จ้าวซื่อถามว่า “หมายความว่าอย่างไร”
หลี่หรูอี้บอกว่า “ท่านแม่ ครั้งนั้นจางซิ่วไฉมากันทั้งครอบครัวนะเ้าคะ ข้าคิดว่าจางซิ่วไฉสามีภรรยามีท่าทีหมายตาบ้านเราเช่นกันเ้าค่ะ”
“จริงรึ?” ดวงตาของหลี่ฝูคังเป็ประกายพลางประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างตื่นเต้น แล้วพูดว่า “แต่คงไม่ได้หมายตาข้ากระมัง”
คิ้วงามของหลี่หรูอี้เลิกขึ้นพลางยิ้มน้อยๆ บอกว่า “พี่ใหญ่หมั้นหมายไปแล้ว พวกเขาไม่ได้หมายตาพี่แล้วจะหมายตาผู้ใดกันเล่าเ้าคะ”
จ้าวซื่อนึกย้อนไปถึงครั้งที่ครอบครัวจางซิ่วไฉมาเยือนอย่างละเอียด ตอนที่หม่าซื่อถามเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูบุตร ก็ยังให้จ้าวซื่อยกตัวอย่างจากบุตรชายของนางด้วย
ครั้งนั้นพอจ้าวซื่อเอ่ยถึงหลี่ฝูคัง หม่าซื่อก็ตั้งอกตั้งใจฟังเสียอย่างยิ่ง
“พอเ้าว่ามาแบบนี้ แม่ก็รู้สึกว่ามีเื่เช่นนั้นจริงๆ ด้วย” จ้าวซื่อตื่นเต้นขึ้นมา ทว่ามาคิดอีกทีจางอวิ๋นก็เป็ถึงบุตรีของซิ่วไฉ แล้วจะมีเื่ดีงามเช่นนี้ร่วงลงมาบนหัวบุตรชายคนรองของนางได้หรือ
หลี่ฝูคังร้อนใจยิ่งนัก ถามขึ้นว่า “ท่านแม่ขอรับ พวกเราไปเอ่ยเื่หมั้นหมายกับครอบครัวท่านอาจารย์ข้าได้หรือไม่ขอรับ”
จ้าวซื่อเห็นบุตรชายคนรองร้อนใจเพียงนี้ จึงถามว่า “หากจางซิ่วไฉปฏิเสธ วันหน้าเ้ายังจะมีหน้าไปเรียนหนังสือที่สำนักเล่าเรียนของเขาอีกหรือไม่”
สีหน้าของหลี่ฝูคังเปลี่ยนไปทันใด หันมาขอความช่วยเหลือว่า “น้องสาว รีบหาวิธีช่วยพี่หน่อยสิ”
หลี่หรูอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ท่านแม่ พี่รอง บ้านเราไม่ต้องไปเอ่ยเื่หมั้นหมายตรงๆ แต่สามารถใช้โอกาสตอนไปไหว้ปีใหม่หยั่งเชิงความคิดอ่านของจางซิ่วไฉสามีภรรยาดูก่อนได้นี่เ้าคะ หากพวกเขาเห็นดีเห็นงาม พวกเราค่อยเอ่ยเื่หมั้นหมาย อย่างไรพวกเราก็ไม่ต้องเสียหายอันใด”
ตอนนั้นเองหลี่ซานก็เดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี เห็นแม่ลูกสามคนพากันนั่งอยู่บนตั่งกลมข้างเตียงเตากระซิบกระซาบกันอยู่ จึงถามยิ้มๆ ว่า “พวกเ้ากำลังคุยเื่ใดกันอยู่”
หลี่หรูอี้กวักมือเรียกบิดาบอกเสียงเบาว่า “เื่มงคลของพี่รองเ้าค่ะ ท่านพ่อรีบมาออกความเห็นกันเถิดเ้าค่ะ”
หลี่ซานเดินขึ้นไปนั่งบนเตียงเตา กล่าวว่า “ฝูคังจะได้หมั้นหมายแล้ว ข้าถูกชะตากับท่านอาจางและพี่จาง เื่แต่งงานครั้งนี้จึงดีนัก”
จ้าวซื่อตบแขนหลี่ซานเบาๆ เอ็ดไปว่า “ไม่ใช่บ้านสกุลจาง ไม่สิ เป็สกุลจางด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่บ้างเ้าจางคนขายเนื้อ แต่เป็บ้านจางซิ่วไฉ”
พอได้ยิน หลี่ซานก็สร่างเมาไปทันที ร้องอย่างใว่า “บ้านจางซิ่วไฉ!?”
