เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นพลันเห็นเขาทั้งขมวดคิ้วแน่นทั้งสะบัดศีรษะ จึงรู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้ผู้ที่ต้องกลัดกลุ้มควรเป็นาง เหตุใดเขาจึงมีสีหน้าท่าทางราวกับกำลังเบื่อหน่ายเล่า
นางเสียใจเหลือเกิน อยู่ดีๆ เหตุใดจึงหยิบตั๋วเงินออกมานับนะ นับไปนับมาไม่เหลือแล้ว ยังมีคนโง่งมกว่านางอีกหรือไม่
นางทอดถอนใจด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นจึงหยิบตำราที่ศิษย์พี่ยกให้นางออกมาเริ่มเปิดอ่าน
ยังมีเวลาพอ นางไม่รีบร้อน ค่อยๆ เปิดอ่านไปทีละเล่ม...
เซวียนหยวนเช่อเงยหน้าขึ้นเห็นนางเปิดตำราอ่านด้วยท่าทีจริงจังเช่นนั้น มุ่งมั่นเช่นนั้น ความคิดเมื่อสักครู่แวบเข้ามาในหัวสมองอีกครั้ง สายตาของเขาดูเหมือนจะติดอยู่กับใบหน้าของนาง เนิ่นนานและมิอาจละเลื่อนสายตาไปที่ใดได้
ผ่านการเดินทางร่วมสองวัน เฟิ่งเฉี่ยนและคณะเดินทางกลับมาถึงจวนสกุลมู่
ได้ยินว่าฝ่าาและขบวนกลับมา คนทั้งหมดของสกุลมู่รวมตัวกันตั้งหน้าตั้งตาคอยต้อนรับอยู่ด้านนอกประตูจวน
มู่ชิงหว่านมารอต้อนรับที่หน้าประตูด้วยการประคับประคองของสาวใช้ หลังจากพักฟื้นร่างกายหลายวันนี้ าแส่วนใหญ่ของนางล้วนดีขึ้น
“ดีเหลือเกิน! ท่านพี่เช่อเชิญเซียนพิษกลับมา ครานี้ท่านปู่มีทางรักษาแล้ว” มู่ชิงหว่านยินดี
มู่ชิงเซียวกลับพูดว่า “เชิญมาได้หรือไม่นั้นยังไม่รู้แน่!”
มู่ชิงหว่านไม่แม้แต่จะหยุดคิด นางยืนกรานอีกว่า “ไม่มีเื่ใดบนโลกนี้ที่ท่านพี่เช่อทำไม่สำเร็จ ท่านพี่เช่อออกโรงด้วยตัวเองทั้งทีจะต้องสำเร็จแน่!”
“ขอให้เป็เช่นนั้นเถิด!” มู่ชิงเซียวยิ้มน้อยๆ
ขณะที่สองพี่น้องสนทนากัน รถม้าก็หยุดลงหน้าประตูจวน
ผ้าม่านรถม้าถูกเลิกขึ้น เซวียนหยวนเช่อก้าวลงมาจากรถม้าก่อน คนทั้งหมดของสกุลมู่คุกเข่าลงกับพื้นถวายบังคม “ถวายบังคมฝ่าา”
“ลุกขึ้น” เซวียนหยวนเช่อโบกมือ ทุกคนค่อยๆ ลุกขึ้น
มู่ฮูหยินจ้องมองไปทางรถม้าถามอย่างตื่นเต้น “ฝ่าา เซียนพิษล่ะเพคะ”
เซวียนหยวนเช่อรีรออยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ผ้าม่านรถม้าถูกเลิกขึ้นอีกครั้ง สายตาของคนทั้งหมดล้วนมองไปทางรถม้า ด้วยคิดว่าเซียนพิษมา
มู่ฮูหยินก้าวขึ้นมาประสานมือเป็หมัด “สกุลมู่ต้อนรับเซียนพิษ!”
