เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็วางมือลงบนต้นขาของจี๋โม่หานอย่างใจกว้างแล้วบีบนวด
วินาทีที่มือััโดนเนื้อส่วนขาของจี๋โม่หานก็แข็งขึ้นมาเล็กน้อย
ซูิเยว่รีบหยุดมือทันที นางขมวดคิ้วแล้วเงยหน้ามองจี๋โม่หานและถาม “ยังรู้สึกอยู่หรือ?”
สองมือของจี๋โม่หานวางอยู่บนที่เท้าแขน แถมยังอ่านสีหน้าบนใบหน้าไม่ออกอีก เขาพูดเสียงเรียบ “ไม่”
ซูิเยว่ก้มหน้าลงก่อนจะลอบพูดกับตัวเองว่าถามคำถามโง่เง่าออกไปได้อย่างไรกัน ผ่านมาหลายสิบปี กล้ามเนื้อก็คงตายหมดแล้ว จะไปมีความรู้สึกได้อย่างไร
เมื่อคิดเช่นนี้นางก็ยิ่งมีไฟในรักษาจึงไม่เหลือความอายใดใดแล้ว
ััมือดีมากจริงๆ ซูิเยว่อดที่จะถอนหายใจในใจไม่ได้ สี่คนที่อยู่ด้านหลังดวงตาทั้งแปดคู่จ้องซูิเยว่ที่กำลังลูบขาขององค์ชายสามขึ้นลงอย่างเปิดเผยนิ่ง อีกทั้งองค์ชายสามเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านใดใด
ซูิเยว่ลูบซ้ำๆ อยู่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้วถึงได้มีประโยคหนึ่งถามมา “เป็อย่างไรบ้าง”
ซูิเยว่เองก็ตอบกลับไปแบบไม่คิด “ััที่มือไม่เลวเลย”
จี๋โม่หานชะงักไปครู่หนึ่งก่อนมุมปากจะยกขึ้น
พวกหลิงชวนต่างเบือนสายตาออกไปเงียบๆ พวกเขาติดตามจี๋โม่หานมาตลอดครึ่งชีวิต ไม่คิดว่าคืนนี้จะได้เห็นอีกด้านหนึ่งของจี๋โม่หานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อะไรที่ไม่เคยเห็นวันนี้ก็ได้เห็นหมดแล้ว
จี๋โม่หานหัวเราะเบาๆ “คุณหนูซู หากยังลูบไม่พอใจก็ลูบต่อได้เลย”
ซูิเยว่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองได้พูดอะไรไป ตอนนั้นนางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แถมหูก็เริ่มร้อนผ่าว
แต่ในเมื่อเกิดใหม่มาชาติหนึ่งแล้ว หนังหน้าของนางจึงหนามากพอสมควร นางแสร้งทำเป็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ดึงมือกลับนิ่งๆ แล้วยืนขึ้น
นางกระแอมไอเสียงเบา “อะแฮ่ม ความหมายของข้าก็คือ หลายสิบปีมานี้องค์ชายสามเอาแต่นั่งอยู่บนรถเข็นตลอด กล้ามเนื้อจึงยังไม่เสียไป ััที่มือก็เลยดีขนาดนี้ ปาฏิหาริย์จริงๆ”
จี๋โม่หานเลิกคิ้วก่อนจะตอบกลับเสียงเรียบ “เช่นนั้นอาจเป็เพราะเปิ่นหวังนั่งอยู่บนรถเข็นที่ทำจากหยกรัตติกาลหมื่นปีอยู่ตลอดก็ได้”
“จริงหรือเพคะ” ซูิเยว่ยกยิ้ม สายตาไม่ปล่อยผ่านสีหน้าใดใดบนใบหน้าของจี๋โม่หานเลยสักนิด “เช่นนั้นก็เป็ข้าที่ความรู้น้อยไม่เคยได้ยินมาก่อนเพคะ แต่ขาขององค์ชายสาม ข้ามองไม่เห็นปัญหาอะไรจริงๆ เกรงว่าจะมีแค่ใจที่อยากช่วย แต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำได้”
“ไม่เป็ไรหรอก ทักษะอาชีพก็มีความเชี่ยวชาญ แค่คุณหนูซูรักษาดวงตาของเปิ่นหวังได้ก็ทำให้เปิ่นหวังซาบซึ้งมากแล้ว วิชาแพทย์ของคุณหนูซูในคืนนี้ทำให้เปิ่นหวังลืมตาได้แล้ว”
