ใบหน้าของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์นิ่งขรึม แล้วเอื้อมมือไปวางบนบ่าเล็กๆ ของหลิวเต้าเซียง เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “เ้าได้ยินเื่เหล่านี้จริงหรือ?”
“อืม แต่ข้าจำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ท่านย่าเราเองก็ ก็ ไม่รู้ว่าเป็อะไรไป จึงอาละวาดขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็ด่ากันแล้วยังตีกันด้วย อืม คนตระกูลซุนถึงขั้นพกมีดเชือดหมูบุกมาที่นี่ ตอนนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน ทุกคนยืนอึ้งอยู่ในลานบ้าน”
“คนของตระกูลซุนมางั้นหรือ?” หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ไม่ได้ เื่นี้นางต้องรีบไปปรึกษาหารือกับพี่ชาย บ้านตระกูลหลิวไม่ได้สงบสุขดังเช่นที่ทั้งสองคนคิดอีกต่อไปแล้ว
“ใช่ ป้ารองเองก็กลับบ้านแม่ไปั้แ่เดือนห้า ท่านย่าไม่ยอมให้นางกลับมา” หลิวเต้าเซียงตอบอย่างไม่มีความกดดัน
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ถามอีกครั้งว่า “เหตุใดท่านย่าจึงไม่ยอมให้นางกลับมา?”
หลิวเต้าเซียงคิดในใจ ข้ากำลังรอให้เ้าะโลงสู่หลุมพรางนี้ จากนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ป้ารอง้าแยกบ้าน บอกว่าเงินอะไรสักอย่าง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ ท่านพี่ ท่านยังมีขนมไข่แดงหรือไม่? ข้ากินแล้วรสชาติดีเหลือเกิน”
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์แอบมองด้วยความแน่ใจว่านางเป็สาวบ้านนอกที่ไม่ประสีประสา เห็นทีคำพูดของนางจะไม่ใช่เื่โกหก เพียงแต่ยังไม่วางใจ “แล้วเหตุใดลุงรองไม่เข้าไปห้าม?”
หลิวเต้าเซียงปรายตามองและเอ่ย “ท่านพี่ ท่านเองก็ใช่ว่าไม่รู้ ลุงรองของเราทำงานในโรงเตี๊ยมมาตลอด ลุงรองเองก็หวังดี จึงปล่อยให้ป้ารองอยู่กับท่านย่า”
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ยิ่งประหลาดใจ แม้ว่านางไม่ค่อยได้กลับบ้านนอก แต่เื่ที่เกิดขึ้นที่นี่ นางเองก็รู้ทุกเื่ตลอด
ปีนี้หลิวเหรินกุ้ยปล่อยให้หลิวซุนซื่ออยู่ที่บ้านนอก เื่นี้ผิดสังเกต นางพินิจอยู่นาน และแน่ใจว่าคงหนีไม่พ้นเื่เงินที่หลิวเต้าเซียงเอ่ยถึง
“ลุงรองก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ป้ารองอยู่บ้านนอกแห่งนี้” พูดจบก็เห็นหลิวเต้าเซียงนิ่งไม่พูดต่อ เพียงแต่ใช้นิ้วแตะเศษขนมบนจาน และนึกรังเกียจนาง
เมื่อพลิกมุมคิด ท้ายที่สุดแล้วก็แค่นางเด็กที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง เห็นทีคงไม่เข้าใจความหมายที่นางพูด
“น้องเต้าเซียง เ้าว่าดอกไม้นี้สวยหรือไม่?” หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ดึงดอกไม้สีชมพูจากบนผมออกมา ดูแล้วน่ารักดี
นางค่อยๆ เสียบเข้าที่ผมของของหลิวเต้าเซียง แล้วเอ่ย “ตอนที่ข้าเห็นดอกไม้นี้ ก็นึกถึงน้องเต้าเซียง”
หลิวเต้าเซียงอยากจะบอกว่าเรายังไม่สนิทกัน แต่ก็อดทนไว้ ปล่อยให้หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เสียบดอกไม้บนผมตนเองตามใจ ขณะที่สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดกลับขำกลิ้ง “ฮ่าๆ ตลกมากครับ ดอกไม้เสียบบนผมของคุณแล้ว ทำไมดูอย่างไรก็ไม่ค่อยเข้ากันนัก?”
หลิวเต้าเซียงอยากมองตาขวางใส่มัน ตนเองก็แค่แต่งกายเรียบง่ายไปหน่อย หากว่าได้ใส่ชุดกระโปรงผ้าไหมก็สวยน่ารักเหมือนกันนั่นแล!
