การต่อสู้ทั้งหมดกินเวลาไปค่อนชั่วยามก็สิ้นสุดลง
ความดุร้ายและความแข็งแกร่งของเสี่ยหยวนนั้นเกินความคาดหมายฉินอวี่ยิ่งนัก เพียงฟาดออกไปครั้งเดียว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังจากพลองของเขาได้เลย ราวกับว่าพลองฟันหมาป่าของเขานั้นมีพลังการบุกเบิกฟ้าดิน
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องใอย่างยิ่งคือ การโจมตีของเสี่ยหยวนนั้นกระทำได้โดยไม่มีการใช้พลังปราณจากแก่นปราณเลย
หลังจากสังหารกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของหยาจื้อสิบสามฝ่ายแล้ว เสี่ยหยวนก็เก็บกระดูกชิ้นเล็กๆ ของพวกเขามา ท้ายที่สุด ก็นำมาร้อยเป็สร้อยคอพันรอบคอ ฉินอวี่มองอย่างคร่าวๆ คาดว่าสร้อยเส้นนี้คงมีกระดูกผูกร้อยกันอยู่กว่าสามร้อยชิ้น
เมื่อเสี่ยหยวนเก็บทุกอย่างเรียบร้อย ฉินอวี่ก็พูดขึ้น “เ้าเปิดจุดทะเลทุกข์แล้วหรือ?”
หลังจากเสี่ยหยวนนำสร้อยคอสวมเข้ากับคอแล้ว เขาก็หยิบหนังอสูรชิ้นหนึ่งออกมาเช็ดทำความสะอาดพลองฟันหมาป่า เช็ดไปตอบคำถามไป “หลังจากเืวานราของข้าถูกชิงไป มันก็ทำลายตันเถียนของข้า และเหวี่ยงข้าเข้ามายังหอคอยขัดเกลา”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฉินอวี่กระตุกทันที เสี่ยหยวนเคยเล่าว่าในตอนที่เขาเพิ่งจะรวมเืของวานราออกมาได้ก็ถูกชิงไปเสียแล้ว และตอนนั้นเขาก็เพิ่งมีอายุได้เก้าขวบเท่านั้น ระดับการฝึกของเขายังไม่พ้นขั้นปราณเสถียร อีกทั้งยังไม่ได้รวบรวมสายเืของหยาจื้อ ก็ถูกนำตัวเข้ามายังหอคอยขัดเกลาในชั้นที่สองซึ่งเต็มไปด้วยทะเลเพลิง และนี่นับเป็ปาฏิหาริย์อย่างยิ่งที่เขาสามารถรอดชีวิตมาได้ และรอยไหม้ที่บิดเป็เกลียวบนใบหน้าของเขานั้น ก็ดูเหมือนจะเกิดจากอุณหภูมิความร้อนที่สูงมาก เมื่อต้องเข้ามาอยู่ในหอขัดเกลา
หลังจากกลายร่างจากอสูรร้าย ก็มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ และสามารถมีตันเถียนและทะเลทุกข์ได้เช่นกัน แต่จะเปิดใช้งานยากกว่ามนุษย์ทั่วไปยิ่งนัก
ตันเถียนของเสี่ยหยวนถูกทำลาย แต่ยังสามารถเปิดใช้งานทะเลทุกข์ได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเสี่ยหยวนนั้นมีความพยายามที่หนักแน่นเพียงใด
หากเป็เช่นนี้ต่อไป ขอเพียงเสี่ยหยวนไม่ตายเสียก่อน วันข้างหน้าจะต้องกลายเป็ฝันร้ายสำหรับหยาจื้อสิบสามฝ่าย
เพียงแต่ ฉินอวี่ก็รู้เช่นกัน ว่าหยาจื้อสิบสามฝ่ายก็คงไม่นั่งคอยให้เสี่ยหยวนเติบโตแน่นอน หากจะมีเหตุผลที่ไม่สังหารเสี่ยหยวน ก็อาจจะเป็เพราะการดูแลจากท่านปู่ของเขา หรือไม่ก็เพราะ้าการควบคุมความเป็ความตายของเสี่ยหยวนอย่างแน่นอน หากเสี่ยหยวนยังอยู่ในดินแดนที่เป็เศษเสี้ยวดินแดนแห่งนี้ พวกเขาก็มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะเสี่ยหยวนได้