ซูิเยว่หน้ายิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม ตอนนี้ตนก็ออกจากเรือนมานานมากแล้ว หากยังไม่กลับไปอีก จิ้งจอกเฒ่าหลินโม่ก็คงจะเริ่มสงสัยแล้ว “องค์ชายสามเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาก่อนนะเพคะ หากกลับไปช้า เกรงว่าท่านพ่อจะเป็ห่วงเพคะ”
จี๋โม่หานครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะบอก “เช่นนั้นข้าให้หลิงชวนไปส่งเ้าแล้วกัน”
“เพคะ รบกวนองค์ชายสามแล้ว” ซูิเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ
ถึงแม้องค์ชายห้าจะลงมือพลาดไปแล้วและไม่มีทางส่งคนมาฆ่านางอีกเป็ครั้งที่สองในเวลาอันสั้นนี้ แต่ก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดไว้ก่อน “หลังจากนี้สามวันข้าจะกลับมารักษาครั้งที่สองให้องค์ชายสามอีกนะเพคะ เช่นนั้นขอทูลลาก่อนเพคะ”
ซูิเยว่พูดจบก็ตามหลิงชวนออกจากเรือนไป
หลังจากพวกนางไปกันแล้ว จื๋อหลันถึงได้ก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าวแล้วมองจี๋โม่หาน “องค์ชายสาม ท่านไม่คิดว่าคุณหนูซูมีแต่ความลับหรือพ่ะย่ะค่ะ นางเป็คุณหนูอายุสิบสี่ปียังไม่บรรลุนิติภาวะ จะมีคนส่งคนมามากมายเพื่ออยากจะฆ่านางได้อย่างไร อีกอย่าง นางจะมองอะไรออกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
จี๋โม่หานทำหน้าลึกลับยากจะคาดเดาอยู่เนิ่นนานก่อนจะหัวเราะออกมา เขาไม่ได้ตอบคำถามจื๋อหลันแต่สั่ง “ไปหาเชียนซวินจือคืนนี้ ให้เขาตรวจสอบว่าอาจารย์ที่สอนวิชาแพทย์ให้คุณหนูซูเป็ใคร แล้วก็นางเคยใกล้ชิดกับใครมาก่อนบ้าง”
“ขอรับ” จื๋อหลันไม่พูดมากอีกแล้วถอยหลังออกจากห้องไป
หลิงชวนส่งซูิเยว่ที่บริเวณไม่ไกลจากจวนซูมากเท่าไรนัก “พอแล้วล่ะ เ้าส่งข้าตรงนี้ ลำบากเ้าแล้ว”
“ไม่ลำบากขอรับ” หลิงชวนรีบส่ายหน้า “เช่นนั้นข้าจะกลับไปรายงานองค์ชายสามแล้วขอรับ”
“อืม” ซูิเยว่พยักหน้าน้อยๆ พูดจบก็หันหลังเดินตรงไปยังประตูใหญ่ของจวนสกุลซู
ถึงแม้หลิงชวนจะทำตามที่พูดจริง แต่เขาก็ยังแอบอยู่ในที่มืดมองดูซูิเยว่เข้าจวนปลอดภัยแล้วถึงจะกลับไป
จวนสกุลซูประสบเื่เมื่อคืน องครักษ์ภายในจวนกับคนลาดตระเวนตรวจตราก็เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า จะไปที่ไหนก็เห็นแต่กลุ่มลาดตระเวน
ซูิเยว่ไม่ได้หยุดนาน นางตรงไปที่หอฮวาซีทันที ภายในหอฮวาซียังจุดไฟสว่าง ศพภายในห้องถูกจัดการจนสะอาดแล้ว แต่อากาศข้างในยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเื
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว องครักษ์ที่คุ้มกันภายในหอฮวาซีเปลี่ยนเป็สองคนที่ซูิเยว่ไม่รู้จัก นอกจากคนเฝ้าหน้าประตูแล้ว ภายในเรือนเองก็มีองครักษ์คอยลาดตระเวนเพิ่มด้วย ตอนนี้เรือนหลังนี้จึงมีการคุ้มกันแ่า
