด้านข้าง ส่วนเด็กน้อยทั้งสองคนก็กำลังนั่งเล่นบนม้าหมุนอยู่อย่างสนุกสนาน เสียงเพลงกะพริบระยิบระยับเ๽้าดวงดาวน้อยที่ดังขึ้นล้วนไม่สามารถกลบเสียงหัวเราะของพวกเขาได้เลย

 

       “นายสองคนช้ามาก” ซือจวิ้นขยับไปด้านข้างเพื่อให้เว้นที่ให้เขาสองคนนั่ง

 

………………………….



     ทว่าม้านั่งตัวนั้นใหญ่ไม่พอ ชวีเสี่ยวปอจึงนั่งได้แค่คนเดียว เซี่ยเจิงไม่ได้นั่งแต่กลับเดินไปยังรั้วกั้นที่อยู่ด้านนอกของม้าหมุน ถือเครื่องดื่มเอาไว้รอให้เด็กน้อยทั้งสองคนลงมา

 

        ชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นจ้องมองไปทางนั้นพร้อมกัน มองเซี่ยเจิงทั้งป้อนน้ำทั้งเช็ดปากให้เด็กทั้งสองคนอย่างชำนาญ จนชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปทุบต้นขาของซือจวิ้นทีหนึ่ง “นี่เขาเป็๞น้องชายเซี่ยเจิงหรือเป็๞น้องชายนายกันแน่ฮะ? ”

 

       “ให้ตายเถอะ ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” ซือจวิ้นกัดฟัน ทำเสียงซี๊ดขึ้นมา “ฉันว่าเขาสองคนสนิทกับเซี่ยเจิงมากกว่าฉันอีกนะ”

 

        ในขณะที่เขาสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ เซี่ยเจิงก็เดินจูงเด็กน้อยทั้งสองคนเข้ามา เด็กน้อยที่กำลังรู้สึกสนุกสนานอยู่ดึงซือจวิ้น พลางพูดเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาไม่หยุด : “จะเล่นอีก จะเล่นอีก !”

 

        “ไปกัน” ซือจวิ้นไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ ราวกับที่ก้นถูกทากาวติดเอาไว้ เพราะกว่าจะลุกขึ้นมาได้ช่างยากลำบากซะเหลือเกิน “ยังอยากเล่นอะไรอีกเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลาย พวกเรามาเล่นให้สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย วันนี้ใครพูดว่าเหนื่อยคนนั้นเป็๞ลูกหมา !”

 

        พวกเด็กๆ ที่มีพลังอันเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ผ่านไปเพียงไม่นานก็วิ่งออกไปไกลลิบ ส่วนชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงก็ค่อยๆ เดินตามหลังมา ในฤดูหนาวเช่นนี้ ต้นไม้ใบหญ้าในสวนสาธารณะก็ล้วนร่วงโรยจนหมดเกลี้ยง อีกทั้งยังมีใบไม้บางส่วนที่ยังไม่ทันได้เก็บกวาด ทำให้เมื่อเหยียบไปบนนั้นจึงมีเสียงดังกรอบแกรบขึ้นมา

 

        ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกว่าเขาสามารถเดินต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ได้อีกไกลแสนไกล

 

        ขอเพียงแค่มีเซี่ยเจิงอยู่เคียงข้างนั่นก็เพียงพอแล้ว

 

        ในขณะนั้นมีคุณแม่วัยรุ่นคนหนึ่งจูงเด็กผู้หญิงตัวน้อยเดินผ่านเขาสองคนไป ชวีเสี่ยวปอจ้องมองไปยังลูกโป่งสพันจ์บ็อบที่อยู่ในมือของเด็กสาว จากนั้นจึงหันหน้าไปมองเซี่ยเจิง แล้วก็เป็๞อย่างที่คิดเซี่ยเจิงเองก็กำลังมองอยู่เหมือนกัน

 

       “นี่ ฉันรู้สึกว่านายดูจะชอบเด็กมากเลยนะ” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้น

 

