จางเหยียนหลิง เดิมเป็เพียงสตรีสามัญ ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็ที่กล่าวขานไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่หอนางโลมยังพยายามทุ่มเงินซื้อตัวนางในราคาสูงลิ่ว ทว่านางกลับเลือกยืนหยัดในความรักมั่นคงต่อ หลี่เทียนจิน ชายหนุ่มรูปงามผู้เปี่ยมด้วยความกตัญญู ยอมฝ่าฟันความลำบาก เพื่อสอบเป็บัณฑิต นำพาครอบครัวหลุดพ้นความยากจน โดยมีจางเหยียนหลิงหญิงสาวที่เป็นักวาดภาพ และแพทย์รักษาคน คอยสนับสนุนอยู่เื้ั
ทุกครั้งที่นางขายภาพได้ จากเหล่าขุนนางชั้นสูง นางจะนำเงินทั้งหมดไปมอบให้มารดาของหลี่เทียนจิน ใช้จ่ายในครัวเรือน และเป็ทุนส่งเขาเข้าสอบบัณฑิต ไม่เกินสามปีหลี่เทียนจินก็สามารถสอบบัณฑิตได้ สร้างความดีใจให้สกุลหลี่เป็อย่างมาก
ภายในบ้านไม้หลังเล็กยามค่ำ ซึ่งมีเพียงแสงตะเกียงเรืองรอง จางเหยียนหลิงลงมือจัดเตรียมอาหารหลากหลาย เพื่อรอต้อนรับเขา ใบหน้างามดังภาพวาด ค่อย ๆ บรรจงตักอาหารลงบนโต๊ะไม้เก่าอย่างละเมียดละไม พลางหันมองประตูทางเข้าเป็ระยะ รอคอยชายผู้เป็ดั่งดวงใจกลับมา...
“เหยียนหลิง เ้านั่งพักก่อนเถิด เ้าคงเหนื่อยมากที่เตรียมอาหารมาทั้งวัน” เสียงอ่อนโยนของ หลี่ชิงหลี มารดาของหลี่เทียนจินเอ่ยขึ้นด้วยความเมตตา
หญิงสาวเพียงยิ้มบาง ยอมทรุดกายนั่งลง ก่อนจะหันไปมองบานประตูอยู่เป็ระยะ
ไม่นานนัก ร่างของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้น มือหนึ่งถือประกาศจากทางการ ซึ่งยืนยันว่าเขาสอบผ่านเป็บัณฑิต สองเท้าเร่งก้าวเข้าไปโอบกอดมารดาด้วยความยินดี ท่ามกลางแสงตะเกียงที่ส่องไหววูบ ก่อนจะหันมาทางจางเหยียนหลิง ดวงตาพราวประกาย
“เหยียนหลิง ข้าทำได้แล้ว ข้าทำได้แล้วจริง ๆ” เขาพูดพลางดึงร่างของหญิงสาว เข้าสวมกอดด้วยความรัก เป็อีกก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับหลี่เทียนจิน ชายหนุ่มที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวหลุดพ้นความยากจน
จางเหยียนหลิงทอดมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมรัก แม้งานรักษาผู้คน จะไม่อาจทำเงินได้มากนัก เพราะนางไม่คิดรับเงินจากผู้ยากไร้ นางจึงทุ่มเทเวลาให้กับการวาดภาพ จนมือข้างหนึ่งด้านหยาบ ต่างจากอีกข้างที่ยังเรียบเนียน แต่สิ่งเ่าั้ไม่เคยทำให้นางท้อใจ ตรงกันข้าม...วันนี้นางภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นเขาประสบความสำเร็จ
ก่อนแสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า หลี่เทียนจินจูงมือจางเหยียนหลิงเดินเคียงกันมายังใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมายื่นให้นาง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบาและอ่อนโยน
