เพียงพริบตา วันแต่งงานของสวีเพ่ยหรานกับหนีเจียเอ๋อร์ก็มาถึง ตอนนี้ที่ด้านนอกจวนสกุลหนี จึงประดับประดาไปด้วยโคมไฟอันงดงาม
แม้จะเป็วันดี วันมงคล แต่สีหน้าของคนสกุลหนี ก็ใช่ว่าจะสู้ดีเท่าใดนัก…
เว่ยอี๋เหนียงตาแดงก่ำและบวมเป่ง ประหนึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากแทบจะมิได้แตะต้องอาหารเลยนับแต่บุตรสาวถูกขัง พอเห็นเช่นนั้น นายท่านหนีจึงกักตัวนางไว้ในเรือน โดยมีบ่าวจำนวนหนึ่งคอยปรนนิบัติรับใช้
ส่วนคนอื่นๆ เมื่อไม่เห็นเว่ยอี๋เหนียง ต่างก็เข้าใจไปว่าโรคเดิมของนางกำเริบ จึงไม่อาจเข้าร่วมงานแต่งของบุตรสาวได้
สำหรับสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่าน ก็มีท่าทีไม่พอใจ และไม่คิดจะแสดงความยินดีกับงานมงคลของหนีเจียเอ๋อร์แม้แต่น้อย
อีกด้านหนึ่ง หนีเจียเฮ่อที่เพิ่งกลับมา เมื่อเห็นท่าทีของพี่สาวและฮูหยิน ก็ให้รู้สึกแย่ จนไม่สามารถฝืนยิ้มได้
บัดนี้ จึงมีเพียงนายท่านหนีคนเดียวเท่านั้น ที่ยืนต้อนรับแเื่ซึ่งมาร่วมงานด้วย ‘รอยยิ้ม’
เขาอาศัยจังหวะที่ไม่มีคน หันมากระซิบกับพ่อบ้านว่า “ไปเฝ้านางให้ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาด!”
อีกฝ่ายค้อมศีรษะรับคำสั่ง แล้วรีบตรงไปที่เรือนของหนีเจียเอ๋อร์ทันที
เมื่อเห็นพ่อบ้าน เสี่ยวเสวียนก็คุกเข่า ก่อนพูดทั้งน้ำตา “โปรดให้ข้าเข้าพบนายท่านด้วย ข้าจะไปขอร้องให้นายท่านปลดเชือกให้คุณหนู มิเช่นนั้น คุณหนูอาจจะตายได้”
ได้ยินแบบนั้น พ่อบ้านก็เข้ามาโน้มน้าวสาวใช้ที่กำลังขวัญเสีย “พอเถอะเสี่ยวเสวียน แม้แต่เว่ยอี๋เหนียงก็ยังไม่อาจขอร้องนายท่านได้ หากปล่อยให้เ้าทำแบบนี้ ก็รังแต่จะทำให้นายท่านโมโหเปล่าๆ แล้วเ้าเองนั่นแหละที่จะถูกลงโทษ ฟังข้าเถอะ ไปช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูรองเสีย”
สาวใช้ส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง “แม้จะถูกลงโทษ ข้าก็ไม่กลัว หากสามารถช่วยบรรเทาความเ็ปของคุณหนูรองได้ ข้าก็ยินดี ให้ข้าไปเถอะนะ”
พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมแม่นางน้อยตรงหน้าอย่างไรแล้ว “พวกเ้า พานางไปขังในห้องนั้น จับตาดูให้ดีๆ อย่าให้ทำอะไรที่อาจเดือดร้อนมาถึงเราได้ มิเช่นนั้น พวกเราทั้งหมดต้องถูกลงโทษแน่ เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อได้ยินว่าตนกำลังจะถูกนำไปขัง เสี่ยวเสวียนก็เตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่โชคร้าย ที่ถูกจับได้เสียก่อน นางถูกดันตัวเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ก่อนที่ประตูจะถูกปิดลงอย่างแ่าจากด้านนอก
เสี่ยวเสวียนตบประตูระรัว พร้ะโกนขอความเมตตาอย่างสุดเสียง แต่ก็ไร้ผล นางจึงค่อยๆ ทรุดตัวลงพิงบานประตูด้วยความสิ้นหวัง รู้สึกผิดยิ่งนัก ที่ไม่สามารถช่วยอะไรคุณหนูของตนได้เลย
...