แต่พวกเขากลับไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีตัวแปรอย่างฉินอวี่ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมา
“แม้ว่าเืของวานราจะถูกชิงไป แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถนำออกไปได้ อาทิ พลังปราณของวานรา ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ วันข้างหน้าข้าก็ยังสามารถรวบรวมเืของวานราออกมาได้อีกครั้ง” เสี่ยหยวนตอบอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
พลังปราณของวานรา? ฉินอวี่แปลกใจ ดูเหมือนว่าหยาจื้อสิบสามฝ่ายจะเกรงกลัวปู่ของเสี่ยหยวน และมีความเป็ไปได้ว่าจะ้าเืของวานราในตัวของเสี่ยหยวน และเื่นี้ เสี่ยหยวนคงรู้และวางแผนการรับมือเอาไว้แล้ว
ฉินอวี่พยักหน้า และเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าศพคนของหยาจื้อสิบสามฝ่าย จากนั้นจึงหยิบภาชนะออกมารวบรวมเืของพวกเขา
“เ้าคิดจะสกัดกลั่นสายเืหยาจื้อหรือ?” เมื่อเห็นฉินอวี่ทำเช่นนี้ เสี่ยหยวนก็ถามขึ้นทันที
“ใช่ สายเืหยาจื้อมีความแข็งแกร่งอย่างมาก หากได้มันไว้ พละกำลังของข้าก็จะพัฒนาขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว” ฉินอวี่ตอบอย่างเฉยเมย สิ่งที่ฉินอวี่ให้ความสนใจมากคือกระบี่ั ซึ่งเป็กระบี่ัที่มีพลังของบรรพชนัหงหวง
“หากเ้าทำเช่นนี้เป็การยากที่จะสกัดกลั่นสายเืหยาจื้อออกมาได้ อย่างมากที่สุดก็คงจะรวบรวมพลังปราณของหยาจื้อออกมาได้เพียงบางส่วน! หากเ้า้าสายเืหยาจื้อจริงๆ พวกเราต้องลองไปยังหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ด!” เสี่ยหยวนพูดอย่างนิ่งขรึม แม้เขามีความเกลียดชังต่อหยาจื้อสิบสามฝ่ายถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าสายเืหยาจื้อมีความทรงพลังมากจริงๆ
“หอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ดหรือ?” ฉินอวี่เริ่มใจเต้น และมองไปทางเสี่ยหยวน
“หอคอยขัดเกลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนหยาจื้อ ภายในมีการทิ้งเืของบรรพชนหยาจื้อเอาไว้! แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าถึงชั้นที่เจ็ดได้ และสามารถสายเืหยาจื้อได้อย่างมีชีวิตรอดปลอดภัย ล่าสุด ก็มีเพียงผู้นำของหยาจื้อสิบสามฝ่าย!” เสี่ยหยวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ และนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่จะว่าไปการเข้าถึงชั้นที่เจ็ดช่างเป็เื่ยากเกินไปจริงๆ แม้พละกำลังแข็งแกร่งอย่างข้า ยังทำได้เพียงเดินวนรอบชั้นที่ห้า ไม่กล้าลึกไปมากกว่านั้น”
ในบรรดาหยาจื้อสิบสามฝ่าย แต่ละฝ่ายจะมีผู้นำของฝ่ายนั้นๆ และผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำจากฝ่ายต่างๆ จะกลายเป็ผู้นำสูงสุดของหยาจื้อทั้งสิบสามฝ่าย!
