ดวงหน้าน้อยของเฉียวเยว่บึ้งตึงด้วยความโกรธ รถม้าโคลงไปเคลงมา เฉียวเยว่แค่นเสียงหึด้วยความไม่พอใจอย่างหนัก
ซูซานหลางกับไท่ไท่สามต่างสงวนวาจา ดูเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะกันอยู่
พอเห็นว่าใกล้จะถึงจวนซู่เฉิงโหว เฉียวเยว่ก็เอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด "พวกท่านช่วยบอกหน่อย ข้าไม่ดีตรงไหน?"
นางอุตส่าห์หวังดีเสนอที่จะใช้ร่างกายตอบแทนบุญคุณ ไม่ตอบตกลงก็ช่าง ไยต้องมาพูดว่าฝันไปเถอะ นางไม่ดีตรงไหน รูปโฉมก็งามปานบุปผา น่ารักเสียขนาดนี้ ถือดีอย่างไรมาดูแคลนนาง
เฉียวเยว่กอดอก ทำแก้มป่อง "อวี้อ๋องเป็คนแย่มาก สมควรแล้วที่เป็หมาโสด [1]"
แม้ว่าคนผู้นี้จะเจ็บตัวเพราะช่วยนาง ทำให้เฉียวเยว่อบอุ่นใจและเป็ห่วงมาก แต่ แต่ แต่ เขาร้ายกาจมาก
ความมั่นใจในความเป็สตรีของนางถูกเขาทำลายป่นปี้
"ข้าสวยมากใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่หันไปขอกำลังสนับสนุนจากมารดา ไท่ไท่สามพยักหน้าอมยิ้มช้อนตัวนางขึ้นมานั่งบนตัก แล้วถักเปียให้ใหม่ "เฉียวเยว่สวยมาก เป็แม่นางน้อยที่งดงามที่สุดในใต้หล้า"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ก็นั่นสิเ้าคะ แล้วเหตุใดเขาถึงทำท่าเหมือนกินอุจจาระซ้ำยังบอกว่าข้าฝันไปหรือเปล่า? ข้าเลือกเขาก็เสียเปรียบมากแล้ว เห็นว่าเขาอายุมากแล้วน่าสงสารก็เลยบอกว่าจะใช้ร่างกายตอบแทน ไม่ได้คิดจะแต่งให้เขาจริงๆ เสียหน่อย เขาถึงกับกล้าทำเดียดฉันท์ข้า เชอะ เขาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ?"
เฉียวเยว่รู้สึกโกรธจนยากจะทนได้จริงๆ เื่แบบนี้มันใช่ที่ไหน น่าโมโหยิ่งนัก!
"เฉียวเยว่" พูดถึงเื่นี้ เสียงของซูซานหลางกลับเยียบเย็นขึ้นมา
พอได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ เด็กฉลาดอย่างเฉียวเยว่ย่อมตระหนักได้ถึงวีรกรรมของตนเองวันนี้ เรียกว่ารนหาที่ตายอย่างแท้จริง
ตายแน่ ตายอย่างหมดท่า!
นางยิ้มหวานอย่างฉอเลาะเอาใจ "ท่านพ่อ มีอันใดหรือ?"
ซูซานหลางหน้าง้ำ "มีอันใด? เ้าว่ามีอันใดล่ะ? กี่เื่แล้วที่เ้าก่อวันนี้? สิ่งที่ข้ากำชับ เ้าโยนทิ้งไปจากสมองทั้งหมดเลยหรือ หากมิใช่ว่าวันนี้อวี้อ๋องไม่เจ็บหนักและทรงให้อภัย เ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองจะต้องรับผลเช่นไรบ้าง?"