ตีให้ตาย นางก็ไม่ยอมรับว่าตนเองไม่สวย
“ท่านพี่ ดอกไม้นี้ให้ท่านประดับดีกว่า วันๆ ข้ายังต้องไปตัดหญ้าทำอาหารหมู สวมไว้บนหัวข้าคงดูไม่เข้ากัน” หลิวเต้าเซียงแอบโมโหเล็กน้อย จึงดึงดอกไม้ลงมาคืนให้หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ไม่ได้รําคาญ แต่แค่ยิ้มและพูดว่า “เฮ้อ หากว่าเหมือนหลายปีก่อนที่แม่ข้ายังพอคล่องมือ ข้าเองก็คงไม่ประดับของเหล่านี้”
หลิวเต้าเซียงยังคงแสร้งทำเป็ไม่เข้าใจ นั่งอยู่บนขอบคั่งและเล่นนิ้วมือตนเอง
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์จุกในใจเวลาพูดถึง คิดๆ แล้วก็เอ่ยต่อ “น้องเต้าเซียง เหตุใดป้ารองจึงไม่ช่วยงานป้าสามบ้าง?”
“หืม? ป้ารองทำสิ คราวก่อนกลับมา เราแบ่งงานบ้านกันใหม่ ป้ารองรับหน้าที่ซักผ้า ทำอาหารค่ำ แล้วก็งานทำความสะอาดคอกหมู ส่วนพี่จูเอ๋อร์กวาดลานบ้าน แม่ข้าทำอาหารเที่ยง ต้มอาหารหมู แล้วก็ดูแลแปลงผัก อันที่จริง ท่านย่าเองก็ไม่ได้้าให้ป้ารองเหนื่อยหรอก”
หลังจากที่พูดจบก็เอ่ยเสริมในใจ เพียงแต่้าสั่งสอนป้ารองให้เข็ดหลาบ
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เป็กังวลเล็กน้อย นางอยากจะถามว่าเหตุใดหลิวซุนซื่อถึงยอมอยู่ที่บ้านนอก จึงแอบหยั่งเชิงหลิวเต้าเซียงหลายรอบ แต่นางตัวดีนี่ก็ไม่ยอมเข้าใจคำพูดของนางเสียที หากนางถามออกมาตามตรง เกรงว่าคงมีช่องโหว่ หากมีคนถามขึ้นมาก็กลัวว่านางเด็กนี่จะบอกว่าตนเองเป็คนถาม
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เจอกับงานยาก จากนั้นจึงเอ่ยออกมาง่ายๆ ว่า “ท่านย่ากับป้ารองเข้ากันได้มาโดยตลอด เฮ้อ ใครจะรู้ว่าเหตุใดทั้งสองคนจึงมีสภาพเช่นนี้ได้”
จากนั้นก็ได้ยินนางบอกว่า “ก่อนหน้านี้ป้ารองก็ไม่ได้ขยันเพียงนี้ ไม่รู้ว่าเหตุใดปีนี้จึงยอมอยู่ที่บ้านด้วยเหตุผลอันใด”
คนใจร้อนมักจะเค้นสมองออกมาได้ หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ถามเช่นนี้ ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งอะไรนัก ทันใดนั้นใบหน้าของหลิวเต้าเซียงก็ใเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“อ้อ เห็นทีท่านพี่จะไม่รู้สินะ ได้ยินว่าเดิมทีท่านย่าปีนี้้าให้บ้านท่านสิบตำลึง แต่ป้ารองรู้เื่ก็อาละวาด ปรากฏว่าแบ่งให้บ้านท่านห้าตำลึง บ้านนางอีกห้าตำลึง อันที่จริง ท่านย่าเองก็ยุติธรรม ปีนี้ท่านพี่เองก็จะมีน้องอีกคนแล้ว ส่วนป้ารองเอง เ้าอ้วนเป่าก็จะเข้าเรียน ท่านพ่อข้าบอกว่า ทุกคนต่างก็ลำบาก”
“ท่านย่าบอกว่าให้ครอบครัวข้าสิบตำลึงหรือ?” มือน้อยของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์กำพัดไว้แน่นจนข้อต่อนิ้วเริ่มซีดขาว
“ข้าไม่ได้โกหก ทุกคนรู้เื่นี้ ไม่เชื่อท่านก็ไปถามพี่จื้อไฉหรือพี่จูเอ๋อร์สิ อ้อ เ้าอ้วนเป่าเองก็รู้เื่” หลิวเต้าเซียงวางแผนการชั่วร้าย
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ไม่สามารถไปถามลูกๆ ของหลิวเหรินกุ้ยได้ นั่นเท่ากับการแส่หาเื่
อีกอย่าง ปัญญาของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์นั้นเมื่อเทียบกับหลิวจูเอ๋อร์และหลิวเสี่ยวหลันนับว่าฉลาดกว่ามาก ท่าทีก่อนหน้านั้นก็เพื่อแสดงว่าตนเองมาจากจวนตระกูลหวง สถานะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ
ตอนนี้หลิวเสี่ยวหลันกับหลิวเต้าเซียงล้วนเกาะเกี่ยวบนเส้นทางของจวนท่านอ๋อง นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะวางมาดต่อ จึงทำตัวให้สนิทสนม เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเต้าเซียงแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ต้องถามน้องๆ หรอก ทุกคนต่างก็เป็คนในครอบครัวเดียวกัน เงินเหล่านี้ใช้กับใครก็ต้องใช้ อีกอย่าง ท่านแม่ข้าตอนนี้ก็เพิ่งตั้งครรภ์ ฮูหยินใหญ่ก็เมตตา จึงอนุญาตให้แม่ของข้าได้หยุดพัก”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกเหนื่อยกับการพูดคุยกับหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ นางวิเคราะห์ความหมายแฝงจากคำพูดของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ก่อน ความหมายก็คือ ฮูหยินใหญ่บอกว่า แม่ของนางตั้งครรภ์จึงไม่ต้องไปทำงานในจวนตระกูลหวง ตอนนี้ครอบครัวนางทั้งห้าชีวิตต้องพึ่งพาคนสองคนเพื่อหาเงิน ทั้งที่รู้ว่าครอบครัวนางลำบาก แต่หลิวซุนซื่อก็ยังทำเช่นนี้ ช่างใจไม้ไส้ระกำเหลือเกิน
“อืม ท่านพี่เป็คนจิตใจเมตตา” หลิวเต้าเซียงแค่เอ่ยอย่างคล้อยตามคำพูดของนาง
หลิวเฉียวเอ๋อร์ตกตะลึง เมื่อได้ยินเช่นนี้ อีกทั้งข่าวก็สืบได้พอสมควรแล้ว อย่างน้อยก็ได้เื่ราวของครอบครัวลุงรอง นางจึงตัดสินใจว่าจะต้องไปปรึกษาหารือกับพี่ชายก่อน
นางพูดคุยกับหลิวเต้าเซียงและเปลี่ยนหัวข้อไปที่พี่ชายของตน จากนั้นก็คิดว่าควรไปดูเขาสักหน่อย เพราะคงอ่านตำราจนเหนื่อยแล้ว
หลิวเต้าเซียงก็บรรลุความปรารถนาของนางเช่นกัน จึงส่งหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ออกจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มร่า
ทันทีที่หันหลังแล้วปิดประตูห้องปีกตะวันตก หลิวเต้าเซียงก็เห็นหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เดินเลียบกำแพงเข้าไปทางห้องปีกตะวันออกทางด้านทิศใต้ เมื่อฉุกคิดได้ นางจึงเดินอ้อมหลังบ้านไปทางด้านทิศตะวันออกของห้องนั้น และแอบฟังอยู่หลังกำแพง
“ท่านพี่ ท่านพี่!” เมื่อหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์มาถึงก็รีบะโเรียก
“ข้าอยู่ที่นี่” เสียงของเขามาจากหน้าต่างทางทิศเหนือ จากนั้นก็ได้ยินเขาท่องตำรา
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ชะลอฝีเท้า แล้วเดินย่องเบาๆ
จากนั้นนางก็เยื้องย่างไป ส่ายพัดทรงกลมอันเล็กมาจนถึงห้องด้านทิศเหนือสุด ห้องนี้เป็ห้องที่ทะลุผ่านกัน ทางด้านทิศตะวันออกคือตำแหน่งที่หลิวจื้อเซิ่งไว้นอน ส่วนด้านทิศตะวันตกชิดกับลานบ้านคือห้องอ่านตำรา ขณะนี้หลิวจื้อเซิ่งกำลังถือตำรานั่งอ่านอยู่ที่หน้าต่างและท่องโดยโยกศีรษะไปมา
“ท่านพี่!” เสียงของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ฟังดูอ่อนหวานนัก
“อืม!” หลิวจื้อเซิ่งลืมตาขึ้นและลดตำราลงมา จากนั้นจึงโบกมือให้นางแล้วเอ่ย “ตามพี่มาทางนี้ ตรงหน้าต่างสะดุดตาคนเกินไป” เขาหมายถึงว่าคนตรงลานบ้านมีมาก หากทั้งสองจะพูดคุยกันเื่ลับคงไม่สะดวก
