เดิมทีทั้งครอบครัวออกจากบ้านอย่างมีความสุข ไหนเลยจะรู้ว่าพอ่เย็นสามพี่น้องสกุลลั่วที่พากันไปรับตัวลั่วชีเหนียงจากร้าน กลับได้รับแจ้งว่าลั่วชีเหนียงยังไม่ได้เข้ามาที่ร้านั้แ่เช้า
โจวย่าอวิ๋นขับรถม้าส่งทุกคนไปที่โรงเรียนในตอนเช้าก่อน ต่อมาชีเหนียงก็ไล่ให้เขาตรงไปช่วยงานที่ร้าน บอกว่าตนเองขอไปเดินเล่นรอบหนึ่งแล้วจะกลับ
“ตอนเช้านายหญิงบอกว่าจะไปสืบสถานการณ์ จึงให้ข้ามาที่ร้านก่อน” โจวย่าอวิ๋นจู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่าตนเองละเลยหน้าที่ ไม่ว่าอย่างไร นายหญิงก็เป็แค่สตรี เขาควรติดตามไปถึงจะถูก
“ตอนเช้าพวกเ้าแยกกัน่เวลาใดและสถานที่ใด?”
ลั่วจิ่งเฉินบังคับให้ตนเองใจเย็น จากนั้นให้ลั่วจิ่งซีไปตามจ้าวจือชิงมา
“เช้านี้เราแยกกัน่ยามซื่อสามเค่อที่ถนนหน้าประตูโรงเรียน”
จ้าวจือชิงที่เข้าประตูมาก็ได้ยินคำตอบของโจวย่าอวิ๋นพอดี พอคำนวณเวลา ตอนนี้เป็ยามเซินหนึ่งเค่อ ลั่วชีเหนียงหายไปต่อหน้าฝูงชนอย่างน้อยก็สามชั่วยามแล้ว
เหล่าพี่น้องสกุลลั่วรู้ว่ามีคนคิดร้ายกับชีเหนียงอยู่ในที่ลับ ดังนั้นจึงมีสีหน้าร้อนใจ
จ้าวจือชิงรับรู้สถานการณ์คร่าวๆ ก็แอบสบถในใจว่าแย่แล้ว
หลายวันนี้เขาเพิ่งจะสืบรู้จากคนกลุ่มนั้นว่าคนที่ให้พวกเขามาเล่นงานชีเหนียงก็คือจ้าวกวง เดิมทีเขาอยากไปหาจ้าวกวง แต่กลับพบว่าจ้าวกวงถูกคนช่วยออกจากคุกั้แ่เมื่อใดไม่ทราบ เขาจึงคิดจะไปตามหาจ้าวกวงที่บ้าน แต่กลับกลายเป็ได้รับข่าวชีเหนียงหายตัวไป
“พวกเ้าไปแจ้งความ ข้าจะไปตามหา”
ขณะนี้จ้าวจือชิงเกลียดชังตนเองอย่างหนัก รู้เช่นนี้ตนไม่ควรปิดบังชีเหนียงั้แ่แรก หากนางรู้เื่คงระวังตัวเองมากกว่านี้ “ออกมา! ข้ารู้ว่าพวกเ้าคอยตามอยู่ตลอด อย่าให้ข้าพูดเป็รอบที่สอง”
เมื่อมาถึงที่โล่งว่าง จ้าวจือชิงก็เปล่งเสียงดัง หากว่าไร้ซึ่งคนตอบก็ปล่อยหมัดใส่อากาศหลายที ทุกกำปั้นนั้นรุนแรง จนผู้อารักขาลับได้แต่แสดงตัวออกมา
ทั้งสามคนคือคนที่เฉียนจี้หวั่งทิ้งไว้ให้เขาก่อนจากไป แม้ว่าเฉียนจี้หวั่งจะไม่ได้เปิดเผยชัดเจน แต่ว่าเขาก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของคนเหล่านี้ตลอด
“พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าชีเหนียงอยู่ที่ใด?”
