เยว่เฟิงเกอเห็นซูมู่เจ๋อมีท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจ ก็เลิกคิ้วน้อยๆ “เหมือนว่าเถ้าแก่ซูจะยังอยากเล่นต่อนะ? ”
“เล่น ต้องเล่นต่ออย่างแน่นอน ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้หรอก” ซูมู่เจ๋อกัดฟันพูด
สำหรับเยว่เฟิงเกอแล้ว นางจะอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่ว่าจะพนันกันแบบใดก็สามารถเอาชนะซูมู่เจ๋อได้อยู่แล้ว
ซูมู่เจ๋อเห็นว่าตอนนี้เหมือนจะมีแค่กู่ผาย [1] ที่เป็การเล่นพนันสำหรับสองคน ซึ่งกลโกงการเล่นกู่ผายของเขานับว่าเข้าขั้นเซียน
หากไม่ใช่เพราะซูมู่เจ๋อดูแคลนในตัวคู่ต่อสู้มากเกินไป คาดว่าคงจะเลือกเล่นกู่ผายกับนางั้แ่ตาแรกแล้ว
ซูมู่เจ๋อวางกู่ผายลงบนโต๊ะด้วยแรงที่ไม่เบานัก กล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “พวกเรามาเล่นกู่ผายกัน สามตากำหนดแพ้ชนะ หากว่าแม้แต่กู่ผาย ข้าก็ยังแพ้เ้าติดกันสามตาอีก ข้าจะยอมกราบเ้าเป็อาจารย์ เรียกเ้าว่าพี่ใหญ่แห่งโลกพนันสามครั้ง”
เยว่เฟิงเกอเห็นซูมู่เจ๋อดิ้นรนเป็ครั้งสุดท้าย นางก็ยิ้มแล้วแสดงท่าทีบอกให้เขาเริ่มได้เลย
อย่างไรเสีย กู่ผายก็อยู่ในมือซูมู่เจ๋อ ต่อให้นางจะโกงอีก ซูมู่เจ๋อก็จะมาชี้หน้าด่าว่านางโกงไม่ได้
ซูมู่เจ๋อแจกกู่ผายให้ตนเองและเยว่เฟิงเกอคนละสามอัน เพื่อจะดูว่าใครมีแต้มสูงสุดอยู่ในมือ
เยว่เฟิงเกอเลือกวางเดิมพันที่ฝั่งต่ำ แน่นอนว่าซูมู่เจ๋อย่อมต้องเลือกเดิมพันฝั่งสูง
ซูมู่เจ๋อเริ่มโกงั้แ่ตอนที่แจกกู่ผาย เขาจัดการลักขื่อเปลี่ยนเสากู่ผายเหล่านี้
กู่ผายที่เขาแจกให้เยว่เฟิงเกอล้วนมีแต้มสูง ส่วนของเขาเป็แต้มต่ำทั้งหมด
เนื่องจากเยว่เฟิงเกอเลือกเดิมพันที่ฝั่งต่ำไปก่อนแล้ว หากครั้งนี้นางได้แต้มสูงทั้งหมด ก็ย่อมต้องเป็ฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน
เยว่เฟิงเกอเพียงลูบกู่ผายบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจด้วยรู้อยู่แล้วว่าแต้มของตนเป็แต้มสูงทั้งหมด
เยว่เฟิงเกอยิ้มมองซูมู่เจ๋อ สายตาส่อแววว่านางมองแผนของเขาออกทั้งหมด
ซูมู่เจ๋อถูกเยว่เฟิงเกอจ้องจนรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ เขาเหลือบตามองกู่ผายตรงหน้าตน ก่อนจะผายมือทำทีให้เยว่เฟิงเกอแสดงกู่ผายของตนเอง
เยว่เฟิงเกอหัวเราะเบาๆ พึมพำเสียงเบา “ลูกไม้ตื้นๆ ”
แม้เสียงนางจะเบามาก แต่ซูมู่เจ๋อก็ได้ยินเต็มสองรูหู
เยว่เฟิงเกอเปิดกู่ผายในมือ แต่กลับทำให้ซูมู่เจ๋อรู้สึกประหลาดใจยิ่ง แต้มบนนั้นที่เดิมทีควรจะมีจำนวนมากกลับมีจำนวนน้อยเสียทั้งหมด
ซูมู่เจ๋อมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาตกตะลึง นึกย้อนไปถึงคำพูดเมื่อครู่ของนาง
เมื่อครู่เขายังคิดว่าตนฟังผิดไป จะอย่างไรตอนนั้นตัวเขาก็ก้มหน้ามองกู่ผายในมือตนอยู่ ไม่ได้มองเยว่เฟิงเกอ
มิหนำซ้ำตอนที่เขาได้ยินนางพูดว่าลูกไม้ตื้นๆ นั้น ยังแอบด่านางอยู่ในใจว่าโง่เง่าสิ้นดี
จากประสบการณ์ในโลกพนันที่เขาโกงมาหลายปี ความสามารถในการโกงกับการเล่นกู่ผายของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้
ก่อนนี้ตอนที่พี่ใหญ่แห่งโลกพนันระดับเซียนคนหนึ่งเล่นกู่ผายกับเขา คนทั้งสองต่างโกงกันทั้งคู่ แต่สุดท้ายกลับเป็เขาที่เอาชนะได้
และในตอนนั้นที่เขาโกง พี่ใหญ่ขั้นเซียนคนนั้นยังมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาโกง
หลังจากนั้นเป็ต้นมา ชีวิตในแวดวงพนันของเขาซูมู่เจ๋อก็ไม่เคยพบพานกับความพ่ายแพ้อีกเลย
กระทั่งตอนนี้ซูมู่เจ๋อก็ยังมั่นอกมั่นใจในตัวเองเป็อย่างยิ่ง ขอแค่เขาโกง เขาย่อมต้องชนะได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ครั้งนี้ซูมู่เจ๋อราวกับเตะโดนท่อนเหล็กเข้าเต็มขา
เยว่เฟิงเกอชนะเขาอีกครั้งในการเล่นกู่ผายที่เขาชำนาญอย่างที่สุด
กลโกงของนางทำเอาซูมู่เจ๋อแทบจะสงสัยในความสามารถของตนเองแล้ว เขาเริ่มสงสัยว่าฉายาพี่ใหญ่แห่งโลกพนันของเขานี้ได้มาเพราะทุกคนเพียงยกยอปอปั้นหรือไม่?
ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่พี่ใหญ่อะไร ทั้งหมดล้วนเป็เพราะคนพวกนี้อยากจะมาขุดทองที่โรงพนันของเขา จึงได้ยกยอปอปั้นเขาอย่างจอมปลอม ยกย่องเขาเป็พี่ใหญ่แห่งโลกพนัน?
ขณะที่พวกที่ถูกยกย่องว่าเป็พี่ใหญ่ขั้นเซียนแห่งโลกพนันเ่าั้ก็หาใช่พี่ใหญ่ไม่ คนเพียงแสดงให้คนภายนอกดูแค่นั้น?
ยามนี้ซูมู่เจ๋อยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
เยว่เฟิงเกอเห็นซูมู่เจ๋อกำลังคิดอะไรจนใจลอยไปไกลแล้วอยู่ ก็ส่งเสียงเตือน “เล่นต่อสิเถ้าแก่ซู ยังเหลืออีกสองตา”
ในตอนนี้เองซูมู่เจ๋อถึงได้ดึงสติกลับมาได้ เขาเก็บกู่ผายทั้งหมดมากองรวมกัน ก่อนจะเริ่มจั่วใหม่แล้วแจกใหม่อีกครั้ง
แต่อีกสองตาถัดมาไม่ว่าเขาจะใช้กลโกงอย่างไร ก็ไม่สามารถเอาชนะเยว่เฟิงเกอได้
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ นางมองกลโกงของเขาออกนานแล้ว ไม่ว่าเขาจะงัดกลยุทธ์เช่นไรมาใช้ นางก็ล้วนแก้ได้ทั้งสิ้น ทั้งยังแสดงกลโกงที่เหนือชั้นกว่านั้นออกมาอีกด้วย
สองตาสุดท้าย นางชนะซูมู่เจ๋อได้อย่างสบายๆ
ครั้งนี้ซูมู่เจ๋อพ่ายแพ้อย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่แม้แต่จะโวยวายกล่าวหาว่าเยว่เฟิงเกอโกงอีกแล้ว เขาทำเพียงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าหดหู่ สายตาจดจ่อเพียงกู่ผายในมือ
นักพนันคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ทุกครั้งที่เห็นเยว่เฟิงเกอสามารถเอาชนะซูมู่เจ๋อได้ต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องตามๆ กัน
สายตาที่พวกเขาใช้มองเยว่เฟิงเกอเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือ
เยว่เฟิงเกอดื่มชาหนึ่งอึก ยิ้มแล้วยืนขึ้นกล่าวกับซูมู่เจ๋อว่า “เถ้าแก่ซู ตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาแล้วกระมัง”
ซูมู่เจ๋อเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งคู่ไร้แวว กลิ่นอายดุดันชั่วร้ายในร่างก็ได้สลายหายไปเช่นกัน
ฉายาพี่ใหญ่แห่งโลกพนันที่เขาภูมิใจนักหนา กลโกงที่เขาคิดว่าสูงส่ง บัดนี้ได้ถูกเยว่เฟิงเกอทำลายจนสิ้นซากแล้ว
เขายืนขึ้นโงนเงน ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ
ซูมู่เจ๋อสูงกว่าเยว่เฟิงเกอหนึ่ง่ศีรษะ
เขาก้มหน้า จากนั้นคุกเข่าลงเสียงดังตึงตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ
“ท่านอาจารย์ผู้สูงส่ง ได้โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย” ซูมู่เจ๋อพูดพลางโขกศีรษะให้เยว่เฟิงเกอ
นักพนันทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเป็ต้องตกตะลึงไป
นี่ยังใช่เถ้าแก่ซูที่พวกเขารู้จักอยู่อีกหรือ?
