ที่ชานเมือง ต้นไม้กระจัดกระจาย กิ่งก้านที่เหี่ยวแห้งถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง อีกทั้งฝนเพิ่งตก ทั่วทั้งป่าจึงเต็มไปด้วยความหนาวเย็น
ลึกเข้าไปในป่า เป็สถานที่ที่ศพของถันถั่นถูกฝังอยู่ เนื่องจากชื่อของนางเป็ชื่อปลอม เวินซีจึงทำป้ายศพที่ยังไม่ได้เขียนชื่อให้
หน้าป้ายชื่อศพ มีผลไม้สุดโปรดของนางวางอยู่ เทียนสีขาวสองเล่มกำลังมอดไหม้ ขี้เทียนหยดลงพื้นราวกับน้ำตา ควันธูปลอยขึ้นไปในอากาศและค่อยๆ กระจายออกไป บรรยากาศเป็ไปอย่างน่าอึดอึด
เวินซีและฮูหยินซ่งอยู่ในสภาพอารมณ์ที่หนักอึ้ง พวกนางนั่งยองอยู่หน้าป้ายศพ เผากระดาษเงินกระดาษทองด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ลมที่พัดมานั้นหนาวเย็นถึงกระดูก ทำให้กระดาษเงินกระดาษทองบนพื้นจำนวนไม่น้อยลอยขึ้นไปในอากาศ
“ชีวิตนี้เ้าลำบากเสียจริง หากมีชาติหน้า เ้าต้องไปอยู่ในครอบครัวที่ดี ให้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี อย่าได้โง่เขลาเช่นนี้อีกเลยนะ”
“หากเ้ารู้สึกเหงา ก็มาเข้าฝันข้า หากมีเวลาข้าจะมาเยี่ยมเ้าบ่อยๆ”
“อยากทานสิ่งใด สวมเสื้อผ้าเช่นไร หรืออยากเห็นสิ่งใด เข้าฝันข้าเลย หากข้าหาได้ข้าจะหามาให้”
......
ฮูหยินซ่งยังคงเอ่ยออกมา น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ
หลังจากที่เผากระดาษเงินกระดาษทองจนหมด เวินซีก็พยุงฮูหยินซ่งขึ้นมา ทั้งสองสบตากัน และหันไปมองที่หลุมฝังศพพร้อมๆ กัน
เวินซีเม้มริมฝีปาก หยิบปิ่นเงินออกมาจากอก พลันใส่เข้าไปในกองไฟ
“คุณหนูเวินซี ฮูหยินซ่ง มนุษย์เราไม่อาจหวนคืนชีพ ปล่อยวางเถิดขอรับ”
ต้วนจิงเย่มองเวินซีด้วยสีหน้าเป็กังวล เมื่อเห็นนางเศร้าโศก เขาก็รู้สึกทุกข์ใจ เขาอยากเข้าไปใกล้เพื่อปลอบโยนนาง แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นจ้าวต้าน ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
“ได้เวลาแล้ว เรายังมีเื่อีกมากที่ต้องจัดการ หากอยู่ที่นี่นานไป เกรงว่าจะไม่มีเวลา”
“ไม่ต้องห่วง ถันถั่นจะไม่ตายเปล่า ข้าจะต้องฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้ถันถั่นแทนเ้าแน่”
จ้าวต้านมีสีหน้าเป็ปกติ เขาเดินไปข้างกายเวินซี สายตาเหลือบไปที่หลุมฝังศพพลันเอ่ยปาก
เขาออกรบอยู่ตลอด ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอันตรายมานับไม่ถ้วน จึงเห็นเื่การตายจากกันเป็เื่ธรรมดา
“เ้าค่ะ ไปกันเถิด”
เวินซีพยักหน้า ดวงตาของนางมืดมน หลังจากที่กล่าวคำอำลากับถันถั่นในใจแล้วก็หันตัวเดินจากไปอย่างกระฉับกระเฉง
ทั้งสี่คนกลับไปที่ร้านเครื่องหอมด้วยกัน
จ่างกุ้ยได้แปะประกาศหาคนรับใช้ที่หน้าร้านชานมและร้านของปิ้งย่าง
ทั้งสองร้านเป็ร้านค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง มีผู้คนจำนวนมากมาสมัครในคราเดียว
เวินซีไม่มีเวลามาจัดการเื่นี้จึงมอบหมายให้จ่างกุ้ย ส่วนตนเองก็กลับไปเก็บสัมภาระที่สวนหลัง
นางมีเสื้อผ้าที่นำไปด้วยน้อยชิ้น แต่มีสมุนไพรล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วน
ยามนี้รถม้าได้มารออยู่ก่อนแล้ว ทหารลับนำสมุนไพรออกไปด้านนอกทีละกล่อง
“พี่สะใภ้ พวกเราจะย้ายบ้านหรือเ้าคะ?”