พูดมาถึงตรงนี้ ก็โมโหแทบตาย หลังจากคิดแล้วก็พูดต่อ "ยังมีอีก เ้าเป็สตรี กลับไปยืนโก้งโค้งหันก้นให้ผู้อื่น เ้าอยากให้ข้าโมโหตายใช่หรือไม่"
เฉียวเยว่ก้มหน้าเอานิ้วมือชนกัน ไม่กล้าเถียง ล้วนเป็ความผิดของนางทั้งสิ้น
"อย่าก้มหน้า ข้ายังพูดไม่จบ เ้าขวัญกล้ามาก กล้าเอ่ยเื่แต่งงานเอง พูดว่าจะใช้ร่างกายตอบแทนออกไปส่งเดช วอนหาเื่ถูกตีนักใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ปิดหน้า ทำตัวน่าสงสาร
ไท่ไท่สามใจคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ดูจากสายตาของซูซานหลางก็รู้ว่ายามนี้ตนเองควรยืนข้างเขา มิเช่นนั้นคราวหน้าบุตรสาวจะงัดลูกไม้อันใดออกเล่นอีกก็ยังไม่แน่
"เ้าพูดมา ครั้งหน้าจะกล้าอีกหรือไม่"
"ข้าย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว ท่านพ่อ ต่อไปข้าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ก่อเื่อีกแล้ว และจะไม่ปากมากอีกด้วย ท่านอย่าโกรธได้หรือไม่" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
ซูซานหลางแค่นเสียงเยาะ "คำกล่าวนี้ เ้ารับปากข้ามากี่คราแล้ว"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ ที่ผ่านมานางไม่เคยทำผิดหนักเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยนะ
เด็กน้อยทำสีหน้างุนงง แต่ยามนี้ต้องแสดงความจริงใจไว้ก่อน "ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำสิ่งใดล้วนผิดทั้งหมด อภัยให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะเป็เด็กดี ข้าจะเชื่อฟังท่าน"
"เ้าพูดมาให้ข้าฟัง เ้าผิดตรงไหน?"
"ไม่ว่าตรงไหนข้าล้วนผิดทั้งสิ้น คราวหน้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าฉาบาน!"
นางออกเสียงไม่ชัด ประกอบกับท่าทางที่น่าเอ็นดู ซูซานหลางกลั้นขำไม่ไหวหัวเราะออกมา
หากไม่หัวเราะก็ดีไป แต่พอหัวเราะเท่านั้น เฉียวเยว่ก็ปีนขึ้นตามเสาทันที นางผลิยิ้มตาหยี "ท่านพ่อ ข้าเป็คนดีมาก ข้าเป็เด็กว่านอนสอนง่าย จะไม่มีครั้งหน้าอีกเป็อันขาด"
ซูซานหลางกลุ้มจะตายอยู่แล้ว
นางกอดแขนของบิดา "ท่านพ่อ อย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่ ท่านพ่อ..."
นางเขย่าแขนของเขาไปมา
ซูซานหลาง "เ้าเด็กคนนี้"
ทันทีที่กลับมาถึงจวน เฉียวเยว่ก็วิ่งมายังเรือนหลัก นางออกไปข้างนอกกลับมาต้องไปที่เรือนหลักเป็อันดับแรก แต่อาจเพราะครานี้กลับมาถึงช้า นายท่านผู้เฒ่าก็กลับมาแล้ว
"ว้าว ท่านปู่ เหตุใดกลับมาเร็วนักเล่า?" เฉียวเยว่ผิวปาก ทำท่าราวกับจอมเสเพลน้อย
"โอ๊ย"
ก้นน้อยๆ ของนางถูกใครบางคนถีบเข้าแล้ว
เฉียวเยว่กุมก้นคอตกหันกลับไป นางลืมตัวอีกแล้ว
หลังจากนั้นก็ยอบกายทำความเคารพอย่างเชื่อฟัง "คารวะท่านปู่ คารวะท่านย่า"