“ในหอขัดเกลาแห่งนี้มีอันตรายอะไรอยู่กันแน่? ผู้ที่ถูกเนรเทศเข้ามาซึ่งยังไม่ถูกกระตุ้นสายเืเ่าั้ จะไม่มีภัยคุกคามต่อเ้าใช่หรือไม่?” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
“เ้ารู้สึกบ้างหรือไม่ ว่าอุณหภูมิในชั้นที่สองสูงกว่าชั้นที่หนึ่งมากเพียงใด? หอคอยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนหยาจื้อ ทุกชั้นล้วนทิ้งััอารมณ์แห่งเต๋าของเขาเอาไว้ ยิ่งขึ้นไปมากเท่าไรััแห่งเต๋าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และความรู้ของเขาคือวิถีแห่งอัคคี ดังนั้น ในพื้นที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยััเต๋าแห่งอัคคี ที่ยิ่งเข้าไปมากเท่าไรยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งถึงชั้นที่ห้าก็จะเป็ทะเลเพลิง มีิญญาอัคคีเป็จำนวนมาก แม้จะก้าวเดินก็ยังยากลำบาก”
“ดังนั้น คนที่สามารถเข้าถึงชั้นที่ห้าขึ้นไปได้นั้น ก็มีเพียงคนของฝ่ายหยาจื้อ บางทีก็อาจจะเป็คนที่กระตุ้นสายเืหยาจื้อออกมา นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ก็จำเป็ต้องใช้โอสถเลี่ยงอัคคีระดับสูงสุด”
ฉินอวี่กวาดสายตามองแผ่นดินที่แตกร้าวรอบตัวเขา จากนั้นจึงมองไปยังหินหนืดเหลวที่กำลังม้วนตัวไปมาในรอยแยก หากไม่ใช่เพราะเพลิงแอ่งธรณี ฉินอวี่ก็ไม่อาจจะทนอยู่ได้แน่นอน สิ่งที่กระตุ้นจิตใจของฉินอวี่คือ ในหอคอยขัดเกลาแห่งนี้มีิญญาอัคคี? หากให้เพลิงแอ่งธรณีได้กลืนกินมันเข้าไปจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นได้หรือไม่?
“อสูรร้ายที่ถูกเนรเทศเข้ามา ส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกสังหารโดยคนของหยาจื้อสิบสามฝ่าย และยังมีผู้เข้ามาบางคนซึ่งมีพละกำลังระดับสูงได้เข้าสู่ระดับการฝึกฝนที่สูงขึ้น แต่เมื่อพวกเขายกระดับการฝึกฝนถึงขั้นกุมารทิพย์เมื่อใด ก็ต้องออกไปจากที่แห่งนี้ เป็เพราะหากยังคงอยู่ต่อไป ก็จะไม่มีวันได้เข้าสู่ขั้นเทพ์อย่างถาวร”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้พวกเราไม่เพียงต้องเผชิญกับััแห่งเต๋าอันน่ากลัวและเหล่าิญญาอัคคี แต่ยังมียอดฝีมือของรายนามระดับสามัญ!” เสี่ยหยวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยหยวนเป็อย่างยิ่ง แม้ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงคนนั้นจะมีพละกำลังที่น่ากลัวก็ยังอยู่ในอันดับที่สิบเอ็ดเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว ผู้คนในสิบอันดับแรกจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด?
“ในหยาจื้อสิบสามฝ่าย ผู้คนทั้งหมดที่กระตุ้นสายเืแต่ละเผ่าขึ้นมาได้ จะสามารถไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ได้ และในจำนวนนั้น อาจจะมีอัจฉริยะบางส่วนที่สามารถทำการกระตุ้นสายเือื่นๆ ได้อีก... สิบอันดับแรกในรายนามระดับสามัญ ส่วนมากแล้วจะผ่านการกระตุ้นสายเืมาแล้วสองชนิด และอันดับหนึ่งในรายนามระดับสามัญ กระตุ้นออกมาถึงสามชนิด! ในจำนวนนั้น ก็มีสายเืวานรยุทธ์อยู่ด้วย ข้าเดาว่า ในร่างกายของเขาคงมีเืของวานราอยู่เป็แน่!” เสี่ยหยวนกล่าวอย่างระมัดระวัง เขามีประสบการณ์มามากมาย จึงมีความแน่วแน่และมุ่งมั่น และรู้เื่ของภายนอกเป็อย่างดี
ดวงตาของฉินอวี่เต็มไปด้วยความสงสัย สายเืสามประเภท? เืของวานรา อันดับหนึ่งของรายนามระดับสามัญจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ไม่น่าแปลกใจที่เสี่ยหยวนจะ้าออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด หากอยู่ภายในหอคอยขัดเกลาแห่งนี้ เขาจะไม่สามารถเข้าสู่ระดับฝึกฝนขั้นกุมารทิพย์ได้เลยตลอดกาล และแม้จะหลบอยู่ในหอคอยขัดเกลาตลอดชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เื่ยากหากหยาจื้อสิบสามฝ่ายคิดจะสังหารเขา ขอเพียงศิษย์สิบอันดับแรกในรายนามระดับสามัญ ก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารเสี่ยหยวน!
