เสียงร้องของจ้าวยวนช่างน่าเวทนายิ่งนัก ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็เข่าอ่อนลง ทรุดเข่าลงกับพื้น
ปีศาจน้อยหัวเราะ แล้วถามชายฉกรรจ์ไปว่า “ข้าไม่ได้สั่งให้เฮยส่านควักลูกตาเ้าเสียหน่อย เ้ากลัวอะไรรึ?”
ชายฉกรรจ์เหงื่อไหลออกมาราวกับสายฝน พูดด้วยเสียงสั่นว่า “แม่นาง...แม่นางไว้ชีวิตข้าเถิด ข้า...ข้า...!” พูดติดๆ ขัดๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
“เขาชอบพูดจาลึกลับซับซ้อน ไม่ยอมพูดความจริงสักที” ปีศาจน้อยยืนอยู่ตรงหน้าของชายฉกรรจ์ จากนั้นก็ถามว่า “เ้าบอกข้ามา เขาเป็ใครกันแน่?”
“เขา...เขาคือท่านผู้พิพากษา...!” ชายฉกรรจ์รู้ว่าปีศาจน้อยลงมืออย่างโเี้ พูดเสียงสั่นไปว่า “ข้า...ข้าเพียงฟังคำสั่งของเขา แม่นางปล่อยข้าไปเถอะ”
“ผู้พิพากษามันหมายความว่าอะไร?” ปีศาจน้อยถามว่าอีกว่า “ขอแค่เ้าเชื่อฟังคำสั่งข้า ก็อาจจะไม่ต้องตายก็ได้”
ชายฉกรรจ์ตอบกลับไปว่า “ผู้พิพากษาก็คือผู้พิพากษาในนรกภูมิ เป็ผู้ดูแลสมุดบัญชีความเป็ความตาย...!”
“สมุดบัญชีความเป็ความตายรึ?”
“คือ...คือ ดินแดนจิ่วโย การเวียนว่ายตายเกิด มีผู้พิพากษาเป็ผู้กำหนด หลังจากนั้น...หลังจากนั้นก็จะส่งไปยังนรกภูมิสิบแปดชั้น...!” ชายฉกรรจ์หน้าซีด ตัวสั่นไปทั้งตัว ท่าทางของเขาแสดงออกชัดเจนว่าถูกปีศาจน้อยขู่จนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว “พวกข้า...พวกข้าเพียงแค่ติดตามท่านผู้พิพากษาเท่านั้น ก็จะสามารถ...ก็จะสามารถอายุยืนนานได้ หลังจากที่ตายไปก็ไม่ต้องตกนรกสิบแปดชั้น...!”
หยางหนิงรู้สึกตะลึงงันไปชั่วขณะ รู้สึกว่าชายฉกรรจ์ผู้นี้คงจะกลัวจนบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงพูดจาอะไรเหลวไหลเช่นนี้
เ้าปีศาจน้อยเองก็รู้สึกว่าชายฉกรรจ์พูดจาเหลวไหลเช่นกัน นางจึงพูดกลับไปว่า “หากเ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะให้เฮยส่านควักลูกตาเ้าออกมาเดี๋ยวนี้”
“แม่นาง ข้า...ข้าไม่ได้โกหก เื่ที่ข้าพูดล้วนเป็เื่จริงทั้งนั้น” ชายฉกรรจ์คุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า “ผู้พิพากษาอยู่นี่ ท่าน...ท่านถามเขาดูก็ได้”
ปีศาจน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าบอกว่าขอแค่เชื่อฟังเขา เ้าก็จะสามารถอายุยืนได้รึ? ทำไมไม่บอกมาเลยละว่าเ้าจะอยู่ยงคงกระพัน ไม่มีวันตาย”
ชายฉกรรจ์พูดว่า “หากว่า...หากว่าทำความดีความชอบได้ ก็จะ...ก็จะอยู่ยงคงกระพัน”
ปีศาจน้อยยิ้ม แล้วก็เดินไปดูจ้าวยวน เห็นจ้าวยวนใช้มือปิดตาเอาไว้ ไม่ขยับ ดวงตาทั้งสองเืไหลไม่หยุด ดูไปแล้วก็น่ากลัวยิ่งนัก
ปีศาจน้อยพูดใส่จ้าวยวนว่า “เขาบอกว่าแค่เ้าเชื่อฟังเขาก็จะอยู่ยงคงกระพัน แม้แต่ตัวเ้าเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะไปทำให้คนอื่นอยู่ยงคงกระพันได้อย่างไร? เ้าเป็ผู้พิพากษา เขาบอกว่าเ้ากำหนดเื่ความเป็ความตาย มีเื่เช่นนั้นจริงรึ?” นางเดินเข้าไป แล้วพูดต่อว่า “ตอนนี้ความเป็ความตายของเ้าอยู่ในกำมือข้า หากเป็เช่นนั้นข้าก็เป็ผู้พิพากษาใช่หรือไม่?”