ไม่มีครั้งไหนจะเรียบร้อยเท่าครั้งนี้อีกแล้ว
"เหตุใดข้าถึงได้ยินข่าวจากในวังว่าอวี้อ๋องได้รับาเ็ ข่าวยังแว่วมาว่าเกี่ยวข้องกับไกวเยว่ของพวกเรา ข้าวิตกจะตายอยู่แล้ว ตกลงเป็มาอย่างไรกันแน่?" นายท่านผู้เฒ่าถามทันที
เพราะทราบข่าวนี้ ท่านโหวผู้เฒ่าถึงกลับมาเร็วกว่าปรกติ หลานสาวที่น่ารักของตนเองทั้งคน จะไม่ให้เขาวิตกกังวลได้อย่างไร
ทั้งสองต่างพิจารณาเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า พบว่าเสื้อผ้าของนางยับยุ่ง ผมเผ้าก็เหมือนเพิ่งมัดใหม่ "แท้จริงแล้วเป็อย่างไรกันแน่"
"ท่านแม่ ท่านต้องฟังข้าเล่ารายละเอียดก่อน" เห็นมารดาร้อนอกร้อนใจ ซูซานหลางก็รีบเอ่ย
ฮูหยินผู้เฒ่ากลอกตาใส่เขา "เ้าเตะบุตรสาวไปแล้ว ข้าจะใจเย็นได้หรือ? ไกวเยว่เจ็บหรือไม่? บิดาเ้าก็จริงๆ เลย ไม่รู้จักบันยะบันยังเสียบ้าง"
เฉียวเยว่ทำเง้างอด แต่ไม่กล้าออกลวดลายมากนัก ไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างเจียมตัว
ซูซานหลางชี้หน้าเฉียวเยว่ ก่อนเล่าสถานการณ์ตอนนั้นออกมา แต่ไม่กล้าแสดงอันใดออกมามากนัก
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังมาจนถึงสุดท้าย ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก "ต้องขอบคุณที่อวี้อ๋องทรงมีพระเมตตา มิเช่นนั้น เฉียวเยว่คงจะสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว"
เฉียวเยว่เก็บมือยืนก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ด้านข้าง
หากตอนนี้นางไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม มีหวังได้ถูกโบยจนกลายเป็กระต่ายแบนแต๊ดแต๋แน่ๆ
"ข้ารู้ผิดแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้ว" เฉียวเยว่พึมพำ
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางของเด็กน้อยก็รู้ว่าระหว่างทางกลับมาคงจะถูกสั่งสอนไปแล้ว นางถอนหายใจ "เด็กคนนี้ ไม่เคยมีเวลาไหนที่เชื่อฟังบ้างเลย"
เฉียวเยว่ไม่กล้าโต้เถียง ได้แต่ยิ้มตาหยี "ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเ้าค่ะ"
"เฉียวเยว่มาหาย่า ให้ย่าดูหน่อยว่าเ้าาเ็หรือไม่" ฮูหยินผู้เฒ่ากวักมือเรียก
แม้จะรู้ว่าเด็กทำไม่ถูก ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่บิดาของนางก็อบรมไปแล้วคราหนึ่ง ไหนเลยจะยังทู่ซี้ถามต่อไม่จบไม่สิ้น
นางดึงเฉียวเยว่เข้ามาแล้วลูบดวงหน้าน้อยๆ "เ้าทำให้ย่าเป็ห่วงแทบตาย"
เฉียวเยว่กอดคอของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่าอย่ากลัว ข้าก็ยังสบายดีอยู่มิใช่หรือ ตอนข้าลื่นล้ม ท่านพี่อวี้อ๋องอุ้มข้าไว้ ข้าจึงมิเป็อันใดเ้าค่ะ"
