จวนท่านอ๋อง
หลังจากที่ท่านอ๋องสั่งกักบริเวณซินหรู ก็ไม่เคยมาพบนางอีกเลย เห็นว่าท่านอ๋องสั่งเรียกขุนนางทุกฝ่ายเข้าประชุม แม้แต่กองทัพที่เฝ้าคุ้มกันอยู่นอกเมือง ก็เริ่มปิดล้อมเมืองตงโจวเอาไว้แล้ว
“เห็นว่าสั่งให้แม่ทัพเกราะเพลิงเข้าประชุมด่วน แล้วสั่งยกเลิกพิธีบวงสรวงแล้วเ้าค่ะ”
“อุตส่าห์ลงแรงมากมาย อุทิศตนเพื่อจัดงานนี้โดยเฉพาะ ครั้งนี้หลินเยี่ยนหงผู้นั้น คงเหนื่อยเปล่าแล้ว"
“คุณหนู ท่านไม่กลัวพวกสายลับแคว้นเว่ยเลยหรือเ้าคะ”
“กลัวแล้วข้าจะทำอันใดได้ ข้าเป็เพียงแค่สตรีในจวนอ๋องนะ อีกอย่างนั่นมันเื่ในราชสำนัก ก็ปล่อยให้เสด็จอาคนเก่งของข้าจัดการไปเถอะ”
แม่นมอวี้ ซึ่งเป็บ่าวเก่าแก่ของสกุลฉิน เดินเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม
“คุณหนูั้แ่ถูกสั่งกักบริเวณ ท่านก็เอาแต่นั่งอ่านตำรา ไม่ยอมกินข้าว เป็เช่นนี้ร่างกายจะไม่มีแรงนะเ้าคะ”
“แม่นมอวี้ ข้าไม่หิวข้าไม่หิวจริง ๆ เ้าค่ะ”
“ฝืนกินสักหน่อยเถอะเ้าค่ะ”
“เสด็จอากำชับท่านมาสินะ เอาวางไว้เถอะ เดี๋ยวข้าจะกิน”
“เช่นนั้นคุณหนูอย่าลืมกินตอนร้อน ๆ นะเ้าคะ”
“ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ”
แม่นมอวี้ยอมถอยออกมา หลังจากยกข้าวต้มมาวางแล้ว นางก็ยอมออกไปแต่โดยดี เมื่อแม่นมอวี้เดินไปแล้ว ชิงเถาจึงรีบปิดประตูทันที
“จริงสิตอนนี้เสด็จอาไม่อยู่ แล้วยังสั่งแม่นมอวี้มาดูแลข้า แล้วเื่ในจวนเล่า”
“เอ่อ คือว่า…”
“มีอะไรหรือ”
ซินหรูหันมามองหน้าชิงเถา ที่อ้ำอึ้งไม่อยากพูดออกมา แค่เห็นสีหน้าของนาง ก็พอจะเดาออกว่าไม่ใช่เื่ที่ดีนัก
“บอกข้ามาเถิด สีหน้าเ้ามันฟ้อง จนจะกลายเป็คำพูดอยู่แล้ว”
“่นี้คุณหนูหลินมาที่จวนทุกวัน บอกว่าจะมาดูแลจวนให้ท่านอ๋องชั่วคราวเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นหรอกหรือ เขาคงจะสั่งนางมากระมัง”
“คุณหนูโกรธท่านอ๋องหรือไม่เ้าคะ”
“เหตุใดข้าต้องโกรธเขาด้วยเล่า จวนนี้ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีคนดูแลอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะเป็ผู้ใดเท่านั้น”
“ข่าวลือข้างนอกบอกว่า ท่านอ๋องกับคุณหนูหลินผู้นั้น กำลังจะหมั้นหมายกันเ้าค่ะ”
เคล้ง!
