เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินมีการแบ่งระดับ
ระดับโลหะเป็ระดับที่ต่ำที่สุด ความสามารถของผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับนี้ คือเมื่อใช้เคล็ดวิชานี้ ตนเองจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้มากกว่าปกติถึงสามเท่า
และเมื่อหลัวเลี่ยเห็นว่าเมิ่งชิงหลงได้แสดงพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินในระดับโลหะออกมา ความตึงเครียดของเขาก็จางหายไปโดยสิ้นเชิง
เพราะตอนนี้พลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของเขาอยู่ในระดับสำริดแล้ว!
ระดับสำริดที่เขาอยู่นั้นแม้จะสูงกว่าระดับโลหะอยู่หนึ่งขั้น แต่ลักษณะของระดับนี้คือมีพลังเพิ่มขึ้นจากปกติถึงหกเท่า
ก่อนหน้านี้หากนับจากพลังวรยุทธ์และวิชายุทธ์ หลัวเลี่ยอาจด้อยกว่าเมิ่งชิงหลง แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลัวเลี่ยรู้สึกขบขันในใจ เขาควรจะคิดถึงเื่นี้ได้ตั้งนานแล้ว เมื่อไม่มีบันไดหนึ่งร้อยขั้น และูเาแห่งคุกอนธการได้กลายเป็แท่นบูชา เขาก็สามารถใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินโดยไม่ถูกจำกัดได้แล้ว
แต่ว่าเื่เขานี้ก็ไม่โทษใคร หลัวเลี่ยมองไปยังผู้คนมากมายที่คิดไม่ถึงเช่นเดียวกับเขา
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็ความสามารถในการปรับตัว
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างน้อยหลัวเลี่ยก็ได้รับประสบการณ์มากมาย เช่นประสบการณ์ที่ไม่ควรมองข้ามเื่ต่างๆ
แน่นอน อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขา้าขโมยทักษะหมัดประกายดำ เพราะวิชายุทธ์นี้ทรงพลังมากจนทำให้หัวใจเขาเต้นแรง แต่ไม่ว่าเขาจะปล่อยให้เมิ่งชิงหลงปลดปล่อยกระบวนท่าหมัดออกมามากแค่ไหน เขากลับไม่สามารถเข้าใจมันได้เหมือนหมัดพญาัประจัญบาน เขาไม่สามารถจับทางกระบวนท่าหมัดประกายดำได้ ซึ่งเื่นี้ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหมัดประกายดำมากขึ้น ช่างน่าเสียดายนักที่เขาไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนมัน
“ทำไมข้าต้องอายที่จะใช้พลังของมันด้วย” สีหน้าภาคภูมิใจของเมิ่งชิงหลงหายไป และแทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาััได้ถึงบางอย่างจากคำพูดของหลัวเลี่ย
“เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า” หลัวเลี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมิ่งชิงหลงตะคอกอย่างเ็า “หากกล้าพูดเช่นนี้ เ้าจะบอกว่าเ้ามีพลังอยู่ในระดับสำริดหรือ”
หลัวเลี่ยพยักหน้า
“เ้าคิดว่าเื่ตลกที่เ้าพูดจะทำให้ข้ากลัวหรือ สิ่งที่เป็ไปไม่ได้เช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร” เมิ่งชิงหลงพูดอย่างเ็า
“เป็ไปไม่ได้หรือ”
หลัวเลี่ยพูดเบาๆ
ทุกคนที่เริ่มสิ้นหวังเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็อดไม่ได้ที่จะพากันกลืนน้ำลาย เื่นี้จะเป็ความจริงหรือ
เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินระดับสำริด?
หลัวเลี่ยที่เป็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่เขากลับสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้ถึงผู้ฝึกตนระดับที่สิบ และยังเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอีก มาถึงตอนนี้เขาจะบอกว่าตนเองฝึกฝนเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ถึงระดับสำริดหรือ? เื่นี้เป็ไปได้หรือ?
พวกเขาก็หวังว่ามันจะเป็เื่จริง แต่มันเป็ไปไม่ได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามองเปรียบเทียบกับเมิ่งชิงหลง
เมิ่งชิงหลงต้องใช้เวลาถึงแปดร้อยกว่าปี ในการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์จนถึงระดับสิบ
แล้วหลัวเลี่ยที่เป็แค่เด็กคนหนึ่งจะมีพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอยู่ในระดับสำริดได้อย่างไร
“เลิกโกหกเสียที หากเ้ามีพลังเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอยู่ในระดับสำริดจริงๆ ก็จงแสดงมันออกมาเสีย” เมิ่งชิงหลงะโ
“เ้าหวาดกลัวแล้วหรือ” หลัวเลี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมิ่งชิงหลงเย้ยหยันและพูดว่า “ข้าจะโจมตีจนกว่าเ้าจะเลิกโกหก”
ฟู่ว!