หลี่ซานกวาดตามองคนทั้งสามรอบหนึ่ง “บ้านจางซิ่วไฉนั้น พวกเราไม่ไหวหรอก”
หลี่ฝูคังรู้ดีอยู่แก่ใจจึงสีมีหน้าผิดหวัง ถ้าเขามีตำแหน่งขุนนางก็คงดี ยามนี้จึงยิ่งมุ่งมั่นหนักหนาว่าจะสอบขุนนางให้ได้
หลี่หรูอี้รู้อยู่แล้วว่าบิดาต้องพูดเช่นนี้ พอเห็นว่าคำพูดของบิดาทำให้พี่รองะเืใจจนเฉาไปทั้งตัว จึงกระแอมแล้วพูดช้าๆ ว่า “ท่านพ่อเ้าคะ หากเป็เมื่อก่อนนี้บ้านเราคงไม่กล้าคิด แต่ยามนี้กลับลองคิดดูได้นะเ้าคะ”
“พี่ซาน ถ้าพวกเราไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านจางซิ่วไฉจะไม่เห็นดีด้วย” จ้าวซื่อคิดว่าในเมื่อมีหวังก็น่าจะลองพยายามไขว่คว้า โดยเฉพาะในขณะที่บุตรชายคนรองมีใจปองต่อจางอวิ๋นเช่นนี้
หลี่ซานเห็นสีหน้าผิดหวังของบุตรชายคนรองก็รู้สึกโทษตนเองอยู่ในใจ หากครอบครัวของตนมีฐานะดีกว่านี้ก็คงจะดี ถ้าได้ย้ายเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอ ก็มิใช่จะมีคุณสมบัติพอไปสู่ขอบุตรสาวบ้านจางซิ่วไฉได้แล้วหรอกหรือ
หลี่หรูอี้กล่าวว่า “วันพรุ่งพอบ้านเราไปไหว้ปีใหม่บ้านจางซิ่วไฉ ท่านพ่อก็บอกต่อหน้าจางซิ่วไฉว่า มีคนในตำบลจะยกลูกสาวให้แต่งกับพี่รอง จากนั้นค่อยบอกว่า พี่รองอยากเป็บุตรเขยของจางซิ่วไฉ พอถึงยามนั้นหากจางซิ่วไฉถูกใจพี่รอง ก็จะต้องแอบแสดงท่าทีบางอย่างให้เห็นเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อตัดสินใจฉับไว “ตกลง ข้าเองก็คิดเช่นนี้ วันพรุ่งเอาดังนี้ก็แล้วกัน”
หลี่ฝูคังมองไปทางมารดาและน้องสาวด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
หลี่ซานคิดอยู่สักพัก แม้แต่ตาเฒ่าจางก็ยังยอมแบกหน้าชรามาถามเขา แล้วเหตุใดเขาจะไม่ยอมแบกหน้าไปถามจางซิ่วไฉเล่า หนำซ้ำบ้านตนยังเป็ฝ่ายชาย บุรุษเกี้ยวสตรีมีสิ่งใดให้ต้องขวยเขิน จึงว่า “ฝูคัง วันพรุ่งพ่อจะลองถามให้เ้าดู”
หลี่ฝูคังเอ่ยอย่างตื้นตันใจว่า “ขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องสาว”
ถึงยามบ่ายคนสกุลหลี่ไปไหว้ปีใหม่ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน และครอบครัวที่ค่อนข้างสนิทสนมรักใคร่กันอีกหลายครอบครัว
อู่อวี๋เหนียนพ่อลูกกลับมาจากที่ว่าการอำเภอ และยังนำเงินรางวัลนำจับกลับมาด้วยห้าตำลึงเงิน