“อี้จูกับอวิ๋นเฉินล่ะ?” ซูิเยว่เดินไปถามหนึ่งในองครักษ์คนหนึ่ง
“เรียนคุณหนู เป็เพราะอี้จูกับอวิ๋นเฉินคุ้มกันคุณหนูไม่ดีเลยถูกใต้เท้าสกุลซูลงโทษโบยไปหนึ่งร้อยที ใน่นี้จึงไม่สามารถมาทำงานที่หอฮวาซีได้ขอรับ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซูิเยว่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินอ้อมูเาปลอมเข้าไปด้านใน
การที่อี้จูกับอวิ๋นเฉินมาทำงานไม่ได้สำหรับนางแล้วไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร เพราะอี้จูกับอวิ๋นเฉินอยู่ข้างกายนางมานานจึงค่อนข้างเข้าใจความเคยชินกันพอสมควร
ส่วนตอนนี้การที่มีองครักษ์ภายในหอฮวาซีเพิ่มขึ้นมา นั่นหมายความว่านางจะต้องระวังตัวยิ่งขึ้น เบื้องหน้าดูเหมือนหลินโม่จะเป็ห่วงความปลอดภัยของนาง แต่เจตนาจริงใครจะไปรู้
ในตอนนี้ด้านนอกก็มีคู่ผัวเมียตัวร้าย ส่วนด้านในก็มีบิดาที่มีท่าทางไม่ชัดเจนมาตลอด แล้วก็ยังมีคนที่ลอบวางยาพิษใส่นางตลอดเวลาด้วย เื่พวกนี้ทำให้นางเครียด ไม่กล้าผ่อนคลายเลยสักนาทีเดียว
ซูิเยว่เพิ่งจะเดินอ้อมูเาปลอมไป เสี่ยวอวี่ หวังซวินและหนิงหยวนที่รออยู่ในเรือนมาตลอดก็รีบพุ่งเข้ามาหา
“คุณหนู”
ดวงตาของเสี่ยวอวี่ยังแดงอยู่เล็กน้อย ดูท่าทางแล้วคงเพิ่งร้องไห้มา หนิงหยวนกับหวังซวินสองคนก็ต่างทำหน้าเป็กังวลอยู่ตลอด
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว ทำเอาข้าใแทบตาย ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่เ้าคะ”
เสี่ยวอวี่จับซูิเยว่เอาไว้แล้วพิจารณานางจากบนลงล่างหนึ่งรอบ พอเห็นว่าไม่ได้รับาเ็ถึงได้ถอนหายใจ
ซูิเยว่หัวเราะพลางมองทั้งสามคนแล้วปลอบใจ “เอาล่ะ เห็นแล้วใช่ไหมว่าข้าไม่เป็อะไร พวกเ้าก็วางใจเถิด จริงสิ หลังจากข้าไปแล้วสถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?”
ตอนนั้นนางติดตามลูกน้องสองคนของจี๋โม่หานไป คนชุดดำที่ดักซุ่มอยู่ด้านนอกจวนก็ล้วนกลายเป็ิญญาใต้คมกระบี่ของพวกเขาสองคนแล้ว ส่วนสถานการณ์ภายในจวนเป็อย่างไรนางก็ยังไม่รู้
“เรียนคุณหนู” หนิงหยวนตอบ “ศพด้านนอกจวนได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว พวกคนชุดดำภายในจวนเองก็จับเป็ได้อยู่หลายคน แต่ทุกคนกลับซ่อนพิษไว้ในซอกฟันแล้วฆ่าตัวตายไปแล้ว ใต้เท้าซูจึงสั่งให้ไปตรวจสอบเื่นี้มาให้ชัดเจนขอรับ”
“อืม” ซูิเยว่พยักหน้าเล็กน้อย ผลสรุปก็ยังอยู่ในการคาดเดาของนาง องค์ชายห้าคนนี้ลงมือโเี้ ทำอะไรก็ระมัดระวังตัว ในมือเลี้ยงทหารที่ยอมพลีชีพเพื่อเขามากมาย เหมือนกับตอนที่เกิดเื่ที่จวนขององค์หญิงใหญ่เมื่อครั้งก่อน คนชุดดำสองคนก็กินพิษตายเช่นนี้เหมือนกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้