เขารู้ว่าเสิ่นเสวียนคือนักปรุงยา แค่นี้ก็ทำให้เขาประทับใจมากแล้ว ตอนนี้ยังได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นักสร้างศาสตราวุธอีกด้วย!
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เื่แบบนี้เดิมทีไม่ใช่เื่ยากอะไร”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ผู้บำเพ็ญเพียรคนไหนยังมิอาจสร้างศาสตราวุธหรือปรุงยาได้จะโดนคนอื่นเหยียดหยาม
“ดี! ดี! ดี!”
เสิ่นล่างกล่าวออกมา พยายามควบคุมความตื่นใเอาไว้ เขาไม่เข้าใจเสิ่นเสวียนเป็เื่ปกติ ทุกอาชีพในทวีปหลิงโซ่วล้วนเป็ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ไม่เหมือนกับโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเลย
และโชคดีที่พลังของทวีปหลิงโซ่วแข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นหากเทียบกับโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้ว มันจะกลายเป็โลกระดับล่างในทันที แน่นอนว่าเป็เพราะพลังแข็งแกร่งจึงทำให้พวกเขามีทุกวันนี้ได้
เสิ่นล่างไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก เขาต้องกลับไปคิดทบทวนสิ่งที่เสิ่นเสวียนบอกเขาในวันนี้ให้ดีอีกครั้ง
ตระกูลเสิ่นมีนักปรุงยาระดับสูงและยังมีนักสร้างศาสตราวุธระดับสูงอีกด้วย ตระกูลเสิ่นยังมีศาสตราวิเศษขั้นปฐี มีทักษะต่อสู้ขั้นปฐี เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่เคยเดินไม่ได้กลับกลายเป็ยอดฝีมือขั้นแม่ทัพในชั่วข้ามคืน ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ เสิ่นว่านซื่อที่ไม่สามารถฝึกตนได้แต่กำเนิดกลับมีพลังขั้นนักรบแล้วด้วย
เื่ราวทั้งหลายทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ แต่มีเื่หนึ่งที่มั่นใจได้คือ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนมีเงาของเสิ่นเสวียนอยู่เื้ั
การมาถึงของเสิ่นเสวียนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตระกูลเสิ่นไปอย่างสิ้นเชิง
ความจริงแล้วสิ่งที่เสิ่นล่างยังไม่รู้คือ การมาถึงของเสิ่นเสวียนหาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเฉพาะตระกูลเสิ่นเท่านั้น แต่เขาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งทวีปหลิงโซ่วเลยทีเดียว
ภายในเรือน เสิ่นเสวียนนั่งพิงหัวเตียงอยู่ มองดูกระบี่ัคำรามที่โดนพลังมิติผนึกเอาไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
ตอนที่เสิ่นล่างออกไป เขาทิ้งกระบี่ัคำรามเอาไว้แบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไอพลังของกระบี่ัคำรามแผ่กระจายออกไป เขาตั้งใจใช้พลังผนึกมันเอาไว้
ตัวกระบี่เรียบง่าย ยาวสามฉื่อสามชุ่น กว้างหนึ่งฉื่อสองชุ่น ที่ด้ามกระบี่มีรอยเว้าขนาดประมาณเก้าเฟิน[1] อัญมณีจากเผ่าอนธการประดับอยู่ตรงนั้น
ลวดลายสีดำสามเส้นไหลออกมาจากอัญมณีลามไปทั่วตัวกระบี่ เคลื่อนที่ตัดกันไปมา ลวดลายเหล่านี้ทำให้กระบี่เหมือนกับมีชีวิตและส่งเสียงออกมาไม่หยุด
“วันนี้เ้าอยู่ในนี้ไปก่อนแล้วกัน ข้าจะนอนแล้ว”
เสิ่นเสวียนนอนลงบนเตียง ไม่ใส่ใจกระบี่ัคำรามอีก เขาห่มผ้าห่มแล้วหลับตาลงท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
มีเพียงเสิ่นเสวียนที่ทำอย่างนี้ได้ หากเป็คนอื่น แม้แต่จักรพรรดิแห่งแคว้นชิงหยุนก็ยังไม่กล้าทำแบบนี้กับศาสตราวิเศษขั้นปฐี