“เหยียนหลิง...ข้ายังไม่มีเงินมากพอ จะซื้อของล้ำค่าให้เ้า มีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เท่านั้น แต่ข้าสัญญา หากวันหนึ่งข้าสอบเป็ขุนนางได้ ข้าจะซื้อปิ่นปักผมที่งามที่สุดให้เ้า”
สายตาอ่อนโยนคู่นั้น สบประสานกับหญิงสาวงดงามเบื้องหน้า พร้อมกับสายลมเย็นโชยมากระทบกาย นางค่อย ๆ เอื้อมมือรับผ้าเช็ดหน้า พลางยิ้มกว้าง หยิบขึ้นแตะจมูกหอมเบา ๆ แล้วกล่าว
“แค่นี้ก็พอแล้ว ของมีค่าข้าไม่้า ขอเพียงมีท่านอยู่เคียงข้าง ข้าย่อมไม่ปรารถนาสิ่งใดอีก”
หลี่เทียนจินได้ยินดังนั้น ก็โอบกอดนางแนบอกอีกครั้ง เอ่ยคำมั่นสัญญา
“เหยียนหลิง ไม่ว่าอนาคตจะเป็เช่นไร ข้าจะรักเ้าเพียงผู้เดียวไปจนตาย หากข้าผิดคำมั่น ขอให้..!” นางเบิกตากว้าง รีบยกมือขึ้นปิดปากเขาเบา ๆ
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เขาจับมือนางออกแล้วเอ่ยคำมั่นอีกครั้ง
“หากข้าผิดสัจจะ ขอให้ข้าไม่ตายดี” สายลมอ่อนพัดมาวูบหนึ่งให้นางมองเข้าไปั์ตาจริงใจคู่นั้น พลันปล่อยยิ้มเบา ๆ ออกมา
“ข้าได้ข่าวว่าเดือนหน้า ทางราชสำนักจะมีการสอบคัดเลือกจิงซื่อ ขุนนางระดับสูงเป็ที่ปรึกษาให้กับราชสำนัก ตำแหน่งนี้จะมีบัณฑิตมากมายเข้าร่วมสอบคัดเลือก ท่านพร้อมเข้าร่วมสอบในครั้งนี้หรือไม่” ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
“แน่นอน” หญิงสาวยิ้ม
“เช่นนั้น...ข้าจะตั้งใจวาดภาพให้มากขึ้น จะได้มีเงินมากพอส่งท่านเข้าสอบในวังหลวง” สายตาเปี่ยมความจริงใจของนางทำให้ หลี่เทียนจิน รู้สึกผิดลึก ๆ ในใจ จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนางเบา ๆ
“หากข้าได้บรรจุเป็ขุนนาง...เมื่อนั้นข้าจะทำให้เ้าความสุขที่สุด ข้าสัญญา” หญิงสาวเพียงยิ้ม พยักหน้ารับคำ แล้วโอบกอดเขาด้วยความรักมั่น เพราะเขาคือรักแรกที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ชีวิตที่เคยตั้งใจจะอุทิศเพื่อรักษาผู้คน กลับมีจุดมุ่งหมายใหม่ หลังจากพบกับ หลี่เทียนจิน
ใต้ค่ำคืนอันเงียบสงบ ร่างของจางเหยียนหลิงเดินตามทางเรื่อยมา ก่อนหยิบกระดาษในมือขึ้นอ่าน ดวงตากลมไหวระริกเล็กน้อย
ก่อนหน้านั้นไม่นาน ขุนนางจากราชสำนักแต่งกายด้วยชุดทหาร ได้มายังร้านสมุนไพรเล็ก ๆ ของนาง ยื่นจดหมายให้พร้อมกล่าวเสียงขรึม
“หยวนเฟิงอ๋อง มีรับสั่งให้แม่นาง จางเหยียนหลิง เข้าพบในวันพรุ่งนี้”
นางรับจดหมายมา เปิดอ่านด้วยมือที่เย็นเยียบ จับใจความได้คร่าว ๆ ว่า หยวนเฟิงอ๋อง ประสงค์จะรับนางเป็พระชายาเคียงข้าง หัวใจน้อย ๆ เต้นระส่ำด้วยความหวาดหวั่นต่ออำนาจ แต่ด้วยใจที่ตั้งมั่น นางจึงเตรียมพร้อมเผชิญทุกสิ่ง
สองเท้าของหญิงสาวมุ่งตรงมายังตำหนัก ที่ตั้งอยู่นอกวังหลวง ทว่าเห็นทหารจำนวนมากยืนเฝ้าคอยอารักขาอย่างเข้มงวด กลับทำให้นางเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นางเป็เพียงหญิงชาวบ้านสามัญธรรมดา เทียบแล้วก็เหมือนแสงเรืองของหิ่งห้อย จะไปสู้รัศมีของดวงตะวันเช่นเขาได้ยังไง?