ผู้ใดจะรู้ว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา ผู้ที่ออกมาจะเป็สตรีนางหนึ่ง และนางมิใช่ใครอื่น นางคือ เฟิ่งเฉี่ยน นั่นเอง
มู่ฮูหยินตื่นตะลึง นางชะเง้อคอมองข้ามร่างของเฟิ่งเฉี่ยนไปด้านหลัง
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นสายตาวาดหวังของมู่ฮูหยิน จึงเอ่ยปากขึ้นอย่างลำบากใจ “ฮูหยินไม่ต้องมองหาแล้ว เซียนพิษไม่ได้มา”
สีหน้าของมู่ฮูหยินเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเปลี่ยนเป็ขาวเผือดทันที “หรือ...บิดาสามีของข้าจะไร้ทางเยียวยาแล้วจริงๆ”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอีกว่า “แม้เซียนพิษจะไม่ได้มา แต่เขาได้มอบตำราเกี่ยวกับพิษให้กับข้าหีบหนึ่ง ข้าได้อ่านและศึกษาตำราทั้งหมดมาตลอดทาง แม้ข้าจะไม่มีความมั่นใจเต็มสิบส่วน แต่ก็น่าจะลองดูได้”
มู่ฮูหยินได้ยินเช่นนั้นทว่านางไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย ในทางตรงข้ามนางกลับยิ่งมองโลกในแง่ร้าย “แม่นางเฟิง เ้าอย่าได้ล้อเล่นกับข้าเลย! ดูแล้วนี่เป็ชะตาชีวิต บิดาสามีของข้าคงไม่อาจก้าวผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้”
ในสายตาของนางแล้ว หากให้คนผู้หนึ่งซึ่งไม่แตกฉานและไม่มีประสบการณ์ด้านการถอนพิษมาถอนพิษ เดิมทีก็เป็เื่ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่งศึกษาแล้วนำมาใช้ทันทีอีก เวลาสองถึงสามวันเ้าจะเรียนรู้อะไรได้มากมายสักเท่าใดกันเชียว
เฟิ่งเฉี่ยนคาดเดาความวิตกกังวลของนางได้ จึงเป็ฝ่ายพูดขึ้นก่อน “มู่ฮูหยิน ให้ข้าลองดูก่อนเถิด!”
ไม่รอให้มู่ฮูหยินเอ่ยปาก มู่ชิงหว่านชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ได้! นี่เป็ชีวิตคนเป็ๆ ชีวิตหนึ่ง หากเกิดปัญหาอันใดขึ้นมา เ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่”
เดิมทีมู่ฮูหยินก็ลังเลใจอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรสาว นางยิ่งวิตกกังวล สายตาของนางสับสนว้าวุ่นตัดสินใจไม่ได้ “จะต้องมีวิธีอื่นแน่นอน ข้าจะไปเชิญเซียนพิษมาด้วยตนเอง ข้าโขกศีรษะให้เขา ยอมเป็วัวควายให้เขา ข้าไม่เชื่อว่าจะทำให้เขาใจอ่อนไม่ได้”
มู่ฮูหยินทำท่าเหมือนจะจากไป เฟิ่งเฉี่ยนขวางนางเอาไว้ “ฮูหยิน ตอนนี้ท่านไปก็ไม่เจอเขา ศิษย์พี่ของข้าเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว”
“ศิษย์พี่ของเ้าหรือ” มู่ฮูหยินประหลาดใจ
“ถูกต้อง เซียนพิษเป็ศิษย์พี่ของข้า” เฟิ่งเฉี่ยนตอบตามความจริง
มู่ชิงหว่านเท้าสะเอวหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ เ้าช่างรู้จักให้ความสำคัญตนเองเหลือเกิน ศิษย์พี่ของเ้าคือเซียนพิษ ศิษย์พี่ของข้าก็เป็ถึงเง็กเซียนฮ่องเต้น่ะ! ฮ่าๆๆ...”
มู่ชิงเซียวขมวดคิ้ว กระตุกแขนเสื้อน้องสาวและตวาดห้ามนาง “น้องหญิงสาม อย่าเสียมารยาท”
มู่ชิงหว่านโต้กลับอย่างไม่พอใจ “ข้าพูดอะไรผิดหรือ นางคิดว่านางเป็ใคร ก็แค่นางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่ง ถึงกับกล้าบอกว่าตนมีความเกี่ยวพันกับเซียนพิษ ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”
ลั่วหยิ่งทนดูไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงก้าวขึ้นมากล่าวว่า “คุณหนูมู่ เหนียง...แม่นางเฟิงไม่ได้พูดปด นางเป็ศิษย์น้องหญิงของเซียนพิษจริงๆ หากไม่เชื่อท่านไปถามองค์หญิงจื่ออวิ๋นหรือจิ่งเทียนไท่จื่อดูก็ได้ พวกเขาล้วนอยู่ในเหตุการณ์ เป็พยานให้กับแม่นางเฟิงได้!”
มู่ชิงหว่านคอแข็ง นางจ้องมองลั่วหยิ่งที่ออกมาเป็พยานให้กับเฟิ่งเฉี่ยน นางไม่อยากจะเชื่อ อีกทั้งยังได้ยินเขาเอ่ยถึงองค์หญิงจื่ออวิ๋นและจิ่งเทียนไท่จื่อ นางแทบจะโง่งมไปเลยทีเดียว นั่นน่ะเป็ผู้มีฐานันดรสูงศักดิ์ที่สุดของแคว้นซิงอวิ๋นเชียวนะ พวกเขาถึงกับปรากฏตัวออกมา และยังเป็พยานให้กับเฟิ่งเฉี่ยนอีกด้วย
ต่อให้นางกล้าหาญชาญชัยกว่านี้ นางก็ไม่กล้าไปถามสองคนนี้ต่อหน้าหรอก แต่ในใจนางลึกๆ ยังคงเชื่อไม่ลง ถือสิทธิ์อะไรเื่ดีๆ จึงตกอยู่กับเฟิ่งเฉี่ยนเสียหมด
นางพูดเสียงแข็งคอเป็เอ็น “ในเมื่อเซียนพิษเป็ศิษย์พี่ของเ้า เหตุใดจึงเชิญเขามาไม่ได้เล่า หรือเ้ากำลังโกหก หรือเป็เพราะเ้าไม่ได้เห็นอาการเจ็บป่วยของท่านปู่ข้าอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่”
ถูกต้อง ในเมื่อเซียนพิษเป็ศิษย์พี่ของเ้า เหตุใดจึงเชิญเขามาไม่ได้ ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของพวกเ้าก็ไม่ได้สนิทสนมอันใด!