จ้าวยวนตัวสั่นไปทั้งตัว ยังคงพูดออกมาว่า “เ้าทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของภูตเงา เ้าจะต้อง... เ้าจะต้องไม่ตายดีแน่นอน นรกภูมิจะต้องไม่... จะต้องไม่ปล่อยเ้าแน่นอน”
ปีศาจน้อยพูดขึ้นมาว่า “ข้าไม่เชื่อเ้าหรอก หากมีภูตเงาอย่างที่เ้าว่าจริง เ้าก็ให้เขามาหาข้าสิ” ในมือของนางไม่รู้ว่ามียาเม็ดมาั้แ่เมื่อไหร่ จ้าวยวนยังจะด่าต่อไปไม่หยุดปาก ปีศาจน้อยเห็นเขาอ้าปาก จึงยัดยาเข้าปากของเขาไป ต้ากุ่ยได้ยื่นมือไปปิดปากของเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาได้คายยาเม็ดออกมา
หยางหนิงเห็นอยู่ตำตา แอบคิดว่าปีศาจน้อยจะฆ่าจ้าวยวนทิ้งรึ?
จ้าวยวนเองก็รู้สึกได้ว่าปีศาจน้อยได้ยัดยาเข้าไปในปากของเขาแล้ว เขาพยายามดิ้นให้หลุด แต่ว่าต้ากุ่ยร่างกายกำยำ ปิดปากสนิทจนไม่สามารถอ้าได้ จ้าวยวนไม่มีทางดิ้นหลุด และไม่มีทางคายยาออกมาจากปากได้ หลังจากนั้นไม่นาน ต้ากุ่ยก็ยกมือออก จ้าวยวนพยายามคายออกมา แต่ก็ออกมาเพียงแค่น้ำลายเท่านั้น และไม่มียาออกมาแม้แต่เม็ดเดียว
ปีศาจน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “ยาเข้าปากไปแล้วก็จะละลายในทันที เ้าอยากจะคายก็คายไม่ออกหรอก”
“เ้าปีศาจ เ้า... เ้าจะต้องไม่ได้เกิดใหม่แน่นอน” จ้าวยวนสาปแช่ง จากนั้นก็พูดราวกับสวดมนต์ว่า “ความอดทนทำอะไรแผ่นดินไม่ได้ ความเงียบเป็ดั่งความลับที่หลับซ่อนอยู่ ภูตเงา... อ้า... อ้า...!” ทันใดนั้นเองเสียงของเขาก็หายไป มีเพียงแค่เสียง “อ้า อ้า” แต่พูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“ปล่อยให้เ้าพูดอะไรเหลวไหล” ปีศาจน้อยปรบมือยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้เ้ากลายเป็ใบ้ไปแล้ว ดูสิว่าเ้าจะพูดอะไรได้อีก”
ตอนนี้หยางหนิงถึงได้เข้าใจว่า ยาเมื่อครู่นี้ ที่แท้ก็ทำให้คนพูดไม่ได้นั่นเอง
ปีศาจน้อยคิดแค่ว่าจ้าวยวนพูดจาเหลวไหล แต่หยางหนิงกลับรู้สึกว่าคำพูดของจ้าวเยียนมันแปลกๆ มันเหมือนมีความลับอะไรซ่อนอยู่
จ้าวยวนพาคนมาควบคุมจวนเก่าตระกูลฉีเอาไว้ มันก็ผิดปกติมากพอแล้ว หยางหนิงเดาได้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนอยู่เื้ัอีกแน่ ไม่อย่างนั้นแค่กำลังคนไม่กี่คน ไม่มีทางทำอะไรจิ่นอีโหวได้แน่นอน ตอนนี้ดูท่า จะต้องมีคนที่ใหญ่กว่าจ้าวยวนแน่ๆ แต่เขาเป็อย่างไรเป็ใคร แล้วจะลงมือกับตระกูลฉีไปเพื่ออะไรกัน?
จ้าวยวนพูดถึง “ภูตเงา” หลายต่อหลายครั้ง แล้ว “ภูตเงา” เป็ใครกัน?