เถ้าแก่ซูที่ยามปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนล้วนแสดงท่าทียโสโอหังราวกับเป็พวกสูงศักดิ์ ตอนนี้กลับคุกเข่าลงตรงหน้าแม่นางน้อยนางหนึ่ง ซ้ำร้ายยังเรียกนางว่าอาจารย์อีกด้วย
เยว่เฟิงเกอยิ้มพยักหน้า กล่าวว่า “แล้ว อะไรอีก? ”
ถึงแม้ในใจของซูมู่เจ๋อจะไม่ยินยอมพร้อมใจยิ่ง แต่วันนี้เขาแพ้ให้นางมาหลายครั้งแล้ว จึงทำได้แค่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้
เขากัดฟันแน่น เงยหน้าะโเสียงดังต่อหน้าทุกคน “เยว่เฟิงเกอเป็พี่ใหญ่แห่งโลกพนัน เยว่เฟิงเกอเป็พี่ใหญ่แห่งโลกพนัน เยว่เฟิงเกอเป็พี่ใหญ่แห่งโลกพนัน”
เยว่เฟิงเกอได้ยินแล้วก็อดหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาไม่ได้ นางยิ้มแฉ่งให้ซูมู่เจ๋ออีกครั้ง “ศิษย์รักลุกขึ้นเถอะ”
ซูมู่เจ๋อยืนขึ้นหน้าแดงจนดำคล้ำ
วันนี้เขาขายหน้าอย่างหมดสิ้นแล้ว เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วจริงๆ
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าในวันนี้ภารกิจของนางสำเร็จลุล่วงแล้ว ก็ไม่คิดรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปอีก จึงตบบ่าซูมู่เจ๋อ “ศิษย์รักทำงานต่อเถอะ อาจารย์จะกลับจวนแล้ว”
ซูมู่เจ๋อกัดฟันกล่าว “ศิษย์จะไปส่งขอรับ”
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจ ยกเท้าเดินไปจากโรงพนัน
บรรดานักพนันที่ล้อมอยู่พากันแยกออกเป็ทางให้นางเดินออกไป
เยว่เฟิงเกอเดินออกไปจากโรงพนัน เมื่อออกมาถึงด้านนอกก็บิดี้เีทีหนึ่ง
วันนี้ช่างสบายใจจริงๆ ไม่เพียงทำภารกิจให้สำเร็จได้ แต่ยังได้ลูกศิษย์มาด้วยอีกคนหนึ่ง
เพียงแต่ศิษย์คนนี้ยังอันตรายอยู่มาก หากไม่มีเื่อะไร นางก็ไม่คิดจะย่างกรายมาแถวนี้อีก
ระหว่างที่นางกำลังครุ่นคิดในใจเช่นนี้ ซูมู่เจ๋อก็ติดตามออกมาแล้ว
“เยว่เฟิงเกอ...” ซูมู่เจ๋อกัดฟันพูด
เขาเพิ่งพูดได้คำเดียว ก็ถูกเยว่เฟิงเกอส่งเสียงขัด “เหตุใดเมื่อครู่กราบข้าเป็อาจารย์แล้ว ตอนนี้กลับมาขานนามข้าตรงๆ ไม่รู้จักเคารพอาจารย์เลยหรือไร? ”
ซูมู่เจ๋อก้มหน้าลง บรรยากาศชั่วร้ายรอบกายเริ่มแผ่ออกมาอีกครั้ง
เยว่เฟิงเกอเห็นเช่นนั้นก็กระแอมเบาๆ “ช่างเถอะๆ ในฐานะที่เ้าเป็เ้าของโรงพนัน คำเรียกขานว่าอาจารย์อะไรนี่ก็ละเว้นไว้ ขอแค่ในใจเ้ายังรู้ว่าข้าเป็อาจารย์เ้าก็พอ วันหน้า หากมีเื่ใดก็อย่าลืมเรียกข้าเล่า”
ถึงแม้ซูมู่เจ๋อจะรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ไม่น่าฟังนัก แต่ก็ยังดีกว่าการบังคับให้เขาเรียกนางว่าอาจารย์
“ได้” ซูมู่เจ๋อตอบรับด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เพียงแต่ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะจากไป ซูมู่เจ๋อกลับเรียกนางไว้อีกครั้ง
“เ้ายังมีเื่อะไรอีก? ” เยว่เฟิงเกอมองซูมู่เจ๋อด้วยความแปลกใจ
เขากำลังมองนางด้วยสายตาแน่วแน่เร่าร้อน เอ่ยถามเสียงขรึม “เยว่เฟิงเกอ เ้าเป็ใครกันแน่? ”
เยว่เฟิงเกอหัวเราะเบาๆ “เป็สตรี! ”
นางพูดจบก็ไม่สนใจซูมู่เจ๋ออีก และทำเพียงเดินก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่จวนอ๋องตั้งอยู่
ซูมู่เจ๋อมองเงาหลังที่จากไปของเยว่เฟิงเกอ มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่น
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] กู่ผาย(骨牌)หมายถึง โดมิโน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้