เมิ่งชิงหลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เขาเคลื่อนไหวไปและกลับได้เร็วยิ่งกว่าสายฟ้า
เหตุผลก็คือหลัวเลี่ยเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว
ดูเหมือนคนอื่นจะยืนอยู่กับที่ แต่พวกเขากลับดูเหมือนว่าจะยืนอยู่บนยอดเขา
ใต้เท้าของเขาเป็ยอดเขาที่สูงตระหง่านเทียบเท่ากับก้อนเมฆ และตอนนี้หลัวเลี่ยก็ได้กลายเป็ดั่งเทพา บนมือของเขาทั้งสองข้างมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยอยู่ และแสงที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขาก็เป็สีทองแดง แสดงให้ว่าพลังในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของเขาอยู่ในระดับสำริด
“ระดับสำริด!”
เมิ่งชิงหลงตัวสั่น
เสียงของหลัวเลี่ยดังขึ้น
“บนเขาสูงใหญ่ข้าคือจุดสูงสุด ข้าคือผู้ค้ำจุน์และโลก บนมือทั้งสองของข้าคือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ร่างของข้าคือดวงดาวนับพัน!”
พลังมากมายะเิขึ้น
ไอพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินระดับสำริดะเิขึ้นราวกับจะทำลายทุกสิ่ง มันกดทับลงไปบนแท่นบูชา และทำให้ร่างของเมิ่งชิงหลงถอยหลังไปเรื่อยๆ เมิ่งชิงหลงระดมพลังเดชสุริยนของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันพลังของหลัวเลี่ยที่โจมตีเขาในทุกทิศทาง
หลัวเลี่ยพูดติดตลกว่า “ก่อนหน้านี้ที่เ้าเป็ฝ่ายโจมตีข้า เ้าดูบ้าคลั่ง ตื่นเต้น และหยิ่งยโสในพลังของตัวเอง”
“ข้า...” เมื่อเมิ่งชิงหลงเริ่มพูด พลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านบรรพตของหลัวเลี่ยก็เริ่มกดทับเขามากขึ้น
“ตอนนี้เป็ทีของข้าบ้าง!”
เมื่อจบประโยคนั้นหลัวเลี่ยก็ก้าวไปข้างหน้าและชกออกไป
เขายังคงใช้หมัดพญาัประจัญบาน
เพียงแต่ว่าตอนนี้เมิ่งชิงหลงไม่อาจต้านพลังหมัดของเขาได้อีกแล้ว
เมื่อหลัวเลี่ยใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านบรรพตที่อยู่ในระดับสำริดของตัวเองแล้ว มันก็ทำให้เขามีพลังเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติถึงหกเท่า พลังที่เขาแสดงออกมาได้กดทับลงไปอย่างรุนแรง ทำให้เมิ่งชิงหลงเคลื่อนตัวลำบาก ซึ่งหมายความว่าหมัดที่หลัวเลี่ยปล่อยออกมาย่อมทำอันตรายให้เมิ่งชิงหลงได้อย่างแน่นอน
หมัดของหลัวเลี่ยเสียดสีกับอากาศ ทำให้เกิดประกายไฟพร้อมกับเสียงัดังขึ้น
เนื่องจากเมิ่งชิงหลงถูกพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินอันน่าสะพรึงกลัวกดทับเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงทำได้เพียงต่อสู้แบบตัวต่อตัวเท่านั้น เมิ่งชิงหลงคำรามออกมา และรวบรวมพลังออกมาเป็ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
มันยังคงเป็หมัดประกายดำที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขา
ตูม!
พลังของพวกเขาปะทะกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น
เมิ่งชิงหลงลอยออกไป ในขณะที่หลัวเลี่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง
นี่คือความแตกต่างของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน
เดิมทีหลัวเลี่ยคิดว่าก่อนหน้านี้เมิ่งชิงหลงมีพลังมากกว่าเขาหนึ่งเท่า แต่ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว เมื่อเขาแสดงพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินระดับสำริดออกมา มันก็กดทับพลังระดับโลหะของเมิ่งชิงหลงทันที ส่งผลให้พลังของเมิ่งชิงหลงลดลงจากจุดสูงสุดของระดับสิบอย่างมาก และผลการต่อสู้ครั้งนี้ ใครๆ ก็คงสามารถคาดเดาได้แล้ว
“เ้าช่างไม่ได้เื่เอาเสียเลย”
คำพูดของหลัวเลี่ยที่เลียนแบบมาจากเมิ่งชิงหลง ทำให้เมิ่งชิงหลงคล้ายจะเป็บ้า
อย่างไรก็ตาม เสียงคำรามของเมิ่งชิงหลงก็หยุดลงกะทันหัน เพราะกำปั้นของหลัวเลี่ยที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ตูม!
ตูม!
ตูม!
หลัวเลี่ยไม่เปิดโอกาสให้เมิ่งชิงหลงได้หายใจ เขาต่อยเมิ่งชิงหลงสามครั้งติดต่อกัน เมิ่งชิงหลงถอยหลังซ้ำๆ และสุดท้ายเขาก็กระอักเืออกมา
ยิ่งเป็เช่นนี้ พลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของเมิ่งชิงหลงก็ยิ่งอ่อนแอลง ตอนนี้พลังของเมิ่งชิงหลงราวกับจะสลายลงได้ทุกเมื่อ เมื่อหลัวเลี่ยเห็นว่าพลังของเมิ่งชิงหลงกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งออกแรงโจมตีมากขึ้น
พรึ่บ!
