เ้าของโรงประมูลเทียนเฉิง ผู้นี้มีนามว่า ซูจิ่งหลง ชายวัยสี่สิบต้น ๆ ผู้มากด้วยบารมี รอยยิ้มของเขามักสุภาพ อ่อนโยน และน่าคบหา...ทว่าในโลกใต้เงามืดของราชวงศ์ กลับไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ “พ่อค้าแห่งความตาย”
ในหมู่ชนชั้นสูง เขาคือชายที่มีสายเืพระญาติสืบทอดจากมารดา เป็ผู้มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชสำนักแต่ในโลกมืด…เขาคือ “พ่อค้าแห่งความตาย”ผู้ควบคุมการค้าทุกสิ่งที่ถูกห้าม ไม่ว่าจะเป็โอสถพิษ อาวุธลับ ไปจนถึงคำสั่งลอบสังหารโรงประมูลเทียนเฉิงของเขา…เปรียบได้กับดวงจันทร์ที่ยิ้มงามในยามราตรี แต่ภายในนั้นกลับซ่อนคมมีดและเืนับไม่ถ้วน
วันนี้ เขาเชิญ หลานเยว่ มายังห้องรับรองชั้นสูงสุดของโรงประมูลโต๊ะน้ำชาไม้จันทน์แดง ประดับหยกน้ำผึ้ง เครื่องชาชั้นเลิศจากแดนใต้ กลิ่นหอมลอยคลุ้งอย่างอบอุ่นทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างประณีต ราวกับ้าแสดง ความจริงใจ
หลานเยว่มองทุกสิ่งอย่างเรียบเฉย ร่างในชุดคลุมสีดำยืนนิ่งอยู่กลางห้องราวกับเงาในหิมะ นางไม่เอื้อนเอ่ยคำขอบคุณ มิได้ซาบซึ้งต่อความหรูหรานางเพียงหันไปมองบุรุษผู้นั้น ดวงตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย
“ภายนอกเ้าดูเป็บุรุษที่เปี่ยมเกียรติ…แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะซ่อนตัวตนเช่นนั้นไว้ได้แเี” น้ำเสียงของนางไร้ซึ่งแววตำหนิหรือชื่นชม…แต่กลับฟังคล้ายเหยียดหยามเสียยิ่งกว่าซูจิ่งหลงไม่กล่าวสิ่งใดในทันทีเพียงยกถ้วยชาอย่างสงบ ดวงตาเฉียบคมลอบจับจ้องหญิงสาวตรงหน้า...ราวกับกำลังประเมินค่าของสมบัติหายาก
“เกียรติ…เป็เพียงฉากหน้าคนที่กล้าเปิดร้านค้ากลางสุสาน ย่อมต้องเข้าใจดี ว่าเหรียญนั้นมีสองด้าน”
ซูจิ่งหลง ชายผู้ผ่านสนามการค้ามาอย่างโชกโชน ย่อมรู้ดีว่า...สิ่งล้ำค่า มิได้มาจากเพียงคุณสมบัติของมัน แต่จาก ความขาดแคลน และ ความหมายที่ถูกใส่ลงไป เขาจึงวางกลยุทธ์ให้ยาพิษของหลานเยว่…มิใช่ของที่วางขายตามร้านโอสถทั่วไปแต่กลายเป็ของลับ ที่จะถูกผลิตออกมาเพียงน้อยนิด ราวกับหยดพิษจาก์
ทุกขวดจะถูกประมูลอย่างลับเฉพาะในค่ำคืนที่เหล่าผู้มีอำนาจ และผู้มีศัตรูมากเกินไป พร้อมใจกันยื่นเงินทอง ทรัพย์สิน หรือแม้แต่ดวงใจเพื่อแลกกับเพียง หนึ่งโอกาสที่จะทำให้ใครบางคน... หายไปจากโลกนี้ อย่างไร้ร่องรอย
“สมแล้วที่เป็พ่อค้า...” หลานเยว่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ดวงตาเปล่งแสงบางเบาแห่งความพึงใจ“เื่การค้าขายเช่นนี้ ข้าคงสู้เ้ามิได้จริง ๆ” คำพูดของนางดูคล้ายชมเชย แต่หากฟังให้ลึก…จะพบว่ามันเปี่ยมด้วยการยอมรับโดยปราศจากอัตตานางเหนื่อยน้อยลง ทว่ากลับได้ผลลัพธ์มากขึ้นนี่คือสิ่งที่นาง้าและชายตรงหน้า…ก็ทำให้มันเกิดขึ้นจริงแต่แล้วทันใดนั้นในขณะที่บทสนทนาควรจะเดินหน้าไปในเส้นทางแห่งการคำนวณผลประโยชน์หลานเยว่กลับถามคำถามที่ดูแปลกประหลาดจนทำให้ซูจิ่งหลงนิ่งไปชั่วครู่
“ในเมืองหลวงแห่งนี้...เ้าพอจะรู้จักโรงเรียนไหนดี ๆ บ้างหรือไม่?” คำถามธรรมดา…แต่ไม่ควรออกจากปากของสตรีที่เพิ่งฆ่าคนต่อหน้า และรังสรรค์พิษที่เขย่าโลกมืด
ซูจิ่งหลงชะงัก สีหน้าว่างเปล่าไปชั่วขณะแววตาของเขาฉายความไม่แน่ใจ…ระคนประหลาดใจ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสุภาพเพราะเขารู้ดีว่า...ต่อให้สตรีตรงหน้าเอ่ยขอ “ม้าบินทะลุเมฆ” เขาก็ต้องหามาให้ได้
“ตัวข้านั้น เป็ทั้งพ่อค้า… และมีสายเืราชสกุลในร่าง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ริมฝีปากประดับรอยยิ้มบางเบา“ในเมืองหลวงนี้ ต่อให้เป็โรงเรียนหลวงขององค์ชาย ข้าก็พอบากหน้าไปฝากใครบางคนเข้าได้”
หลานเยว่เงียบไปเพียงอึดใจ ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นปลดผ้าคลุมใบหน้าของตนเองออกอย่างช้า ๆ หากชายตรงหน้าเปิดเผยความลับให้เห็น นางก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป
แสงจากโคมไฟสาดส่องต้องดวงหน้าเรียวของนาง ใบหน้างามดุจหยกขาวสะท้อนเงาจางในดวงตาของซูจิ่งหลงชายผู้นั้นถึงกับชะงักงัน ลมหายใจสะดุด ใบหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“…เ้า…เ้าคือ…!”
เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นแต่ความทรงจำกลับชัดเจนอย่างน่าหวาดหวั่น
“บุตรสาวของแม่ทัพหลานซือเหยียน...”
เสียงของเขาเอ่ยออกมาในที่สุด ราวกับความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเขาเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน เคยพบในงานเลี้ยงของขุนนาง เคยได้ยินเสียงซุบซิบถึงสตรีไร้ปราณผู้หนึ่ง ผู้คนต่างกล่าวขานว่านางมีเพียงรูปโฉมที่งดงาม ทว่าไร้ ไร้ค่าจนกระทั่งแม้แต่บิดาแท้ ๆ ยังไม่คิดเหลียวแล แต่บัดนี้ผู้หญิงคนเดียวกันกลับยืนอยู่ตรงหน้าเขาในฐานะ ยมทูตแห่งความตาย
หลานเยว่เพียงยิ้มอ่อน รอยยิ้มของนางอบอุ่น นุ่มนวล ราวกับสายลมยามเช้าแต่กลับทำให้ขนทั่วร่างของซูจิ่งหลงลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุ
“คนทุกคน...ล้วนมีเื้ัของตนเอง จริงไหม ซูจิ่งหลง” คำพูดของนางราวกับเสียงสะท้อนในหุบเหวอ่อนโยน...แต่ลึกจนััได้ถึงความเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่ข้างใต้
“เ้ารู้ใช่หรือไม่...”เสียงของหลานเยว่เปล่งออกมาแ่เบา ทว่าทุกถ้อยคำกลับหนักแน่น“…หากเ้าคิดจะเผยตัวตนของข้า แม้เพียงคำเดียว ผลลัพธ์...จะเป็เช่นไรกับเ้า?”
น้ำเสียงของนางเย็นเยียบ ราวกับกระแสน้ำลึกใต้เหวคล้ายดึงผู้ฟังให้จมลงไปสู่ความมืดมิดอย่างไม่มีวันผุดขึ้นอีกซูจิ่งหลงแม้จะเคยพบเจอเล่ห์เหลี่ยมและภัยร้ายจากคนมามากมาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเยือกถึงสันหลังภาพของเ้าของร้านโอสถที่ไร้ลมหายใจยังคงฝังอยู่ในหัวของเขาชายผู้นั้นไม่มีโอกาสได้เอ่ยแม้แต่คำขอชีวิตเพียงเพราะผิดสัญญา
นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นกับตาตนเองคำขู่ของสตรีนางนี้...ไม่ใช่แค่ลมปากแต่คือประโยคตัดสินชะตา ที่กล่าวแล้ว ต้องมีคนตาย
เขาแทบไม่เชื่อเลยว่า สตรีที่ถูกโลกกล่าวหาว่าไร้ค่า ไร้พลัง ไร้อนาคต กลับยืนอยู่ตรงหน้าเขาในฐานะ...ปีศาจผู้สวมรอยเป็ดอกไม้ นางเงียบ แต่แววตากลับล้ำลึกยิ่งกว่าผืนทะเลราตรีซูจิ่งหลงหัวเราะขึ้นเบา ๆ เพื่อกลบความประหม่าที่ซ่อนไว้แทบไม่มิด
“ฮ่าฮ่า... แน่นอน แน่นอน...”เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งขอความเมตตาแต่ยังคงรักษามาดพ่อค้าไว้ได้
“พวกเราสองคนมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแน่นแฟ้น ข้าย่อมไม่โง่พอจะทำลายเส้นทางแห่งทองคำด้วยมือตนเอง”
เขาเว้น่เล็กน้อย ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง“หากข้าผิดคำ...เชิญเ้ามาเอาชีวิตข้าไปได้เลย”
คำพูดนั้นแฝงรอยขัน พลางหัวเราะเบา ๆ อีกครั้งแต่เม็ดเหงื่อเย็นที่ไหลช้า ๆ ลงจากขมับกลับเป็สิ่งที่ซูจิ่งหลงไม่อาจปิดบังได้เพราะในใจลึก ๆ เขารู้ดีว่า...หากวันหนึ่งเขาพลั้งปากแม้เพียงนิดเดียวสตรีตรงหน้า...จะไม่ลังเลที่จะเอาชีวิตเขา