เมื่อนางเข้ามาในจวนขนาดใหญ่ เป็สถานที่พำนักของหยวนเฟิงอ๋อง นางหันมอบรอบ ๆ ก่อนร่างของชายหนุ่มสูงศักดิ์จะเดินออกมา ท่ามกลางเหล่านางกำนัลต่างน้อมกายเคารพด้วยกิริยาอ่อนน้อม ทำให้จางเหยียนหลิงที่ยืนอยู่ค่อย ๆ น้อมกายลงแล้วเคารพตามธรรมเนียม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มช้า ๆ
ความงามของนางทำให้นางกำนัลและเหล่าทหารผู้ไม่เคยได้ยลโฉมต่างมองด้วยความตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็ดวงตา ริมฝีปาก ผิวพรรณ หรือแม้แต่กิริยาทุกอย่างลงตัวไร้ที่ติ นางงดงามราวกับเทพธิดาบน์ หยวนเฟิงอ๋องเพียงทอดตามองนิ่ง ๆ หาได้รู้สึกประหลาดใจนัก เขากลับหันไปจิบชาอย่างใจเย็น แล้วเอ่ยขึ้น
“ว่ากันว่า ความงามของเ้าเป็ที่เลื่องลือไปทั่ว ข้า! ผู้เป็ถึงอ๋อง ย่อมปรารถนามีสตรีงามอยู่เคียงข้าง แม้เ้าไร้เชื้อสายขุนนาง ก็หาใช่ข้อบกพร่องนัก ข้าจะให้โหรหลวงจัดหาฤกษ์ยามแต่งตั้งเ้าเป็พระชายา” เขาเอ่ยความ้า โดยไม่เสียเวลาถามไถ่อย่างอื่น
“ข้า...ไม่อาจตอบรับ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหนักแน่นทันทีนางก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยเสียงมั่นคง
“สตรีงามกว่าข้ามีถมไป ข้าก็มิใช่สตรีสูงศักดิ์ หากฝืนรับตำแหน่งนี้ เกรงจะไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง”
“ข้ออ้าง...บอกความจริงมาเถอะ” น้ำเสียงของเขาเ็าจางเหยียนหลิงชะงักนิ่งเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าลง
“ข้ามีคนรักอยู่แล้ว หัวใจข้าไม่อาจมอบให้ผู้ใดได้อีก”
“ความรักโง่เขลา!” เขาพึมพำเบา ๆ หันไปจิบชาอย่างสบายใจ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ข้าจะบอกเ้าให้รู้ไว้ ว่าบนโลกใบนี้ ไม่มีรักแท้อยู่จริง คนที่ละทิ้งผลประโยชน์เพื่อความรัก มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำ” กล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินจากไป ท่ามกลางความเงียบ จางเหยียนหลิงเงยหน้าขึ้น มองแผ่นหลังของชายสูงศักดิ์ไปด้วยความคิดพรั่งพรู
‘ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ได้ ผู้นั้นย่อมแสวงหาเพียงผลประโยชน์ ไร้ซึ่งความจริงใจต่อผู้คน คนเช่นนี้ข้าไม่ควรอยู่ใกล้’
ไม่นานหลังจากนั้น ลี่เทียนจินก็เข้าวังหลวง เพื่อสอบเป็จิงซื่อตามที่ตั้งใจไว้ จางเหยียนหลิงเดินไปส่งเขาหน้าวังหลวง ท่ามกลางผู้คนหลั่งไหลเข้าร่วมการสอบหลายร้อยคน หญิงสาวยื่นอาหารกลางวันให้พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ทำให้ได้นะ ข้ากับท่านแม่จะรอฟังข่าวดี” ชายหนุ่มยิ้มแล้วดึงร่างของนางมากอดแแ่
“เหยียนหลิง ข้ารักเ้านะ รอข้าอีกหน่อยข้าจะไม่ทำให้เ้าลำบากเช่นวันนี้เด็ดขาด” หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ เมื่อเขาหันหน้าเดินเข้าสู่วังหลวง นางมองจนลับสายตา
สำหรับหญิงธรรมดาสามัญชนเช่นนาง มิอาจรู้ว่าด้านในวังหลวงมีหลักเกณฑ์อย่างไร นางเพียงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ในทุกวันยังคงนั่งวาดภาพที่ตนเองถนัด ก่อนวางมือจากพู่กันแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดดูสมุนไพรที่ใช้รักษาคนไข้ พบว่าเริ่มเหลือน้อยลง
จึงตัดสินใจออกไปหาสมุนไพรมาเพิ่ม ทว่าระหว่างทางเดินเข้าไปในตลาด เห็นชาวบ้านได้รวมกลุ่มกัน มุงดูประกาศบางอย่างจากทางการ ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปอ่านประกาศเ่าั้ด้วยความอยากรู้
สายตากลมเลื่อนมองช้า ๆ ก่อนพบรายชื่อ ผู้สอบผ่านการเป็จิงซื่อ ในตอนแรกมองไม่ถนัดเท่าไรนัก จึงพยายามเบียดคนข้างหน้าเข้าไปแล้วอ่านให้ดีอีกครั้ง
‘ผู้สอบผ่านเป็จิงซื่อ -หลี่เทียนจิน’ ในประกาศติดรายชื่อของสามีไว้อย่างเด่นหรา ดวงใจหญิงสาวเปี่ยมด้วยความยินดี น้ำตาซึมมิอาจห้าม นางรีบตรงกลับบ้านไม้หลังเล็กเพื่อแจ้งข่าวดีนี้ แก่หลี่ชิงหลีมารดาของเขา
ทว่าเมื่อวิ่งไปถึงบ้าน กลับพบว่าบ้านเต็มไปด้วยขุนนางราชสำนัก หลี่เทียนจินในชุดขุนนาง หันมามองนางด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปี่ยมประกายแห่งความสำเร็จ น้ำตาคลอเบ้า
“เหยียนหลิง ข้าทำได้แล้วนะ” คำพูดน้อยนิดแต่มากด้วยความหมาย ทำให้หญิงสาวโผเข้ากอดเขาด้วยความภูมิใจ ก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“หลังจากนี้เราไม่ต้องอยู่บ้านเก่า ๆ หลังเล็กอีกแล้ว ทางราชสำนัก ให้พวกเราทั้งหมดย้ายไปอยู่ที่จวนขนาดใหญ่ ข้ามีเงินมากมาย สามารถดูแลเ้ากับท่านแม่ให้มีความสุขไปตลอดชีวิต”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้