ที่แท้นายอำเภอห่าวมีประกาศจับชวีผิง เมื่อบ้านสกุลหลี่จับตัวชวีผิงไปส่งให้ที่ที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอห่าวจึงเบิกเงินรางวัลนำจับมอบให้อู่อวี๋เหนียนพ่อลูก
“ผู้ที่มีคุณงามความดีมากที่สุดในครานี้ก็คือ เจาไฉกับจิ้นเป่า วันหลังให้พวกมันกินกระดูกหมูมากขึ้นสักหน่อย” หลังจากที่หลี่ซานกับจ้าวซื่อหารือกันก็มอบเงินรางวัลให้อู่อวี๋เหนียนพ่อลูกสองตำลึงเงิน ทำให้พวกเขาดีใจจนยิ้มไม่หุบ
“ชวีผิงเป็ผู้ร้ายฆ่าคนตายที่โเี้เป็ที่สุด แม้แต่ลูกผู้น้องหญิงข้างบิดาตนแท้ๆ ก็ยังลงมือสังหารได้ พอเขาถูกจับคราวนี้ทุกคนก็สบายใจกันได้แล้ว”
“ท่านนายอำเภอยังชื่นชมบ้านเราอีกด้วย” อู่อวี๋เหนียนพ่อลูกเล่าเื่ที่ได้รับคำชื่นชมจากที่ว่าการอำเภอ และยังบอกอีกว่า “ท่านนายอำเภอยังชมผู้ใหญ่บ้านหวังด้วย”
เอ่ยถึงโจโฉ โจโฉก็มา[1] หวังไห่ตั้งใจมาไหว้ปีใหม่สกุลหลี่โดยเฉพาะ “วันนี้มีเื่ยุ่งั้แ่เช้าจนถึงตอนนี้ จึงเพิ่งมีเวลาว่าง”
“พี่หวัง เย็นนี้ท่านก็อยู่กินข้าวที่เรือนข้าเถิด พวกเราพี่น้องสองคนมาดื่มสุรากันให้หนำใจสักคราว” หลี่ซานเชื้อเชิญด้วยไมตรี “ข้าจะให้ลูกไปเรียกพี่สะใภ้กับหลานๆ มาด้วย”
หวังไห่เห็นสกุลหลี่มีน้ำใจเพียงนี้ นอกจากนี้โทสะที่เขารู้ว่าหวังซานนิวเข้าหอคณิกาก็บางเบาลงมากแล้ว จึงหัวเราะและกล่าวว่า “ตกลง ข้ากำลังอยากกินกับข้าวเรือนเ้าอยู่พอดี”
วันรุ่งขึ้นหลี่หรูอี้อยู่ที่เรือนคอยเฝ้าน้องชายทั้งสองคน โดยมีนางจางกับอู่ต้าอยู่ด้วย
หลี่ซานสามีภรรยาและเด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่คนนั่งเกวียนลาที่อู่อวี๋เหนียนและอู่เอ้อร์เป็คนขับเดินทางไปไหว้ปีใหม่จางซิ่วไฉที่ตำบลจินจี
เมื่อวานนี้เป็วันชิวอิก คนในหมู่บ้านต่างมาไหว้ปีใหม่สกุลหลี่กันแล้ว คนสกุลหลี่จึงนึกว่าวันที่สองหลังปีใหม่จะไม่มีคนมาอีก ผู้ใดจะรู้ว่าผู้ป่วยในรัศมีหลายสิบลี้จะพากันมาไหว้ปีใหม่หลี่หรูอี้กันในวันนี้
ปีที่แล้วเมื่อหลายเดือนก่อน หลี่หรูอี้รักษาผู้ป่วยไปหลายสิบคนโดยไม่คิดค่ารักษา
อาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยเหล่านี้ล้วนเป็โรคซับซ้อนยากที่จะรักษาได้ กระทั่งแพทย์เลื่องชื่อของอำเภอฉางผิงและในตัวเมืองเยี่ยนก็ยังรักษาไม่ได้ แต่กลับได้ยาของหลี่หรูอี้ขจัดโรคภัยไปได้