“พี่สะใภ้ ย้าย...ย้ายบ้าน!”
เอ้อเออร์กับซันซานมองดูร้านที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินเข้าๆ ออกๆ ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นต่อ นางวิ่งโผเข้าไปหาเวินซี จากนั้นนางกับซันซานก็กอดเวินซีกันคนละข้าง
“พี่สะใภ้กับท่านพี่จะต้องออกไปข้างนอกสัก่หนึ่ง เอ้อเอ้อร์ ซันซานอยู่กับฮูหยินซ่งกับจ่างกุ้ยจะต้องเชื่อฟังเป็เด็กดีนะ ห้ามทำให้พวกเขาโกรธ หากคิดถึงพี่จงเขียนจดหมายหาพี่ เมื่อข้าได้รับไว้จะส่งจดหมายกลับมาหาพวกเ้า”
ยามนี้คำว่าจากลาได้ผุดขึ้นมาในใจของทั้งสอง เวินซีลูบศีรษะเอ้อเอ้อร์เบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
“พี่สะใภ้กับท่านพี่จะกลับมาเมื่อใดเ้าคะ?” เอ้อเอ้อร์เงยหน้ามองเวินซีอย่างสับสน
“ข้าก็ยังไม่รู้ แต่เอ้อเอ้อร์ไม่ต้องกังวล พวกเราจะกลับมาแน่”
“ข้าไม่อยากให้พี่สะใภ้ไป ท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่เ้าคะ ข้าจะเป็เด็กดี” เมื่อได้ยินว่าเวินซียังไม่รู้เวลากลับ เอ้อเอ้อร์ก็มุ่ยปาก น้ำตาคลอเบ้าทันที
ส่วนซันซานยังไม่รู้ความ แต่เขาก็เลียนแบบท่าทีของเอ้อเอ้อร์ จึงร้องไห้สะอื้นขึ้นมาตามกัน
“พี่สะใภ้กับท่านพี่จะต้องไปทำเื่ที่สำคัญมาก ไม่สะดวกจะพาพวกเ้าไปด้วย ต้องเชื่อฟังพี่นะ”
“เอ้อเอ้อร์ไม่อยากนี่” เอ้อเอ้อร์พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น แล้วกำชายเสื้อของเวินซีแน่น
เพราะกลัวว่าเวินซีจะบอกว่านางไม่เชื่อฟัง นางจึงก้มหน้าลง แอบน้ำตาไหลเงียบๆ
เวินซียิ่งเห็นนางเป็เช่นนี้ก็ยิ่งปวดใจ จึงอุ้มนางขึ้นมา พลันจูงมือซันซานกลับเข้าไปในห้องของทั้งสอง
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเด็ก จดจำสิ่งใดได้ไม่นาน เวินซีจึงเล่นกับพวกเขาไปหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองก็เข้านอนอย่างสบายใจ
ในตอนที่นางเปิดประตูออกมา ยาสมุนไพรทั้งหมดก็ถูกขนย้ายออกไปหมดแล้ว ห้องที่เคยมีของระเกะระกะเต็มไปหมดกลายเป็ห้องโล่งว่าง เช่นเดียวกับในใจของนาง เป็ความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูก
นางไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่ย้ายเข้ามาจะมีความสุข แต่เมื่อต้องย้ายออกไปนั้นกลับน่ารำคาญใจเช่นนี้
หลังจากที่รีบจัดเสื้อผ้าและนำขึ้นรถม้าไปแล้ว นางก็เดินไปที่ห้องของถันถั่น
สืออีนั่งพิงหน้าต่างมองทิวทัศน์ภายนอก ในมือของเขากำถุงหอมที่ถันถั่นยังปักไม่เสร็จไว้แน่น
เวินซีสงบสติอารมณ์ เดินไปหาเขาแล้วค่อยๆ พูดว่า “มันเป็ของที่ถันถั่นตั้งใจทำให้เ้า แต่ยังทำไม่เสร็จ”
“จริงๆ ก็มิได้แย่นะ อย่างน้อยพวกเ้าก็เคยได้เห็นหน้ากัน เคยได้ใช้ชีวิตด้วยกัน”
“ข้ายังมิได้ทำป้ายิญญาของถันถั่น ข้าไม่รู้ชื่อจริงของนาง ข้าคิดว่าควรจะให้คนในครอบครัวทำเสียมากกว่า หากมีเวลาเ้าก็ไปทำให้นางเถิด อย่าให้นางต้องโดดเดี่ยวอยู่ด้านนอกผู้เดียว”
ขณะที่เวินซีพูดก็พลันนั่งลง
นางมองสืออีด้วยสีหน้านิ่งเฉย พลันถอนหายใจเบาๆ
“นางชื่อซ่งชวนชวน” สืออีหันหน้าไปมองเวินซี “คุณหนูเวินซี พวกท่านจะไปแล้วหรือขอรับ?”