“ดังนั้น ในครั้งนี้ เหล่าคนหนุ่มสาวคงเข้ามายังหอคอยขัดเกลากันเป็การใหญ่ แม้ว่าจะ้าเืของผู้นำคนหนุ่มสาวเ่าั้ แต่พวกเขาจะต้องพยายามเข้าถึงชั้นที่เจ็ดของหอคอยขัดเกลาแน่นอน! แต่ในหกชั้นก่อนหน้านั้น บางทีพวกเขาก็อาจต้องร่วมมือกับพวกเรา แต่เมื่อเข้าถึงชั้นที่เจ็ดได้ ก็จะกลายเป็านองเื” เสี่ยหยวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ฉินอวี่พยักหน้า เสี่ยหยวนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งก็ยังได้แค่เดินวนไปรอบชั้นที่ห้า จึงเห็นได้ว่าหอคอยขัดเกลาแห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หาก้าเข้าถึงชั้นที่เจ็ด เกรงว่าจะต้องร่วมมือกับยอดฝีมือวัยหนุ่มสาวของหยาจื้อสิบสามฝ่ายจริงๆ
เพื่อประโยชน์ในระยะยาว พวกเขาจึงต้องยอมร่วมมือกันโดยปล่อยวางทุกอย่างเอาไว้ก่อน การรวมพลังกันเช่นนี้จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงชั้นที่เจ็ดได้มากขึ้น แต่เมื่อเข้าถึงชั้นที่เจ็ดแล้วนั้น เขาและเสี่ยหยวนก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที แต่หากไม่ร่วมมือกัน ด้วยพละกำลังของพวกเขาสองคนย่อมเป็การยากที่จะเข้าถึงชั้นที่เจ็ดได้อย่างแน่นอน
“ใน่นี้พวกเราต้องล่าอสูรร้ายเหล่านี้เพิ่มขึ้น และเก็บเืพวกมันไว้ดีกว่า” ฉินอวี่เลียริมฝีปากแห้งของตนเอง ดวงตาของเขาเปล่งปลั่งเป็ประกาย เมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือในสิบอันดับแรกของรายนามระดับสามัญ เขาก็อาศัยได้เพียงอสุนีคำรามและวิชาปีศาจคลั่งเท่านั้น
เพียงแต่ ถ้าสามารถยกระดับเพลิงแอ่งธรณีขึ้นไปได้อีกขั้นหนึ่ง บางทีพละกำลังก็อาจจะไม่ธรรมดาเช่นกัน
ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ ถ้าสามารถเข้าถึงขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สามได้ หรือจะต้องเป็ขั้นกุมารทิพย์ เช่นนั้นแล้ว ฉินอวี่จึงจะมั่นใจในการเผชิญหน้ากับสิบอันดับแรกของรายนามระดับสามัญ สำหรับเื่การคัดเลือกศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ฉินอวี่ยังไม่เอามาใส่ใจในตอนนี้ หากเทียบกับสายเืหยาจื้อแล้ว การคัดเลือกศิษย์ไม่ได้มีค่าอะไรกับเขาเลย
เสี่ยหยวนเหลือบมองฉินอวี่ และนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “หากเ้า้าได้สายเืหยาจื้อ เช่นนั้นแล้วพวกเราก็ต้องสังหารคนของฝ่ายหยาจื้อ แม้จะไม่ได้สายเืหยาจื้อมา แต่ก็สามารถช่วยให้เ้าได้พลังปราณหยาจื้อ ขอเพียงมีพลังปราณหยาจื้อที่มากเพียงพอ ก็จะสามารถกลั่นเืหยาจื้อออกมาได้ ก่อนจะแปลงไปเป็สายเืหยาจื้อที่เ้า้า”
จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มปฏิบัติการล่าอสูรร้าย