จ้าวจือชิงรู้ว่าพวกเขาสะกดรอยตามตนเองตลอดและรู้ว่าตนเองกำลังสืบสถานการณ์ ดังนั้นจึงได้แต่ฝากความหวังกับพวกเขา
“…ไม่ทราบ”
ผู้อารักขาลับได้รับหน้าที่ตามสะกดรอยจ้าวจือชิงเพื่อรับประกันความปลอดภัยของเขา ส่วนเื่อื่น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการคุ้มกันของพวกเขา
“เช่นนั้นพวกเ้าก็ไปช่วยข้าหา หาไม่เจอ พวกเ้าอย่าคิดว่าภารกิจของพวกเ้าจะจบง่ายๆ” จ้าวจือชิงรู้ว่าควรควบคุมพวกเขาอย่างไร เมื่อเห็นพวกเขาไม่ขยับ จึงเชือดแขนของตนเองหนึ่งที
ผู้อารักขาลับเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “ท่านไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ เราจะไปหาเดี๋ยวนี้”
หลังจากผู้อารักขาจากไป จ้าวจือชิงก็รีบไปตามหาจ้าวกวง จากนั้นจึงรู้จากขอทานว่าจ้าวกวงไปหลบซ่อนในวัดเฉิงเอิน เมื่อเห็นจ้าวกวงที่หัวโล้น จ้าวจือชิงก็ตรงเข้าไปจับตัวมา
“บอกมา ลั่วชีเหนียงถูกพวกเ้าจับไปที่ไหน?”
จ้าวกวงคิดไม่ถึงว่าที่ตนเองอุตส่าห์ดั้นด้นมาหลบซ่อนในวัด กลับถูกพบตัวได้ง่ายดายเช่นนี้ นับั้แ่ครั้งนั้นก็มีคนอยากสังหารตนเอง ตอนนี้เขาห่วงแต่ปกป้องตนเอง แล้วจะมีแก่ใจไปทำอะไรอย่างอื่นที่ไหนกัน
“ข้าไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ตอนนี้มีแต่คนตามหาข้าไปทั่ว ข้าจะกล้าออกไปที่ใด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ทำชั่ว” จ้าวกวงเอามือกุมศีรษะ ร่างของเขาถูกหิ้วขึ้นมาและโยนทิ้งอย่างแรง ทำให้ปวดร้าวไปทั่วตัว
“เ้าไม่ได้ให้คนไปเล่นงานลั่วชีเหนียงหรือ?”
จ้าวกวงรู้ว่าเป็เพราะลั่วชีเหนียง ตนจึงต้องมารับเคราะห์เช่นนี้ เขาโบกมือปัดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ “เพราะครั้งที่แล้วไม่สำเร็จ ข้าจึงถูกคนจับตา คนเ่าั้เห็นว่าข้ารู้เยอะจึงคิดอยากฆ่าข้าปิดปาก ตอนนี้ข้าต้องรักษาชีวิตรอด ไหนเลยจะกล้าออกไปเล่นงานลั่วชีเหนียง”
เมื่อเห็นว่าจ้าวกวงไม่รู้เื่จริงๆ จ้าวจือชิงเองไม่อยากเสียเวลา แต่สุดท้ายก็ได้รู้จากเขาว่าผู้อยู่เื้ัคือใคร
“เขานั่นเอง!”
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
จ้าวจือชิงออกจากวัดและออกจากสวนด้านหลังไปอย่างเร่งรีบ
โดยหารู้ไม่ว่าเพราะความเร่งรีบนี้ทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากชีเหนียง
......
ชีเหนียงเพิ่งจะแยกกับโจวย่าอวิ๋นก็ถูกคนสะกดรอยตาม ระหว่างทางนางรู้สึกเหมือนมีใครสะกดรอย หารู้ไม่ว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ถูกคนโปะยาสลบจากด้านหลัง
รอจนนางตื่นมา ตัวก็อยู่ห้องใต้ดินแล้ว ที่นี่ยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วย ส่วนมากเป็หญิงสาววัยสิบห้าสิบหก พวกนางเหมือนถูกจับมานานแล้ว ใบหน้าของแต่ละคนมีความเฉยชา มีเพียงคนเดียวที่ขยับเข้าใกล้ตอนที่นางตื่นขึ้นมา
“คนมาใหม่ ข้าบอกเ้าก่อนว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร พวกเราต้องรีบออกไปจะดีกว่า”
ชีเหนียงฟังนางพูดขณะที่ยังสะลึมสะลือ จึงเข้าใจว่าตนเองน่าจะถูกลักพาตัวมาขาย ผู้หญิงเหล่านี้เดาว่าคงถูกล่อลวงมา
“ข้าคุยกับเ้าอยู่ เหตุใดไม่ตอบสนอง?” หลานไฉ่เตี๋ยสะกิดนาง นับั้แ่ถูกจับมา นางก็ยุยงให้สตรีพวกนี้หาทางหนีกับตนเอง หากกลายเป็ว่าคนกลับดูเหมือนไม่มีชีวิต ไม่ว่าตนจะพูดอย่างไรพวกนางก็ไม่หวั่นไหว
มีเพียงเื่เดียวที่ทำให้นางรู้สึกโชคดีก็คือ พวกค้ามนุษย์เ่าั้คงอยากขายในราคาสูงจึงไม่กล้าแตะต้องพวกนาง แน่นอนว่าการถูกลูบๆ คลำๆ ก็ยังมีบ้าง แต่ดีที่ไม่ได้ลงมือจริงจัง
พอมีคนใหม่มา แน่นอนว่านางต้องคิดหาทางหนีกับคนผู้นี้
ชีเหนียงกวาดตามองหนึ่งรอบก็รู้ว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงเลือกตนเอง เพียงแต่หลังจากรู้ว่าคนผู้นี้ชื่อหลานไฉ่เตี๋ย ก็รู้สึกคุ้นกับชื่อ จึงอดถามนางไม่ได้ “เ้าถูกจับมาได้อย่างไร?”