เช้าวันต่อมา
ทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่ายังคงถูกหิมะสีขาวปกคลุม ตรงชายคามีน้ำแข็งห้อยย้อยลงมาเป็แท่งยาว ผู้คนเดินไปมาบนถนน ระหว่างพูดคุยจะมีควันสีขาวพุ่งออกมาจากปาก พวกเขาต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหนาๆ ต้อนรับการมาเยือนของฤดูหนาว
ณ ประตูตระกูลเสิ่น
เสิ่นเสวียน เสิ่นเสี่ยวเม่ย และเสิ่นเลี่ยน พวกเขาสามคนยืนอยู่ตรงหน้าประตู เสิ่นเสวียนแต่งกายด้วยชุดรัดกุม แต่ภายในมิติของเขายังมีชุดคลุมอีกหลายสิบตัว สามารถเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ เขาสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว นี่คือชุดที่เสิ่นเสี่ยวเม่ยเลือกไว้ให้เสิ่นเสวียนั้แ่เมื่อวาน มันป้องกันความหนาวได้เป็อย่างดี
เสิ่นเสี่ยวเม่ยสวมชุดสีขาวที่ทำจากขนสัตว์แบบเดียวกัน นางไม่ได้กลัวความหนาวเย็นเพราะนางมีธาตุไฟ ความเย็นแค่นี้ทำอะไรนางไม่ได้ เพียงแต่รู้สึกว่าสวมเสื้อผ้าแบบนี้ในฤดูหนาวค่อนข้างงดงามกว่า
ส่วนเสิ่นเลี่ยน เขาสวมเพียงแค่ชุดหนาๆ หนึ่งชิ้น ไม่มีเสื้อคลุม
เสิ่นล่างและผู้าุโอีกสามคนในตระกูลเสิ่น รวมไปถึงเสิ่นว่านซื่อยืนอยู่ที่ประตูเช่นกัน พวกเขามาเพื่อส่งพวกของเสิ่นเสวียน ท่านพ่อของเสิ่นเลี่ยนก็มาด้วย
“ท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว ข้าขออภัย”
ท่านพ่อของเสิ่นเลี่ยนโค้งคำนับพร้อมกล่าวขอโทษเสิ่นเสวียนด้วยความจริงใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วยังไม่ลืมการเดิมพันก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เขา้าออกไปหาประสบการณ์ภายนอกก็ยังพาเสิ่นเลี่ยนไปด้วย นี่คือความตั้งใจที่จะทำให้เสิ่นเลี่ยนเลื่อนขั้นให้ได้!
“ผู้าุโอย่าทำเช่นนี้เลย ข้าเคยบอกไปแล้ว ข้าต้องทำได้”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้อีกฝ่าย
“ขอรับ ขอรับ”
ท่านพ่อของเสิ่นเลี่ยนพยักหน้าน้อยๆ ทำได้ไม่ได้แล้วอย่างไร ถึงทำไม่ได้เขาก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี ลองไปถามในเมืองอวี่ฮว่าดู ยังมีใครเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูลยิ่งกว่าเสิ่นเสวียนอีกหรือ
“ท่านผู้นำ ออกเดินทางด้วยความสุขใจเถิด ตระกูลเสิ่นยังมีข้าอยู่ เ้าวางใจได้” เสิ่นล่างกล่าว
“อืม”
เสิ่นเสวียนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่เสิ่นว่านซื่อจะเติบโตขึ้น มีเสิ่นล่างอยู่ตระกูลเสิ่นสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้จริงๆ
“พี่เสวียน ข้าจะพยายามฝึกตน ไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
เสิ่นว่านซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าว
“อืม”
เสิ่นเสวียนตบบ่าของเสิ่นว่านซื่อ จากนั้นจึงกล่าวกับทุกคน “พวกข้าไปก่อน”
แล้วเขาก็เรียกเสิ่นเสี่ยวเม่ยกับเสิ่นเลี่ยน เดินออกจากตระกูลเสิ่นไปพร้อมกัน มุ่งหน้าออกจากเมืองอวี่ฮว่า
เขาเลือกเดินทางตอนเช้าเนื่องจากคนน้อย ช่วยลดความวุ่นวายไปได้มาก
เมื่อเห็นพวกของเสิ่นเสวียนทั้งสามคนออกไปแล้ว พวกของเสิ่นล่างแสดงสีหน้าออกมาคล้ายๆ กัน นั่นคือความคาดหวัง
พวกเขารู้ดี แม้เสิ่นเสวียนจะแข็งแกร่งมาก แต่นี่เป็เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ในวันที่เขากลับมาอีกครั้ง เขาจะต้องสูงส่งเสียดฟ้า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