หลัวเลี่ยตามมาโจมตีเมิ่งชิงหลงอีกครั้ง
เมิ่งชิงหลงไม่มีเวลาหลบหลีก เขาทำได้เพียงต้านการโจมตีของหลัวเลี่ย เขากัดฟันและส่งหมัดต่อยออกไปอย่างแรง
ตูม!
แต่เมิ่งชิงหลงคิดผิด หลัวเลี่ยไม่ได้เข้ามาโจมตีเขา แต่กลับยื่นมือออกมาและคว้าเข้าที่มือขวาของเมิ่งชิงหลง
“อ๊าก!”
ใบหน้าของเมิ่งชิงหลงเปลี่ยนสีเล็กน้อย เพราะในขณะที่เขากำลังจะโต้กลับ หลัวเลี่ยกลับจะคว้าเข้าที่มือขวาของเขา แต่เมื่อเมิ่งชิงหลงเบี่ยงมือขวาออกมาหลบหลัวเลี่ย กลับกลายเป็ว่าเขาเปิดโอกาสให้หลัวเลี่ยได้ใช้มือซ้ายของตนเองชกเขาอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
ครั้งนี้หมัดของหลัวเลี่ยทำให้แขนขวาของเมิ่งชิงหลงหัก
เมิ่งชิงหลงกรีดร้องด้วยความเ็ป หลัวเลี่ยจึงฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ชกอีกครั้ง จนเมิ่งชิงหลงมีเืไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด หลังจากนั้นเมิ่งชิงหลงก็ลอยออกไป และตกลงบนพื้นอย่างแรง
หลัวเลี่ยเดินไปทางเมิ่งชิงหลงอย่างช้าๆ
เมิ่งชิงหลง้าจะดันตัวเองลุกขึ้น แต่กระดูกตรงอกที่หักได้ทิ่มอวัยวะภายในของเขา ทำให้เขาล้มลงอีกครั้งด้วยความเ็ป หากเขาไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ เขาก็คงตายไปนานแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า แม้ข้าจะอดทนฝึกฝนมานับพันปีแล้ว ข้าจะยังพ่ายแพ้ได้” เมิ่งชิงหลงพูดพร้อมกับเืที่ไหลออกจากปากเป็ระยะ
หลัวเลี่ยเอื้อมมือไปดึงหอกออกมาจากร่างของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการตนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆ เมิ่งชิงหลง จากนั้นเขาก็ออกแรงเหวี่ยงหอกในมือไปหยุดอยู่ที่คอของเมิ่งชิงหลง ทิ้งรอยเืหยดลงบนคอนั้น
“คนที่ตายไปแล้วจะมีความรู้สึกอะไรได้”
แน่นอนว่าหลังจากที่เมิ่งชิงหลงตาย ร่างและจิติญญาของเขาที่ฝึกฝนอย่างอดทนมานับพันปีย่อมมีพลังที่ไม่ธรรมดา เมื่อเขาตายหลัวเลี่ยจึงเก็บไอพลังของเมิ่งชิงหลงเข้าไปที่น้ำเต้าพิทักษ์ั
นอกจากนี้ เขายังค้นตัวของเมิ่งชิงหลงอีกครั้ง บนตัวของเมิ่งชิงหลงไม่มีกระเป๋าเฉียนคุณ แต่กลับมีไข่มุกวิเศษเม็ดหนึ่งอยู่
“ที่แท้มันก็คือไข่มุกซ่อนราชัน ไม่แปลกใจเลยที่แท่นบูชาแห่งนี้จะถูกซ่อนเอาไว้จนข้าไม่สามารถหาได้”
หลัวเลี่ยเก็บไข่มุกซ่อนราชันเอาไว้ จากนั้นเขาก็นำธนูซวนิออกมาอีกครั้ง
หลัวเลี่ยซึ่งตอนนี้ยังคงมีพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินระดับสำริดอยู่ ได้รวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเองเพื่อสร้างธนูจากวิชาธนูหมาป่า์กลืนจันทร์
ด้วยพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน ทำให้ตอนนี้หลัวเลี่ยมีพลังที่แข็งแกร่งมาก เขาสร้างธนูขึ้นสามดอก ลูกธนูทั้งสามพุ่งออกจากคันธนูฝ่ากระแสอากาศที่หมุนวนอยู่ และตรงไปยังบุปผางามอาบพิษทั้งสามดอก
หลังจากนั้นก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นในโลกเื้ั
มีเสียงเหมือนท้องฟ้าคำราม และมีแสงพุ่งขึ้นมาจากบริเวณที่ตั้งของประตูสู่โลกเื้ั พลังที่ปิดอยู่สลายไป และประตูสู่โลกเื้ัก็ได้เปิดออกอีกครั้ง
หลัวเลี่ยประสบความสำเร็จในการพลิกสถานการณ์ และกลายเป็วีรบุรุษแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้