ภายในห้องนอนของหนีเจียเอ๋อร์
ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย ที่จู่ๆ ก็มีสาวใช้แปลกหน้าสองคน เข้ามาแต่งองค์ทรงเครื่องให้
หนีเจียเอ๋อร์ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความอ่อนแรง มองดูร่างกายผ่ายผอมทรุดโทรมที่สะท้อนอยู่ในกระจก ด้วยความสมเพชตัวเอง
พอเห็นคุณหนูเป็เช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองก็อดสงสารมิได้
พ่อบ้านสกุลหนีก็เช่นกัน ด้วยตนเองก็เห็นคุณหนูหนีเจียเอ๋อร์มาั้แ่เล็ก เขาจึงรักนางไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวเสวียนเลย แต่เนื่องจากคำสั่งของนายท่านหนี จึงไม่อาจขัดขืนได้
เสียงปี่ซั่วน่า[1] ดังขึ้นที่นอกประตูจวนสกุลหนี จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงประทัด
อาชาสูงสง่า พร้อมสวีเพ่ยหรานในชุดแต่งงานสีแดงสด ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินไปยังเรือนของหนีเจียเอ๋อร์ และอุ้มนางขึ้นเกี้ยวเ้าสาว
เสียงปี่ซั่วน่าดังขึ้นอีกครั้ง แล้วขบวนเกี้ยวเ้าสาวก็เริ่มเคลื่อนออกไป
ช่างเป็พิธีการที่ถูกตัดทอน จนแขกทุกคนได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความฉงน... เหตุใดจึงทำเช่นนี้?
ไม่นาน ขบวนเกี้ยวเ้าสาวก็มาถึงบริเวณที่เขานัดหมายโจวชิงหวาเอาไว้ สวีเพ่ยหรานเหลียวไปมองคนในเกี้ยว ก่อนหันกลับมากระทุ้งขา ม้าร้องเสียงดัง แล้วย่ำเท้าเร็วขึ้น
เมื่อเกี้ยวใหญ่มาถึง โจวชิงหวาที่ดักรออยู่ ก็ทะยานตรงไปยังเกี้ยว ก่อนทิ้งตัวลงบนอานม้า ทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมเอาไว้หมดแล้ว ทันทีที่นั่งลง ชายหนุ่มก็ตวัดแส้เพื่อเพิ่มความเร็วของม้า ไม่ช้า เกี้ยวสีแดงก็เคลื่อนตัวออกไปไกล
ห่างออกไป เสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนกก็ดังขึ้น “แย่แล้ว... เ้าสาวถูกลักพาตัว รีบตามไป เร็ว!”
ผู้คนในขบวน พากันวางสินสอดทองหมั้นและสิ่งของต่างๆ ในมือลง แล้ววิ่งไล่ตามเกี้ยวเ้าสาวไป
ท่ามกลางความวุ่นวาย สวีเพ่ยหรานและหนีเจียเฮ่อกลับมีท่าทีที่ต่างออกไป คนทั้งสองเพียงหันหลัง เดินทางย้อนกลับมายังจวนสกุลหนีด้วยท่าทีปกติ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เื่นี้ถูกแจ้งไปยังจวนสกุลสวีอย่างรวดเร็ว เมื่อนายท่านสวีได้ยิน ก็แทบจะกระอักเืออกมา
พ่อบ้านจึงรีบเข้ามาดูอาการในทันใด “นายท่านโปรดวางใจ อย่างไรเสีย นายน้อยของเราก็เป็ถึงเสนาบดีกรมราชทัณฑ์”
งานสมรสล่มไม่เป็ท่า นายท่านสวีจำต้องส่งแขกทั้งหมดกลับไป จากนั้นจึงส่งคนไปรับบุตรชายกลับจวน
ในใจของสวีเพ่ยหรานยามนี้ ทั้งรู้สึกเสียใจและโล่งอกในเวลาเดียวกัน พอกลับถึงจวน ชายหนุ่มก็เดินฝ่าสายตาของผู้คนเข้าไปในเรือน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทำหน้าที่ของตนทันที
...