“ใช่ ตัวตนของจ้าวต้านเปิดเผยแล้ว หากยังไม่ออกไป จะทำให้ผู้คนที่นี่เดือดร้อนไปด้วย ที่ข้ามาครานี้ก็เพื่อถามเ้าว่าจะไปกับพวกเราหรือไม่”
“ข้า...ถันถั่นอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากจากไป แต่ในใจของข้าก็ปล่อยวางความแค้นนั้นมิได้ ข้าอยากจะฆ่าหลานเยว่เฉิง” เขาลังเลอยู่นาน จนถึงตอนนี้ก็ยังหาคำตอบให้ตนเองมิได้
“...” เวินซีมิได้ให้คำแนะนำอันใด เขาต้องตัดสินใจเอง นางไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง
“คุณหนูเวินซี” ขณะนั้นสืออีมองนางอย่างจริงจัง
“มีอันใดหรือ?”
“หากข้าไปด้วย พวกท่านสามารถช่วยข้าจับหลานเยว่เฉิงได้หรือไม่ขอรับ?”
“ได้สิ”
“เช่นนั้น...ไปกันเถิดขอรับ ฆ่าหลานเยว่เฉิงแล้วข้าจะกลับมา กลับมาเป็ชาวบ้านชาวเขาที่นี่ อยู่กับถันถั่นไปทั้งชีวิต”
“ก็ดี อีกสามวันจะออกเดินทาง เ้าเตรียมตัวเถิด”
“ข้าไม่มีทรัพย์สินใด ไม่มีอันใดต้องเตรียม ถึงเวลานั้นมาเรียกข้าก็พอขอรับ คุณหนูเวินซี ข้าติดค้างท่านมากมายเหลือเกิน ต่อไปข้าจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน จะไม่หักหลังท่านอีก หากข้าไม่ซื่อสัตย์ ข้ายอมควักลูกตาออกมา ยอมตายอย่างไร้ดินกลบหน้าขอรับ”
ความรู้สึกในคราที่เขาทรยศเวินซียังติดอยู่ในใจ สืออีะโลงจากหน้าต่าง เดินไปเบื้องหน้าเวินซีพลันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ข้าไม่เคยคิดโทษเ้า เ้าอย่าได้คิดมาก พักผ่อนให้ดี ข้าไม่รบกวนล่ะ”
เวินซีลุกขึ้นเดินออกไป
ตอนที่นางเดินไปที่ห้องโถงหน้า คนส่วนใหญ่ที่มาสมัครงานที่ร้านก็แยกย้ายกันไปเกือบหมดแล้ว จ่างกุ้ยเลือกคนหลายรอบจนเหลือไว้ยี่สิบคน แต่ก็ยังคงเลือกต่อไป
เวินซีมิได้ขัดจังหวะ หลังจากที่มองดูทุกคนแล้ว นางก็เดินไปหาฮูหยินซ่งที่ประตู
ฮูหยินซ่งกลับจวนไปแล้วรอบหนึ่ง และเพิ่งจะมาที่ร้านเครื่องหอมอีกครั้ง
เมื่อเห็นเวินซี นางจึงเข้าไปจับมือ “ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงอำลาไว้ให้ที่จวนซ่ง ไปกันเถิด ผ่อนคลายเสียหน่อยก่อนจะจากไปเถิด”
“เ้าค่ะ”
เวินซีไม่ปฏิเสธและตามฮูหยินซ่งขึ้นรถม้าไป
ส่วนจ้าวต้านและต้วนจิงเย่ก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด