“เ้ามิเป็ไรใช่หรือไม่?” ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานแสดงท่าทีความห่วงใยที่มิค่อยได้เห็นออกมา ทำให้เหยียนชิงชิงประหลาดใจยิ่งนัก
“ข้ามิเป็ไร” จ้านอู๋มิ่งลืมตาขึ้น เห็นบรรดาหญิงสาวหน้าตาสะสวยชวนเสน่หา มองดูเขาด้วยสีหน้ากังวลห่วงใย พลันหัวใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกอิ่มเอิบตื้นตันขึ้นมาทันใด
“เ้านาย นี่คือเื่ราวใดกันแน่?” เหยียนชิงชิงมองจ้านอู๋มิ่งด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก ทั้งหมดนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจพวกนางโดยสิ้นเชิง
“ไม่มีเื่อันใด ข้าเพียงแค่มิ้าทะลวงด่านบรรลุขอบเขตเท่านั้นเอง มิฉะนั้นข้าก็ไม่สามารถไปเยือนอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน ดังนั้นจึงสะกดข่มฐานบ่มเพาะกลับคืนอีกครั้ง” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ อย่างสบายอกสบายใจ
“เ้าเรียกขานเขาว่าเ้านาย?” ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานมองไปที่จ้านอู๋มิ่งและเหยียนชิงชิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ได้ยินเหยียนชิงชิงเรียกขานอย่างสงบเสงี่ยมเช่นนั้น นางเกิดความรู้สึกปั่นป่วนดั่งคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจ จะอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่า ธิดาเทพที่เ็าดุจดั่งน้ำแข็งและแสนทะเยอทะยานแห่งสำนักเบญจพิษผู้นี้กลับกลายเป็คนรับใช้ของจ้านอู๋มิ่งไปแล้ว นี่ยังใช่ราชันแห่งอัจฉริยะผู้นั้นอีกหรือ?
“มิผิด ข้าคือเ้านายของนาง และก็จะเป็เ้านายของเ้าเช่นกัน แน่นอน พวกเ้าทั้งหมดล้วนเป็สตรีของข้า ดังนั้นขอเพียงพวกเ้าไม่กระทำเื่ราวใดที่รู้สึกผิดต่อข้า ข้าจะยังคงปฏิบัติต่อเป็เ้าอย่างดี ปฏิบัติเฉกเช่นสตรีที่ข้าห่วงใยรักใคร่” จ้านอู๋มิ่งกล่าวอย่างเฉยชา
“เ้าอย่าได้คิดหวังเป็นายของข้า!” พลันสีหน้าราชันโอสถ สื่อรั่วหนานแปรเปลี่ยนทันใด ความจริงในใจนางได้ยอมรับผู้ชายคนนี้แล้ว แต่นางเป็สตรีผู้น่าภาคภูมิของสำนักหลอมโอสถ มิเคยคิดที่จะเป็สาวใช้ของผู้ใดมาก่อน
“เื่นี้จะตามใจเ้าไม่ได้!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างเยือกเย็น พลันสภาวะพลังมหาศาลสายหนึ่งก็แผ่ออกทันใด คล้ายดั่งสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งถูกปลุกตื่นขึ้นมากะทันหัน การกดดันบังคับนั้นส่งผลโดยตรงต่อส่วนลึกของจิติญญาสื่อรั่วหนานทันที
สื่อรั่วหนานรู้สึกจิติญญาชีวิตสะท้านขึ้นคราหนึ่ง ความอ่อนแอชนิดหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้นางมิอาจปลุกปลอบสำนึกขัดขืน ทั้งยังไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านจ้านอู๋มิ่ง ดุจสามัญชนผู้หนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเทพเ้าองค์หนึ่ง ดั่งมดตัวหนึ่งแหงนมองช้างขนาดมหึมา…สิ่งที่ทำให้นางตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมก็คือ จ้านอู๋มิ่งกลับสามารถควบคุมความผันผวนของจิติญญาชีวิตนางอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะมีความสุขหรือเศร้าเสียใจ
“เ้าทำสิ่งใดต่อข้า?” สื่อรั่วหนานคุกเข่าลงบนพื้นในทันใด สภาพของชิงย่วนกลับย่ำแย่ยิ่งกว่า