หลังออกจากเมืองอวี่ฮว่า พวกของเสิ่นเสวียนต่างขี่ม้ากันคนละตัว มุ่งหน้าไปทางเมืองหลักด้านทิศตะวันตกของเมืองอวี่ฮว่าอย่างรวดเร็ว
ตามความคิดของเสิ่นเสวียน วิ่งไปเลยก็ไปถึงได้เหมือนกัน แต่ดูจากร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนแล้ว เดินทางไปแบบเงียบๆ จะดีกว่า
หิมะปกคลุมเป็บริเวณกว้างใหญ่มากถึงหนึ่งในสามส่วนของเขตตะวันออก เดินไปตามทางเช่นนี้มองเห็นแต่หิมะเต็มไปหมด บนต้นไม้บางส่วนยังมีหิมะเกาะอยู่ เมื่อสายลมพัดผ่านทำให้หิมะร่วงหล่นลงมา เป็ภาพที่งดงามราวกับอยู่ในนิทาน
กุบกับๆๆ
ม้าสามตัวเดินไปเรื่อยๆ เสิ่นเสี่ยวเม่ยได้ขี่ม้าเป็ครั้งแรกยังไม่ค่อยคุ้นชิน หลังจากขี่ม้าไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มตามมาทัน
“ขอบคุณท่านพี่”
ระหว่างเดินทาง เสิ่นเสี่ยวเม่ยเรียกเสิ่นเสวียนแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณข้าทำไมหรือ”
“ขอบคุณท่าน หากไม่ใช่เพราะท่าน ชั่วชีวิตนี้ข้าคงไม่ได้ออกจากเมืองอวี่ฮว่า และไม่มีทางได้เห็นโลกกว้างใหญ่ใบนี้ด้วย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยขอบคุณอย่างรู้สึกซาบซึ้ง หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเสวียนนางคงมิอาจลุกขึ้นยืนได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโอกาสในการฝึกตนเลย
“นี่คือผลจากความพยายามของตัวเ้าเอง เด็กโง่ ภายหน้าอย่ากล่าวคำเกรงใจพี่แบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นพี่จะโกรธเ้า”
“ฮิๆ ข้ารู้แล้ว”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยหัวเราะเบาๆ นางกลายเป็องค์หญิงน้อยในใจของเสิ่นเสวียนเหมือนเดิมแล้ว
เสิ่นเลี่ยนตามหลังมา ไม่กล่าวอะไร
“ด้านหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆ พวกเราไปพักที่นั่นกันก่อน จะได้เติมอาหารแห้งด้วย”
เสิ่นเสวียนมองเห็นบ้านเรือนเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปจึงกล่าวกับทั้งสองคน
“อืม”
ทั้งสองคนพยักหน้า ขี่ม้าตามหลังเสิ่นเสวียนไปอย่างรวดเร็ว
หมู่บ้านชิงซานตั้งอยู่ระหว่างเมืองอวี่ฮว่าและเมืองเสียเยว่ ห่างจากเมืองอวี่ฮว่าประมาณหนึ่งพันสี่ร้อยลี้ ม้าของพวกเขาสามคนไม่ใช่ม้าธรรมดา แต่เป็การผสมพันธุ์ระหว่างม้าธรรมดาและม้าเทียนอั้นที่เป็สัตว์วิเศษ เดินทางได้สองพันลี้ในหนึ่งวัน
เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งวันก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชิงซานแล้ว
หมู่บ้านชิงซานตั้งอยู่ที่เชิงเขาหมังตั้ง เป็ที่รู้จักในนามทางเข้าสู่เขาหมังตั้ง ประชากรที่นี่ค่อนข้างหนาแน่น ยึดการทหารเป็หลัก ปกติแล้วหากต้องเข้าทำภารกิจในเขาหมังตั้ง จะเตรียมตัวกันที่หมู่บ้านชิงซาน
อย่าเห็นว่ามันเป็เพียงหมู่บ้านเท่านั้น อีกไม่นานมันต้องขยายกลายเป็เมืองได้อย่างแน่นอน
คนที่นี่ส่วนใหญ่มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นปรมาจารย์ พบเจอขั้นแม่ทัพได้บ้าง เรียกได้ว่าเป็ผู้แข็งแกร่งของที่นี่
ขณะนี้มีคนสามคนขี่ม้าสามตัวกำลังมุ่งหน้าเข้ามา นั่นคือพวกของเสิ่นเสวียน
.....................................................
[1] เฟิน คือหน่วยวัดความยาวของจีนโบราณ (1 เฟิน ยาวประมาณ 3.33 มิลลิเมตร)