นางทำท่าประกอบ "ตอนแรกเขานึกว่าตนเองจะโฮลอยู่"
"เอาอยู่?" ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้ว่าหลานสาวตัวน้อยของตนเองเอาคำที่ไหนมาใช้อีกแล้ว
"ก็คือเขานึกว่าตนเองจะควบคุมสถานการณ์ได้ ข้าเองก็นึกว่าตนเองคงจะไม่เป็ไร แต่เขาคงจะไม่คาดคิดว่าข้าจะตัวหนักเช่นนี้ ก็เลยตกลงไปจริงๆ
พูดมาถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็ได้ข้อสรุป "เป็คดีร้ายแรงที่มีความอ้วนเป็เหตุแท้ๆ"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะพรืดออกมา "เ้ายังจะพูดมากอีกนะ"
เฉียวเยว่อ้าปากหาวหวอด ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง "แท้จริงแล้วข้าเป็ผู้บริสุทธิ์ที่ลื่นล้มเท่านั้นเอง"
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางง่วงแล้ว ก็หันไปกำชับกับไท่ไท่สามด้วยความเป็ห่วง "อุ้มนางกลับไปเถอะ ดูนางให้ถ้วนถี่อีกครั้ง เผื่อว่ามีตรงไหนาเ็ที่เ้ายังไม่รู้"
"เ้าค่ะ ท่านแม่โปรดวางใจ" ไท่ไท่สามตอบ
"ท่านพ่อท่านแม่มิต้องกังวล ซานหลางทำสิ่งใดล้วนมีขอบเขต จะไม่ให้เฉียวเยว่มีอันเป็ไปอย่างแน่นอน ครานี้เป็เหตุสุดวิสัยจริงๆ แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีกเป็อันขาด"
เมื่อได้รับคำมั่นเช่นนี้ ท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าต่างก็พึงพอใจในที่สุด
"บุตรยังเล็ก แต่เ้ามิใช่เด็กแล้ว วันหน้าหากจะสั่งสอนบุตรต้องใช้เหตุผลโน้มน้าว ไม่ว่าข้าหรือพ่อตาของเ้า ล้วนสอนเ้ามาเช่นนี้ ไม่เคยบอกให้ว่าการตีจะช่วยสอนคนให้ดีขึ้น"
เห็นชัดว่าเป็การตำหนิที่เขาเตะก้นเฉียวเยว่
ซูซานหลางกลุ้มจนแทบคั้นออกมาเป็น้ำ
"บุตรทราบแล้ว เพียงแต่นาง..."
"เ้ายังจะเถียงอีก ไม่นึกดูบ้าง หากตอนเด็กๆ พวกเราปฏิบัติเช่นนี้ต่อเ้า เ้าจะเป็เช่นทุกวันนี้หรือไม่? ป่านนี้คงจะกลายเป็คนไร้ประโยชน์ที่มีจิตใจดำมืดไปแล้ว"
ท่านโหวผู้เฒ่าถลึงตาใส่บุตรชาย ผู้อื่นมีแต่จะอาวรณ์ตีบุตรไม่ลงคอ แต่เขากลับดียิ่ง กล้าถีบแม้กระทั่งบุตรสาวตัวน้อยๆ ช่างเป็บิดาที่ไร้ความเมตตาจริงๆ
"ข้าทราบแล้วขอรับ คราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว" ซูซานหลางกล่าวขอขมา แล้วพาบุตรกับภรรยากลับเรือนสาม
เฉียวเยว่ง่วงนอนจนไม่ไหวแล้ว แต่ไหนแต่ไรมานางต้องนอนกลางวัน แต่ถึงยามนี้ก็ยังไม่ได้นอนแล้วจะทนไหวได้อย่างไร
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ปากก็ยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่
"เมื่อครู่ข้าทำให้ท่านพ่อเดือดร้อน เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ต่อไปท่านแอบตีข้าลับหลังก็ได้ ข้าไม่ถือสา และจะไม่บอกผู้อื่นด้วย"
ซูซานหลาง "..."