“เ้าเป็เด็กดี” จ้านอู๋มิ่งประคองชิงย่วนลุกขึ้นอย่างนิ่มนวล ลูบเส้นผมยาวสลวยของนางคราหนึ่ง กล่าวกับนางเบาๆ
เหลือบมองสื่อรั่วหนานที่ยังคงคุกเข่าอย่างประหลาดใจอยู่บนพื้นคราหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งกล่าวว่า “เ้าแตกต่างกับพวกนาง พวกนางตั้งใจสังหารข้าั้แ่แรก ดังนั้น ข้าจึงไม่ไว้ใจพวกนางเป็พิเศษ เ้านั้นแตกต่าง เพราะฉะนั้นเ้าไม่ต้องเกรงกลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเ้าแน่นอน”
ชิงย่วนค่อยๆ สงบลง ร่างไม่สั่นเทาอีกต่อไป
การกดดันของจ้านอู๋มิ่งลดทอนออกจากส่วนลึกของจิติญญานาง แม้ว่านางจะตื่นตระหนก แต่กลับผ่อนคลายลงมากแล้ว สำหรับชายตรงหน้าผู้นี้ ชิงย่วนยินยอมที่จะรับเป็บุรุษของตนโดยปริยาย เนื่องจากตนบังเกิดความรู้สึก้าพึ่งพาเขาอย่างมากชนิดหนึ่งขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ มีเพียงอยู่ข้างกายเขาเท่านั้นจึงจะรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
สำหรับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ผู้หนึ่งแล้ว นี่คือการยึดเหนี่ยวที่ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นนางจึงพยักหน้าราวนกน้อยที่หวาดกลัวในอ้อมแขนของจ้านอู๋มิ่ง อ่อนหวานน่ารักยิ่งนัก นางแทบมิกล้าหันไปมองสื่อรั่วหนาน ศิษย์พี่ใหญ่ของตน
“ข้าจะบอกเ้าก็ได้ ข้าได้ปลดผนึกต้องห้ามที่ชายชราฝังไว้ในจิติญญาชีวิตเ้าออกแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้ประทับตราลงในจิติญญาเ้าเช่นกัน ความนึกคิดทั้งหมดของเ้า ขอเพียงข้าปรารถนา ก็สามารถััรับรู้ได้ตลอดเวลา ข้า้าทำสิ่งใดกับเ้า เ้าไม่สามารถต่อต้านแม้แต่น้อย ความเป็ความตายของเ้า อยู่ที่ความคิดของข้าเท่านั้น หากข้าเสียชีวิตแล้ว จิติญญาชีวิตเ้าก็จะแตกสลายและดับสูญตามเช่นกัน” จ้านอู๋มิ่งตบเบาๆ ที่ศีรษะของสื่อรั่วหนานและพูดขึ้น
“เ้า…” สื่อรั่วหนาน้ายื่นมือขัดขวาง แต่สัญชาตญาณกลับทำให้นางศิโรราบ
“สถานการณ์ของเหยียนชิงชิงก็เช่นเดียวกับเ้า เ้าวางใจ เหตุผลที่ข้าเหลือพวกเ้าไว้ เพราะข้าหวังว่าจะมีผู้ช่วยที่มีฝีมือความสามารถ ข้าผู้นี้ไม่ไว้วางใจผู้ใดง่ายๆ ถ้าหากมีวันหนึ่ง ข้าเห็นว่าพวกเ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็สตรีของข้า เวลานั้นข้าก็จะปลดผนึกพันธนาการพวกเ้าออก หรือบางที มีวันใดพวกเราร่วมกันทำลายผนึกที่ปิดฟ้าดินออกด้วยกัน บรรลุถึงอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ข้าก็จะให้อิสระแก่พวกเ้าเช่นกัน ถึงตอนนั้นข้าหวังยิ่งนักว่าพวกเ้าจะติดตามข้างกายข้าในฐานะที่เป็สตรีของข้า…”
หยุดลงชั่วคราว จ้านอู๋มิ่งพูดต่ออีกว่า “ข้าทราบความลับระหว่างสิบราชันของพวกเ้า ทราบด้วยว่าภารกิจของพวกเ้าคือการบรรลุถึงต่างแดนผ่านเส้นทางของจักรพรรดิา ทะลวงด่านบรรลุขอบเขตเทพเ้าาที่นั่น ขอเพียงพวกเ้าติดตามข้า ก็จะบรรลุเป้าหมายง่ายกว่าที่เป็อยู่ในตอนนี้”
“ทำลายผนึกที่ปิดฟ้าดินออก บรรลุถึงอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ? อาศัยสิ่งใดให้พวกเราเชื่อถือเ้า?” ราชันโอสถสะท้านใจคราหนึ่ง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างจ้านอู๋มิ่ง ระดับช่างห่างไกลกับใต้หล้านี้อย่างลิบลับ นั่นคือระดับกลิ่นอายชีวิตที่สูงส่งยิ่งกว่าชนิดหนึ่ง เหมือนดั่งจิติญญาเทพเ้า ทำให้นางสูญเสียความกล้าหาญแล้ว
