หยางหนิงหันไปมองตามเสียง เห็นคนกลุ่มหนึ่งสวมชุดสีฟ้าสวมหมวกเหมือนเป็เ้าหน้าที่ทางการกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ น่าจะมีจำนวนราวๆ ยี่สิบสามสิบคน สีหน้าท่าทางดูโหดร้าย คนที่นำหน้ามานั้นสวมชุดสีเทา ท่าทางดูยโสโอหังยิ่งนัก
คนที่นำหน้ามานั้นมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนหมีและท่าทางดุเหมือนเสือ ในมือถือดาบ ข้างๆ กายเขา มีคนที่สวมชุดสีเขียวตัวเล็กๆ ยืนชี้หนุ่มชุดเหลืองแล้วพูดว่า “เขานั่นแหละ ที่เกือบทำให้คุณชายน้อยาเ็”
“อึก!”
คนๆ นั้นชักดาบออกมา แล้วพูดว่า “เ้าโจรสุนัข ไม่มีกฎหมาย” ล้อมพวกมันเอาไว้ อย่าปล่อยให้หนีไปแม้แต่คนเดียว”
คนของเขาวิ่งพุ่งขึ้นมาราวกับเสือล่าเหยื่อ พริบตาเดียวก็ล้อมเ้าหนุ่มชุดเหลืองเอาไว้ กลุ่มคนคาดผ้าขาวต่างเริ่มมีสีหน้าที่จริงจัง ทุกคนต่างชักดาบออกมาเช่นกัน ยืนคุ้มกันอยู่ข้างๆ เ้าหนุ่มชุดเหลือง
ชายฉกรรจ์ร่างหมีวิ่งไปหาผู้หญิงแม่ของเด็ก หญิงคนนั้นอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ เห็นชายร่างั์วิ่งมา ก็มีท่าทางเหมือนเห็นแสงสว่างจ้า ยังไม่ทันพูดอะไร ชายคนนั้นก็พูดว่า “ฮูหยิน” คุณชายน้อยไม่เป็ไรใช่หรือไม่? ใครกล้าแตะต้องพวกท่านแม้แต่ปลายขน ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด”
คำพูดคำจาของเขาค่อนข้างหยาบ หญิงคนนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ติ้งเอ๋อร์ไม่เป็ไร แต่ว่า...แต่ว่าท่านผู้มีพระคุณาเ็”
“ผู้มีพระคุณ?” ชายร่างั์ตะลึง
ฮูหยินคนนั้นมองไปที่หยางหนิง แล้วพูดว่า “ท่านนี้คือท่านผู้มีพระคุณ หากไม่ได้เขา ติ้งเอ๋อร์... ติ้งเอ๋อร์คงจะ...!” ดวงตาของนางแดงก่ำ หากพูดไปเวลานี้ เกรงว่า น้ำตาคงจะไหลออกมาอย่างแน่นอน
ชายร่างั์หันไปมองหยางหนิง ไม่ลังเลเลยที่จะเดินขึ้นไป ยกมือขึ้นมาคำนับแล้วพูดว่า “ท่านผู้มีพระคุณ โปรดรับการคารวะจากข้าเหล่ยหยงหู่ด้วย!” เขากำลังจะคุกเข่าลงไป หยางหนิงรีบดึงเขาขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า “เกรงใจเกินไปแล้ว ผ่านมาเห็นความไม่ยุติธรรม ก็เลยเข้าไปช่วย หากเป็คนมีจิตสำนึก เป็ใครก็ไม่ยืนดูเฉยๆ หรอก”
ตอนแรกที่เขาเห็นกลุ่มคนหน้าตาดูโหดร้ายเดินเข้ามา ไม่รู้ว่ามาทำไม ยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็คนของหญิงคนนั้นนั่นเอง เห็นพวกเขาพาเ้าหน้าที่ทางการมาด้วย แสดงว่าก็พอมีอิทธิพลในเมืองหลวงอยู่บ้าง ตัวเขาออกหน้าช่วยเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา ต่อให้เป็เด็กขอทาน เขาเองก็ไม่ลังเลที่จะไปช่วย แต่ไม่คิดว่าจะช่วยคุณชายน้อยคนนี้ไว้
ในเมืองหลวงขุนนางใหญ่เยอะเป็ดอกเห็ด ช่วยเด็กคนหนึ่งได้ก็เป็ลูกผู้ดีมีชาติตระกูล แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจหรือใสักเท่าไร
แต่ว่าชายร่างใหญ่บุญคุณความแค้นแยกออกชัดเจน มองดูก็รู้ว่านิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา หยางหนิงเห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชม
เหล่ยหย่งหู่พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไว้วันหลังเราจะขอตอบแทนบุญคุณของท่าน ข้าขอจัดการเ้าตัวปัญหาที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี่ซะก่อน” จากนั้นเขาก็หันหน้าไป เห็นชายชุดสีเทา ท่านซีเหมินกำลังมองมาทางตัวเขา และเขาก็จ้องมองชุดที่ท่านซีเหมินใส่ หน้าบึ้งขึ้นทันทีแล้วพูดว่า “เ้ากับเ้าเด็กนั่นพวกเดียวกันหรือ?”
ชายชุดคลุมสีดำสีหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่า “พวกท่านพาคนมามากมายขนาดนี้ เพราะเหตุใดกัน?”
“เพราะเหตุใดอย่างนั้นหรือ?” เหล่ยหย่งหู่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก “เ้าตาบอดหรือไง? พวกเ้าเกือบทำให้คุณชายน้อยของข้าต้องาเ็ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากข้าไม่สั่งสอนพวกเ้า พวกเ้าคงจำไม่ได้ใช่ไหม” แล้วเขาก็ยื่นมือออกไปจับเสื้อบริเวณหน้าอกของท่านซีเหมิน
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ซึ่งเมื่อเทียบกับท่านซีเหมินแล้วสูงกว่าเกินคืบ เขาไม่รอช้า ท่านซีเหมินเองก็ไม่ได้ขยับ ปล่อยให้เหล่ยหย่งหู่จับเสื้อของตัวเอง สายตาดูเยือกเย็น
เหล่ยหย่งหู่จับเสื้อบริเวณหน้าอกของซีเหมิน ใช้แรงกระชาก เขาคิดว่าแรงของตัวเองนั้น โดยธรรมชาติแล้วคือออกแรงเบาๆ ก็สามารถทำให้ชายชุดผ่าวสีดำวัยกลางคนๆ นี้ ลงไปนองกองกับพื้นได้อย่างง่ายดาย จึงชิงลงมือก่อน เพื่อเป็การข่มขวัญเ้าหนุ่มชุดเหลือง จากนั้นค่อยจัดการอย่างจริงๆ จังๆ
ใครจะคิดว่าพอเขาออกกระชาก ท่านซีเหมินกลับนิ่งเหมือนก้อนหิน ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย
เหล่ยหย่งหู่สีหน้าแปลกๆ เขาลองออกแรงอีกครั้ง ท่านซีเหมินยังคงไม่ขยับเขยื้อน เหล่ยหย่งหู่เริ่มรู้สึกโมโห ทุกคนกำลังมองอยู่ หากเขาไม่สามารถล้มคนๆ นี้ได้ ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน จากนั้นเขาก็ออกแรงมากขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “แควก” เหล่ยหย่งหู่ใช้แรงดึงเสื้อของท่านซีเหมินจนขาด
เหล่ยหย่งหู่ใ ในที่สุดก็เข้าใจ คนที่เขามองแล้วขัดตา แต่กลับเป็เสือซ่อนเล็บ
“โอ้ว ถือว่าพอมีฝีมือ” เหล่ยหยงหู่มองสักพัก แล้วพูดว่า “เ้าหลบไปก่อน จริงสิ เ้าเด็กนั่นน่ะ เ้ามานี่ซิ...!” ยกมือชี้ไปที่หนุ่มชุดเหลืองที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง
สีหน้าของเ้าหนุ่มชุดเหลืองในตอนนี้ดูไม่ได้เลย เขาหัวเราะเยาะขึ้น จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจ หันหลังแล้วขึ้นม้าไป กระตุกเชือกบังเหียนม้า แล้วควบม้าไป
ม้าที่เขาขี่นั้นไม่ใช่ม้าธรรมดาทั่วไป ทันใดนั้นเสียงร้องของม้าก็ดังขึ้นและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งชนเ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งที่ยืนขวางอยู่
เ้าหน้าที่ทางการคนนั้นใจนหน้าซีด ยังดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองกลับได้เร็ว ในเวลานี้เขาก็ไม่สนใจอย่างอื่นแล้วรีบหลบไปข้างๆ ปล่อยให้ม้าวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปทันที
เ้าหนุ่มชุดเหลืองรู้สึกได้ว่าสถานการณ์มันเริ่มวุ่นวายขึ้นไปทุกที ไม่คิดอยากจะอยู่ต่อ คิดเพียงแต่อยากจะหนีไปจากความวุ่นวายนี้ไป