ปิ่นในมือของซินหรู ตกลงในถาดทองเหลืองตรงหน้า เมื่อชิงเถาบอกเื่นี้ หัวใจของนางที่ร้าวอยู่ก่อนหน้านี้ บัดนี้เหมือนจะเพิ่มรอยลึกลงไปอีก เหลือเพียงนิดเดียวคงถึงคราวแตกสลาย
“ท่านเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ นี่ปิ่นทองที่ท่านอ๋องมอบให้ท่าน”
“ข้าแค่จะเอามาทำความสะอาดเท่านั้น เอาเก็บเถอะ คืนวันเทศกาล เรายังมีเื่ต้องทำอีก”
“เ้าค่ะ”
สองวันถัดมา
โคมลอยทั่วท้องฟ้าในยามดึก ซินหรูได้แต่มองผ่านหน้าต่างในจวนอ๋อง นางถูกท่านอ๋องสั่งกักบริเวณ จึงมิได้ออกไปเดินเที่ยวงานเทศกาล คืนนี้ท่านอ๋องเอง ก็มิได้กลับจวน
“แม้แต่เวลานี้ เขาก็ยังไม่กลับจวนงั้นหรือ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านะ หรือว่า... ยังเที่ยวไม่พอ”
“เอ่อ… คือ”
นางเพียงแค่เห็นสีหน้าของสาวใช้ก็พอจะเดาออก คืนนี้ท่านอ๋องต้องไปที่งานเทศกาล กับหลินเยี่ยนหง เพราะผู้คนในจวนบัดนี้ เอาแต่พูดถึงความดีของอีกฝ่าย จนซินหรูแทบจะไม่อยากออกไปข้างนอก
แม้แต่ในสวน ก็ไม่อยากก้าวขาออกไป กระทั่งสองวันถัดมา หลังงานเทศกาลจบลง เื่ที่นางคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
“คุณหนูเ้าคะ ท่านอ๋องเรียกท่านไปพบที่ห้องหนังสือเ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ไปกันเถอะ”
ห้องหนังสือ
ซินหรูเดินเข้ามาพบเขาในรอบสิบวัน หรงเฟิงหยางหันมามองหน้านาง ที่ผ่ายผอมลงไปมากก็นึกใ เขายุ่งเสียจนแทบไม่มีเวลากลับจวน แต่ไม่คิดว่า นางจะผอมลงไปเช่นนี้ จึงรีบลุกขึ้นไปดึงตัวนางเข้ามาทันที
“ซินหรูเ้าไม่สบายหรือ เหตุใดจึงผ่ายผอมลงไปขนาดนี้ หน้าเ้าผอมตอบ แล้วเหตุใดจึงซีดเซียวไร้สีเืเพียงนี้ กงอวี่!”
“เสด็จอา ข้าไม่เป็ไร ปล่อยก่อนเถิดเพคะ”
สีหน้าท่าทางที่แสดงความเป็ห่วง ทำให้ซินหรูใจอ่อนยวบ จากที่โกรธเขามาเกือบสิบวัน ก็พลันหายไปจนหมดสิ้น เมื่อเห็นท่าทางกังวลของเขา
“ข้าสั่งกักบริเวณเ้า แต่มิได้สั่งให้อดอาหาร เ้าบอกมาว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ ใครมันบังอาจ…”
“ไม่มีทั้งนั้นเพคะ เสด็จอาอย่าได้กล่าวโทษผู้อื่นอีกเลย”
เพียงนางพูดจบ เขาก็นิ่งไปทันที และหันมามองหน้านาง
“เช่นนั้นเ้าก็หมายความว่า ข้าเป็ต้นเหตุ”
“ข้ามิได้พูดเช่นนั้น”
“งั้นหรือ แต่ข้าเป็คนสั่งกักบริเวณเ้า ห้ามไม่ให้ออกจากจวน งานเทศกาลก็ไม่ได้เที่ยวตามที่เ้า้า นี่เ้ากำลังประท้วงข้าอยู่งั้นหรือซินหรู”
“….”
ซินหรูไม่รู้เลยว่า เหตุใดจู่ ๆ ท่านอ๋องจึงเรียกนางมาพบ หรือเพียงแค่จะเรียกมาตำหนิเท่านั้น
“ฉินซินหรู”
“เสด็จอามีสิ่งใดก็พูดเถิดเพคะ อ้อมไปมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือ”
“เ้า! ดียิ่งนัก ตอนนี้เริ่มเถียงข้าแล้ว ปีกกล้าขาแข็งเช่นนี้สินะ เช่นนั้นก็ดี จะได้พูดง่าย ๆ หน่อย เ้ารีบเก็บของ ข้าจะส่งเ้าเข้าไปอยู่กับพระสนมลี่ในเมืองหลวง”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ เมืองหลวงงั้นหรือ”
ราวกับฟ้าผ่ากลางดวงใจ จู่ ๆ ท่านอ๋องก็สั่งให้นาง ย้ายออกจากจวน และยิ่งไปกว่านั้น คือส่งนางเข้าเมืองหลวง ซึ่งไกลจากตงโจวหลายร้อยลี้
“เ้าไม่ต้องห่วง สนมลี่เป็ท่านน้าของข้าเอง นางอยู่ในวังหลวงรู้สึกเหงา ข้าคิดว่าเ้าชำนาญด้านกาพย์กลอน และยังเดินหมากดีดพิณเป็เลิศ คงพอจะทำให้ท่านน้าคลายเหงาไปได้บ้าง”
“นี่ท่าน… กำลังหาวิธีลงโทษข้าอยู่หรือเพคะ แค่กักบริเวณ ห้ามออกจากจวน คงไม่สามสมใจท่านสินะเพคะ”
“มิใช่เช่นนั้น ซินหรูเ้า ข้าอยากให้เ้าออกไปเปิดหูเปิดตา การเข้าไปเมืองหลวง น่าจะดีกับเ้า อีกอย่างเหตุการณ์ในตงโจวตอนนี้….”