“ข้ามิจำเป็ต้องทำให้เ้าเชื่อถือข้า เพราะความคิดข้าสามารถควบคุมพฤติการณ์ของเ้า แน่นอน นั่นต้องเป็ยามที่พวกเ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้ายังคงชื่นชอบให้พวกเ้าเผชิญหน้ากับข้าด้วยตัวตนของเ้าเอง” จ้านอู๋มิ่งตอบอย่างดูแคลน
“นายท่าน ข้าคิดว่านางดุร้าย ทำให้เชื่อฟังได้ยาก มิจำเป็ต้องละเว้นชีวิตนางไว้แล้ว!” พลันเหยียนชิงชิงพูดสอดแทรกขึ้น
“ฮึ หากเ้าคิดว่าสามารถทำได้ ข้าสื่อรั่วหนานไฉนจะทำไม่ได้? ข้ายินดีเป็สาวใช้ของเ้า ภักดีต่อเ้ามากยิ่งกว่านาง จนกว่าจะเป็สตรีของเ้า นายท่าน!” ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานตัดสินใจอย่างเคร่งขรึม ตอบรับอย่างหนักแน่น
จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว สายตาค่อยๆ มองไปที่ร่างของชิงย่วน
“เ้า้าเรียกข้าว่ากระไรก็เรียกอย่างนั้น ข้า้าติดตามเ้าตลอดไป!” ชิงย่วนตอบอย่างขวยเขินคำหนึ่ง
ความขุ่นข้องในใจจ้านอู๋มิ่งสลายหายไป หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
……
ปทุมหัวใจสีม่วงพันมายาสองดอกนั้น จ้านอู๋มิ่งมิได้เก็บไว้เองทั้งหมด หญิงสาวทั้งสามคนได้รับคนละสองกลีบ มีปทุมหัวใจสีม่วงพันมายาสองกลีบนี้แล้ว ในอนาคตยามทะลวงด่านจากมหาจักรพรรดิาสู่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ ก็สามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว
สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ชิงย่วนกลับเป็หลานสาวของผู้าุโใหญ่สำนักหลอมโอสถ เรียกได้ว่าภูมิหลังแข็งแกร่ง ราชันาในวัยสิบห้าปี นับว่าพร์สูงส่งล้ำเลิศยิ่งนักเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้วางแผนให้ชิงย่วนอยู่ข้างกาย คุณหนูของผู้าุโใหญ่สำนักหลอมโอสถ สถานภาพที่สูงส่งเช่นนี้ ย่อมต้องใช้สอยอย่างรอบคอบ สำหรับราชันโอสถ สื่อรั่วหนาน จ้านอู๋มิ่งก็ไม่ได้เตรียมให้อยู่ข้างกายเช่นกัน นางแตกต่างจากเหยียนชิงชิง สำนักหลอมโอสถมิมีธิดาเทพอันใด มิสนใจว่าท่านเป็หยกไร้ตำหนิหรือไม่ และก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของสื่อรั่วหนานก็มิค่อยดีนัก ยังคงสามารถอาศัยอยู่ในสำนักหลอมโอสถอย่างรุ่งโรจน์ อนาคตไกล
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่า ยังคงให้นางปรากฏตัวในฐานะของราชันโอสถจะดีกว่า แต่เหยียนชิงชิงมิอาจทำเช่นนั้น ในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกยังดีอยู่ สถานที่นี้ตัวประหลาดเฒ่าจำนวนไม่มาก มิมีผู้ใดสนใจว่าเหยียนชิงชิงเป็หยกไร้ตำหนิหรือไม่ แต่ว่าวันใดกลับถึงสำนัก สัตว์ประหลาดเฒ่าเ่าั้ั์ตาแหลมคม ไหนเลยจะปิดบังไว้ได้อีก เมื่อถึงเวลานั้น ธิดาเทพลงจากตำแหน่ง บทสรุปที่ตามมาจะต้องหนักหนาสาหัสยิ่งนัก ดังนั้นจึงพาเหยียนชิงชิงติดตามอยู่ข้างกายจะดีกว่า