พละกำลังของเสี่ยหยวนนั้นมากพอที่จะติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกของรายนามระดับสามัญ และยังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเป็พิเศษ และเขาได้ทำการเปิดจุดทะเลทุกข์แล้ว พลังร่างกายของเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ไม่เปิดตันเถียนจะเปรียบเทียบได้ ตลอดทางที่ผ่านมา ผู้คนแทบทุกคนที่ต้องเผชิญหน้ากันต่างต้องรองรับพลังอำนาจในพลองอันทรงพลังของเสี่ยหยวน
ในระยะเวลาหนึ่งเดือน เสี่ยหยวนได้สังหารอสูรร้ายไปแล้วเกือบสองร้อยตัว ในจำนวนนี้รวมถึงคนของหยาจื้อสิบสามเผ่าอีกกว่าสิบคน และในจำนวนนั้นมีคนของฝ่ายหยาจื้อเกือบจะสามสิบคน
ตอนนี้ฉินอวี่จึงทำหน้าที่แค่เก็บรวบรวมเือสูรร้ายและกระดูกของคนที่มีสายเืของหยาจื้อเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าฉินอวี่จะสามารถกลั่นพลังปราณของหยาจื้อออกมาได้
ในวันนี้ ในขณะที่ฉินอวี่และเสี่ยหยวนกำลังตามหาคนของฝ่ายหยาจื้อในบริเวณชั้นที่สอง จู่ๆ เสี่ยหยวนก็หยุดนิ่งอย่างกะทันหัน เขาหยิบพลองฟันหมาป่าออกมา จากนั้นหันตัวกลับไปมองทางด้านหลัง ใบหน้าที่บูดเบี้ยวและน่าเกลียดเผยออกมาให้เห็นทันที ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราตกเป็เป้าสายตาของใครบางคนแล้วล่ะ”
ฉินอวี่เหลือบมองไปตรงหน้า ในหลายวันมานี้พวกเขาได้สังหารอสูรร้ายและคนของฝ่ายหยาจื้อไปเป็จำนวนมาก จึงเป็ปกติที่จะตกเป็เป้าสายตา
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ร่างที่แข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้วยพลังที่พุ่งทะยานถึงฟากฟ้า เมื่อดูจากลักษณะของคนที่เข้ามาดูเหมือนจะเป็วานรยุทธ์เช่นกัน และเป็วานรยุทธ์ที่มีรัศมีของพลังที่แข็งแกร่งกว่าเสี่ยหยวน
“เสี่ยหยวน ไม่พบกันนานเป็อย่างไรบ้าง!” วานรยุทธ์นี้ก้าวเข้ามาในอากาศ ทุกย่างก้าวที่ย่ำลงมา ตามมาด้วยเสียงะเืของพื้นที่ พลังอันแข็งแกร่งได้พัดพาคลื่นความร้อนในอากาศออกไป รูปร่างของเขาและเสี่ยหยวนนั้นแทบไม่มีอะไรต่างกันเลย ร่างกายมีความแข็งแกร่งกว่าปกติ ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยขนสีเหลือง หน้าตาเฉยเมย ดวงตาอันลึกล้ำเผยให้เห็นความเสียใจและหมดความอดทน
“ในตอนนี้ข้าควรจะเรียกเ้าว่าอันดับห้าใช่หรือไม่?” หมัดที่กำแน่นเหมือนค้อนของเสี่ยหยวนส่งเสียงดัง ใบหน้าอันบิดเบี้ยวและน่ากลัวนั้นเริ่มดุร้ายมากขึ้น ดวงตาที่เหมือนระฆังทองขนาดใหญ่เผยให้เห็นถึงความเคียดแค้นและเกลียดชังอย่างไม่รู้จบ
กล้ามเนื้อใบหน้าของฉินอวี่กระตุกขึ้นทันที
อันดับห้า? อันดับห้าของรายนามระดับสามัญหรือ? จริงๆ แล้ววานรยุทธ์นี้คือยอดฝีมืออันดับที่ห้าในรายนามระดับสามัญของวัยหนุ่มสาวระดับสูงสุดหรือ?
“นี่เ้ายังคิดจะทำผิดซ้ำซากอีกหรือ? เ้าคิดว่าคนนอกคนนี้จะสามารถช่วยให้เ้ามีชีวิตรอดออกไปจากหอคอยขัดเกลาแห่งนี้ได้จริงหรือ? พี่ใหญ่!” อันดับห้าพูดอย่างเฉยเมยพลางชำเลืองมองฉินอวี่ จากนั้นจึงละสายตากลับ มองไปยังเสี่ยหยวนและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