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ตามเขาออกจากห้องด้านในสุดมาจนถึงห้องกลางที่เป็ห้องรับแขก ครอบครัวฝั่งเขามีทั้งหมดสามห้อง ตรงกลางคือจุดรวมตัว ด้านซายคือห้องของหลิวจื้อเซิ่ง ส่วนห้องขวาสองห้องคือที่ต่อเติมเข้าไป
ขณะนี้หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ตามหลิวจื้อเซิ่งมาถึงฝั่งตะวันออกของห้องรับแขก ตรงนี้คือด้านทิศตะวันออก หลิวจื้อเซิ่งเปิดหน้าต่าง จากด้านหลังห้องเมื่อมองออกไปไกลๆ จะเห็นจางกุ้ยฮัวกำลังถอนหญ้าอยู่ในแปลงผัก
เมื่อหลิวเต้าเซียงแอบตามมาถึง นางบังเอิญได้ยินหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เล่าให้หลิวจื้อเซิ่งฟังว่าสืบได้ความอะไรจากนางบ้าง
“ตามคาด เหมือนที่ท่านแม่คิดไว้ไม่ผิด ลุงรองช่างเป็คนที่เื่เยอะจริง” หลิวจื้อเซิ่งโมโหจนกัดฟันกรอด
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ยกคิ้วขึ้น มือเล็กๆ ของนางบิดผ้าเช็ดหน้า แล้วเอ่ยอย่างโมโห “ฮึ หากไม่ใช่ครอบครัวลุงรองยื่นมือมายุ่ง ครอบครัวเราจะได้เพียงห้าตำลึงหรือ?”
หลิวจื้อเซิ่งโบกมือให้นางและกระซิบว่า “เฉี่ยวเอ๋อร์ ระมัดระวังคำพูดด้วย เื่นี้เห็นทีป้ารองคงทนการทรมานจากท่านย่าไม่ไหว เ้าอย่าลืมสิ อาสี่ยังไม่ได้หมั้นหมาย ส่วนอาเล็กก็ยังไม่ได้ออกเรือน
“บุตรแห่งท่านอ๋องนั้นพึ่งพาได้หรือไม่? เขาสามารถให้ชื่อเสียงและความร่ำรวยแก่อาเล็กเราได้จริงหรือ? ข้าว่า ถึงอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อได้ แต่ก่อนท่านย่าพูดจาก็มักจะไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่แล้ว” หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ยังคงสงสัยกับชื่อเสียงและความร่ำรวยที่หลิวฉีซื่อกล่าวถึง
หลิวจื้อเซิ่งถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบ “เื่นี้ไม่เหมือนกัน การช่วยชีวิตคนย่อมมีเื่เช่นนี้ เื่ที่อาเล็กจะได้ความมั่งคั่งร่ำรวยก็เป็เื่ที่หมายมั่นไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า จวนท่านอ๋องที่ท่านย่าพูดถึง ข้ากับเ้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด มันจะง่ายดายเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“ไม่ง่ายอยู่แล้ว ลำพังนายท่านในจวนเรามีภรรยาเล็กก็รู้ได้ ท่านย่าคิดง่ายเกินไป” หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ส่ายพัดทรงกลมเบาๆ สำหรับเื่ที่หลิวเสี่ยวหลันจะแต่งไปที่ไหน นางไม่ได้ใส่ใจสักนิด
สิ่งที่นางเป็ห่วงคือทรัพย์สินในมือของหลิวฉีซื่อ ครอบครัวของนางจะแบ่งได้เท่าไรกัน
“ก่อนที่เราจะมา ท่านแม่แอบบอกกับข้าว่า คนที่บ้านนอกนั้นมีความโลภยิ่งนัก ส่วนอาสี่ที่เล่าเรียนอยู่ข้างนอกเองก็มีชื่อเสียงยิ่งนัก กระทั่งท่านตายังได้ยินและบอกกับท่านแม่ว่า ตระกูลหลิวนั้นมีตื้นลึกหนาบาง”
หลิวจื้อเซิ่งคิดแล้วเอ่ย “เื่นี้ไม่รีบร้อน ลุงรองเองก็ดูเหมือนอยากแยกบ้าน เรารอไปก่อน หากมีเพียงเขาที่บอกว่า้าแยกบ้าน ท่านย่าย่อมไม่มีทางตกลง แต่อาสามดูเป็คนซื่อตรง ท่านปู่ท่านย่าว่าเช่นไร เขาก็คล้อยตามนั้น”
-----