ทั้งสี่รวบรวมหินจิติญญาสีทองของแม่น้ำทั้งสายไว้ในแหวนจักรวาล หญิงสาวทั้งสามแต่ละคนล้วนใส่หินจิติญญาจนเต็มแหวนจักรวาล กองซ้อนเป็ูเาเลากา จ้านอู๋มิ่งย้ายแม่น้ำทองคำจิติญญาและแอ่งน้ำเข้าไปภายในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของตนเอง หินทองคำจิติญญาระดับเทพก้อนนั้นมีขนาดใหญ่สามถึงสี่วา ถูกเขาเก็บเข้าไปไว้ในกำไลเก็บของ เหยียนชิงชิงเป็เ้าของธาตุแห่งชีวิตที่เป็ธาตุไม้ พลังธาตุทองมีผลเสียต่อร่างกายนาง ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งจึงได้แต่ละทิ้งความคิดที่จะนำหินทองคำจิติญญาระดับเทพก้อนนั้นเข้าไปในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติ จากนี้ไปสถานที่นั้นก็คือรังน้อยๆ ของเหยียนชิงชิงแล้ว
หลังจากถ้ำสูญเสียสามสิ่งนี้ไปก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ยามที่จ้านอู๋มิ่งโคจรพลังได้ดูดซับพลังเหนือธรรมชาติสีทองในถ้ำจนหมดสิ้น หลังจากพวกเขาออกจากถ้ำใต้ดินไปแล้ว พลันรู้สึกว่าเกาะแห่งนี้เหมือนดั่งสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปมากในทันใด ค่ายกลมายาบนท้องฟ้าก็เริ่มเสื่อมสลายไปแล้ว
เหยียนชิงชิงเลือกพืชพันธุ์พิเศษหายากหลายชนิดบนเกาะปลูกไว้ภายในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของจ้านอู๋มิ่ง ในนั้นมีพลังเหนือธรรมชาติสีทองอุดมสมบูรณ์ เป็สถานที่ที่ดีที่สุดในการปลูกพืชพันธุ์เหล่านี้ ไม่ทราบว่าโอสถจิติญญาชนิดพิเศษเ่าั้เจริญเติบโตบนเกาะมานานกี่หมื่นปีแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็พืชสายพันธุ์ที่เก่าแก่ยิ่งนัก นี่ทำให้หญิงสาวทั้งสองได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน กล่าวถึงที่สุดหญิงสาวทั้งคู่ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวยาโอสถ ทั้งศึกษาพืชสมุนไพรต่างๆ และหญ้าจิติญญาอย่างมากมาย
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าพาหญิงสาวสองคนนี้ท่องป่าเขาลำเนาไพรยุ่งยากกว่าเดินบนถนนในเมืองเสียอีก เพราะพวกนางสนใจแต่พืชพันธุ์ต้นไม้ประหลาดและสัตว์เล็กๆ ที่แปลกพิสดารยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยียนชิงชิง หนอนแมลงมีพิษและไร้พิษส่วนหนึ่ง ล้วนถูกนางสังเกตจนหมดสิ้นแล้ว ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็ทราบแล้วว่าไฉนหญิงสาวทั้งสองจึงถูกขนานนามว่าราชันพิษและราชันโอสถ พวกนางอุทิศตน ทุ่มเทให้กับยาพิษและโอสถอย่างแท้จริง เปรียบเทียบกับตนที่เป็เ้านายคนนี้ยังดีกว่าอยู่บ้าง
จ้านอู๋มิ่งไม่ทราบว่า เขากวาดสิ่งของบนเกาะไปจนหมดสิ้น ทำให้ผนึกปิดของค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญของสถานพำนักของคุนเผิงปรากฏรอยแยกขึ้น กองกำลังและกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่รอคอยอยู่ด้านนอก ในที่สุดก็เข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิงแล้ว ฝนห่าโลหิตและพายุนองเืบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม การต่อสู้ที่ดุเดือดเืพล่านก็เปิดฉากขึ้นด้วยเหตุนี้
……
บนแผ่นดินใหญ่หน้าสถานพำนักของคุนเผิง กลุ่มอำนาจต่างๆ จากทั่วสารทิศมาชุมนุมกัน วาจาขัดหูเพียงคำเดียวก็ต่อสู้กันยกใหญ่ โดยพื้นฐานศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายล้วนรวมตัวอยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย กล่าวได้ว่ายังคงไว้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจ
ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ ค่อยๆ แล่นเรือเหาะออกไปอีกด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง เตรียมพร้อมอย่างรอบคอบ ไม่มีผู้ใดกล้าตอแยพลังอำนาจของสำนักนิกาย พวกเขากำลังรอจ้านอู๋มิ่ง พวกเขาเชื่อมั่นว่าจ้านอู๋มิ่งต้องไม่เกิดเื่ขึ้นอย่างแน่นอน ความเชื่อมั่นชนิดนี้คล้ายดั่งอยู่ในใจพวกเขาตลอดเวลา
หลังจากน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้เกิดการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดเฒ่าของกลุ่มอำนาจต่างๆ จากทั่วสารทิศและสัตว์อสูรของเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรตลอดจนชนเผ่าสมุทรแล้ว ก็แปรเปลี่ยนเป็สลับซับซ้อนมากขึ้น ตัวประหลาดเฒ่าเหล่านี้มีความได้เปรียบตามธรรมชาติในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ เนื่องจากพวกเขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ต่อให้จ้านอู๋มิ่งที่เป็สัตว์อสูรประหลาดในร่างมนุษย์ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถแสดงพลังเหนือธรรมชาติ กายเนื้อก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับตัวประหลาดสัตว์อสูรเฒ่าของเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูร
ชนเผ่าสมุทรยิ่งได้เปรียบกว่าในด้านประโยชน์จากชัยภูมิ ที่นี่มีพลังเหนือธรรมชาติคุณสมบัติน้ำเข้มข้นเป็พิเศษ ดังนั้นชนเผ่าสมุทรก็ยิ่งต่อสู้ด้วยยากเช่นกัน ถ้ามิใช่เพราะบรรดาตระกูลต่างๆ ของชนเผ่าสมุทรแตกแยก เป็เอกเทศกัน คำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตน ไม่สามารถรวมตัวเป็น้ำหนึ่งใจเดียว ร่วมปกป้องน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิง เกรงว่าเผ่ามนุษย์จะไม่สามารถเข้าใกล้สถานพำนักของคุนเผิงได้เลย ทว่าแม้แต่เวลานี้ที่เป็เช่นนี้ ก็มิมีกลุ่มอำนาจใดกล้าตอแยชนเผ่าสมุทรเช่นกัน
“ตูมมม…” ขณะกำลังสับสนวุ่นวายนั่นเอง ม่านแสงจางๆ เหนือสถานพำนักของคุนเผิงก็แตกเป็รอยร้าวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เหมือนเช่นประตูที่เปิดออกแล้วบานหนึ่ง เส้นแสงตะวันอันเจิดจ้านับหมื่นสายพวยพุ่งออกมาจากภายในนั้น
ทุกคนจึงพบว่า สภาพแผ่นดินใหญ่ที่มองเห็นผ่านม่านป้องกันนั้น แตกต่างจากสภาพที่แท้จริงในรอยแตกโดยสิ้นเชิง แสงตะวันเจิดจ้าเหมือนออกพุ่งมาจากเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มตัวเอง ลึกลับและลึกซึ้ง ภายใต้เส้นแสงตะวัน บันไดหินสีทองแถวหนึ่งก้าวตรงเข้าไปในก้อนเมฆ ขยายจากมหาสมุทรสู่สถานพำนักของคุนเผิงอันไกลโพ้น กลับมองไม่เห็นสุดปลายของขั้นบันไดหินสีทอง
“สถานพำนักของคุนเผิงเปิดแล้ว!” มีคนอุทานอย่างใขึ้น
“นั่นคือสิ่งใด? เส้นทางขึ้นสู่ฟากฟ้ากระนั้นหรือ?”
“ขั้นบันไดหินสีทอง พลังแก่นแท้จิติญญาของฟ้าดินที่เข้มข้นยิ่ง…”
“รีบเข้าไป สมบัติวิเศษของคุนเผิงข้างในทั้งหมดล้วนสมควรไร้เ้าของ…” แต่ละกลุ่มอำนาจหลักภายใต้ความใที่มาอย่างกะทันหันนี้ ทั้งหมดเคลื่อนไปทันทีเมื่อทราบข่าว
คุนเผิงละสังขารนับหมื่นปีแล้ว หลังจากเสียชีวิตมันจะต้องทิ้งทรัพย์สมบัติมากมายจนนับมิถ้วนไว้อย่างแน่นอน ตลอดจนอาจมีเคล็ดวิชาลับของคุนเผิงเองและเคล็ดลับในการบรรลุขอบเขตเหนือเทพเ้าา มิว่าผู้ใดต่างล้วนมิ้าพลาดโอกาสวาสนาที่หายากยิ่งในรอบพันปีนี้