หลังจากผู้ป่วยเหล่านี้หายเจ็บไข้ก็ส่งของกำนัลมาขอบคุณ ผู้ป่วยบางคนหลังจากหายดีแล้วก็ยังนิ่งเฉย เพราะรอจะส่งของกำนัลมาตอนวันปีใหม่นั่นเอง
“ท่านหมอเทวดาน้อยโปรดนั่งข้างบนรับการคารวะจากพวกเราสามีภรรยาด้วย ขอให้ท่านมีความสุขวันปีใหม่ มีสิริมงคลสมดังปรารถนาทุกประการ”
“ได้ยินว่าบ้านของหมอเทวดาน้อยทำการค้ายุ่งนัก จึงไม่กล้ามารบกวน รอจนถึงวันปีใหม่ ขอหมอเทวดาน้อยอภัยด้วย”
“พวกเราสามีภรรยาไปจับหมูป่าบนูเา แล้วเอาขาหมูป่าสองขาไปหมักเกลือ และนำมาให้ท่านหมอเทวดาน้อย ลองชิมดูนะเ้าคะ”
“ท่านหมอเทวดาน้อย มีหัตถ์เทวะช่วยยายแก่ผู้นี้เอาไว้ บุญคุณนี้ยายแก่เช่นข้าไม่อาจตอบแทบได้ชั่วชีวิต”
บ้านสกุลหลี่มีคนมาหาไม่ขาดสายั้แ่เช้าจรดบ่าย หลี่หรูอี้ถึงกับไม่ได้พักเที่ยง ทั้งไม่มีเวลามาพะวงว่าหลี่ซานจะเอ่ยเื่หมั้นหมายกับเรือนจางซิ่วไฉเป็อย่างไรบ้าง
อู่โก่วจื่อเห็นว่าบ้านสกุลหลี่มีแเื่มามากมาย จึงอาสามาช่วยหลี่หรูอี้ต้อนรับแขก
“พี่สาวข้าจวนหายดีแล้ว พี่สาวบอกว่า จะมาโขกหัวขอบคุณในบุญคุณของเ้า”
“เราสองครอบครัวยังจะเห็นเป็อื่นไกลใดอีก พี่สาวเ้าโตกว่าข้าตั้งหลายปี อย่ามาโขกหัวให้ข้าเลย”
อู่โก่วจื่อเอ่ยยิ้มๆ “ข้าก็บอกเช่นนั้น แต่พี่สาวข้ากลับตั้งใจนักและยืนกรานเสียอย่างยิ่ง”
“เ้าไปบอกนางว่า หากจะทำเช่นนั้น วันหน้าถ้าไปค้าขายจะไม่พานางไปแล้ว”
“ตกลง อย่างไรเ้าก็หลักแหลมนัก แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้พี่สาวข้าเปลี่ยนความคิดได้แล้ว” อู่โก่วจื่อตาเป็ประกายพูดอย่างยินดีว่า “ดีล่ะหรูอี้ เ้ายังจะช่วยข้าออกความคิดเื่ค้าขายอีกใช่หรือไม่”
“ก็ใช่น่ะสิ มิเช่นนั้นเ้ากับพี่สาวเ้าก็ต้องเอาแต่อยู่ว่างๆ เบื่อๆ ในเรือน เอ๊ะ... พี่สาวเ้ายังช่วยท่านน้าทำงานบ้าน คนที่จะเบื่อก็มีแต่เ้า”
“ดีเหลือเกินหรูอี้ แม้แต่ข้าก็ยังอยากโขกหัวให้เ้า”
“ไม่ต้อง ระหว่างเราไม่ต้องมาสนใจเื่นี้ หากเ้าขอบใจข้า ข้าก็จะรับไว้ในใจ หรือไม่เ้าก็ต้องตั้งใจร่ำเรียนวิชาแพทย์เสีย”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] เอ่ยถึงโจโฉ โจโฉก็มา (สำนวนจากเื่สามก๊ก) หมายถึงกำลังพูดถึงและคนคนนั้นก็มาพอดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้