กลุ่มคนที่มุงดูเห็นเ้าหนุ่มชุดเหลืองไม่สนใจอะไรรีบควบม้าจากไปทันที เสียงร้องของผู้คนที่ร้องด้วยความใ ต่างพากันหลบออกไป เห็นเ้าหนุ่มชุดเหลืองที่กำลังควบม้าหนีไปอย่างชัดเจน แต่ไม่ทันไรก็มองเห็นเพียงเงาที่หายไปอย่างรวดเร็วราวกับเสือดาวที่พุ่งออกไปและะโเหมือนลิง ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความใและหวาดกลัวของเ้าหนุ่มชุดเหลืองเขาถูกกระชากตกลงมาจากม้า ม้าตัวนั้นยังคงวิ่งไปข้างหน้าได้่หนึ่งถึงจะหยุดวิ่ง
หยางหนิงเห็นเ้าหนุ่มชุดเหลืองกำลังจะหนีไป ไม่มีทางให้เขาได้สมหวังแน่ๆ
เพื่อช่วยเด็กคนนั้น ทำให้เขาเืออกที่หน้าผาก ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากเ้าหนุ่มชุดเหลืองคนนี้ หากวันนี้ปล่อยเขาไป หยางหนิงคงไม่สบายใจแน่ๆ
ตอนที่เ้าหนุ่มชุดเหลืองฝ่าวงล้อมออกไป หยางหนิงเองก็รีบพุ่งตัวออกไปเช่นกัน จากนั้นก็ดึงเ้าหนุ่มชุดเหลืองลงมาจากหลังม้า ล่วงลงกับพื้น หยางหนิงปล่อยให้เ้าหนุ่มชุดเหลืองล่วงลงกับพื้น ส่วนตัวเองก็หล่นลงมาทับบนตัวของเ้าหนุ่มชุดเหลือง เพื่อเลี่ยงการาเ็
หลังจากที่เ้าหนุ่มชุดเหลืองตกลงมาจากหลังม้า สีหน้าเ็ปที่เห็นได้ชัด ท่านซีเหมินเห็นชายหนุ่มชุดเหลืองตกลงมาจากม้า ก็ใ รีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับิญญา ยื่นมือไปจับหัวไหล่ของ หยางหนิง แล้วกระชากอย่างรวดเร็ว หยางหนิงรู้สึกว่าตัวของเขาลอยขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความใดังขึ้นว่า “ระวัง” คล้ายเสียงผู้หญิง แต่ไม่ทันมีเวลาคิด ก้นก็กระแทกกับพื้นไปแล้ว ถูกท่านซีเหมินโยนมาไกลหลายเมตร
การควบคุมกำลังของท่านซีเหมินไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้หยางหนิงจะถูกโยนออกมา ถึงแม้ก้นจะกระแทกลงกับพื้น แต่ก็เป็แค่ความเ็ปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่อื่นๆ ก็ไม่มีอาการาเ็อย่างไร
ถึงแม้ร่างกายของหยางหนิงไม่ได้รับาเ็อะไร แต่ว่าในใจยังคงใไม่น้อย ตอนนี้ทำให้รู้ว่าคนที่ท่าทางไม่ค่อยหน้ากลัวอย่างซีเหมินจริงๆ แล้วเป็ยอดฝีมือเสือซ่อนเล็บ
ตอนนี้เขาชักเริ่มจะสนใจอยากจะรู้ที่มาที่ไปของเ้าหนุ่มชุดเหลืองกับท่านซีเหมินซะแล้ว คิดถึงตอนที่ตัวเองถูกกระชากออกมา เหมือนกับมีเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น น้ำเสียงเหมือนเป็ห่วงเป็ใย อดไม่ได้ที่จะมองไปตามเสียงนั้น เห็นกลุ่มคนยืนเบียดๆ กันอยู่ มีผู้หญิงราวๆ ห้าหกคน ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็คนะโเตือน
หยวนหรงก็วิ่งเข้ามา พยุงหยางหนิง แล้วถามว่า “น้องชายไม่เป็ไรใช่ไหม?”
หยางหนิงแค่ขมวดคิ้ว หยวนหรงเห็นหยางหนิงไม่ได้าเ็ ก็เดินเข้ามากระซิบข้างหู หยางหนิงด้วยน้ำเสียงกดดันว่า “น้องชาย เื่นี้พอแค่นี้เถอะนะ อย่าทำให้เป็เื่ใหญ่อีกเลย นั่น... นั่นสู่อ๋องซื่อจื่อนะ!”