แต่ทว่าวรยุทธ์ของจ้าวยวนไม่ได้เื่เลยสักนิด เขาพูดถึง “ภูตเงา” วรยุทธ์ก็ไม่แน่จะดี เกรงแต่จะเป็พวกเ้าแผนการเป็แน่
แต่น่าเสียดายปีศาจน้อยใช้ยาทำให้จ้าวยวนเป็ใบ้ไปเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะได้อะไรจากจ้าวยวนมากกว่านี้
ปีศาจน้อยก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก เดินตรงเข้าไปที่ป่าไผ่ ต้ากุ่ยและเสียวกุ่ยก็บังคับให้หยางหนิงเดินตามไป
หยางหนิงไม่พูดอะไรพยายามลองดิ้นเพื่อให้เชือกหลุดจากมือ ตอนที่ฝึกในชีวิตหนก่อน ก็มีการฝึกการเอาตัวรอดจากการถูกมัด หลังจากลองอยู่หลายครั้ง ก็รู้ว่าเป็ไปไม่ได้ เชือกนี้ไม่ใช่เชือกธรรมดา มันรัดแน่นนัก นอกจากมีดสั้นเล่มนั้นแล้ว คงไม่มีอาวุธชนิดใดจะสามารถตัดเชือกนี้ให้ขาดได้
เขากำลังคิดว่า รอพลังของเขาฟื้นฟูกลับมาเมื่อไหร่ หาโอกาสเหมาะๆ ลองดูว่าจะสามารถใช้ท่าเท้าท่องคลื่นเอาตัวรอดได้หรือไม่ ปีศาจน้อยเหี้ยมโหด จะให้นางเป็คนคุมสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากมีโอกาส อาจจะสามารถจับตัวนางไว้ได้ก็ได้ แต่ว่าปีศาจน้อยฉลาดนัก รับมือไม่ได้ง่ายๆเลย
เมื่อเดินผ่านป่าไผ่ไปแล้ว สองข้างทางก็เริ่มแคบลง เดินไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มกว้างขึ้น ทันใดนั้นเองก็เห็นสระน้ำสระหนึ่ง น้ำในสระใสสะอาดยิ่งนัก แถมยังมีทั้งดอกไม้ใบหญ้ามากมาย หยางหนิงเห็นก็ใ แอบคิดในใจว่าในฤดูแบบนี้ พืชพรรณก็ร่วงโรยไปหมดแล้ว เหตุใดที่นี่ถึงได้มีดอกไม้ใบหญ้ามากมายเช่นนี้
ไม่ไกลจากตรงนี้นักก็เป็ห้องน้ำ มองไปรอบๆ ไม่มีผู้คน
“ที่แท้ที่นี่ก็มีคนอาศัยอยู่” หยางหนิงคิดในใจว่า “เ้าปีศาจน้อยหาคนมาถอนพิษให้ข้า น่าจะอยู่ที่นี่” ในใจก็ไม่รู้ว่าในขวดยาของปีศาจน้อยมันยาอะไรกัน
เมื่ออ้อมสระน้ำไป ก็มาถึงกระท่อมหลังหนึ่ง หยางหนิงเห็นดอกไม้ใบหญ้าต่างขึ้นเป็ระเบียบ ดินถูกพรวนเป็แถวๆ หน้าดินเปียกชื้นเหมือนถูกรดน้ำมาแล้ว
ปีศาจน้อยมองไปที่กระท่อม แล้วทำสัญลักษณ์มือ เห็นต้ากุ่ยถือสามง่าม แล้วเดินไปกวาดหญ้า พละกำลังของเขามีอยู่มาก พอสามง่ามกวาดไป ดอกไม้ใบหญ้าก็เละหมด ต้ากุ่ยก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหยุดทำ กวาดต่อไปอย่างนั้น
หยางหนิงขมวดคิ้ว ในใจคิดว่าเ้าปีศาจน้อยนี่กำลังทำอะไรอยู่ วิ่งมาถึงนี่ แม้แต่คนก็ยังไม่เจอ ยังจะใช้คนอื่นทำสวนหญ้าอีก
หยางหยิงก็พอมองออกว่าหญ้าพวกนี้ไม่ใช่พืชปกติ มันเป็สิ่งที่คนตั้งใจปลูกมันขึ้นมา
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “เจี๊ยก เจี๊ยก” ดังขึ้นมา หยางหนิงเห็นเงาๆ หนึ่งพุ่งออกมา เห็นต้ากุ่ยเองก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว หยางหนิงยังไม่ทันเห็นอะไรชัดเลย ก็ได้ยินต้ากุ่ยกรีดร้อง เมื่อมองไปอย่างละเอียด ที่แท้ก็ลิงขนขาวตัวหนึ่งนั่งอยู่บนบ่าของต้ากุ่ย เ้าต้ากุ่ยรู้สึกวุ่นวายใจมาก เสียงร้อง “เจี๊ยก เจี๊ยก” ของมันดูเหมือนมันจะโกรธมาก