“เชื่อหรือไม่ว่า ข้าช่วยเสด็จอาได้”
“ไม่ได้! เ้าคิดอะไรอยู่ เื่เช่นนี้จะพูดเล่นได้หรือ ห้ามพูดเื่แบบนี้อีกเป็อันขาด!”
เขาหยุดพูดไปทันที นึกไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ นางก็พูดเื่แบบนี้ขึ้นมา ต่อให้ช่วยได้ แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้นาง เสี่ยงอันตรายเป็อันขาด แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาในทันที
“ซินหรูเชื่อข้าเถอะ ข้าจะส่งเ้าไปอยู่กับท่านน้า ไม่นานนักหรอก แล้วจะรีบไปรับเ้ากลับมา”
“หากข้าปฏิเสธเล่าเพคะ”
“นี่เ้าคิดจะทำอะไร ตอนนี้แม้แต่คำสั่งของข้า ก็กล้าขัดแล้วหรือ!”
“ในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าอยู่ จะสนใจทำไมว่าข้าจะไปที่ใด!”
“ฉินซินหรู! นี่เ้า…”
“แค่อยากจะแต่งพระชายาเข้าจวน ท่านเพียงบอกกับข้าดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องอ้างเหตุผลมากมาย เพื่อส่งข้าออกไปจากจวน ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อยู่เกะกะพวกท่านหรอก”
“นี่เ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน ใครให้เ้าพูดเช่นนี้ออกมา”
“เช่นนั้นท่านเคยถามความรู้สึกของข้าหรือไม่ ครั้งแรกที่ท่านสาบานต่อหน้าโลงศพท่านพ่อ ท่านพูดว่าอย่างไร ท่านถามความเห็นของข้า ว่าข้าอยากจะมากับท่านหรือไม่ ท่านสาบานกับท่านพ่อข้า ว่าจะดูแลปกป้องข้า แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่า ท่านคงลืมไปหมดสิ้นแล้ว”
“เ้ากำลังเข้าใจผิด”
“เช่นนั้นจะเป็เช่นไรได้อีก แม้แต่ความรู้สึกของข้า ท่านก็มองไม่เห็น จะมาถามความเห็นข้าได้หรือ”
“ซินหรู… เ้า”
น้ำใส ๆ เริ่มรินไหลลงมาอาบแก้ม ทั้งน้อยใจและเสียใจ ที่นางรักคนผิด เขามิได้คิดเหมือนนาง หากรู้เร็วกว่านี้ นางคงจะยับยั้งหัวใจไว้ได้ทัน
“ท่านไม่เคยคิดอะไรกับข้าจริง ๆ หรือ เสด็จอา”
“ข้า….”
"ท่านรักข้า มองข้าเป็เพียงหลานนอกไส้ หรือเป็สตรีคนหนึ่ง"
“ข้า…”
นางหันไปมองตาเขา ดวงตาสีนิลเต็มไปด้วยความสับสน กลัวและโกรธปะปนกัน ที่จู่ ๆ นางก็มาพูดเื่นี้ออกมา ในเวลาเช่นนี้
“ข้า…”
"ท่านไม่กล้าพูด เพราะท่านมีสตรีในใจแล้วสินะ"
ท่านอ๋องกำหมัดแน่น เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า ตัวเองรู้สึกเช่นไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องเก็บความรู้สึกมามากเพียงใด ย่อมรู้ดีแก่ใจที่สุด เพียงเพราะรอให้นางเติบโต และพร้อมที่จะรับความรู้สึกจากเขา แต่บัดนี้เหตุการณ์ตรงหน้า มิอาจเสี่ยงให้นางอยู่ข้างกายได้ เขาจึงต้องตัดสินใจ
“ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเ้า ฉินซินหรู ั้แ่ข้ารับเ้าเข้าจวนอ๋อง ก็มองเ้าเป็… ญาติคนหนึ่งที่ต้องดูแล ข้าให้คำสาบานกับแม่ทัพฉินก่อนตาย ว่าจะดูแลปกป้องเ้า ซินหรู….”
เขาเงียบไปทันที เมื่อเห็นนางทรุดกายลงกับเก้าอี้ ซึ่งเป็ตัวที่นางมักจะนั่งเป็ประจำ เมื่อเข้ามานั่งคัดอักษรกับเขา แต่ไม่เคยเห็นฉินซินหรู ร้องไห้ราวกับจะขาดใจเช่นนี้มาก่อน
“ซินหรู”
“ได้เพคะ เช่นนั้นข้าก็จะทำตามที่เสด็จอา้า จะเดินทางไปเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด นับจากนี้ไป ระหว่างเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้