“อะไรนะ?” หยางหนิงใ ในใจคิดว่าที่แท้หยวนหรงก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็ใคร
หยวนหรงกระซิบข้างหูหยางหนิงว่า “สู่อ๋องเป็อ๋องต่างแซ่เพียงคนเดียวของต้าฉู่ของเรา ราชสำนักเองก็ยังต้องยำเกรงเขาเลย สู่อ๋องซื่อจื่อคนนี้... เราอย่าไปหาเื่เขาจะดีกว่า”
หยางหนิงเห็นหยวนหรงถอยแล้วก่อนหน้านี้ ในใจตอนนี้ก็รู้ทันทีว่าหยวนหรงน่าจะรู้ฐานะของอีกฝ่ายนานแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่กล้าออกหน้า อย่างไรซะหยวนหรงก็เป็คุณชายน้อยของจวนราชเลขาประจำกรมพิธีการ แต่กลับกลัวสู่อ๋อง คิดว่าสู่อ๋องคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่ๆ
แต่เหล่ยหย่งหู่เห็นหยางหนิงเสียเปรียบ ก็รีบพุ่งเข้ามา แล้วพูดว่า “เ้านี่ กล้าลงมือทำร้ายคนหรือ...!” ถึงแม้เขาจะรู้ว่าท่านซีเหมินเป็เสือซ่อนเล็บ แต่เขาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลย รีบมุ่งไปข้างหน้าและชักดาบพุ่งเข้าใส่ซีเหมิน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้มีท่าทีจะเอาให้ถึงตาย ใช้สันดาบฟันไปที่หลัง ไม่ฟันไปที่หัวของอีกฝ่าย แต่เป็การทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าฟันที่หัวไหล่
ท่านซีเหมินพยุงชายชุดเหลืองที่นั่งอยู่ขึ้นมา ไม่หันกลับไปมอง ใช้นิ้วคีบหินก้อนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ดีดก้อนหินออกไปเบาๆ “ปึก” ดีดเข้าไปที่เข่าของเหล่ยหย่งหู่ เหล่ยหย่งหู่ร้อง “โอ้ย” เขาก็ทรุดลงคุกเข่าไปที่พื้น
ซีเหมินพยุงชายชุดเหลืองให้ลุกขึ้น สีหน้าเ็า ตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เกรงใจเหมือนตอนแรกว่า “ไม่ว่าเื่อะไรก็ตามอย่าให้มันเกินไป อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย หากมันมากเกินไป ไม่ว่าจะคนหรือเื่อะไรก็ตามก็ไม่มีผลดี” เหลือบไปมองหยางหนิง สายตาของเขาเ็า “เด็กหนุ่มเืร้อนเป็เื่ดี แต่ว่าหากมันมากเกินไป มันอาจจะไม่ใช่เื่ฉลาด”
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก พยุงหนุ่มชุดเหลืองขึ้นม้า สีหน้าของเขาดูโกรธแค้นมาก จากนั้นจึงชี้ไปที่หยางหนิงแล้วพูดว่า “เ้าเด็กบ้าจำเอาไว้ เื่นี้ไม่จบแค่นี้แน่”
หยางหนิงลุกขึ้นมาแล้วหัวเราะแล้วพูดว่า “เ้าพูดถูก เื่นี้ไม่จบแค่นี้แน่ เ้าจะไปตอนนี้ คงจะไม่ได้” จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ ชายชุดเหลือง
คนที่อยู่รอบๆ เห็นท่านซีเหมินลงมือ ก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คนที่จะไปแหย่ได้ง่ายๆ ตอนแรกคิดว่าแค่โยนหยางหนิงไป เขาก็น่าจะไม่ตอแยอีก แต่คิดไม่ถึงว่าหยางหนิงกลับกล้าเดินขึ้นเข้ามา ในใจของบางคนก็เริ่มรู้สึกนับถือ แต่บางคนก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เื่ เกรงว่าเขาจะหาเื่ใส่ตัวเสียมากกว่า
“เ้าคิดจะทำอะไร?” ท่านซีเหมินเองก็คิดไม่ถึงว่าหยางหนิงจะเหนียวขนาดสลัดไม่หลุดแบบนี้ เขาขมวดคิ้วแน่น
หยางหนิงเดินไปตรงหน้าของซีเหมิน เดินไปประมาณสองก้าว ชี้ไปที่ชายชุดเหลืองแล้วพูดว่า “ข้าบอกไปแล้ว เขาต้องขอโทษ เขาต้องขอโทษทุกคนที่เขาเคยทำร้าย ไม่อย่างนั้นเขาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“แล้วถ้าหากข้ายืนยันว่าจะไปล่ะ?” ท่านซีเหมินพูดเรียบๆ ว่า “เ้าคิดว่าจะขวางพวกเราได้หรือ?”
ในตอนนี้เอง ก็เห็นแสงสะท้อนขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ฉึก” ของสิ่งหนึ่งหล่นอยู่ตรงหน้าของม้าชายชุดเหลือง เมื่อทุกคนมองไป ก็เห็นมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ที่พื้นตรงหน้าม้าตัวนั้น ด้ามมีดนั้นยังสั่นไหวอยู่ไม่ได้ปักเข้าไปในพื้นดิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้