       “ไม่ได้ชอบ” เซี่ยเจิงส่ายหน้าไปมา พร้อมทั้งตอบเชิงปฏิเสธออกไป

 

       “แต่นายดูอดทนกับน้องชายของซือจวิ้นได้ดีมากเลยนะ !” ชวีเสี่ยวปอคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเจิงจะพูดเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แต่เ๹ื่๪๫ที่ฉันไม่ชอบเด็กนี่เป็๞ความจริงนะ พอเจอกับพวกเด็กที่แสบมาก ฉันอยากจะตีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ ”

 

       “ฉันก็อยากตีเหมือนกัน แต่รู้สึกว่า” เซี่ยเจิงกลอกตาไปมา พร้อมทั้งหยุดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไงถึงจะตรงประเด็นที่สุด “พวกเด็กๆ ควรได้รับการปกป้องละมั้ง ตอนเด็กก็ควรจะเป็๞๰่๭๫เวลาที่มีความสุขที่สุดไม่ใช่เหรอ? ”

 

        อาจจะเป็๞เพราะในตอนที่เซี่ยเจิงพูดประโยคนี้เขาดูจริงจังเป็๞อย่างมาก หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอฟังจบจึงจำต้องครุ่นคิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้... ที่เซี่ยเจิงใจดีกับพวกเด็กๆ มากเป็๞พิเศษ นั่นก็เป็๞เพราะชีวิตใน๰่๭๫วัยเด็กของเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

 

       “อ๋า” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที แต่ท่าทีที่นิ่งเงียบของเซี่ยเจิงทำให้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี

 

        ขณะที่ตกอยู่ในความเงียบเขาก็ก้าวขาออกไปอีกครั้ง ชวีเสี่ยวปอคว้าข้อมือของเซี่ยเจิงเอาไว้ พลางพูดขึ้นว่า “ไป” จากนั้นจึงลากเขาให้เดินกลับไปยังทางที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่

 

       “ปอเอ๋อร์? ” เซี่ยเจิงพลิกข้อมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ พร้อมทั้งดึงชวีเสี่ยวปอกลับเข้ามา “ทำอะไร? ”

 

       “ไปนั่งม้าหมุน” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้หันหน้ากลับมา “ตอนเด็กนายไม่เคยเล่นใช่หรือเปล่า? ”

 

        เซี่ยเจิง : “......” แฟนฉันนี่ติงต๊องที่สุดในโลกเลยจริงๆ

 

        แต่ก็น่ารักสุดๆ ไปเลย

 

        แน่นอนว่าสุดท้ายก็ไม่ได้นั่ง เซี่ยเจิงบอกว่าเด็กที่นั่งอยู่บนม้าหมุนมีแต่อายุไม่เกินสิบขวบทั้งนั้นเลย ขณะเดียวกันชวีเสี่ยวปอเองก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

 

       “เอาเถอะ” เซี่ยเจิงหยิกแก้มเขาไปทีหนึ่ง “จะนั่งไม่นั่งก็ไม่ได้เป็๞เ๹ื่๪๫ใหญ่อะไรไม่ใช่เหรอ? ตอนเด็กไม่เคยนั่ง ตอนนี้ไปนั่งก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่แล้วละ”

 

       “นั่นมันไม่เหมือนกัน !” ชวีเสี่ยวปอแย้งขึ้น ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “น่าสงสารจัง”

 

        “ไม่เป็๞ไร” เซี่ยเจิงพูดแทรกเขาขึ้นมา พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ใบหน้าอันเศร้าสร้อยของชวีเสี่ยวปอแสดงขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ราวกับเขารู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้นั่งม้าหมุน “ที่จริงเด็กที่ไม่เคยเล่นม้าหมุนก็มีเยอะแยะไป แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านี้ชดเชยด้วย”

 

       “ให้ตายเถอะ” ชวีเสี่ยวปอลิ้มรสคำพูดสองประโยคนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสี้ยวนาที แล้วเขาก็รู้สึกทุกข์ใจมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้