ไม่ช้า เื่ก็มาถึงหูนายท่านหนี ด้วยความโมโห เขาจึงสั่งให้คนของจวนสกุลหนีออกไปช่วยตามหาบุตรสาว และจับกุมตัวโจวชิงหวา
หนีเจียเฮ่อที่เพิ่งกลับมา ก็ต้องออกไปช่วยตามหาเช่นกัน
ด้านสวีซื่อ เว่ยอี๋เหนียง และหนีจวิ้นหว่าน รีบมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลสวี
พอหนีจวิ้นหว่านรู้ว่าสวีเพ่ยหรานออกไปแล้ว ก็ไล่ตามไปทันใด
ส่วนสวีซื่อก็ใส่ไฟหนีเจียเอ๋อร์ โดยบอกกับนายท่านสวีว่าโจวชิงหวามิได้ลักพาหญิงสาว แต่นี่คือแผนการที่คนทั้งสองวางเอาไว้ เพราะตั้งใจจะหักหน้าสวีเพ่ยหราน
นายท่านสวีที่เดิมโมโหอยู่แล้ว เมื่อได้ยินน้องสาวกล่าวเช่นนั้น แรงโทสะก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก หลังจากสนทนากันสักพัก พวกเขาก็ตัดสินใจส่งมือสังหารออกไปลอบฆ่าหนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวา
นายท่านสวีจัดการทุกสิ่งอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดเสมอ เขาจึงออกคำสั่งทันที “ข้าไม่สนว่าพวกเ้าจะใช้วิธีการใด แต่ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกมันอีก!”
มือสังหารโค้งกายลง หลังรับคำสั่งแล้ว ก็เริ่มลงมือทันที
สวีซื่อหรี่ตาลง ซ่อนรอยยิ้มชั่วร้ายของตนเอาไว้
...
ณ ชายแดน
เสียงเกือกม้าดังเป็จังหวะ ตอนนี้รอบกายของพวกเขา มีกลุ่มชายชุดดำกำลังตีวงล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเกรงว่าหนีเจียเอ๋อร์จะทนแรงกระแทกจากการควบม้าไม่ไหว โจวชิงหวาจึงลดความเร็วลง ทำให้คนเ่าั้ไล่ตามมาทัน ดังนั้นชายหนุ่มจำต้องเร่งม้า โดยใช้มือหนึ่งกุมบังเหียนและประคองร่างผอมบางของหญิงสาวเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็กระชับกระบี่มั่น พร้อมตอบโต้หากถูกโจมตี
หนีเจียเอ๋อร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า นางก็หดตัวลงด้วยความใ
โจวชิงหวากอดเอวบางแน่น ก่อนก้มลงกระซิบที่ข้างหู “อย่ากลัวไปเลย ข้าอยู่นี่แล้ว”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความลำบาก รอยยิ้มบางๆ พลันปรากฏบนใบหน้าซีดเซียว “ข้าไม่กลัว แต่าแของเ้า...”
โจวชิงหวาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็ไร แค่มีเ้าก็พอ”
ขณะมองพวกเขากระซิบกัน เหล่ามือสังหารก็เริ่มจะหมดความอดทน แล้วหนึ่งในนั้นก็ตะเบ็งเสียง “ลงมือ!”
พอเห็นม้ากว่าสิบตัวเร่งรุดเข้ามา ชายหนุ่มก็กระชับกระบี่กวัดแกว่งออกไปรอบตัว เป็การสร้างระยะห่าง
เพื่อปกป้องหนีเจียเอ๋อร์แล้ว เขาย่อมไม่หวั่น หากต้องเผชิญหน้ากับศัตรู!
------------------------------------
[1] ปี่ซั่วน่า (唢呐) เป็เครื่องดนตรีทางตอนเหนือของจีนที่มีลักษณะคล้ายแตร