หลานไฉ่เตี๋ยได้รับการโต้ตอบ ดวงตาก็กลอกไปมา “แม่นาง เดิมทีข้าคิดจะเดินทางไปเมืองหลวง ระหว่างทางพักผ่อนประเดี๋ยวเดียว ก็ถูกคนเ่าั้ฉวยโอกาสจับมา”
นางนั่งลงอย่างสบายใจเฉิบ ใบหน้าอวดดี “ข้าหน้าตาดี คนพวกนี้นับว่าตาถึง เ้าดูคนกลุ่มนี้สิ…”
นางชี้ไปยังคนรอบข้างอย่างรังเกียจ “แต่ละคนดูอัปลักษณ์ พวกเขาช่างตาบอด ถึงได้จับคนแบบนี้มาด้วย” ขณะพูด นางก็สำรวจชีเหนียง จากนั้นวิจารณ์ “อืม มีเ้าที่ยังพอฝืนเข้าตาข้า หวังว่าเ้าจะใจสู้หน่อย”
“ใจสู้หน่อยเพื่ออะไร?” ชีเหนียงขำกับคำพูดทระนงของนาง ในสถานที่แบบนี้จะใจสู้เพื่ออะไร
ใครจะรู้ว่าหลานไฉ่เตี๋ยมองนางเหมือนคนโง่ “แน่นอนว่าใจสู้จะได้ออกไปจากที่นี่ หรือว่าเ้าอยากอยู่ต่อและถูกขายให้หอนางโลม”
“ข้าจะบอกเ้าให้ หลายวันมานี้ข้าสำรวจแล้ว ทุกสามวันจะมีคนหนึ่งชุดถูกจับไป นอกจากนี้เมื่อวานข้ายังได้ยินคนที่เฝ้ายามบ่นว่า อีกไม่กี่วันจะเคลื่อนย้ายสถานที่ คิดว่าคงใกล้เวลาแล้ว”
หลานไฉ่เตี๋ยหรี่ตามองด้านนอกและคลานเข้าไปกระซิบข้างหู ชีเหนียงเองก็เข้าใจ
ตอนนี้พวกนางยังอยู่ในอำเภอเฉา เพียงแต่อีกไม่กี่วันที่พูดถึงนั้นคือเมื่อใดก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นตอนนี้หากยังไม่หนี เกรงว่าหากคิดจะหนีทีหลังก็คงยากแล้ว
ชีเหนียงลุกขึ้นเขย่งเท้ามองด้านนอกหน้าต่าง หลานไฉ่เตี๋ยเห็นท่าทางกระตือรือร้นเช่นนี้ จึงรีบวิ่งมาช่วยเหลือ
“มา เหยียบ ข้า เร็ว!”
เดิมทีชีเหนียงยังรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง หากแต่พอเห็นหลานไฉ่เตี๋ยหมอบลงกับพื้น ตนเองจึงเหยียบขึ้นหลังนางอย่างไม่ขัดเขิน
เผอิญลั่วชีเหนียงมองเห็นเงาคนไหวผ่านจากด้านนอก จึงรีบดึงปิ่นปักผมโยนออกไปทางหน้าต่าง แต่เสียงนั้นเบาเกินไป เลยไม่มีใครสนใจ เมื่อไร้ผลลัพธ์ ก็ได้แต่ลงจากหลังของหลานไฉ่เตี๋ยอย่างเสียดาย
“เป็อย่างไร? เห็นอะไรบ้าง? มีหวังหรือไม่?” หลานไฉ่เตี๋ยมองหน้าลั่วชีเหนียงด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง ่ที่ผ่านมานี้ตนเองไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ใด ไม่ง่ายดายกว่าจะมีคนที่กระตือรือร้นเหมือนนาง นางไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปได้
-----