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วด้วยความเหนื่อยหน่าย คุณหนูสามนางนี้ช่างพูดจาเลอะเลือน นางช่วยเหลือด้วยความปรารถนาดี พอมาถึงจวนของนางที่นี่กลับเหมือนกับทำดีไม่ได้ดี ทั้งยังต้องถูกระแวงสงสัย หากมิใช่เห็นแก่หน้าพี่ใหญ่มู่แล้วละก็นางคร้านจะยุ่งเื่ไร้สาระเหล่านี้!
“นั่นเป็เพราะ...”
ไม่รอให้นางอธิบาย เซวียนหยวนเช่อตัดบทนางและพูดขึ้นมาอย่างไม่ให้ปฏิเสธ “นับั้แ่นี้ต่อไป นางมีหน้าที่ถอนพิษในร่างของไท่ฟู่ คนอื่นๆ ห้ามมีความคิดเห็นเป็อื่น! หากเกิดปัญหาอันใดขึ้น เจิ้นรับผิดชอบเอง!”
น้ำเสียงที่เป็คำสั่งอย่างเป็ทางการนั้นทั้งเผด็จการและเด็ดขาด ปิดปากทุกคนได้ในชั่วพริบตา
“แต่นาง...” มู่ชิงหว่านยังคงไม่ถอดใจ นางถูกมู่ฮูหยินห้ามปรามเอาไว้
“เพคะ ทุกอย่างเป็ไปตามพระบัญชาเพคะ” แม้ในใจมู่ฮูหยินจะมีข้อกังขา แต่เมื่อเห็นฮ่องเต้ถึงกับยินยอมรับรองด้วยตนเอง นางลอบตระหนกในใจ แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลลึกๆ ในนั้น แต่ยังคงเลือกที่จะเชื่อฮ่องเต้
ผู้ที่ประหลาดใจที่สุดมิใช่ใครอื่นแต่เป็ตัวเฟิ่งเฉี่ยนเอง พูดตามจริงแล้วกระทั่งตัวนางเองก็ยังไม่มีความมั่นใจถึงสิบส่วน เขากลับยินดีที่จะเชื่อนาง รับรองแทนนาง ในใจของนางรู้สึกอบอุ่น ซาบซึ้งใจยิ่งยวด
“ขอบคุณ” นางพูดจากใจจริง ทว่านาทีถัดมาความรู้สึกซาบซึ้งนี้กลับถูกทำลายลงไม่มีเหลือ
“เ้าไม่ต้องขอบคุณเจิ้น! หากเ้ารักษาไม่หาย บัญชีเก่าบัญชีใหม่ เจิ้นจะคิดกับเ้าทั้งหมด!” เซวียนหยวนเช่อพูดอย่างไร้เยื่อใย
เฟิ่งเฉี่ยนเหนื่อยหน่าย นางคิดว่าเมื่อผ่านเื่ราวในป่าหมอกดำและหุบเขาไป่ฮวาแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่เหมือนเดิม ใครเลยจะรู้ว่าผ่านไปแค่คืนเดียวความสัมพันธ์ของพวกเขาก็วนกลับไปที่เดิม นางเดินผ่านหน้ามู่ฮูหยินไปด้วยโทสะ และตรงเข้าไปในจวนสกุลมู่
เซวียนหยวนเช่อหรี่ตาลงมองตามเงาร่างด้านหลังของนาง ในแววตานั้นไม่อาจแยกแยะอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ได้
ภายในห้องนอนของมู่ไท่ฟู่ เฟิ่งเฉี่ยนตรวจอาการของมู่ไท่ฟู่อีกครั้ง นางเต็มไปด้วยความหนักใจเพราะอาการของมู่ไท่ฟู่ย่ำแย่กว่าที่นางคิดเอาไว้
มู่ชิงเซียวยืนอยู่ด้านหลังนาง เขาถามขึ้นอย่างร้อนใจ “เฉียนเฉี่ยน อาการของท่านปู่เป็อย่างไรบ้าง”
เฟิ่งเฉี่ยนถอนใจ “อาการของไท่ฟู่แย่ลง หากไม่รักษาภายในสองวันนี้ เกรงว่า...”