เขาบดกรามกรอด "ซูเฉียวเยว่ เ้ายังถูกตีไม่พอใช่หรือไม่ หากพูดมากอีกคำ ข้าจะตีเ้าจริงๆ แล้วนะ"
เฉียวเยว่หุบปาก ไม่กล้าพูดอีก
บิดาของนางเป็คนเอาใจยากจริงๆ
เห็นไท่ไท่สามอุ้มนางอย่างยากเย็น เขาจึงเข้ามารับเฉียวเยว่ไป "อย่าเพิ่งนอน เดี๋ยวอาบน้ำกินข้าวก่อนค่อยเข้านอน มิเช่นนั้นอาจตื่นขึ้นมากลางดึก"
เฉียวเยว่ตอบอื้มอย่างอ่อนระโหยโรยแรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความง่วงงุน "ท่านพ่อ ท่านไม่โทษข้าใช่หรือไม่ ช่างดียิ่งนัก"
พริบตานั้นหัวใจของซูซานหลางก็ละลาย
"ไม่ว่าเวลาไหนพ่อก็ไม่เคยโทษเ้า มีแต่ความเป็ห่วง เ้ายังเล็ก ไม่รู้จักความซับซ้อนของผู้ใหญ่ เื่ราวมากมายมิได้เรียบง่ายอย่างที่เ้าคิด"
เฉียวเยว่ตอบ "อื้ม"
"ท่านพี่อวี้อ๋องดีกับเ้ามาก แต่ถึงกระนั้นความดีของเขาก็มีจำกัด และแท้จริงแล้วคนผู้นี้เป็เช่นไรก็ไม่มีใครรู้ เขาจากเมืองหลวงไปหลายปี ในแง่ของพฤติกรรมและวิธีจัดการเื่ราว เขาไม่ใช่คนเรียบง่ายนัก เ้าต้อง..."
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ได้ยินเหมือนเสียงคำรามของสัตว์เล็กๆ พอหันมาดู ปรากฏว่ากระต่ายอ้วนตัวน้อยทนต่อความง่วงไม่ไหวหลับไปเสียแล้ว
ไท่ไท่สามยิ้ม "ถึงนางจะไม่หลับ ท่านนึกว่าตนเองพูดแล้วนางจะรู้เื่หรือ?"
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูซานหลางก็สิ้นวาจาจะเอื้อนเอ่ย
"แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่าท่านไม่จำเป็ต้องใส่ใจเื่เหล่านี้มากนัก ข้าย่อมรู้ว่าวันนี้นางซุกซนอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็เด็กห้าขวบ บริสุทธิ์ไร้เดียงสาก็ใช่ว่าจะเป็เื่ดีเสมอไป ตอนเด็กๆ ข้าก็อยากทำเื่ซุกซนเช่นนี้บ้าง แต่ในบ้านก็เอาแต่ห้าม"
ไท่ไท่สามเกลี้ยกล่อมสามีของตนเอง
ซูซานหลางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ดังนั้นตอนนี้เ้าจึงจะให้ท้ายเ้ากระต่ายอ้วนตัวน้อยตัวนี้? ข้าว่าก้าวต่อไปนางก็คงจะปีนขึ้นฟ้าแล้วล่ะ สร้างปัญหาให้ข้าทั้งวัน แต่ที่ครานี้ที่เื่ใหญ่สามารถกลายเป็เื่เล็ก จากเื่เล็กก็กลายเป็ไม่มีเื่ ข้ากลับคาดไม่ถึงจริงๆ ดูท่าแม้แต่คนอ่านยากเช่นอวี้อ๋องยังไม่อาจต้านทานความน่ารักของกระต่ายอ้วนตัวน้อยของพวกเราได้"
"ไม่อาจต้านทานหรือ? ผู้อื่นบอกว่า 'ฝันไปเถอะ' หรอกนะ!" ไท่ไท่สามพูดล้อเลียนอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ซูซานหลางหน้าดำทะมึน "เ้าเด็กสมควรตายไร้รสนิยม
...
[1] หมาโสด เป็แสลงวัยรุ่นทางอินเทอร์เน็ต หมายถึงคนโสด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้