ลิงขนขาวตัวนั้นรูปร่างไม่ใหญ่ มีความว่องไว มันใช้กรงเล็บของมันข่วนไปเรื่อยๆ ทำให้ผ้าโพกหัวของต้ากุ่ยหลุดลุ่ยออกมา จนเห็นหัวโล้นๆ ของต้ากุ่ย
ใบหน้าของต้ากุ่ยเป็ขนสีเหลือง แต่ว่าบนหัวของเขากลับไม่มีขนเลย
ต้ากุ่ยทิ้งสามง่ามลงกับพื้น ใช้สองมือพยายามไปจับเ้าลิงขนขาว แต่เ้าลิงขนขาวว่องไวนัก ต้ากุ่ยยังไม่ทันจับถึงตัว มันก็วิ่งไปที่หลังของต้ากุ่ย จากนั้นก็ข่วนไปที่หลังของต้ากุ่ย พริบตาเดียวเสื้อผ้าของต้ากุ่ยก็ขาดหลุดลุ่ย มันทำให้เขามีาแจนเืออก
ถึงแม้ต้ากุ่ยจะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวก็ไม่ใช่ช้าๆ เขาใช้สองมือจับไปจับมา แต่น่าเสียดายที่เ้าลิงขนขาวมันว่องไวกว่านัก
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา หยางหนิงเงยหน้าไปมอง บนท้องฟ้ามีเงาๆ หนึ่งปรากฏขึ้น ดูก็รู้ว่าคือเฮยส่าน มันร้องและพุ่งทะยานลงมา
ปีศาจน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “เฮยส่าน ข่วนลูกตาของเ้าลิงตัวนั้นให้บอดไปเลย”
เฮยส่านบินพุ่งลงมา กรงเล็บพุ่งไปที่ลิงขนขาวที่อยู่บนตัวของต้ากุ่ย หยางหนิงรู้สึกใ กรงเล็บของเฮยส่านแหลมคมมาก หากเ้าลิงขนขาวถูกจับได้ มันต้องตายแน่ๆ
ตอนนี้กรงเล็บของเฮยส่านอยู่ห่างจากลิงขนขาวไม่ถึงคืบ กลับเห็นลิงขนขาวพลิกตัวอย่างรวดเร็ว มันหลบได้อย่างรวดเร็ว กรงเล็บของเฮยส่านข่วนลงไปบนหลังของต้ากุ่ย ต้ากุ่ยกรีดร้องด้วยความเ็ป หลังของมันถูกเฮยส่านข่วนจนเนื้อหลุดออกมาสองชิ้น
เฮยส่านจับไม่โดนอะไรเลย แต่มันก็ไม่ได้หยุด มันอ้อมไปที่ด้านหน้าของต้ากุ่ย ต้ากุ่ยก็เอามือไปจับอีก ลิงขนขาววิ่งไปวิ่งมา เฮยส่านจับอยู่หลายครั้ง แต่มันก็หลบได้ แต่ก็ข่วนจนต้ากุ่ยมีแผลเต็มไปหมด
หยางหนิงคิดในใจว่าความเร็วของเฮยส่าน ลิงขนขาวน่าจะไม่รอดกำมือของมันแน่นอน ใครจะคิดว่าความเร็วของเ้าลิงมันจะไม่ด้อยไปกว่าเฮยส่าน ด้วยรูปร่างและความฉลาดนั้นเหนือกว่าเฮยส่านมากนัก ลิงว่องไวอยู่แล้ว ลิงขาวตัวนี้มีความว่องไวกว่าลิงปกติมากนัก การหลบหลีกของมันก็ไม่ใช่แบบที่ลิงปกติเป็กัน
หยางหนิงเกลียดปีศาจน้อยมาก เฮยส่านก็เหมือนกัน ตอนนี้เห็นลิงขาวแกล้งเฮยส่าน ทำให้ต้ากุ่ยกรีดร้องไม่หยุด ก็รู้สึกสะใจไม่น้อย
ปีศาจน้อยหน้านิ่งไป หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมา เหมือนจะแอบลอบทำร้ายเ้าลิงขาว หยางหนิงเห็น แอบคิดในเ้าปีศาจน้อยคนนี้หน้าด้านจริงๆ ต้ากุ่ยกับเฮยส่านร่วมมือกันยังไม่สามารถจับลิงขาวได้ ตอนนี้เ้าก็เลยคิดจะลงมือ มันรังแกกันชัดๆ
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น “ไป่หลิง มานี่!” เสียงเสียงนั้นดังมาจากด้านหลังของหยางหนิง
หยางหนิงหันไปมอง ห่างออกไปไม่ไกลนักมีหญิงสาวนางหนึ่งสวมชุดผ้าธรรมดาสีเขียวยืนอยู่ ร่างกายเรียวยาว กางเกงยาวปิดเข่า ผิวของนางขาวไม่เท่ากับเ้าปีศาจน้อย แต่ก็ถือว่าสวยงามใช่ย่อย สองขาเรียวงามโผล่ออกมา นางแต่งกายธรรมดามาก แต่งกายเหมือนชาวบ้านธรรมดานางหนึ่ง แต่นางกลับมีสง่าราศีที่ทำให้สบายตา